
ดร.นันทนา นันทวโรภาส
21 hours ago
·
ตั้งรัฐมนตรียุติธรรมแบบนี้ คดีฮั้วสว.จะพลิกผันไปอย่างไร
ในฐานะคนที่ยืนหยัดต่อสู้ เพื่อให้เกิดความถูกต้องในคดีฮั้วสว.มาโดยตลอด เมื่อได้เห็นโผรัฐมนตรียุติธรรมแล้ว หมดหวัง ดำมืด มองไม่เห็นผลลัพธ์ว่าจะเป็นไปตามชื่อกระทรวงแต่อย่างใด
การฮั้วสว.เป็นเรื่องใหญ่มากๆของประเทศนี้ เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจสว. ในการให้ความเห็นชอบบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทั้งหมด โดยเฉพาะ ศาลรัฐธรรมนูญ กกต. ปปช. รวมทั้งศาลปกครองสูงสุด และอัยการสูงสุด
การฮั้วสว. จึงไม่ต่างไปจากการเข้า “ยึดอำนาจ” หลักของประเทศนี้ เป็นอำนาจที่ใหญ่กว่า สภาผู้แทนราษฎร และรัฐบาล
ขณะที่การสอบสวนดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ทำงานร่วมกับทีมสอบสวนของกกต.ในนามคณะอนุกรรมการที่ 26 คืบหน้าไป จนสามารถสรุปสำนวนและมีความเห็นเสนอ กกต.ใหญ่ ให้สั่งฟ้องสว.กว่าครึ่งสภา รวมทั้งหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค รวม 229 คนแล้ว
แต่แล้ว เมื่อการเมืองพลิกผัน พรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้บงการ ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
ปัญหาจึงเกิดขึ้นทันที
เมื่อผู้ถูกกล่าวหา ได้สถานะมาเป็นผู้เลือกกรรมการ เพื่อมาตัดสินคดีของตนเอง ปลายทางของคดีจะเป็นอย่างไร
นี่คือสิ่งที่ประชาชนจำนวนมากหวั่นเกรง ว่าคดีจะพลิก “จากดำเป็นขาว” ชั่วข้ามคืน
การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรม ย่อมไม่ทิ้งหลักฐานและร่องรอย เช่นเดียวกับการถามหา “ใบเสร็จ” ในกระบวนการทุจริต
อย่าลืมว่าคดีฮั้วสว.เป็นคดีที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้ง 93 ปี ของประชาธิปไตยไทย มีผู้ต้องหามากถึง 229 คน และหนึ่งในนั้นคือ นายกรัฐมนตรี คนที่กำลังจัดรัฐบาลอยู่
การเลือกรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม จาก “คนกันเอง” ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า น่าจะสะท้อนชัดเจนถึงเจตนาในทางคดีอย่างชัดแจ้ง
ประชาชนที่ติดตามคดีนี้อยู่ ย่อมรู้ทัน จึงได้พากันส่งเสียงคัดค้านอย่างอื้ออึง
พรรคประชาชนได้ยินหรือไม่
หากพรรคประชาชนจะแสดงความรับผิดชอบต่อการเป็น “ผู้สร้าง”รัฐบาลเสียงข้างน้อยนี้ ก็ต้องเริ่มจากการปฏิเสธรัฐมนตรีที่มีวาระซ่อนเร้น อันจะทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว มิให้เข้าร่วมรัฐบาล
อย่าให้คดีฮั้วสว.กลายเป็น “มวยล้มต้มคนดู”
https://www.facebook.com/photo/?fbid=24465506976449483&set=a.475284279231755