วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 02, 2568

MI5 เตือนภัยสายลับจีน สายลับจีนกำลังทำให้อังกฤษปั่นป่วนหนัก


.....

จับสายลับ 
18 hours ago
·
สายลับจีนกำลังทำให้อังกฤษปั่นป่วนหนัก
คดีสะเทือนอังกฤษที่อัยการถอนฟ้องชายสองคน คือ Christopher Cash และ Christopher Berry ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับจีน กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของการถกเถียงเรื่อง “ภัยจารกรรมจีน”
คดีนี้เปิดคำถามใหญ่กว่านั้นว่า จีนกำลังใช้อำนาจแทรกซึม (Sharp Power) ต่ออังกฤษอย่างไรในยุคที่สงครามข่าวกรองกลายเป็นดิจิทัล
Sir Ken McCallum ผอ.หน่วยต่อต้านข่าวกรองอังกฤษ (MI5) เตือนว่าอย่าคิดถึง “สายลับแบบยุคสงครามเย็น” อีกต่อไป
เพราะภัยจากจีนวันนี้กว้างกว่าการขโมยความลับทางการทูต แต่แทรกซึมลึกในเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี ภายใต้ระบบข่าวกรองขนาดใหญ่ที่มีเจ้าหน้าที่กว่า “ครึ่งล้านคน” ทั้งในและนอกประเทศ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ รักษาอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นั่นหมายถึงการใช้สายลับอิทธิพล (Agent of Influence) เช่นกรณี Christine Lee ที่ MI5 เตือนว่าอาจมีบทบาทในรัฐสภา หรือใช้นักการเมืองท้องถิ่นสร้างเครือข่ายผู้เห็นดีเห็นงามกับปักกิ่งในระยะยาว อันกลยุทธ์ครอบงำที่ใช้เวลาเป็นสิบปีและไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียว
จีนยังถูกกล่าวหาว่าใช้ “การกดขี่ข้ามพรมแดน” (Transnational Repression) เพื่อติดตามและข่มขู่นักกิจกรรมจากฮ่องกงและทิเบตในอังกฤษ บางกรณีถึงขั้นมีการประกาศค่าหัวโดยตำรวจฮ่องกง
การกระทำเหล่านี้สะท้อนว่าแม้ฉากหน้าจีนจะยิ้มแย้มและเป็นมิตร แต่ในฉากหลัง จีนทำทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจของพรรค และขยายอิทธิพลไปทั่วโลกผ่านทุกเครื่องมือที่เป็นไปได้
ในโลกไซเบอร์ อังกฤษตกเป็นเป้าหมายของปฏิบัติการจารกรรมไซเบอร์ชื่อ “Salt Typhoon” ที่ขโมยข้อมูลโทรคมนาคมระดับโลก หน่วยงานความมั่นคงเตือนว่าข้อมูลเหล่านี้อาจถูกใช้ติดตามบุคคลทั่วโลก พร้อมเผยว่าจีนพยายามเก็บ “ข้อมูลระดับประชากร” ของชาวอังกฤษเพื่อวิเคราะห์สังคมและพัฒนา AI
Ciaran Martin อดีตหัวหน้าศูนย์ความมั่นคงไซเบอร์อังกฤษ ระบุว่า “จีนพยายามเข้าใจประเทศเราในระดับดีเอ็นเอของสังคม ทั้งเพื่อวิเคราะห์ความคิดเห็นและหาจุดอ่อนของเรา”
อีกด้านหนึ่ง จีนจารกรรมข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างเป็นระบบ เป้าหมายคือเทคโนโลยีขั้นสูง งานวิจัย และนวัตกรรมที่มีศักยภาพทางทหารแฝง
MI5 รายงานว่ามี “ความพยายามต่อเนื่องในการหลอกล่อนักวิชาการอังกฤษ” ผ่านเครือข่ายอย่าง LinkedIn เพื่อเข้าถึงองค์ความรู้ระดับสูง
อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ Andrew Badger เตือนว่า “เมื่อข้อมูลคือ DNA ของอำนาจ เศรษฐกิจและทหาร การรั่วไหลเพียงเล็กน้อยอาจพลิกอุตสาหกรรมทั้งระบบได้”
ความท้าทายของอังกฤษคือการรักษาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับความมั่นคง จีนเป็นทั้งตลาดสำคัญและภัยคุกคามเชิงโครงสร้าง กรณี Huawei ที่ถูกแบนจากระบบ 5G คือตัวอย่างที่ดี เทคโนโลยีจีนอาจถูกใช้สร้างอิทธิพลได้ง่ายพอๆ กับสร้างรายได้โดยไม่ผู้ใช้งานไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ
ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังแข็งกร้าวต่อจีน
อังกฤษกลับต้องหาจุดยืนของตัวเอง
หากไม่มียุทธศาสตร์ต่อจีนที่ชัดเจน
อังกฤษอาจต้องเผชิญอนาคตที่ “โอกาสทางเศรษฐกิจ” และ “ภัยความมั่นคง” มาจากแหล่งเดียวกัน และแยกไม่ออกอีกต่อไป
คำถามเดียวกันต้องย้อนมาถามไทยเช่นกัน


.....



https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/pfbid0Hh3MwmL7VGnAbRWkpRiVdjeTLwmy7udJKNKY3AjN3nKw57dcYMbPw93gwXzNoqG2l