วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 16, 2568

ถ้าบนโลกไม่มีนักสิทธิฯ


Sakesit Yaemsanguansak
Yesterday
·
ถ้าบนโลกไม่มีบรรดานักสิทธิ สังคมคงน่าอยู่น่าดู
.
- ขึ้นศาลไม่ต้องสู้คดีด้วยพยานหลักฐาน ไม่ต้องมีทนายแก้ต่าง ไม่ต้องรู้กฎหมาย ใช้ระบบดำน้ำลุยไฟเอา ผิดไม่ผิดให้เทพยดาฟ้าดินท่านตัดสิน ฟ้ารู้ดินย่อมรู้
- โดนกล่าวหาแล้วติดคุกเลย ตำรวจเจอคนทำผิดยิงทิ้งไว้ก่อนได้เลย ตรวจค้นบ้านไม่ต้องมีหมายศาลใด ๆ เพราะไม่มีหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์
- ใครขโมยของโดนตัดมือ ใครขับรถเร็วโดนตัดขา ใครโกหกโดนตัดลิ้น ใครคดใครโกงโดนเนรเทศไปใช่แรงงาน ใครกระด้างกระเดื่องโดนประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร
- เด็ก ๆ เริ่มทำงานในโรงงานตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ทำงานวันละ 18 ชม ไม่
มีวันหยุดพักเสาร์อาทิตย์ ไม่มีวันหยุดเทศกาล ค่าแรงคนละ 100 บาท เพราะไม่มีสิทธิ์แรงงาน
- พวกไพร่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งเจ้านายไป เป็นขี้ข้าก็อยู่ไปแบบขี้ข้า อย่าสะเออะมายุ่งเรื่องการเมือง ปล่อยให้คนหนึ่งตระกูลปกครองไปเรื่อย ๆ
- ใครโพสต์เฟสบุ๊กไม่ถูกใจชนชั่นนำ ถือว่ากระด้างกระเดื่องโดนเอาไปเคี่ยน ใครวิพากษ์วิจารณ์ระบบการเมืองการปกครอง เป็นกบฏตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร
- ผู้ชายผู้หญิงจะแต่งงานไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะบุตรเป็นทรัพย์สินของบิดามารดา พ่อขายลูก-ผัวขายเมียเป็นทาสได้ปกติ เพราะถือเป็นทรัพย์ของตน
.
โอ้ย แค่คิดก็ฟินแล้ว สังคมในฝัน อุดมคติยูโทเปียสุด ๆ

https://www.facebook.com/ss.sakesit/posts/2439538519774590
.....


The Reporters 
Yesterday
·
POLITICS: 'ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย' ประกาศ ยืนเคียงข้าง 'อังคณา นีละไพจิตร' ยืนข้างความจริง หลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
วันนี้ (14 ต.ค. 68) ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย (Community Women Human Rights Defenders Collective of Thailand) ออกแถลงการณ์ โดยในเอกสารระบุว่า
" ในเวลาที่ความกลัวถูกปลอมเป็นความรักชาติ และความเกลียดชังถูกแต่งให้เป็นหน้าที่พลเมือง สังคมบางส่วนกลับหันไปโจมตีสมาชิกวุฒิสภาอิสระและผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนหนึ่ง อังคณา นีละไพจิตร ผู้หญิงกล้าหาญที่เพียงทำหน้าที่อันซื่อสัตย์ของเธอ ตั้งคำถามต่อความไม่ชอบมาพากล ด้วยความสุจริตใจ และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน
อังคณารู้ดีว่าการพูดในยามนี้คือการ “สวนกระแส” แต่เธอก็เลือกพูด เพราะเธอเชื่อในศักดิ์ศรีของความจริง แม้ในวันที่อำนาจรัฐโหดร้ายกับครอบครัวนีละไพจิตรเพียงใด เธอยังคงยืนอยู่ฝ่ายของความถูกต้อง แม้ต้องอยู่ลำพัง เธอไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง เธอพูดเพื่อปกป้องสิทธิของเราทุกคนเพราะสิทธิมนุษยชนไม่ได้เป็นเรื่องของนักกฎหมาย เอ็นจีโอหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่มันอยู่ในลมหายใจและในชีวิตประจำวันของเราทุกคน สิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ถูกคุกคาม สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง สิทธิของพลเมืองที่จะตั้งคำถามต่ออำนาจรัฐ ทหาร และทุน หรือแม้กระทั่งอินฟลูเอนเซอร์ และสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องหวาดกลัวและมั่งคงปลอดภัย
การตั้งคำถามต่ออำนาจ คือหัวใจของประชาธิปไตย
การตั้งคำถามต่ออำนาจ ไม่ใช่การล้ำเส้นโดยเฉพาะอำนาจรัฐ หากคือการท้าทายอำนาจรัฐที่ละเลยความรับผิดชอบต่อประชาชน เพราะเมื่อรัฐไม่รับผิด ประชาชนมีสิทธิและหน้าที่ต้องลุกขึ้นถาม การตั้งคำถามคือรูปแบบสูงสุดของความรับผิดชอบพลเมือง และคือหนทางเดียวที่เราจะรักษาความจริง ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีของมนุษย์ไว้ได้ เราตั้งคำถามกับอังคณา นีละไพจิตรในฐานะสมาชิกวุฒิสภาได้ แต่เราไม่สามารถสร้างความเกลียดชังได้
เมื่อความรักชาติถูกบิดให้กลายเป็นอาวุธ
เป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาชนตื่นตัวต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา แต่เมื่อเราตื่นตัว เราต้องถามว่า เรากำลังตื่นตัวเพื่อแก้ปัญหาด้วยสติ หรือช่วยปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอปลุกความเกลียดชัง?ลัทธิชาตินิยมที่ถูกปลุกปั่นในวันนี้ กำลังสร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัวและความเกลียดชังในใจผู้คน
เมื่อเราปลูกความเกลียด เราก็เก็บเกี่ยวแต่ความรุนแรง เมื่อเราหล่อเลี้ยงการแบ่งแยก เราก็ทำลายรากของความยุติธรรมและสันติภาพด้วยมือของเราเอง เราต้องถามกันอย่างตรงไปตรงมาว่า เรากำลังสร้างวัฒนธรรมแบบใดให้เติบโตในใจของเราเองหรือผู้คนในสังคม? ถ้าเราสร้างสังคมที่เติบโตบนความเกลียดชัง เราก็จะอยู่ในความเกลียดชังนั้นเอง แต่ถ้าเราปลูกวัฒนธรรมของความเข้าใจ ความยุติธรรม และความห่วงใยต่อกัน เราก็จะได้สังคมที่กล้ายืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของทุกชีวิต ความรักชาติที่อาจมีคุณค่าได้ ไม่ได้วัดจากเสียงโห่ร้องของความเกลียดชัง แต่จากความกล้าที่จะยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของทุกชีวิต แม้ในวันที่ชาติสั่นคลอน
ประเทศไทยมีพันธกรณีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศหลายฉบับ รวมถึงอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) ซึ่งกำหนดให้ทุกฝ่ายต้องเคารพศักดิ์ศรีของพลเรือน และจำกัดผลกระทบของความรุนแรง เพราะแม้ในยามที่มนุษย์ต้องต่อสู้กัน เรายังต้องไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปกับความขัดแย้ง
บทเรียนจากรวันดา: เมื่อความมั่นคงของชาติกลืนศักดิ์ศรีมนุษย์
ปี 1994 ขบวนการ “ฮูตู พาวเวอร์” ในรวันดา ปลุกระดมความเกลียดชัง โดยอ้างว่าเป็น “การปกป้องชาติ” จากชนกลุ่มน้อยทุตซี ไม่ถึงร้อยวัน มีผู้ถูกสังหารกว่า 800,000 คน เพียงเพราะเกิดผิดชาติพันธุ์ รวันดา คือบทเรียนของมนุษยชาติ: ว่าความมั่นคงของรัฐไม่อาจมาก่อนความมั่นคงของชีวิต และความเงียบของโลกในเวลานั้น คือบาดแผลที่ยังไม่สมานจนทุกวันนี้ ความรักชาติที่แท้จริง ไม่อาจตั้งอยู่บนซากศพของเพื่อนมนุษย์ การปกป้องประเทศจะไร้ค่า หากไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของทุกชีวิต
เสียงของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯ จากทั่วประเทศ
“อินฟลูเอนเซอร์ไม่ควรมีอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย การสื่อสารที่ปลุกปั่นความคลั่งชาติเป็นภัยต่อสังคม ต้องหยุดตั้งแต่ต้น”
“คนไทยหรือกัมพูชา เราคือมนุษย์เหมือนกัน ทุกคนมีสิทธิอยู่ในสันติภาพ ปลอดภัยจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ”
“ความขัดแย้งไทย–กัมพูชา ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขอย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้ประชาชนทั้งสองประเทศต้องเกลียดชังและรับเคราะห์ จากความขัดแย้งที่เกิดจากผลประโยชน์และอำนาจของผู้ปกครองเอง”
“สงครามและความขัดแย้งนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และไม่เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายใด การจัดการความขัดแย้งควรมุ่งสู่การยุติอย่างสันติ โดยหลีกเลี่ยงความสูญเสียทุกรูปแบบ”
ข้อเรียกร้องเร่งด่วน
ขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย กองทัพ และองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเร่งด่วน โปร่งใส และรับผิดชอบต่อประชาชนทันที
รัฐต้องเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) ยุติการใช้วาทกรรมชาตินิยม และปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (IO) ที่สร้างความเกลียดชัง และต้องปกป้องศักดิ์ศรีของพลเรือนทุกคนโดยไม่เลือกฝ่าย
ถ้อยแถลงต่อสื่อมวลชน
เราขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงรายงานอย่างรอบด้าน ยึดมั่นในจรรยาบรรณ และไม่ขยายวาทกรรมแห่งความเกลียดชัง สื่อที่มีเกียรติไม่ใช่สื่อที่ปลุกปั่นความกลัว แต่คือสื่อที่กล้าปกป้องสติของสังคม และศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคน “หน้าที่ของสื่อคือการส่องแสง ไม่ใช่ขยายความมืดมิด”
พลังของประชาชนคือพลังที่งดงามเสมอหากเราเรียกร้องเพื่อสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และประชาธิปไตย เราขอให้ประชาชนใช้พลังนั้น ไปตั้งคำถามกับอำนาจที่เรามอบให้
เราขอประกาศอีกครั้ง
เรายืนเคียงข้าง อังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชนทุกคน ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยในทุกถ้อยคำของพวกเธอและเขา แต่เพราะเรายืนข้างหลักการเดียวกัน ว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิในความปลอดภัย ศักดิ์ศรี และความจริง ความมั่นคงที่แท้จริงไม่อาจตั้งอยู่บนความกลัว สันติภาพไม่อาจเกิดจากการปลุกความเกลียดชัง และความยุติธรรมไม่อาจบังเกิด หากรัฐและผู้มีอำนาจไม่ยอมรับความรับผิดชอบของตนเอง"

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1185530220435678&set=a.534942245494482
.....


Pravit Rojanaphruk
5 hours ago
·
(English below)
ด่วน! ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้ ตอนนี้ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน นาง แมรี่ เลาลอร์ Mary Lawlor เพิ่งโพสต์แสดงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของ สว. อังคณา นีละไพจิตร โดยบอกว่ามีการขู่ฆ่านางอังคณา และบอกว่าเธอ “ต้องได้รับการปกป้อง มิใช่ถูกประณาม”
ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลอนุทินออกมาเบรคขบวนการล่าแม่มดจากพวกคลั่งชาติ ก่อนที่ไทยจะเสื่อมเสียชื่อเสียงในสายตานานาชาติ ว่าเป็นสังคมเต็มไปด้วยพวกบ้าคลั่ง ล่าแม่มด เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน และก่อนที่ สว.อังคณาจะไม่ปลอดภัย

นางเลาลอร์โพสต์ใน FB คืนนี้เป็นภาษาอังกฤษ แปลได้ว่า:
“[ดิฉัน] มีความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานเกี่ยวกับการข่มขู่เอาชีวิตและการโจมตีทางออนไลน์ต่อ อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนสตรีใน #ประเทศไทย การปกป้องความจริง ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ใช่การก่ออาชญากรรม เธอต้องได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ถูกประณาม”

อ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่https://www.facebook.com/photo?fbid=4360688444158973&set=a.1560000437561135