
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
9 hours ago
·
‘466’ วันของ “ทิวากร”: ยังเรียกร้องสิทธิประกันตัว-ความยุติธรรม แม้ถูกปฏิเสธจากการยื่นครั้งที่ 10.
.
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2568 ทนายความเดินทางไปยังทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น เพื่อพบกับ “ทิวากร วิถีตน” บัณฑิตทางวิศวกรรมศาสตร์และเกษตรกรชาวขอนแก่นวัย 50 ปี ผู้ถูกคุมขังมาแล้ว 465 วัน หรือราว 1 ปี 3 เดือนเศษ นับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พลิกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่เคยยกฟ้อง กลับมาตัดสินว่าเขามีความผิดตามมาตรา 112 และลงโทษจำคุกรวม 6 ปี
.
ย้อนไป 6 วันก่อนหน้านั้น (14 พ.ย. 2568) ศาลฎีกาได้ยกคำร้องขอประกันตัวของเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ซ้ำเดิมจนเกือบจะเป็นสูตรสำเร็จ “กรณียังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม” นี่เป็นคำร้องฉบับที่ 10 แล้วที่เขายื่นขอประกันตัวระหว่างฎีกา
.
การพบกันในเรือนจำเป็นอีกครั้งที่ทิวากรเปิดเผยชีวิตภายใต้กำแพง ความรู้สึกที่ถูกบั่นทอนทีละน้อย และการต่อสู้เพื่อรักษาสติปัญญาท่ามกลางข้อมูลที่ถูกควบคุม เขาพูดถึงห้องสมุดที่มีแต่หนังสือด้านเดียว ระยะห่างจากครอบครัว และความหมายที่แท้จริงของการสูญเสียเสรีภาพ
.
ทิวากรยังคิดถึงสิ่งธรรมดา ๆ ในโลกภายนอก อย่างเช่นการพบเจอผู้คน พูดคุย กินข้าว อันเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนข้างนอกอาจมองว่าธรรมดา แต่สำหรับเขาและชีวิตผู้ต้องขังกลับมีความหมายมากจนกลายเป็นสิ่งที่คิดถึงทุกวัน แต่ถึงที่สุดทิวากรก็จะบอกกับตัวเองว่า แม้จะเสียเสรีภาพยังไง แต่สิ่งที่ทำไปก็ได้พูดเพื่อความยุติธรรมและเป็นสิ่งที่อยากพูดอยู่แล้ว และเขาอยากให้ลองยื่นประกันตัวต่อไปในทุก ๆ เดือน
.
คำร้องขอประกันตัวที่ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าในคำร้องขอประกันตัวที่ถูกปฏิเสธครั้งล่าสุดลงวันที่ 13 พ.ย. 2568 เป็นการยื่นขอประกันตัวเป็นครั้งที่ 10 แล้ว ได้สรุปพฤติการณ์ของทิวากรตลอดกระบวนการยุติธรรมไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่วันที่ถูกจับกุม ผ่านขั้นตอนการสอบสวน จนถึงการพิจารณาคดี เขาไม่เคยแสดงพฤติการณ์หลบหนี และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ในทุกขั้นตอน
.
การยื่นขอประกันตัวในครั้งนี้ เสนอหลักทรัพย์จำนวน 500,000 บาท เป็นหลักประกัน พร้อมยอมรับเงื่อนไขว่าจะไม่เดินทางออกนอกประเทศ และจะไปรายงานตัวต่อศาลตามกำหนด นอกจากนี้ เขายังยินดีรับเงื่อนไขเพิ่มเติมคือการติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) เพื่อติดตามตัว
.
คำร้องได้อ้างถึงรัฐธรรมนูญมาตรา 29 ซึ่งบัญญัติหลักสำคัญว่า ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าบุคคลใดกระทำความผิด หน่วยงานของรัฐไม่ควรปฏิบัติกับบุคคลนั้นราวกับเป็นผู้กระทำผิด เมื่อพิจารณาตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักการทางรัฐธรรมนูญ ทิวากรยังคงมีสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์
.
ยิ่งไปกว่านั้น ในคดีนี้ศาลชั้นต้นเคยตัดสินยกฟ้องคดี ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะกลับคำพิพากษาในภายหลัง ลักษณะคดีที่มีการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาระหว่างศาลสองชั้น แสดงให้เห็นว่ายังมีโอกาสที่คำพิพากษาอาจเปลี่ยนแปลงได้อีกในชั้นฎีกา ดังนั้นจึงควรให้โอกาสจำเลยในการต่อสู้คดีภายนอกเรือนจำ
.
ในวันต่อมา (14 พ.ย. 2568) หลังศาลจังหวัดขอนแก่นส่งคำร้องให้ศาลฎีกาพิจารณา ศาลฎีกาได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวเช่นเดิม โดยระบุว่า “พิเคราะห์เหตุผลตามคำร้องและคำร้องประกอบของจำเลยแล้ว กรณียังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง”
.
ชีวิตภายในกำแพง: ห้องสมุดที่ถูกคัดกรอง การต่อสู้ทางความคิด และความหมายของการสูญเสียสิทธิเสรีภาพ.
การอยู่เรือนจำนานวันเข้า ทิวากรรับรู้ได้ถึงความบั่นทอนทางความคิด เขาเผยความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม ที่ต้องมาถูกกักขังโดยที่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ได้เข้าข่ายที่ผิดกฎหมายเลย เสียโอกาสในการทำสิ่งต่าง ๆ ดังเช่นการอ่านหนังสือที่ตัวเองต้องการอ่าน ทำให้สติปัญญาและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารภายนอกลดลงเรื่อย ๆ แต่เขาก็พยายามต่อสู้โดยจะเข้าไปที่ห้องสมุดหาหนังสืออ่าน หรือพูดคุยกับบุคคลที่เข้ามาเยี่ยมเพื่อรับรู้เรื่องราวโลกภายนอก
.
ห้องสมุดในเรือนจำกลายเป็นพื้นที่แห่งการต่อรองกับความจริงที่ถูกควบคุม ทิวากรเล่าว่าภายในนั้นมีการเผยแพร่เฉพาะหนังสือทางความคิดไม่กี่แบบ ได้อ่านหนังสือแค่ที่ทางเรือนจำมีให้ ซึ่งเป็นหนังสือที่นำเสนอเพียงด้านเดียว นาน ๆ ทีจะมีหนังสือที่น่าสนใจมาให้อ่าน หนังสือที่มีความขัดแย้งอย่างตรงไปตรงมากับแนวคิดอนุรักษ์นิยมส่วนมากจะไม่ได้เข้ามาให้อ่าน
.
เขาจึงกำลังเขียนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ห้องสมุดยังขาด ต้องการให้มีการรับบริจาคหรืออยากให้บริจาคเข้ามา ทั้งที่วางชั้นหนังสือจากข้างนอก ที่วางชั้นหนังสือที่ออกแบบเอง ที่คั่นหนังสือ พัดลม และกล้องดิจิตอล แต่ก็ไม่ทราบว่าจะบริจาคเข้ามาได้หรือไม่
.
อุปกรณ์สี่รายการแรก อยากได้เพื่อให้มีการจัดหนังสือที่ดีและมีอากาศที่ดีในระหว่างการอ่านหนังสือ ส่วนกล้องดิจิตอลนั้น เนื่องจากหนังสือที่อยู่ในเรือนจำบางเรื่องเป็นเรื่องที่เก่าและน่าสนใจ ทิวากรอยากถ่ายหลักฐานหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับหนังสือที่น่าสนใจไว้ เพราะหนังสือบางเล่มที่ได้อ่านแล้วน่าสนใจบางทีก็หายไป จึงอยากมีไว้เพื่อเก็บไว้เผื่อคนรุ่นหลังได้อ่านหนังสือดี ๆ บ้าง
.
แต่ที่ต้องการที่สุดคือชั้นวางหนังสือและหนังสือ เขาอยากให้มีการบริจาคหนังสือเข้ามาที่เรือนจำ เพราะทางเรือนจำมีช่องทางการบริจาคหนังสือทางไปรษณีย์ให้แก่ห้องสมุดที่อยู่ข้างใน จะส่งผลให้ผู้คนที่อยู่ข้างในได้รับข่าวสารหรือเนื้อหาที่เพิ่มมากขึ้น
.
นอกจากการอ่านหนังสือ ทิวากรใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ห้องสมุด แต่ก็พยายามออกกำลังกายเพิ่มขึ้นเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและฝึกสมาธิต่าง ๆ แม้จะมีกิจวัตรเหล่านี้ แต่เขาก็คิดว่าสิทธิของผู้ต้องขังน่าจะมีเวลาที่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ สิ่งที่ตัวเองอยากรู้บ้าง
.
ทิวากรย้อนพูดถึงช่วงเวลาหนึ่งที่ห้ามอ่านหนังสือระหว่าง 16.00-18.00 น. ราวกับว่าแม้แต่การเข้าถึงความรู้ ก็ต้องถูกจำกัดด้วยตารางเวลาที่เขาไม่มีส่วนในการกำหนด
.
บทสนทนามาที่เรื่องการประกันตัว แม้จะถูกปฏิเสธมาแล้ว 10 ครั้ง ในคำร้อง 10 ฉบับ แต่ทิวากรยังยืนกรานที่จะยื่นขอประกันตัวต่อไปในทุก ๆ เดือน เขายังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้กระทำความผิด เพราะเพียงแสดงความคิดเห็นในส่วนของเขา และสิทธิการประกันตัวเป็นสิทธิของจำเลย เมื่อสามารถยื่นได้ เขาก็อยากให้ยื่นต่อไป ถึงแม้จะถูกปฏิเสธอีก “จริง ๆ ผมไม่ควรมาอยู่ในนี้ด้วยซ้ำ” ทิวากรกล่าวย้ำคำเดิม
.
กับการต่อสู้คดี แม้จะยังมั่นใจว่าจะชนะคดีในชั้นฎีกา แต่เขาก็กังวลว่าอาจถูกใช้เป็นตัวอย่างเชิงลงโทษ หรือ เชือดไก่ให้ลิงดู ทิวากรมองว่าเขาไม่ควรถูกฟ้องหรือถูกดำเนินการแบบนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เขาก็มีความกังวลว่าคดีของเขาอาจเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับการพิพากษาฎีกาเพื่อเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินก็ได้ หรือเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูต่อไปก็ได้
.
เขาเล่าถึงการตีความของศาลที่เป็นการตีความกว้างขวางมาก อย่างกรณีของตัวเขาแค่พูดถึงหรือวิจารณ์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ฯแบบกว้าง ๆ “บางทีศาลอาจจะไม่มีเส้นแบ่งในการแสดงความคิดเห็นที่ชัดเจนก็ได้ว่าแบบไหนถึงจะเป็นความผิด”
.
นอกจากการต่อสู้กับระบบยุติธรรมแล้ว ชีวิตข้างในเรือนจำทิวากรยังต้องเผชิญกับการห่างไกลจากคนในครอบครัว พ่อแม่ของเขาไม่ได้มาเยี่ยมบ่อยนัก แม่เพิ่งมาเยี่ยมเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2568 เขาได้พูดคุยคร่าว ๆ ว่าแม่สบายดีไหมและบทสนทนาอื่น ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อไม่ได้พบกัน เขาก็ยังอยากรู้ว่าแม่สบายดีไหม สุขภาพเป็นยังไงบ้าง
.
กับ 465 วันที่ล่วงเลย การสูญเสียเสรีภาพไม่ได้หมายความแค่การถูกขังอยู่ในห้อง ทิวากรอธิบายว่ามันคือการเสียโอกาส เสียเวลาชีวิต บางคนต้องเครียดมากที่อยู่ในนี้ถึงขั้นต้องกินยา ทำให้สูญเสียอะไรเยอะมาก โดยเฉพาะสิ่งที่เคยทำ
.
เขาคิดถึงทุกอย่างที่อยู่ข้างนอก เพราะสิ่งธรรมดา ๆ อย่างเช่นการพบเจอผู้คน พูดคุย กินข้าว อันเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนข้างนอกอาจมองว่าธรรมดา แต่สำหรับเขาและชีวิตผู้ต้องขังกลับมีความหมายมากจนกลายเป็นสิ่งที่คิดถึงทุกวัน แต่ถึงที่สุดทิวากรก็จะบอกกับตัวเองว่า แม้จะเสียเสรีภาพยังไง แต่สิ่งที่ทำไปก็ได้พูดเพื่อความยุติธรรม และเป็นสิ่งที่อยากพูดอยู่แล้ว
.
ในอีกด้านที่สังคมไทยควรเรียนรู้อะไรจากกรณีของเขาและผู้ต้องขังทางการเมืองคนอื่น ๆ ทิวากรให้ทัศนะว่าเขาคิดเป็นสองฝ่าย ฟากฝั่งเสรีนิยมก็คงต้องเรียนรู้ว่าคนที่พูดและแสดงออกจะโดนอะไรบ้าง จะทำอย่างไรต่อไป ส่วนฝั่งอนุรักษ์นิยม ควรตระหนักรับรู้ว่าการที่จะจับคนที่ต้องการพูดแสดงความคิดเห็น ควรมีหลักอะไรมากกว่านี้หรือไม่ เพราะเรื่องราวเหล่านี้จะส่งผลต่อการเคารพศรัทธาของผู้คน
.
ถ้าวันหนึ่งหากได้พูดคุยกับคนรุ่นใหม่ที่กำลังคิดจะลุกขึ้นมาเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ทิวากรบอกว่าเขาไม่กล้า ไม่มีอะไรที่จะไปเตือนพวกเขาเหล่านั้น ตอนนี้เขาหมดศรัทธามากกับประเทศไทย แต่คนรุ่นใหม่ก็ทำในสิ่งที่เขาคิด อยากปฏิรูประบบต่าง ๆ แต่เขาไม่กล้าที่จะให้คำแนะนำอะไร เพียงแต่เสนอความคิดว่าให้คนรุ่นนั้น ๆ เป็นคนคิดเอง นี่คือคำตอบของคนที่เคยเชื่อในระบบ แต่ถูกระบบนั้นทำลายความเชื่อ จนเหลือเพียงความว่างเปล่า
.
ก่อนจบการพูดคุยครั้งนี้ เมื่อถูกถามว่ามีข้อความอะไรที่อยากสื่อสารถึงสาธารณะบ้าง ทิวากรตอบสั้น ๆ ด้วยวลีเดียวที่เขาคิดได้ คือคำว่า “โคตรอำมหิต”
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1250647326905735&set=a.656922399611567