
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
19 hours ago
·
“เอกชัย” เข้าเรือนจำครั้งที่ 7 กังวลเรื่องสุขภาพ-เปรียบเทียบเรือนจำที่เคยถูกคุมขัง-ยังหวังได้ประกันตัว
.
.
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2568 ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ทนายความเข้าเยี่ยม เอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมืองวัย 50 ปี ที่ถูกคุมขังในคดีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 กรณีถูกกล่าวหาว่าขัดขวางขบวนเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ จากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 โดยเอกชัยถูกศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ให้ลงโทษจำคุก 21 ปี 4 เดือน และไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวในชั้นฎีกามาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย. 2568
.
เอกชัยถูกคุมขังรอบนี้เป็นครั้งที่ 7 ในชีวิตแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เคยถูกคุมขังมาทั้งในคดีมาตรา 112 กรณีขายซีดีสารคดีของสำนักข่าว ABC และคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีโพสต์เรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาถูกนำตัวมาคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังจากไม่ได้ประกันตัว เขากับเพื่อนร่วมคดีรวม 5 คน ได้ถูกย้ายตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2568
.
เอกชัย เล่าถึงสภาพเรือนจำจากมุมมองของเขา ว่าระเบียบที่คลองเปรมค่อนข้างเยอะและยุบยิบกว่า เช่น ในเรื่องถ้าจะแก้ไขหรือเพิ่มเติมรายชื่อญาติที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ใน 10 รายชื่อ เรือนจำจะให้โอกาสในการเปลี่ยนแปลงรายชื่อเดิมเพียงปีละสองครั้ง คือในรอบเดือนมิถุนายนและธันวาคมเท่านั้น ถ้านอกเหนือจากเวลานั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรายชื่อได้ ทำให้การเปลี่ยนรายชื่อเยี่ยมทำได้ค่อนข้างยาก แตกต่างจากที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตอนนี้ถ้าใส่รายชื่อใครไปแล้ว ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จนกว่าจะถึงเดือนธันวาคม
.
เอกชัยประเมินว่าโดยภาพรวมสำหรับเขา เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ค่อนข้างดีกว่า แต่ที่เรือนจำคลองเปรม ก็มีข้อดีบางส่วน เช่น ผู้ต้องขังสามารถดูข่าวสารทางทีวีได้, รสชาติอาหารและวัตถุดิบที่ใช้ค่อนข้างดีกว่า และมีความแออัดน้อยกว่า แต่ก็ยังมีความสกปรกอยู่ดี
.
หลังจากต้องติดคุกอีกครั้ง เอกชัยค่อนข้างกังวลเรื่องสุขภาพ ก่อนหน้านี้ในการถูกคุมขังคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อช่วงปี 2566 เขามีอาการเป็นฝีในตับ ต้องถูกส่งตัวไปรักษาและผ่าตัด โดยแม้จะมีการเจาะฝีออกไปแล้ว แต่หมอก็ยังให้มาติดตามอาการอีกเป็นระยะ อาจจะต้องทำซีทีสแกน เช็คอาการอีกครั้ง ทำให้เขาต้องการขอสำเนาเวชระเบียนจากโรงพยาบาลซึ่งเคยให้การรักษาเขาก่อนหน้านี้ มาเตรียมไว้ต่อไป
.
เอกชัย เล่าถึงปัญหาการรักษาพยาบาลในเรือนจำจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ว่าถ้าไม่ป่วยหนักจริง ๆ ก็คงไม่ได้ส่งตัวไปโรงพยาบาล และถึงจะป่วยหนัก ก็อาจจะต้องรอจนถึงวันทำการ ไม่ได้ส่งตัวในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือนักขัตฤกษ์ เหมือนกับกรณีของ “อากง” เมื่อหลายปีก่อน แต่ถ้าป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถเขียนคำร้อง ไปหาคลินิกภายในเรือนจำได้อยู่
.
เอกชัยสนใจกิจกรรมภายนอก โดยได้ดูภาพถ่ายกิจกรรม #Run2free #วิ่งเพื่อเสรีภาพ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมวิ่งหลายร้อยคน เอกชัยฟังแล้วก็เอ่ยปากว่า “ขอบคุณ” ทุกคนที่ยังพยายามพูดเรื่องผู้ต้องขังทางการเมืองต่อไป เขายังหวังว่าจะได้ประกันตัวในคดีนี้ เพื่อได้ออกไปต่อสู้คดีในชั้นฎีกา
.
เอกชัยย้ำว่าเขาสนใจข่าวสารต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมและสถานการณ์ทางการเมืองจากภายนอก ในการเข้าเยี่ยม อยากให้นำเรื่องราวมาแจ้งด้วย โดยล่าสุดเขายังได้ส่งจดหมายเป็นบทความ เขียนถึงคดีมาตรา 110 นี้ โดยพยายามอธิบายถึงเหตุการณ์ที่ถูกกลับคำพิพากษา แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปถึงหรือไม่
.
สุดท้าย เขาย้ำว่าให้ทนายความอย่าลืมยื่นคำร้องในคดีชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง หน้าองค์กรสหประชาชาติ หรือคดี #UN62 ซึ่งค้างคามาตั้งแต่ปี 2561 ยังสืบพยานที่ศาลอาญาไม่เสร็จสิ้น โดยคดีมีนัดสืบพยานต่อในวันที่ 16-17 ต.ค. 2568 นี้ เขาหวังว่าจะถูกเบิกตัวไปศาลในวันนัดดังกล่าวด้วย
.
.
