วันพฤหัสบดี, กันยายน 18, 2568

จริงๆแล้ว คุณทักษิณออกจากคุกอาจอยากไปเลี้ยงหลาน แต่สถานการณ์ของคุณทักษิณก็เหมือนอยู่บนหลังเสือ ต้องนั่งอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ตราบจนลมหายใจสุดท้ายก็เป็นได้ เพราะลงมาเมื่อไหร่ ประกันได้เลยว่าโดนจับกิน ไม่เหลือซาก - ส่อง 18 คดีชินวัตร


'ปราย พันแสง
September 13
·
ออกจากคุกก็ควรไปเลี้ยงหลาน เลิกเล่นการเมืองซะ เงินทองเยอะแยะ จะมาลำบากลำบนวุ่นวายแบบนี้อยู่ทำไม โน่นนี่นั่น เป็นความเห็นมากมายในโซเชียลมีเดีย

เอาจริง คุณทักษิณเองอาจจะอยากทำอย่างนั้นก็ได้ แต่ในสภาพความเป็นจริง สถานการณ์ของคุณทักษิณก็เหมือนอยู่บนหลังเสือ ต้องนั่งอย่างนั้นไปเรื่อยๆ ตราบจนลมหายใจสุดท้ายก็เป็นได้

เพราะลงมาเมื่อไหร่
ประกันได้เลยว่าโดนจับกิน
ไม่เหลือซาก

คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (2544-2549) เจอคดีความหลายครั้งตั้งแต่สมัยเป็นนายกฯ จนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นคดีที่ถูกมองว่าเป็น ’การเมือง‘จาก ‘กลุ่มอำนาจเก่า’ หรือ ‘establishment เช่น กองทัพ,ศาล , อีลีท ชนชั้นนำ เพื่อกำจัดอิทธิพลของเขาและพรรคที่เกี่ยวข้อง คดีของเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2546 และมีทั้งหมดประมาณ 9-10 คดี

จากมุมมองสื่อต่างชาติในบริบทของคุณทักษิณ มักมองว่า establishment เป็นกลุ่มที่ขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตยและพยายามรักษาอำนาจผูกขาดของตนเอง โดยใช้กลไกต่างๆ เช่น ศาล, กองทัพ, หรือองค์กรอิสระเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม

establishment มองว่าคุณทักษิณเป็นภัยต่อระบบการเมืองและผลประโยชน์ของชาติ โดยกล่าวหาว่าเขาคอร์รัปชันและพยายามสร้างอำนาจแบบเบ็ดเสร็จผ่านนโยบายประชานิยมและเครือข่ายของตน

ตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญ

ปี 2548-2549 มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ปี 2551-2557: ความขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างกลุ่มเสื้อแดง (สนับสนุนทักษิณ) และกลุ่มเสื้อเหลือง/กปปส. (ต่อต้านทักษิณ) ซึ่งนำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557

คดีทางกฎหมาย: การยึดทรัพย์สินของทักษิณในปี 2553 และการออกหมายจับในคดีต่างๆ

ในบริบทการต่อต้านทักษิณ คำว่า “establishment” จึงครอบคลุมกลุ่มที่มีอิทธิพลในกองทัพ, ข้าราชการระดับสูง, นักการเมืองอนุรักษนิยม, กลุ่มธุรกิจที่เป็นคู่แข่ง, และเครือข่ายชนชั้นสูงที่มองว่าทักษิณเป็นภัยต่อโครงสร้างอำนาจเดิม

กลุ่มเหล่านี้มักทำงานประสานกันผ่านกลไกต่างๆ เช่น การเมือง, กฎหมาย, และการชุมนุม เพื่อจำกัดอิทธิพลของทักษิณและเครือข่ายของเขา

คดีต่างๆ ของคุณทักษิณ

1.คดีปกปิดทรัพย์สิน (หุ้นชินคอร์ป, ปี 2546)

ตอนที่คุณทักษิณเป็นนายกฯ เขาถูกกล่าวหาว่าปกปิดทรัพย์สิน โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น (Shin Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่ทำให้เขารวยมหาศาล

คดีนี้เริ่มจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หลังจากเขาขายหุ้นชินคอร์ปให้บริษัท Temasek ของสิงคโปร์ในปี 2549 ได้เงินราว 73,000 ล้านบาท โดยไม่เสียภาษี

ฝ่ายตรงข้ามบอกว่านี่คือการเลี่ยงภาษีและใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์ แต่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ทักษิณพ้นผิดตั้งแต่ปี 2544 เพราะพิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาจงใจปกปิดทรัพย์สิน ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ถูกยุบไปในภายหลัง

สถานะล่าสุดของคดีนี้คือ
คุณทักษิณพ้นผิด ไม่มีคดีค้างอยู่

2.คดีที่ดินรัชดาภิเษก (2551)

คดีนี้เป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่ทำให้คุณทักษิณต้องลี้ภัย คุณหญิงพจมาน (อดีตภรรยา) ซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกจากกองทุนฟื้นฟูระบบการเงินในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด (772 ล้านบาท) ในปี 2546

คุณทักษิณถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจนายกฯ ช่วยให้ภรรยาได้ที่ดินในราคาถูก ซึ่งถือเป็นการทุจริต
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินเมื่อปี 2551 ให้คุณทักษิณจำคุก 2 ปี

คดีนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณทักษิณตัดสินใจลี้ภัยไปดูไบในปี 2551 เพราะเขาเชื่อว่าเป็นคดีการเมือง

สถานะล่าสุด คดีนี้รวมอยู่ในโทษ 8 ปีที่คุณทักษิณต้องรับเมื่อกลับไทยในปี 2566 แต่ได้รับพระราชอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี และสิ้นสุดโทษในปี 2567 หลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

3.คดีหวยบนดิน (2552)

คุณทักษิณถูกกล่าวหาว่าทุจริตในโครงการหวยบนดิน (หวย 2-3 หลัก) ที่เขาเริ่มในสมัยเป็นนายกฯ โดย ป.ป.ช. อ้างว่าโครงการนี้ทำให้รัฐเสียหาย 1,600 ล้านบาท ศาลฎีกาฯ ตัดสินในปี 2552 ให้จำคุก 3 ปี โดยบอกว่าเขาใช้อำนาจมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชน
คุณทักษิณยืนยันว่านี่เป็นคดีการเมืองเพื่อทำลายเขา

สถานะล่าสุด คดีนี้รวมอยู่ในโทษ 8 ปี ลดเหลือ 1 ปีจากการอภัยโทษ และสิ้นสุดโทษในปี 2567

4.คดีเอ็กซิมแบงก์ (2552)

คดีนี้เกี่ยวกับการที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่าในราคาต่ำกว่าทุน (4,000 ล้านบาท) ในปี 2547 เพื่อซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชินคอร์ป ซึ่ง ป.ป.ช. บอกว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทของคุณทักษิณ ศาลฎีกาฯ ตัดสินให้จำคุก 3 ปีในปี 2552

สถานะล่าสุด คดีนี้รวมในโทษ 8 ปี ลดเหลือ 1 ปี และสิ้นสุดในปี 2567

5.คดีธนาคารกรุงไทย (2551)

คุณทักษิณถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้จากธนาคารกรุงไทยให้บริษัทในเครือชินวัตร ซึ่งทำให้รัฐเสียหาย แต่ศาลฎีกาฯ ตัดสินในปี 2553 ว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ ทักษิณจึงพ้นผิด

สถานะล่าสุด พ้นผิด ไม่มีคดีค้าง

6.คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (2558)

คดีนี้เกิดจากคำให้สัมภาษณ์ของคุณทักษิณในนิวยอร์กเมื่อปี 2558 ที่ระบุว่าองคมนตรีสั่งการรัฐประหารปี 2549 ซึ่งถูกตีความว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112)

คดีนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ศาลอาญาตัดสินในปี 2567 ว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ คุณทักษิณจึงพ้นผิด

สถานะล่าสุด: พ้นผิด ไม่มีคดีค้าง

7.คดีชั้น 14 (โรงพยาบาลตำรวจ, 2567-2568)
นี่คือคดีล่าสุดและสำคัญมาก เมื่อคุณทักษิณกลับไทยในปี 2566 เขาถูกตัดสินให้จำคุก 8 ปีจากคดีเก่า (ที่ดิน, หวย, เอ็กซิมแบงก์) แต่ได้รับการย้ายไปโรงพยาบาลตำรวจทันทีโดยอ้างเหตุสุขภาพ และได้รับพระราชอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี ปล่อยตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 หลังอยู่โรงพยาบาล 180 วัน

อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช. และฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเขาป่วยทิพย์และได้รับการปฏิบัติพิเศษ

ศาลฎีกาฯ ไต่สวนคดีนี้และตัดสินเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ว่า การพักรักษาที่โรงพยาบาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงสั่งให้คุณทักษิณถูกจำคุก 1 ปีทันที โดยส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

สถานะล่าสุด คุณทักษิณถูกจำคุกตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2568 บางคนคิดว่าเขาไม่ควรติดคุก แต่บางคนก็มีการคาดเดาว่าเขาอาจได้รับการพักโทษหรืออภัยโทษในอนาคต เนื่องจากอายุ (76 ปี) และปัญหาสุขภาพ

8.คดีจำนำข้าว (2558)

คดีนี้เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวในสมัยคุณยิ่งลักษณ์ (2554-2557) ซึ่งคุณทักษิณถูกโยงว่ามีส่วนสั่งการทำให้รัฐเสียหายหลายแสนล้านบาท

คดีนี้มุ่งเป้าไปที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นหลัก คุณทักษิณพ้นผิดในส่วนของเขา

สถานะล่าสุด คดีนี้ยังค้างใน ป.ป.ช. แต่ไม่มีคำตัดสินจำคุก

9.คดีอื่นๆ (เช่น จัดงานเลี้ยงที่ทำเนียบ)
มีคดีเล็กๆ อื่นๆ เช่น การจัดงานเลี้ยงที่ทำเนียบรัฐบาลในสมัยคุณทักษิณเป็นนายกฯ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้ทรัพยากรรัฐเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว คดีนี้รวมอยู่ในโทษ 8 ปีเดิม (จำคุก 3 ปี)

สถานะล่าสุด สิ้นสุดโทษในปี 2567

ในภาพรวม คุณทักษิณจึงมีคดีหลักที่นำไปสู่โทษจำคุก 8 ปี (จากคดีที่ดินรัชดา, หวยบนดิน, เอ็กซิมแบงก์) แต่ด้วย “ดีลดูไบ” ในปี 2566 เขาได้รับพระราชอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี และพักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนครบกำหนดปล่อยตัวในปี 2567

คดีอื่นๆ เช่น หมิ่นพระบรมเดชานุภาพและธนาคารกรุงไทย เขาพ้นผิด ส่วนคดีจำนำข้าวและคดีเล็กๆ ยังค้างใน ป.ป.ช. แต่ไม่มีคำตัดสินจำคุกเพิ่มเติม

หลายคนมองว่าการที่คุณทักษิณต้องติดคุกจริงในคดีชั้น 14 (9 ก.ย. 2568) หมายถึงดีลดูไบ (2566) ล้มเหลว เพราะดีลนั้นเคยช่วยให้เขาได้พักรักษาที่โรงพยาบาลและถูกปล่อยตัวเร็ว

การที่ศาลสั่งจำคุกทันที โดยส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แสดงว่า establishment (กองทัพ, ศาล) ได้กลับมากดดันอีกครั้ง หลังจากที่คุณแพทองธาร ลูกสาวของคุณทักษิณถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกฯ ในเดือนกรกฎาคม 2568 และพรรคเพื่อไทยต้องสูญเสียอำนาจให้รัฐบาลใหม่ของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย

นักวิเคราะห์จาก BBC, Bangkok Insight และสื่อต่างชาติมองว่านี่เป็นชัยชนะของ establishment ที่ต้องการ ‘ตัด’อิทธิพลคุณทักษิณให้หมดไป

แม้บางคดีของคุณทักษิณหลุดไปได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็มีคดีเดิมของคุณยิ่งลักษณ์ และคดีใหม่ของคุณแพทองธารเพิ่มเข้ามาอีกหลายคดี

คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย (ดำรงตำแหน่งปี 2554-2557) มีคดีติดตัวหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน

โดยส่วนใหญ่เกิดจากข้อกล่าวหาการทุจริตและละเลยหน้าที่ในช่วงรัฐบาลของเธอ ซึ่งนำไปสู่การรัฐประหารปี 2557 และการลี้ภัยทางการเมืองของเธอตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในต่างประเทศ (มีรายงานว่าอยู่ในลอนดอน) โดยมีสัญชาติเซอร์เบียและใช้หนังสือเดินทางกัมพูชา

ต่อไปนี้คือสรุปคดีหลักๆ พร้อมความเป็นมาและสถานะล่าสุด (ณ ปี 2568)

1.คดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี (คดีละเมิดอำนาจหน้าที่ในการโยกย้ายเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ)

คดีนี้เกิดจากคำสั่งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในปี 2554 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการโยกย้ายดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญและเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง นำไปสู่วิกฤตการเมืองและเป็นหนึ่งในเหตุผลที่นำไปสู่การถอดถอนเธอจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการในปี 2557 ก่อนเกิดรัฐประหารไม่กี่วัน

สถานะล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องเธอในคดีนี้เมื่อปี 2567 โดยเธอชนะคดี ทำให้ไม่มีความผิดทางอาญาในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม คดีนี้เคยนำไปสู่การห้ามเธอเล่นการเมือง 5 ปี (สิ้นสุดแล้วตั้งแต่ปี 2562)

2.คดีโครงการรับจำนำข้าว (คดีอาญา ฐานละเลยหน้าที่ไม่หยุดยั้งการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว)

โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาสูงกว่าตลาด (15,000 บาทต่อตัน) เริ่มปี 2554 เพื่อช่วยเหลือชาวนา แต่ถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริต โดยเฉพาะการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) ที่ไม่โปร่งใส ทำให้รัฐเสียหายหลายแสนล้านบาท

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนและฟ้องคุณยิ่งลักษณ์ในข้อหาละเลยหน้าที่ไม่ยับยั้งการทุจริต การพิจารณาคดีเริ่มปี 2559 แต่เธอหลบหนีออกนอกประเทศก่อนศาลตัดสินในปี 2560

สถานะล่าสุด ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุกเธอ 5 ปีใน absentia (โดยไม่ต้องมาฟังคำพิพากษา) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 ฐานละเลยหน้าที่

ปัจจุบันยังคงมีหมายจับและเธอไม่ได้กลับมารับโทษ ทำให้คดีนี้ยังค้างคาและเป็นอุปสรรคหลักต่อการกลับไทย

3.คดีชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว (คดีปกครอง ชดใช้ความเสียหายทางแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าว)

คดีนี้เป็นคดีแยกจากคดีอาญา โดยกระทรวงการคลังเรียกให้เธอชดใช้ค่าเสียหาย 35,717 ล้านบาท (คิดเป็น 20% ของความเสียหายทั้งหมด 178,586 ล้านบาท) ในปี 2559 ฐานประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่ปล่อยให้เกิดทุจริตใน G2G เธอฟ้องเพิกถอนคำสั่งนี้ ศาลปกครองกลางเพิกถอนปี 2564 เนื่องจากขาดหลักฐานชี้ชัด แต่กระทรวงอุทธรณ์

สถานะล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้ให้เธอชดใช้ 10,028 ล้านบาท (ประมาณ 306 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยให้เหตุผลว่าเธอประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในส่วน G2G แต่ลดจำนวนลงเพราะไม่ใช่ทุจริตทั้งหมด

คุณยิ่งลักษณ์โพสต์เฟซบุ๊กตัดพ้อว่าจำนวนเงินนี้ชดใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด และอาจยื่นอุทธรณ์ต่อ แต่ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมในปี 2568

4. คดีทุจริตประชาสัมพันธ์โครงการโครงสร้างพื้นฐาน (คดีทุจริตในการประชาสัมพันธ์โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปี 2556)

คุณยิ่งลักษณ์ถูกกล่าวหาว่าทุจริตในการจัดโครงการประชาสัมพันธ์มูลค่า 240 พันล้านบาท โดยไม่เปิดประมูลและใช้เงินโดยมิชอบ ร่วมกับบุคคลอื่นอีก 8 คน คดีนี้ฟ้องปี 2556 ท่ามกลางวิกฤตการเมือง

สถานะล่าสุด ศาลฎีกาฯ พิพากษายกฟ้องเธอและผู้ร่วมเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 และ ป.ป.ช. ยอมรับไม่อุทธรณ์เมื่อ 25 เมษายน 2567 ทำให้ยกเลิกหมายจับในคดีนี้

โดยรวมแล้ว คดีส่วนใหญ่ของคุณยิ่งลักษณ์เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายมหาศาลและเป็นชนวนรัฐประหารปี 2557 เธอยังคงลี้ภัยและไม่มีสัญญาณว่าจะกลับไทยในเร็วๆ นี้ เนื่องจากคดีจำคุก 5 ปีและภาระชดใช้เงิน แต่หากมีเงื่อนไขใหม่ เช่น การนิรโทษกรรมหรือการเจรจาทางการเมือง อาจเปลี่ยนแปลงสถานะได้

คดีของคุณยิ่งลักษณ์อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณทักษิณไม่สามารถวางมือทางการเมืองได้ ล่าสุด ยังมีคดีของคุณแพทองธาร ลูกสาวที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพิ่มเข้ามาอีกหลายคดี การอำลาจะถอนตียอำลาวงการเมืองไทยแบบ ‘ล้างมือในอ่างทองคำ‘ ของคุณทักษิณ จึงไม่น่าจะเกิดขี้นเลย

คดีของคุณแพทองธาร ชินวัตร มีไม่มากเท่าคุณพ่อ (ทักษิณ) หรือคุณอา (ยิ่งลักษณ์) แต่คดีของเธอเกิดขึ้นรวดเร็วหลังจากเป็นนายกฯ เพียง 1 ปี

ส่วนใหญ่เป็นคดีจริยธรรมและทุจริตที่ถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ส่วนตัวหรือต่างชาติ

นี่คือรายละเอียดคดีหลัก (อัปเดตปี 2568)

1. คดีจริยธรรมจากเทปสนทนากับฮุนเซน (Leaked Hun Sen audio clip, เริ่มปี 2568)

คุณแพทองธารถูกกล่าวหาว่าละเมิดจริยธรรมหลังจากมีเทปเสียงรั่วไหล (จากแหล่งไม่เปิดเผย) ที่เธอสนทนากับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกฯ กัมพูชา เกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา (เช่น ปราสาทพระวิหารและพื้นที่รอบๆ) ซึ่งถูกมองว่าเป็นการยอมตามต่างชาติ ทำลายชื่อเสียงไทย และเอื้อประโยชน์ส่วนตัว (โยงกับสายสัมพันธ์ครอบครัวชินวัตรกับกัมพูชา)

ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินด้วยคะแนนเสียง 6-3 ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ทำให้เธอถูกปลดจากนายกฯ ทันทีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี (ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235)

สถานะล่าสุด สิ้นสุดคดี (ถูกปลดและห้ามเล่นการเมือง) แต่อาจถูกสอบสวนต่อโดย ป.ป.ช. ในแง่ทุจริต

คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยล้ม และโยงไปถึงคดีของทักษิณ (ที่ถูกจำคุก 1 ปีในวันที่ 9 ก.ย. 2568) เพราะ establishment ใช้คดีนี้ตัดอิทธิพลตระกูลชินวัตร

2.คดีจัดสรรงบประมาณไม่ชอบธรรม (Alleged budget misallocation, เริ่มปี 2568)

คุณแพทองธารถูกกล่าวหาว่าจัดสรรงบประมาณผิดปกติในสมัยเป็นนายกฯ เช่น การอนุมัติงบให้โครงการที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนหรือพันธมิตรทางการเมือง ซึ่งอาจละเมิดกฎหมายงบประมาณและจริยธรรม

สถานะล่าสุด ค้างสอบสวนใน ป.ป.ช. อาจนำไปสู่การฟ้องคดีอาญาหรือเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเพิ่มเติม

คดีนี้โยงกับคดีของคุณยิ่งลักษณ์ (รับจำนำข้าว) และอาจถูกใช้กดดันคุณแพทองธารให้ลี้ภัยได้เช่นกัน

3.คดีสัญญาเงินกู้หรือสัญญาเช่าซื้อ (Promissory note deal, เริ่มปี 2568)

คุณแพทองธารถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับสัญญาเงินกู้หรือสัญญาเช่าซื้อที่ไม่โปร่งใส ซึ่งอาจเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนหรือต่างชาติ (โยงกับข้อพิพาทชายแดน)

สถานะล่าสุด ค้างสอบสวนใน ป.ป.ช. อาจนำไปสู่คดีทุจริต คดีนี้คล้ายคดีเอ็กซิมแบงก์ของคุณทักษิณ และอาจถูกใช้ตัดอิทธิพลเธอเพิ่ม

4.คดีอื่นๆ ที่ค้าง (เช่น คดีหุ้นหรือทุจริตเล็กน้อย, เริ่มปี 2567-2568)

คุณแพทองธารยัวมีคดีค้างอีก 2-3 คดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจมิชอบในสมัยนายกฯ เช่น การกีดกันบุคคลหรือโครงการที่เอื้อประโยชน์ส่วนตัว (ตามที่ Nation Thailand รายงานว่ามี 5 คดีหลัก) แต่รายละเอียดไม่ชัดเจนเพราะยังอยู่ในขั้นสอบสวนเบื้องต้น

สถานะล่าสุด ค้างใน ป.ป.ช. และอาจถูกนำไปสู่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ หากพบหลักฐาน

คดีเหล่านี้ยังไม่รุนแรง แต่ถ้า establishment ต้องการ “กีดกัน” เธอ อาจถูกนำมาใช้เพื่อห้ามเล่นการเมืองเพิ่มเติมได้ทันที

ทั้งหมดนี้ คุณแพทองธารจึงมีคดีค้างติดตัวอย่างน้อย 5 คดี (ตาม Nation Thailand ระบุ) โดยคดีจริยธรรมสิ้นสุดด้วยการถูกปลด แต่คดีอื่นๆ ยังต้องมีการสอบสวนและอาจนำไปสู่การจำคุกหรือห้ามเล่นการเมือง

จะเห็นได้ว่า กว่าสองทศวรรษในการเมืองไทย ครอบครัวชินวัตรต้องต่อสู้กับคดีความจำนวนมาก เป็นคดีความของคุณทักษิณประมาณ 9 คดี, คุณยิ่งลักษณ์ 4 คดีใหญ่ๆ, คุณแพทองธาร 5 คดี

รวมทั้งสิ้น 18 คดี
ที่ยังค้าง เป็นคดีหนักๆ ทั้งนั้น
โดยเฉพาะคุณแพทองธาร
ที่อาจจะถึงกับต้องลี้ภัย
เหมือนคุณพ่อและคุณอาของเธอได้เช่นกัน

18 คดีทั้งหมดนี้คงพอจะบอกได้คร่าวๆ
ว่าคุณทักษิณ ชินวัตร
ทำไมยังต้องสู้ต่อไปไม่หยุดยั้ง
แม้ตอนนี้อยู่ในวัย 76 ปีแล้ว

การยอมติดคุกในวัยนี้ของคุณทักษิณ อาจจะถูกมองว่าพรรคอ่อนแอแพ้พ่าย แต่สำหรับคนในตระกูลชินวัตรแล้ว มันตรงกันข้าม

ภาพในคุกของคุณทักษิณ คราบน้ำตาของคุณแพทองธารและครอบครัว มันเป็นขุมพลัง คงไม่ต่างจากเชื้อเพลิงชั้นดี ที่จะส่งแรงขับเคลื่อนตระกูลชินวัตร ให้ลุยแหลกทะลุทะลวงการเมืองไทยในทุกวิถีทาง อย่างไม่มีวันหยุดยั้งเลย แม้ว่าคุณทักษิณจะตายไป

ดังนั้น การจะคาดหวังให้ตระกูลชินวัตร
เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทยนั้น
ชาวไทยอย่าได้หวัง!

References ในช่องคอมเมนต์

https://www.facebook.com/photo?fbid=1358120089006383&set=a.1046212803530448