Thailand is doing exactly the wrong thing by charging writer & journalist Murray Hunter with criminal defamation at the behest of PM @anwaribrahim & the Malaysia government. My comments to @asiasentinel today on this serious case of transnational repression:
— Phil Robertson (@Reaproy) November 18, 2025
“Malaysia is engaged… pic.twitter.com/9odVNpFicm

Anupong Chaiyariti
Atukkit Sawangsuk
อุบาทว์ ทีอย่างนี้พวกคลั่งชาติไม่ยักปกป้องศักดิ์ศรี
..
โสมมประชาคมอาเซียน โดยไทยนี่แหละเป็นศูนย์กลางจากการกระบวนการยุติธรรมที่ฟอนเฟะ
ภัควดี วีระภาสพงษ์
Yesterday
·
#TransnationalSLAPP
การจับกุม Murray Hunter สื่อมวลชนออสเตรเลีย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในคดีหมิ่นประมาทหน่วยงานรัฐบาลมาเลเซีย : นี่คือ Transnational SLAPP ใช้กฎหมาย “ปิดปากข้ามประเทศ”
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ( 19 พ.ย.) สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย (FCCT) ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีหมิ่นประมาท Murray Hunter สื่อมวลชนออสเตรเลีย
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัว
เป็นที่น่าสังเกตว่า สื่อมวลไทยแทบไม่นำเสนอข่าวนี้เลย มีเพียง Prachathai English ที่รายงานข่าวนี้ ใกล้เคียงกับการรายงานของสื่อต่างประเทศ คือ SCMP, The Guardian, ABC และ Committee to Protect Journalists (CPJ)
การจับกุม Murray Hunter นักเขียนและนักวิชาการชาวออสเตรเลีย ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยมายาวนาน นับเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนเสรีภาพสื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่เพียงคดีหมิ่นประมาทธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงสิ่งที่อาจกลายเป็น “ต้นแบบ” ของการใช้กฎหมายอาญาข้ามพรมแดนเพื่อปิดปากผู้วิจารณ์รัฐ — หรือที่เรียกว่า Transnational SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation)
Hunter ถูกเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิในเดือนกันยายน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ สืบเนื่องจากแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาท (ในประเทศไทย) โดยคณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียของมาเลเซีย (MCMC) ซึ่งกล่าวหาว่าเขาหมิ่นประมาทผ่านบทความบน Substack ในเดือนเมษายน 2024 ที่วิจารณ์การใช้อำนาจของหน่วยงานรัฐมาเลเซีย คดีลักษณะนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาค เพราะเป็นการที่ “รัฐบาลประเทศหนึ่ง” ยื่นฟ้องให้ “รัฐบาลอีกประเทศหนึ่ง” ใช้กฎหมายอาญาของตนลงโทษผู้วิจารณ์ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศที่เป็นผู้ร้อง แม้บทความจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษและมีผู้เข้าถึงไม่มากในไทย แต่กฎหมายไทยกลับถูกใช้เป็น “เวที” ในการดำเนินคดีอาญาข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเตือนมาโดยตลอดว่าเป็นช่องโหว่อันอันตราย
ประเด็นทางกฏหมายที่น่าสนใจ กรณีนี้ก็คือ MCMC ฟ้องแพ่งในประเทศมาเลเซีย แต่ฟ้องอาญา Hunter ในประเทศไทย
Thai Lawyers for Human Rights เรียกคดีนี้ว่า “transnational SLAPP case” อย่างตรงไปตรงมา เพราะทุกองค์ประกอบชี้ชัดว่าคดีไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อหาความยุติธรรม หากแต่เพื่อสร้างผลกระทบเชิงสัญลักษณ์ — เพื่อให้สื่อ นักวิชาการ และนักกิจกรรมรับรู้ว่า การวิจารณ์รัฐใดรัฐหนึ่งในอาเซียนอาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพของตัวเอง แม้อยู่ในประเทศอื่น สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ Hunter ที่ว่าคดีนี้เป็น “บทเรียนที่รัฐต้องการให้บทเรียน“ มากกว่าจะเป็นการเยียวยาความเสียหายจริง และเป็น “wake-up call” ต่อผู้สื่อข่าวทั้งภูมิภาค
สิ่งที่ทำให้คดีนี้รุนแรงยิ่งขึ้นคือบริบทกฎหมายไทยเอง ซึ่งเปิดช่องให้คดีหมิ่นประมาทเป็นคดีอาญาที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึงสองปี และแทบไม่มีการยกฟ้องในชั้นต้น การที่ศาลไทยรับฟ้องโดยง่าย และออกหมาย ห้ามเดินทาง ยึดพาสปอร์ต แม้ให้ประกันตัว ล้วนสะท้อนว่ากฎหมายถูกออกแบบให้ “ผู้ถูกร้อง” ต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัวตั้งแต่วันแรก แม้สุดท้ายศาลอาจตัดสินว่าไม่มีความผิดก็ตาม ความเสี่ยงสูงและต้นทุนมหาศาลในการต่อสู้คดี เป็นคุณสมบัติที่ทำให้กฎหมายนี้เหมาะอย่างยิ่งต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือ SLAPP
Foreign Correspondents’ Club of Thailand (FCCT) ออกแถลงการณ์เตือนอย่างตรงไปตรงมาว่า คดีนี้ชี้ให้เห็นถึง “ความง่ายดาย” ในการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทของไทยเพื่อปิดปากสื่อ และเป็น “ภัยคุกคามร้ายแรงต่อเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น” ข้อความตอนหนึ่งในแถลงการณ์ระบุว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลที่เขาเขียนวิพากษ์วิจารณ์เป็นข้อเท็จจริง และเป็นบทวิเคราะห์ที่เขียนด้วยความเป็นธรรม (fair) ก็ไม่เพียงพอต่อการได้มาซึ่งการยกฟ้องในไทย นี่คือบริบทที่ทำให้ไทยเสี่ยงกลายเป็น “ศูนย์กลาง” ของการฟ้องร้องข้ามพรมแดนในอนาคต หากคดีนี้ไม่ถูกทบทวนอย่างจริงจัง
ในระดับภูมิภาค คดีนี้เปิดคำถามสำคัญว่า หากรัฐบาลใดไม่พอใจการวิจารณ์ จะสามารถร้องขอให้ประเทศอื่นดำเนินคดีอาญากับผู้วิจารณ์ได้หรือไม่ หากไทยเป็นประเทศแรกที่ยอมรับกลไกนี้ ประเทศอื่นในอาเซียน เช่น กัมพูชา ลาว หรือเมียนมา จะเดินตามหรือไม่ และภูมิภาคนี้จะกลายเป็นพื้นที่ที่เสรีภาพการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัดด้วย “พรมแดนทางกฎหมาย” ที่ไม่ได้สอดคล้องกับพรมแดนของโลกดิจิทัลหรือไม่
คดี Murray Hunter จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของบุคคลหนึ่ง แต่เป็นภาพสะท้อนถึงอนาคตของเสรีภาพสื่อในอาเซียน และบทบาทของไทยในภูมิทัศน์นั้น หากไทยยังคงให้คดีหมิ่นประมาทเป็นคดีอาญา และปล่อยให้กฎหมายนี้ถูกใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ประเทศอาจถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่รัฐต่างชาติสามารถเข้ามา “ปิดปาก” ผู้ที่พวกเขาไม่ต้องการให้พูดได้อย่างสะดวกสบาย
ท้ายที่สุด คดีนี้คือบททดสอบความกล้าของสังคมไทยว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธการเป็น “สนามฟ้องร้องข้ามพรมแดน” และเป็นบททดสอบความจริงจังของอาเซียนต่อหลักสิทธิมนุษยชนที่ทุกประเทศต่างลงนามไว้ แต่ยังไม่เคยทำให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
อ้างอิง ;
1. “Australian living in Thailand faces trial over alleged criminal defamation of Malaysian government.” The Guardian, 20 Nov 2025.
2. “Thailand indicts journalist Murray Hunter on criminal defamation charges at Malaysia’s request.” Committee to Protect Journalists (CPJ), 19 Nov 2025.
3. “Australian academic Murray Hunter faces trial in Thailand over Malaysian blog posts.” Australian Broadcasting Corporation (ABC), 20 Nov 2025.
4. “Australian journalist’s Thai defamation trial over Malaysian complaint: ‘a wake-up call’.” South China Morning Post (SCMP), 19 Nov 2025.
5. “FCCT STATEMENT ON THE INDICTMENT OF MURRAY HUNTER.” Foreign Correspondents’ Club of Thailand (FCCT), 19 Nov 2025.
https://www.facebook.com/photo?fbid=10224188909269947&set=a.1643344222984
.....
·
#TransnationalSLAPP
การจับกุม Murray Hunter สื่อมวลชนออสเตรเลีย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในคดีหมิ่นประมาทหน่วยงานรัฐบาลมาเลเซีย : นี่คือ Transnational SLAPP ใช้กฎหมาย “ปิดปากข้ามประเทศ”
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ( 19 พ.ย.) สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย (FCCT) ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีหมิ่นประมาท Murray Hunter สื่อมวลชนออสเตรเลีย
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัว
เป็นที่น่าสังเกตว่า สื่อมวลไทยแทบไม่นำเสนอข่าวนี้เลย มีเพียง Prachathai English ที่รายงานข่าวนี้ ใกล้เคียงกับการรายงานของสื่อต่างประเทศ คือ SCMP, The Guardian, ABC และ Committee to Protect Journalists (CPJ)
การจับกุม Murray Hunter นักเขียนและนักวิชาการชาวออสเตรเลีย ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยมายาวนาน นับเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนเสรีภาพสื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนี่ไม่ใช่เพียงคดีหมิ่นประมาทธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงสิ่งที่อาจกลายเป็น “ต้นแบบ” ของการใช้กฎหมายอาญาข้ามพรมแดนเพื่อปิดปากผู้วิจารณ์รัฐ — หรือที่เรียกว่า Transnational SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation)
Hunter ถูกเจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิในเดือนกันยายน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ สืบเนื่องจากแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาท (ในประเทศไทย) โดยคณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียของมาเลเซีย (MCMC) ซึ่งกล่าวหาว่าเขาหมิ่นประมาทผ่านบทความบน Substack ในเดือนเมษายน 2024 ที่วิจารณ์การใช้อำนาจของหน่วยงานรัฐมาเลเซีย คดีลักษณะนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในภูมิภาค เพราะเป็นการที่ “รัฐบาลประเทศหนึ่ง” ยื่นฟ้องให้ “รัฐบาลอีกประเทศหนึ่ง” ใช้กฎหมายอาญาของตนลงโทษผู้วิจารณ์ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศที่เป็นผู้ร้อง แม้บทความจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษและมีผู้เข้าถึงไม่มากในไทย แต่กฎหมายไทยกลับถูกใช้เป็น “เวที” ในการดำเนินคดีอาญาข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเตือนมาโดยตลอดว่าเป็นช่องโหว่อันอันตราย
ประเด็นทางกฏหมายที่น่าสนใจ กรณีนี้ก็คือ MCMC ฟ้องแพ่งในประเทศมาเลเซีย แต่ฟ้องอาญา Hunter ในประเทศไทย
Thai Lawyers for Human Rights เรียกคดีนี้ว่า “transnational SLAPP case” อย่างตรงไปตรงมา เพราะทุกองค์ประกอบชี้ชัดว่าคดีไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อหาความยุติธรรม หากแต่เพื่อสร้างผลกระทบเชิงสัญลักษณ์ — เพื่อให้สื่อ นักวิชาการ และนักกิจกรรมรับรู้ว่า การวิจารณ์รัฐใดรัฐหนึ่งในอาเซียนอาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพของตัวเอง แม้อยู่ในประเทศอื่น สอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของ Hunter ที่ว่าคดีนี้เป็น “บทเรียนที่รัฐต้องการให้บทเรียน“ มากกว่าจะเป็นการเยียวยาความเสียหายจริง และเป็น “wake-up call” ต่อผู้สื่อข่าวทั้งภูมิภาค
สิ่งที่ทำให้คดีนี้รุนแรงยิ่งขึ้นคือบริบทกฎหมายไทยเอง ซึ่งเปิดช่องให้คดีหมิ่นประมาทเป็นคดีอาญาที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึงสองปี และแทบไม่มีการยกฟ้องในชั้นต้น การที่ศาลไทยรับฟ้องโดยง่าย และออกหมาย ห้ามเดินทาง ยึดพาสปอร์ต แม้ให้ประกันตัว ล้วนสะท้อนว่ากฎหมายถูกออกแบบให้ “ผู้ถูกร้อง” ต้องเป็นฝ่ายเจ็บตัวตั้งแต่วันแรก แม้สุดท้ายศาลอาจตัดสินว่าไม่มีความผิดก็ตาม ความเสี่ยงสูงและต้นทุนมหาศาลในการต่อสู้คดี เป็นคุณสมบัติที่ทำให้กฎหมายนี้เหมาะอย่างยิ่งต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือ SLAPP
Foreign Correspondents’ Club of Thailand (FCCT) ออกแถลงการณ์เตือนอย่างตรงไปตรงมาว่า คดีนี้ชี้ให้เห็นถึง “ความง่ายดาย” ในการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทของไทยเพื่อปิดปากสื่อ และเป็น “ภัยคุกคามร้ายแรงต่อเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น” ข้อความตอนหนึ่งในแถลงการณ์ระบุว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลที่เขาเขียนวิพากษ์วิจารณ์เป็นข้อเท็จจริง และเป็นบทวิเคราะห์ที่เขียนด้วยความเป็นธรรม (fair) ก็ไม่เพียงพอต่อการได้มาซึ่งการยกฟ้องในไทย นี่คือบริบทที่ทำให้ไทยเสี่ยงกลายเป็น “ศูนย์กลาง” ของการฟ้องร้องข้ามพรมแดนในอนาคต หากคดีนี้ไม่ถูกทบทวนอย่างจริงจัง
ในระดับภูมิภาค คดีนี้เปิดคำถามสำคัญว่า หากรัฐบาลใดไม่พอใจการวิจารณ์ จะสามารถร้องขอให้ประเทศอื่นดำเนินคดีอาญากับผู้วิจารณ์ได้หรือไม่ หากไทยเป็นประเทศแรกที่ยอมรับกลไกนี้ ประเทศอื่นในอาเซียน เช่น กัมพูชา ลาว หรือเมียนมา จะเดินตามหรือไม่ และภูมิภาคนี้จะกลายเป็นพื้นที่ที่เสรีภาพการแสดงความคิดเห็นถูกจำกัดด้วย “พรมแดนทางกฎหมาย” ที่ไม่ได้สอดคล้องกับพรมแดนของโลกดิจิทัลหรือไม่
คดี Murray Hunter จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของบุคคลหนึ่ง แต่เป็นภาพสะท้อนถึงอนาคตของเสรีภาพสื่อในอาเซียน และบทบาทของไทยในภูมิทัศน์นั้น หากไทยยังคงให้คดีหมิ่นประมาทเป็นคดีอาญา และปล่อยให้กฎหมายนี้ถูกใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ประเทศอาจถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่รัฐต่างชาติสามารถเข้ามา “ปิดปาก” ผู้ที่พวกเขาไม่ต้องการให้พูดได้อย่างสะดวกสบาย
ท้ายที่สุด คดีนี้คือบททดสอบความกล้าของสังคมไทยว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธการเป็น “สนามฟ้องร้องข้ามพรมแดน” และเป็นบททดสอบความจริงจังของอาเซียนต่อหลักสิทธิมนุษยชนที่ทุกประเทศต่างลงนามไว้ แต่ยังไม่เคยทำให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
อ้างอิง ;
1. “Australian living in Thailand faces trial over alleged criminal defamation of Malaysian government.” The Guardian, 20 Nov 2025.
2. “Thailand indicts journalist Murray Hunter on criminal defamation charges at Malaysia’s request.” Committee to Protect Journalists (CPJ), 19 Nov 2025.
3. “Australian academic Murray Hunter faces trial in Thailand over Malaysian blog posts.” Australian Broadcasting Corporation (ABC), 20 Nov 2025.
4. “Australian journalist’s Thai defamation trial over Malaysian complaint: ‘a wake-up call’.” South China Morning Post (SCMP), 19 Nov 2025.
5. “FCCT STATEMENT ON THE INDICTMENT OF MURRAY HUNTER.” Foreign Correspondents’ Club of Thailand (FCCT), 19 Nov 2025.
https://www.facebook.com/photo?fbid=10224188909269947&set=a.1643344222984
.....
Atukkit Sawangsuk
อุบาทว์ ทีอย่างนี้พวกคลั่งชาติไม่ยักปกป้องศักดิ์ศรี
..
โสมมประชาคมอาเซียน โดยไทยนี่แหละเป็นศูนย์กลางจากการกระบวนการยุติธรรมที่ฟอนเฟะ
ภัควดี วีระภาสพงษ์