วันศุกร์, เมษายน 07, 2566

ทนายกุณฑิกา นุตจรัส สรุปเรื่องของหยก มาจนถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้พบเห็นพบเจอน้องหยก


Sai Kunthika Nutcharus
11h

สรุปเรื่องของหยก
มาจนถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้พบเห็นพบเจอน้องหยกนะคะ ขออธิบายดังนี้
...
5 เมษายน 66
...
เริ่มต้นที่เมื่อวาน (5 เมษา) ทนายของเราได้พบกับเจ้าหน้าที่ตรงบริเวณป้อมยามหน้ารั้วเช่นเดิม โดยยังคงไม่ได้ให้เข้าไปข้างใน และมีเจ้าหน้าที่ได้ให้คุยโทรศัพท์กับบุคคลที่อ้างว่าตนเองเป็นผู้อำนวยการสถานพินิจกรุงเทพฯ จากเสียงทราบว่าเป็นผู้ชายค่ะ
ผอ.ได้แจ้งกับทนายความว่าคำร้องของพวกเราอยู่ "ในระหว่างพิจารณา" และคนที่จะเข้าเยี่ยมเยาวชนได้จะต้องเป็นที่ปรึกษากฎหมายที่ศาลเยาวชนแต่งตั้งแล้วเท่านั้น โดยกล่าวว่าเขาได้คุยกับศาลเยาวชนมาแล้วไปปรึกษา ทนายของเราจึงรู้สึกว่าผิดปกติและถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่หรือผู้อำนวยการจะต้องคุยกับศาลด้วยและต้องการที่จะรู้ว่าศาลเยาวชนได้ไปคุยกับผอ.ท่านนี้ว่าอะไร แต่พอถามเช่นนั้นผอ.ก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่
นอกจากนี้ทนายความท่านที่ไปบ้านปรานีเมื่อวานยังได้พบทนายความคนอื่นอีกท่านที่ไปทำธุระติดต่อที่บ้านปรานีเช่นกัน โดยได้รับทราบมาว่า ปกติที่นี่ทำการ walk in ได้ ซึ่งตรงกับที่ taxi คนที่พาดิฉันไปยังบ้านปรานีเมื่อวานเล่าว่า เขาเคยพาคุณยายมาเยี่ยมหลานที่นี่ และก็แลกบัตรไปที่ศาลาภายในได้ ไม่ต้องจอดรถคาอยู่ด้านหลังกำแพง และผ่านยามไปไม่ได้เหมือนเมื่อวาน
เมื่อเข้าไม่ได้เราก็ฝากขนมเข้าไป 30 ชุด เพราะเราก็หวังอยากให้หยกรู้ว่ายังมีคนอยู่ข้างนอกที่ยังเป็นห่วงหยกไม่มีใครทอดทิ้ง ส่วนตัวดิฉันเองที่อยู่ที่กรุงเทพฯก็ได้ทำการส่งหนังสือคำร้องฉบับเดิมพร้อมหนังสือติดตามทวงถามไปยังที่ต่างๆ ที่ดิฉันคิดว่าน่าจะช่วยได้
เช่นสถานพินิจบางนา และยังส่งไปที่สถานพินิจบ้านปรานีที่ไม่ได้เซ็นรับอีกด้วยเผื่อว่าเขาจะได้ไม่ตกหล่นเอกสาร
ระหว่างที่กำลังประชุมกันว่าเมื่อไม่ได้เข้าแล้วจะทำอย่างไรดีได้รับการติดต่อจากบุคคล 3 คน ซึ่งทั้งสามแจ้งว่าตนเองทำงานอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอสงวนว่าเป็นผู้ใด
ทั้งสามท่านมีท่าทีอยากช่วยเหลือเยาวชนดี โดยดิฉันได้บอกกับเขาไปตรงๆว่าเราคิดว่าระเบียบที่ใช้อยู่ทุกวันนี้น่าจะผิดกฎหมายและไม่ถูกต้อง
ท่านแรกที่โทรมาได้แจ้งว่าน้องหยกติดโควิด ส่วนอีกสองท่านที่เหลือมาแจ้งเรื่องอนุญาตให้ผู้ใดเยี่ยมได้บ้าง โดยได้อ่านให้รายชื่อบุคคลที่น้องหยกยินยอมให้ดิฉันฟังด้วย
ซึ่งดิฉันก็เห็นว่าตรงกับที่น้องหยกเคยแจ้งดิฉันไว้
ทั้งนี้ท่านสุดท้ายยังโทรมาอธิบายเรื่องระเบียบในการเยี่ยม
โดยจากที่เข้าใจคือทุกคนเน้นย้ำว่าระหว่างจันทร์ถึงศุกร์ให้เป็นทนายเข้าเยี่ยมและขอให้เสาร์อาทิตย์พยายาม ให้ครอบครัวและผู้ไว้วางใจเข้าเยี่ยม
เจ้าหน้าที่ทุกคนที่โทรมามีท่าทีพูดจาดีและอยากช่วยเหลือดีไม่มีปัญหาค่ะ
ตรงนี้ดิฉันโล่งใจ คิดว่าในที่สุด เราก็สามารถแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ และหยกจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลและมีส่วนร่วมเสียที แต่
...
6 เมษายน 66
...
ทนายของเราซึ่งเป็นผู้มีชื่อที่เจ้าหน้าที่ได้บอกกับดิฉันว่าจะอนุญาตให้เยี่ยม เพราะเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในหนังสือของผู้ที่ถือว่าเป็นผู้ปกครองของเด็ก ได้เดินทางไปเยี่ยมน้องช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง วันนี้มีผู้ใจดีสนับสนุนตั้งฮกกี่ บะหมี่กวางตุ้ง มาด้วย 40 ชุด
ได้รับการปฏิเสธไม่ให้ได้เข้าเยี่ยม โดยเจ้าหน้าที่ได้บอกว่าทนายคนดังกล่าวไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม ดิฉันจึงได้แจ้งว่าเรายินดีทำคำร้อง ณ ตรงนั้นเสนอผู้อำนวยการและแนบเอกสารใดๆที่ต้องการส่งให้เลย เพราะทนายคนดังกล่าวมีชื่อตามที่เจ้าหน้าที่คนเมื่อวานแจ้งว่าจะอนุญาตให้เยี่ยม และเรามีความพร้อมที่จะทำเอกสารยื่นส่งตรงนั้นเลย เพื่อให้ได้เห็นน้อง
แต่ก็ได้รับการปฏิเสธไม่ให้เจอและบอกว่าจะให้เยี่ยมวันที่ 8 เมษายน ซึ่งดิฉันได้ขอร้องให้ทนายท่านที่ไป กรุณาถามบ้านปรานีด้วยว่า ไม่ใช่ว่าระบบคือให้ทนายเข้าในวันจันทร์ถึงศุกร์และให้ผู้ไว้วางใจและครอบครัวเข้าในวันเสาร์อาทิตย์ซึ่งตรงกับวันที่ 8 เมษายนหรือ เพราะได้รับข้อมูลมาเช่นนั้น
เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตอบประเด็นนั้นและตอบว่า เป็นเรื่องของมาตรการโควิด
เหตุการณ์ทั้งสองวัน (5 และ 6 เมษายน 2566) ทางเราได้ประสานงานให้ทนายเดินทางไปพร้อมนักสิทธิมนุษยชนจากองค์กรที่เป็นที่รู้จักมาเป็นสักขีพยานด้วย จึงมีคนรู้เห็นเหตุการของทั้งสองวันดังกล่าว
-------------
สุดท้ายนี้ดิฉันขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่พยายามช่วยกันประสานงานเพื่อจะช่วยเยาวชนคือน้องหยก ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่บ้านปรานี ภาคประชาสังคมและนักสิทธิมนุษยชนที่ให้ความช่วยเหลือไปเป็นสักขีพยานและขออธิบายเป็นรายละเอียดซึ่งอาจจะไม่มีความหวือหวาใดเพื่อให้สาธารณชนได้พิจารณากันเอง ตามรายละเอียดที่ได้เล่าคร่าวๆด้านบน เพราะทางเราทุกคนไม่มีเจตนาที่จะว่าผู้ใดหรือทำให้ใครต้องเสียหายเป็นการส่วนตัว
แต่กล่าวโดยสรุป ทางทีมทนาย 3 คนที่เป็นผู้ประสานงานและติดต่อเยี่ยมเยาวชนท่านนี้มาจนถึงวันนี้ เรามีความเห็นตรงกันว่า เราไม่ได้รับความสะดวกใดๆ และมาตรการหลายมาตรการก็ไม่ตรงตามอนุสัญญาเด็กเรื่องการให้สิทธิเด็กในการมีส่วนร่วม ไม่เป็นการปกป้องเด็ก ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
โดยเราเห็นว่ามาตรการที่มีขึ้นมาเพื่อปกป้องเด็กก็สมควรที่จะถูกนำมาปรับใช้ให้เข้ากับกรณีของเด็กแต่ละคน
นอกจากนี้แล้ว สำหรับเรื่องมาตรการโควิด ดิฉันเห็นว่าไม่มีความเหมาะสมและไม่มีความสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง เพราะยังมีระบบ Conference อยู่
ทั้งนี้ ถ้าหากไม่ติดโควิดแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะขอเข้าพบเด็กในสถานที่ควบคุมแต่เป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วน "ตามที่กำหนดในนะเบียบของคุณ" โดยไม่ผ่าน Conference แล้ว เพราะก็เป็นสิ่งที่ระเบียบอนุญาตให้ทำได้และพวกเราก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบ Conference อีกต่อไปเนื่องจากแม้กระทั่งติดโควิดคุณก็ไม่ได้เลือกที่จะใช้ระบบ Conference
และที่สำคัญที่สุด พวกเราทนายความคุยกันแล้วกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เรากังวลใจว่า ผอ.คนที่คุยกับทนายที่ไปบ้านปรานีในวันที่ 5 เมษา คือใคร เรื่องที่เขาพูดจริงหรือไม่ แล้วถ้าจริง
แล้วศาลเยาวชนฯเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องสิทธิเยี่ยมของหยก

Sai Kunthika Nutcharus
17h
พูดตรงๆตั้งแต่หยกถูกจับแล้วดิฉันได้มีโอกาสเห็นการทำงานของตำรวจไทย ดิฉันก็รู้สึกมีความเป็นห่วงผู้ต้องหาและเยาวชนที่ถูกตำรวจไทยจับไปทุกคนและเริ่มมีความเข้าใจแล้วด้วยว่าทำไมเอกสารต่างๆที่มาปรากฏในสำนวนฟ้องมันถึงได้แสดงถึงความล้มเหลวทางกระบวนการยุติธรรม
.
ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่ามันล้มเหลวจริงๆ
ยกตัวอย่างเช่นเวลาคุณจับคน คุณถือหมายเอาไว้ไม่ปล่อยไม่ให้เขาดู ไม่แจ้งว่าตนเองเป็นใคร มีอำนาจตามที่กฎหมายจะให้จับหรือไม่ จับไปก็ไม่ถูกที่
.
ไม่อนุญาตให้พบทนาย
ไม่อนุญาตให้พบผู้ไว้วางใจ
ไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์แจ้งผู้ไว้วางใจ
ไม่มีอะไรถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาทั้งนั้นตำรวจและพนักงานสอบสวนในประเทศไทยนี้