
จับสายลับ
October 30
·
ประเทศทุนเทา: เมื่อรัฐกลายเป็นร่างทรงให้เครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ
ภัยคุกคามจากทุนเทาไม่ใช่ปัญหาภายในประเทศเหมือนความขัดแย้งทางการเมือง
แต่นี่คือหนึ่งในภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดในศตวรรษที่ 21
ขณะเดียวกันกลับมีคนจำนวนไม่น้อยที่ประมาทและด้อยค่าทุนเทาเป็นเพียงประเด็นการเมือง
รัฐบาลเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่ทุนเทากลับอยู่ยั้งยืนยง
นั่นเป็นเพราะว่าทุนเทามีสิ่งที่อำนาจต้องการ คือ เงินและคอนเนคชั่น
นี่คือสิ่งที่เปิดทางให้ทุนเทาใช้ประเทศเป็นร่างทรง หรือที่บางคนเรียกว่า “State-Abetted”
หลายคนจึงคาดการณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีการใช้เงินเทา เงินดำ มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
เพราะทุนเทารู้ว่ากระแสต่อต้านกำลังเพิ่มมากขึ้น จึงต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้อำนาจและใช้ประเทศเป็นร่างทรงต่อไป
ทุนเทาจึงเติบโตได้ดีในประเทศอำนาจนิยม หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำบ่อยครั้ง เช่น จีน รัสเซีย ลาว เขมร และเมียนมา เพราะไม่ต้องใช้เวลาเข้าหาผู้นำชุดใหม่ หรือจ่ายเงินเคลียร์ตราบใดที่คนของทุนเทายังอยู่ที่เดิม
ที่พูดมานี้ไม่ได้แปลว่าระบอบประชาธิปไตยนั้นดีเลิศประเสริฐศรี แต่การผลัดเปลี่ยนผู้ปกครองก็ทำให้ทุนเทาต้องออกแรงมากขึ้นในการควบคุมทิศทางนโยบาย
ขณะเดียวกัน การตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้ทุนเทาทำงานได้ยากมากขึ้น จนท้ายที่สุดก็ต้องย้ายฐานไปอยู่ประเทศที่กฎหมายภายในอ่อนแอต่อไป
นั่นคือความฝันที่ผมอยากเห็นจากประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่วันนี้มันยังเป็นเพียงฝันกลางวัน
Jacob Sims ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามชาติ เขียนไว้ในหนังสือ Scam: Inside Southeast Asia's Cybercrime Compounds ว่าการขยายตัวของทุนเทาในบ้านเรานั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เป็นระบบอาชญากรรมที่มีการจัดตั้งมาเป็นอย่างดี มีความซับซ้อนสูง และใช้แรงงานจำนวนมากคล้ายกับทาสยุคใหม่
การหลอกลวงออนไลน์หรือสแกมเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุค 90s ช่วงที่เพิ่งเริ่มมีอินเทอร์เน็ตใหม่ ๆ ก่อนที่จะระบาดอย่างรวดเร็วภายหลังฮ่องเต้สี ติ้นผิง เถลิงอำนาจ ซึ่งตามมาด้วยอภิมหาโปรเจคที่ชื่อว่า Belt and Road Initiative
เมื่อ Pandora’s Box ถูกเปิดออกแล้ว ทุนเทาก็แพร่ระบาดไปเหมือนเชื้อโรค ส่วนใหญ่มีต้นตอมาจากมณฑลฝูเจี้ยนของจีน หนึ่งในนั้นคือ เฉินจื้อ (Chen Zhi) แห่ง Prince Group ที่ก้าวกระโดดจากโปรแกรมเมอร์กลายเป็นมหาเศรษฐีที่มีอำนาจเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของฮุน เซน ได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ 10 ปี
เมื่อทุนเทาเจอร่างทรงที่ใช่ ก็เติบโตและลุกลามไปทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พื้นที่รอบบ้านเราถูกใช้เป็น “โมเดล” หรือ Sandbox ในการขยายอิทธิพลผ่านรูปแบบที่เรียกว่า Geo-Criminality ซึ่งฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของกฎหมาย การควบคุมอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ ประชาชนตรวจสอบไม่ได้ และโครงสร้างสังคมที่เอื้อประโยชน์ต่อระบบอุปถัมภ์และการคอรัปชั่น
ทุนเทาอาศัยอำนาจรัฐคุ้มครองและเอื้อประโยชน์ต่อการสร้าง “อาณาจักรทุนเทา” (Compound Grey Capitalism) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างทุนนิยมสุดโต่งกับการควบคุมแบบเผด็จการ (อันที่จริงระบบบริหารแบบนี้คุ้น ๆ อยู่เหมือนกันนะ ฟังดูคล้าย ๆ กับ
ทุนนิยมที่มีการกำกับดูแล ยังไงชอบกล)
ลักษณะเด่นของ Compound Grey Capitalism คือ
1.เป็นพื้นที่ยกเว้นกฎหมาย เพราะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจ
2.แรงงานถูกจำกัดเสรีภาพ ถูกยึดหนังสือเดินทาง ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และถูกบังคับให้ทำงานวันละหลายชั่วโมง
3.ถูกกดขี่ทางเศรษฐกิจ เพราะถูกเรียกเก็บค่ากินอยู่สูงเกินจริง จนกลายเป็นหนี้และไม่มีทางออก
ปัจจุบันแถวบ้านเรามี Compound Grey Capitalism อยู่เต็มไปหมด ยกตัวอย่างเช่น บ่อนสแกมในสีหนุวิลล์ สามเหลี่ยมทองคำ เมียวดี พญาตองซู
ทั้งหมดอยู่รอบชายแดนไทย โดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลางในการอำนวยความสะดวก ทั้งการฟอกเงิน การดูดเงินจากเหยื่อในไทย การใช้ไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต ซิมการ์ด จัดหาอาวุธ อาหาร ใช้เป็นศูนย์กลางคมนาคม หรือแม้กระทั่งการหาจัดหาบุคคลไปให้บริการความสุขทางเพศแก่ทุนเทาชาวจีนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่กฎหมายเข้าไม่ถึง เพราะกลุ่มเหล่านี้ร่ำรวย โปรยเงินเล่นได้ ซื้อได้ทุกอย่างแม้แต่กฎหมาย
ที่สำคัญคือตัวบอสใหญ่ของขบวนการเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับ Belt and Road Initiative ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Dong Lecheng เจ้าของบ่อน Jinshui ในกัมพูชา หรือเสอ จื้อเจียง ใน Shwe Kokko รวมถึงหวัน ค็อกคอย แห่งแก๊ง 14K ในลาว
กลุ่มคนพวกนี้มีอิทธิพลและทรัพยากรสูง อาจมากกว่าประเทศเล็ก ๆ เสียด้วยซ้ำ ทำให้มาเฟียทุนเทาเหล่านี้มีสถานะไม่ต่างจาก “เจ้าผู้ปกครอง” แห่งนครรัฐต่าง ๆ
ถ้าเจ้าผู้ปกครองเหล่านี้สวามิภักดิ์และส่งจิ้มก้องให้กับฮ่องเต้เพื่อแสดงความจงรักภักดี
และตราบใดที่ฮ่องเต้ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเจ้าผู้ปกครองเหล่านี้
ซึ่งทั้งหมดเป็นคนจีน ไม่ว่าจีนแดง จีนดำ จีนเทา จีนขาว
ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปปราบปราม ในเมื่อระยะหลังเกิดกระแส Patriotic Scammer ที่ไม่ได้มุ่งล้อลวงเหยื่อคนจีนอีกต่อไป แต่เปลี่ยนไปล่อลวงเหยื่อในประเทศที่เป็นขั้วตรงข้ามแทน โดยเฉพาะสหรัฐฯ
ดูดเงินจากคนสหรัฐฯ ผ่านเข้ากระบวนการฟอกเงินในอาเซียน ส่งกลับไปที่จีนแผ่นดินใหญ่
มีอะไรฉลาดและล้ำลึกกว่านี้อีกไหม?
แต่นี่แหละคือเกมของมหาอำนาจ
และเรื่องสแกม อาจเป็นการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์มาตั้งแต่ต้น
ปล.ภาพคือหวัน ค็อกคอย กับ BHQ ของเขมร
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122176390682449251&set=a.122121612692449251