
The Reporters
11 hours ago
·
CYBERCRIME:อดีตทูตเคนยาในไทย เผยความเจ็บปวดจากการช่วยเหลือชาวเคนยาจากแก๊งสแกมเมอร์ในเมียวดี หญิงชาวเคนยาวัย 21 ปี คนหนึ่ง ต้องตายไปโดยช่วยเหลือไม่ได้ ความโหดร้ายจากการตกเป็นทาสยุคใหม่ นี่คืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ที่คนทั้งโลกต้องร่วมมือกัน
-สแกมเมอร์ คือ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ-Crimes against humanity
ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเคยเจอ วิดีโอคอล ที่มีเสียงอู้อี้จากเหยื่อ ที่กำลัง ถูกทุบตี และเขากำลัง กรีดร้อง จมูกของเขาหัก และพูดว่า
"ท่านทูต ได้โปรดช่วยฉันด้วย ฉันกำลังจะตาย ฉันไม่อยากตาย" และ หัวหน้า ก็ปรากฏตัวในวิดีโอและพูดว่า
"อ่า คุณคือท่านทูตของเคนยาที่พยายามช่วยทาสของฉันใช่ไหม ทาสของฉัน"
นี่คือคำพูดที่ปวดใจผมมาก เพราะเรากำลังพูดถึง การเป็นทาสยุคใหม่ และ สแกมเมอร์ที่เป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ที่คนเคนยาเจอในเมียวดี H.E.Lindsay Kiptiness อดีตเอกอัครราชทูตจากเคนยา ประจำประเทศไทย
H.E.Lindsay Kiptiness เปิดใจถึงภารกิจที่เจ็บปวดระหว่างเขาปฏิบัติหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตเคนยาในไทย ช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา และจบภารกิจไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ความจริงที่ถูกปัดเป่า- The Flattred Truth เป็นหัวข้อสนทนา ที่อดีตทูตเคนยา Lindsay Kiptiness บอกว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่จึงสำคัญมากที่เราจะพูดและวาง ข้อเท็จจริงอย่างเปลือยเปล่า เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง
"เราพูดความจริงโดย ปราศจากความกลัวหรือการข่มขู่ โดยไม่ปิดบังสิ่งใด ทั้งเหยื่อและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ ต่างก็พูดอย่างตรงไปตรงมาและกล้าหาญ ดังนั้น ผมจึงอยู่เคียงข้างเหยื่อและครอบครัวของพวกเขาจากทั่วโลก ผู้ที่เผชิญกับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของการหลอกลวงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน ศูนย์หลอกลวง (scam compounds) ใน เมียนมาและกัมพูชา และใน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำใน สปป. ลาว และผมกำลังพูดจากประสบการณ์โดยตรงของผม"
อดีตทูตเคนยา กล่าวย้ำว่า เขาอยากให้สิ่งที่กำลังพูดถึงนี้ เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันรณรงค์ในระดับนานาชาติ เพราะมันคืออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ Crimes against humanityเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกัน ขจัดสิ่งที่เกิดขึ้นภายในศูนย์หลอกลวงในเมียนมา กัมพูชา และ ลาว
"ในมุมมองของผมเอง ผมได้เห็น ชาวเคนยาถูกทรมาน ผมได้ช่วยเหลือชาวเคนยาที่มี แขนขาหัก บางคน ตาเกือบบอดครึ่งหนึ่ง เนื่องจากการถูกขังในห้องมืดเป็นเวลาเจ็ดวันหรือมากกว่านั้น เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะทำงาน บางคนถูกนำตัวไปยัง เรือนจำภายในศูนย์หลอกลวง Scam Center และถูก เฆี่ยนตี บางคนกลายเป็นทาสทางเพศและการบังคับค้าประเวณี และการบังคับใช้แรงงาน"
-ฝันร้ายที่ไม่สามารถช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ได้
ท่านทูต Lindsay บอกว่า อันที่จริงแล้ว เราสูญเสียชาวเคนยาไปหนึ่งคน นี่คือสิ่งหนึ่งที่ยังคงหลอกหลอนผมอยู่เสมอ เพราะ ความไม่สามารถในการช่วยเหลือเธอ เธอโทรหาผมซ้ำ ๆ ว่า
"ท่านทูต ถ้าคุณไม่มา ฉันจะต้องตาย"
ครอบครัวของเธอในเคนยาโทรหาผมซ้ำ ๆ ว่า "ท่านทูต ได้โปรดช่วยลูกสาวของเราด้วย" ชาวเคนยาอายุ 21 ปีต้องจบชีวิตลงในศูนย์หลอกลวง หลังจากการ ผ่าตัดช่องท้องที่ล้มเหลว บางครั้งเมื่อผมไตร่ตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและความไม่สามารถในการช่วยเหลือเธอ จมผมต้องร้องไห้
คำพูดที่บอกถึงความเจ็บปวดของ ท่านทูต Lindsay ทำให้ผู้ร่วมรับฟังเสวนา 'The Blunt Truth' เจ็บปวดไปตามกัน และ ท่านทูต Lindsay ก็เล่าถึงความโหดร้ายนั้นอย่างตรงไปตรงมา ในงานเสวนาที่จัดโดยเครือข่ายภาคประชาสังคมช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศ FCCT เมื่อวันที่ 30 ต.ค.68 ที่ผ่านมา
"โลกต้องได้รับรู้ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในศูนย์เหล่านั้นโดย ปราศจากความกลัว ความจริงต้องถูกเปิดเผยต่อ UN, ASEAN, African Union ต้องพูดอย่างกล้าหาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องหยุดสิ่งนี้ ดังนั้นผมจึงพูดจากสิ่งที่ ผมเห็นด้วยตาตัวเอง และจากการสัมภาษณ์ที่เราได้ดำเนินการกับ ชาวเคนยาหลายร้อยคน ที่ได้รับการช่วยเหลือ"
ท่านทูต Lindsay ยอมรับว่า จนถึงปัจจุบัน สถานทูตเคนยาในไทยได้ช่วยเหลือชาวเคนยามากกว่า 500 คน จากศูนย์หลอกลวงในเมียนมาและในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และได้ช่วยเหลือชาวอูกันดา, บุรุนดี, รวันดา, เซเนกัล, แคเมอรูน โดยไม่พูดว่าพวกเขาไม่ใช่ชาวเคนยา แต่เป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งของเรา
"โดยส่วนตัวแล้ว ผมถือว่าตัวเองเป็น มนุษย์คนแรก และผม ไม่กลัวที่จะช่วยเหลือใครก็ตาม ที่ผมสามารถช่วยได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นสีเขียวหรือสีขาวหรือสีเหลืองหรือสีดำเหมือนผม พวกเขาล้วนเป็นมนุษย์ และ สิทธิของพวกเขาถูกละเมิด สิทธิพื้นฐานของพวกเขาถูกละเมิดโดย อาชญากร โดย แก๊งมาเฟีย ที่ดำเนินงานในนามของการลงทุนในศูนย์หลอกลวงเหล่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในศูนย์หลอกลวงในเมียวดี Scam Compounds เหล่านั้นถือเป็น อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ Crimes against humanityและเราต้องพูดเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ ท่านทูต Lindsay กล่าวย้ำ
"อย่างที่เพื่อนร่วมงานจากฟิลิปปินส์ได้กล่าวไว้ การค้ามนุษย์เพื่อบังคับใช้แรงงานในศูนย์หลอกลวงเริ่มต้นด้วยโฆษณาในสื่อของเคนยา หรือใน ฟอรัมโซเชียล เช่น Telegram, WhatsApp ชาวเคนยาที่พูดภาษาอังกฤษ (Anglico-Kenyans), ชาวเคนยาที่กำลังมองหางาน จะ สมัครงานเหล่านี้อย่างรวดเร็ว และพวกเขาถูกรับสมัครด้วย ความเร็วที่น่าทึ่ง"
-เผยวิธีการหลอกลวงใช้ประเทศไทยเป็นเหยื่อล่อให้มาทำงาน
ท่านทูต Lindsay บอกถึงวิธีที่เครือข่ายสแกมเมอร์ใช้หลอกลวงชาวเคนยา พวกเขาทำการสัมภาษณ์และได้รับแจ้งว่า "คุณได้งานแล้ว และงานอยู่ในประเทศไทย" งานที่หลากหลาย งานประชาสัมพันธ์, คนขับรถ, เชฟหรือพ่อครัว, ล่าม และพวกเขาใช้ชื่อของ จีนและ ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่สวยงาม เป็นที่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยว ใครบ้างที่ไม่อยากไปทำงานในประเทศไทย ดังนั้น ประเทศไทยจึงถูกใช้ในทางที่ผิด โดยแก๊งอาชญากรที่ดำเนินงานในศูนย์หลอกลวงในนามของการลงทุน
"ผมได้เรียกร้องให้รัฐบาลและประชาชนของไทย ไม่อนุญาตให้ประเทศของตนถูกใช้ทางออนไลน์ เป็น จุดหมายปลายทางของงานปลอม และ ประเทศทางผ่าน ชาวเคนยาทุกคนที่ไปและกลายเป็นเหยื่อในเมียนมาและกัมพูชาและใน สปป. ลาว ล้วนผ่านประเทศไทย"
ท่านทูต Lindsay ย้ำว่า เขายินดีที่ได้ทราบว่า สถานทูตไทยในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยาได้กำหนดมาตรการที่เข้มงวดมากในขณะนี้ ที่จะได้รับวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อไปประเทศไทย ซึ่งตอนนี้มีเพียง บุคคลที่เหมาะสมเท่านั้น ที่ได้รับวีซ่าเพื่อเข้าประเทศไทย
"ผมขอชื่นชมกระทรวงการต่างประเทศของไทยและสถานทูตของพวกเขา เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพวกเขาเพื่อ ยับยั้งการไหลเวียนนี้ เพราะผมเชื่อว่า การป้องกันดีกว่าการรักษา สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้คือ การรักษาโรค ซึ่งเราสามารถป้องกันจาก แหล่งกำเนิด อื่น ๆได้"
-มีมาตรการเข้มงวดวีซ่าแล้วแต่ขบวนการนี้เลือกใช้ 'เส้นทางพังยา'
ท่านทูต Lindsay ระบุว่า ในกรณีของเคนยา แหล่งกำเนิดคือเคนยา แต่ ผู้ค้ามนุษย์มีกลเม็ด อยู่เสมอ ในขณะนี้ เหยื่อจากเคนยา เดินทางผ่านมาเลเซีย ซึ่งทำไมต้องมาเลเซีย ก็เพราะมาเลเซียมี บันทึกความเข้าใจ (MOU) กับเคนยาในการ เข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 30 วัน
ดังนั้น ชาวเคนยาที่ยังคงตกเป็นเหยื่อของตัวแทนจัดหางานที่อยู่ในเคนยาและในศูนย์หลอกลวง เดินทางผ่านมาเลเซีย พวกเขาจึง ไม่ไปที่สถานทูตไทยอีกต่อไป แต่ยังสามารถเข้ามาประเทศไทยได้ ผ่าน "เส้นทางพังยา"
เมื่อพวกเขาเข้าสู่มาเลเซียแล้ว พวกเขาจะ แอบเข้าไปในประเทศไทย และเข้าสู่กัมพูชาผ่าน เส้นทางที่ผิดกฎหมาย สิ่งที่พวกเขาเรียกในภาษาของผมว่า "เส้นทางพังยา" (panya routes) ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายดูแล
อดีตทูตเคนยาประจำประเทศไทยที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ขณะประจำการติดตามการช่วยเหลือชาวเคนยากว่า 500 คนจากเมืองสแกมเมอร์ในเมียวดี บอกว่า ในขณะที่เรากำลังต่อสู้เพื่อ หรือพูดอีกอย่างคือ ในขณะที่เรากำลังต่อสู้เพื่อ ลดขนาดกิจกรรมของศูนย์หลอกลวงและช่วยเหลือผู้คน คนอื่น ๆ ก็กำลังเข้ามา
ท่านทูต Lindsay ยอมรับว่าเขาได้ใช้แรงกดดันต่อรัฐบาลเคนยา เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะ มีส่วนร่วมในมาตรการป้องกัน ที่บ้านในเคนยา เพื่อให้เราสามารถ ลดจำนวนลงได้และสิ่งนี้ยังใช้ได้กับประเทศอื่น ๆ ที่มีเหยื่อในศูนย์หลอกลวง ซึ่งกว่า 18 ประเทศ ส่วนใหญ่มาจากเอเชียและจากแอฟริกา
"เราเคยมีการจัดตั้งกลุ่มพูดคุยกับเอกอัครราชประเทศที่เป็นเหยื่อสแกมเมอร์ทั้งหมดในกรุงเทพฯ ในความพยายามที่จะยกระดับ การรณรงค์ สำหรับอาชญากรรมเหล่านี้ที่เกิดขึ้นข้ามพรมแดน ซึ่งเราได้ข้อมูลตรงกันว่าเหยื่อว่าได้ยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวที่สถานทูตไทย ผ่านตัวแทนจัดหางานที่อยู่ในเคนยา ไม่ใช่โดยเหยื่อ และเมื่อพวกเขาได้รับ วีซ่าท่องเที่ยว พวกเขาจะเข้าสู่ประเทศไทย โดยที่พวกเขาจะ ได้รับการต้อนรับจากตัวแทนศูนย์หลอกลวงที่อยู่ในกรุงเทพฯ และพวกเขาจะ ถูกขับรถเป็นเวลา 9 ชั่วโมงไปยังแม่สอด ที่ซึ่งพวกเขาจะค้างคืน และประมาณตี 5 ของตอนเช้า พวกเขาจะ ถูกแอบข้ามพรมแดนไปยังศูนย์หลอกลวงที่เมียวดี"
ท่านทูต Lindsay ย้ำว่าที่ผ่านมาเขาได้ติดต่อกับรัฐบาลไทยเพื่อชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนของการไหลเวียน ของเหยื่อการค้ามนุษย์ จากเคนยา มากรุงเทพ และเมียวดี
"วีซ่าท่องเที่ยว เป็นวีซ่าที่ถูกใช้ในทางที่ผิดมากที่สุด เพราะเหยื่อทั้งหมดที่เข้าไปในศูนย์หลอกลวงเหล่านั้น ได้ว่าซ่าท่องเที่ยวเพื่อเข้าประเทศไทย และจากนั้นพวกเขาก็ถูกขนส่งข้ามพรมแดนไปยังศูนย์หลอกลวง แต่ผมยินดีที่จะทราบว่า ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง และตอนนี้เป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับวีซ่าท่องเที่ยวที่สถานทูตไทยในไนโรบี.
ท่านทูต Lindsay กล่าวว่ายังเป็นฝันร้ายของการช่วยเหลือและการส่งตัวเหยื่อประเทศอื่นๆ เดินทางกลับประเทศ เพราะสถานทูตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทยและเหยื่ออยู่ในเมียนมา และเมียนมา พื้นที่ที่พวกเขาอยู่คือ เขตห้ามเข้า มันเป็น พื้นที่ขัดแย้ง แน่นอนว่าเราไม่สามารถไปที่นั่นได้
"คุณลองนึกภาพว่าเราจะพาผู้คนออกมาได้อย่างไร และผมอยากจะบอกว่า เรามีเพื่อนที่ยอดเยี่ยม เช่น เจ เรามี องค์กรพัฒนาเอกชนอื่น ๆ ที่ทำงานที่ชายแดนและภายในเมียนมา รัฐบาลไทย และโดยบังเอิญ กลุ่มกองกำลังบางกลุ่ม เช่น DKBA ผมจะไม่กลัวที่จะพูด เพราะมันคือสิ่งที่เราพูดในวันนี้ เช่น BGF บางคน, ผู้บัญชาการบางคนเป็นประโยชน์อย่างมากกับเรา แม้ว่าในบางจุดเมื่อเราเผชิญหน้ากับบางคน พวกเขากล่าวว่าพวกเขาได้ เช่าที่ดินให้กับนักลงทุน"
ท่านทูต Lindsay บอกว่าจากที่เคยคุยกับกองกำลังไม่ว่าจะเป็น BGF หรือ DKBA พวกเขาเรียกคนเหล่านั้นว่า นักลงทุน ผู้ที่มาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ที่มาลงทุนในที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์บริเวณชายเพื่อเปิดประเทศ ซึ่งเป็นข้อแก้ตัวบางส่วนที่เราได้รับ แต่ ภายในโครงการลงทุนนี้มีอาชญากร ที่มีส่วนร่วมในการหลอกลวง
"เราทุกคนรู้ดีว่า เหยื่อส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันและผู้เกษียณอายุ แต่พวกเขาก็ข้ามไปทั่วโลกแล้ว นี่จึงมันเป็น ปัญหาระดับโลก ที่ คุกคามความมั่นคงของโลก ที่ คุกคามที่จะกลืนกินเศรษฐกิจกระแสหลัก หากประเทศต่าง ๆ ไม่ทำอะไรกับมัน ดังนั้นผมกำลังพูดถึง ฝันร้ายของการช่วยเหลือผู้คน"
ส่วนที่ ท่านทูต Lindsay บอบช้ำทางจิตใจที่สุด คือ การช่วยเหลือชาวเคนยา 154 คน หลังจากการบุกค้นของรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย และ ตัดโครงสร้างพื้นฐาน เข้าสู่ศูนย์หลอกลวง เหยื่อกว่า 10,000 คนถูกปล่อยตัว ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายนปีนี้
"เราจึงเผชิญกับ ฝันร้ายของการพาคนเหล่านี้ออกจากเมียวดีเข้าสู่ประเทศไทย จากประเทศไทยไปยังเคนยา ผมจำได้ว่ากลุ่มหนึ่ง อยู่ในเมียวดีเป็นเวลา 50 วันโดยไม่มีอาหาร อาหารน้อยมาก องค์กรพัฒนาเอกชนเข้ามาช่วย โดยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ ไม่มีน้ำ
พวกเขากำลัง ร้องไห้ และเรียกหาผู้ช่วยทูต และแม่ของพวกเขาก็ ช่วยอะไรไม่ได้มาก ในกรุงเทพฯ และผมอยากจะ ขอบคุณเพื่อนของเราทุกคน ภายในเมียนมาและในประเทศไทย พวกเขารู้จักตัวเอง"
ท่านทูต Lindsay อยากขอบคุณพวกเขาจากใจจริง สำหรับการให้ช่วยเหลือเรื่องอาหารชาวเคนยาเป็นเวลา 50 วัน จนพวกเขาได้รับตั๋วกลับประเทศ และได้นำชุดสุดท้าย 78 คน กลับออกมาได้ในเดือนเมษายน 2025
"ผมไม่รู้ว่าพวกคุณกี่คนเคยเจอ วิดีโอคอล ที่มีเสียงอู้อี้จากเหยื่อที่กำลัง ถูกทุบตี และเขากำลัง กรีดร้อง จมูกของเขาหัก และพูดว่า "ท่านทูต ได้โปรดช่วยฉันด้วย ฉันกำลังจะตาย ฉันไม่อยากตาย"
และ หัวหน้า ก็ปรากฏตัวในวิดีโอและพูดว่า "อ่า คุณคือท่านทูตของเคนยาที่พยายามช่วยทาสของฉันใช่ไหม ทาสของฉัน" เรากำลังพูดถึง การเป็นทาสยุคใหม่"
ท่านทูต Lindsay เล่าถึงประสปการณ์ที่ยังเจ็บปวดในใจของเขา
"ผมถามเขาว่าทำไมเขาถึงกักขังคนของผมไว้ และเขาตอบว่า พวกเขาคือทาส และถ้าผมต้องการพวกเขา ผม ต้องจ่าย ผม ต้องโอนเงิน 12,000 ดอลลาร์ เพื่อให้เขาปล่อยเหยื่อ หรือทาสของเขา ในการสอบถามเพิ่มเติม เขาแจ้งผมว่าเขาได้จ่าย 45,000 หยวนจีน เพื่อ ซื้อ ชาวเคนยาคนนั้น"
-การค้าทาสยุคใหม่และขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ
นี่คือคำยืนยันว่าแก๊งมาเฟีย กำลังซื้อผู้คนอย่างแท้จริง ซึ่งครอบครัวจากทั่วโลก ไม่ใช่แค่จากเคนยา, เอธิโอเปีย, ฟิลิปปินส์, ปากีสถาน, บราซิล, อูกันดา พวกเขาได้จ่ายค่าไถ่เป็นเงินจำนวนมาก เพื่อให้ลูก ๆ ของพวกเขากลับบ้าน เพราะพวกเขา ถูกซื้อ
"เรากำลังพูดถึง การเป็นทาสยุคใหม่ที่อยู่ตรงหน้าเรา" อดีตเอกอัครราชทูตเคนยาประจำประเทศไทย กล่าวย้ำ
และล่าสุดมีชาวเคนยา อีก 69 คนที่ถูกช่วยเหลือมาจากการทลายรังสแกมเมอร์ใน 'เคเคปาร์ค' เมืองเมียวดี และอยู่ระหว่างการคัดกรองใน อ.แม่สอด จ.ตากของไทย รวมถึงชาวเอธิโอเปีย 130 คน รวมแล้วจาก 28 ประเทศ จำนวน 1,595 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมาจากทวีปแอฟริกา มากถึง 11 ประเทศ
สิ่งที่ ท่านทูต Lindsay บอกเล่าด้วยความเจ็บปวดถึงชะตากรรมชาวเคนยา เป็นสิ่งที่คนไทยต้องร่วมกันต่อต้านอาชญากรรมสแกมเมอร์ ที่เป็นภัยคุกคามของมนุษยชาติ เพราะประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่าน ถูกใช้ในการหลอกลวงว่ามาทำงานในประเทศไทย เมืองท่องเที่ยวที่สวยงาม ที่คนทั่วโลกก็อยากมาเยือน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการถูกหลอกลวง เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ จากแก๊งค์สแกมเมอร์
รายงาน : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย
ภาพ : ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1201416325513734&set=a.534942252161148