เอิ่ม ‘แอ๊ด คาราบาว’ ฝากประชดในเพลงใหม่ ‘ปล่อยวางโควิด’ ของเขา “ปากท้องสำคัญกว่า...เกมการเมือง” ถ่ายทำเอ็มวีด้วยฉากหลังปืนผาหน้าไม้เต็มข้างฝา แถมคลิปปราศรัย อวดเรื่องไปเว็มบลี่ย์มา คนเก้าหมื่นไม่มีใครสวมหน้ากาก
เหน็บว่าเอาอย่างเสิ่นเจิ้นไปเลยดีไหม “ล็อคให้มันสุดๆ...เฮ้อ ขนาดจีนเขาทำงานหนักกว่าเราหลายเท่า คนก็ยังกลับมาติดอีก แต่เขาก็ไม่กลัว” เรียก ‘โควิด’ ว่า ‘ไอ้ไข้หวัด 19’ หนุนหลักการสาธารณสุขไทยกลายๆ “ยอมรับความจริงนี้เเล้วอยู่กับมัน”
ก็ ศบค.เขาประโคมอยู่แทบทุกวันไง จะทำโควิดเป็น ‘โรคประจำถิ่น’ ให้ได้ภายใน ๑ กรกฎานี้ ทั้งที่จำนวนติดเชื้อ (รวมทั้งตรวจ ‘เอทีเค’) และตายเพิ่มตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่เคยลด ตั้งแต่ ๑๕ มีนา ถึงวันนี้ ๑๙ มีนาอยู่ในเกณฑ์ ๔-๕ หมื่น และ ๗๐-๘๐
โดยเฉพาะวันนี้จำนวนคนตายมากถึง ๘๗ ขณะที่เมื่อวานตายแค่ ๘๐ แต่ติดเพิ่มเกิน ๕ หมื่น ถ้าจะให้รัฐบาลปล่อยวาง ชาวบ้านต้องระวังหนักหน่อย โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากแล้ว ขนาดแอ๊ดนี่ก็ยังมีสิทธิป่วยหรือถึงตาย ปืนมากมายฉากหลังนั่นช่วยอะไรไม่ได้
อัตราเสียชีวิตของคนไทยจากโควิดในระลอกนี้อยู่ที่ ๒๕๗ คนต่อ ๑ ล้าน ตั้งแต่ต้นปีมา มีคนตายเพราะโควิดไปแล้วเกือบพัน (๙๒๘ ราย) ข้อสำคัญ ยังมีคนสูงอายุที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลยอยู่อีก ๒.๑๗ ล้านคน เฉพาะปีนี้ตายไปแล้วทั้งสิ้น ๕๕๗ คน
วานนี้หมอทวีศิลป์โผล่ออกทีวีแถลงมาตรการโควิดใหม่ ๘ ข้อ เน้นเรื่องฉลองสงกรานต์ ให้รดน้ำดำหัวและสรงน้ำพระกันได้ ห้ามเล่นประแป้ง สาดน้ำ และปาร์ตี้โฟม อ้อแล้วงดจำหน่ายสุราด้วย จุดใหญ่ใจความอยู่ที่ ขยายเวลา พรก.ฉุกเฉิน
พอดีพ้องกับการบ่นของแอ๊ดเรื่อง “เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ยังมีอีกหลายๆ อาชีพที่ยังถูกห้ามหากิน...ห่วงโซ่ธุรกิจพังหมดแล้วท่าน” สร้างความยากลำบากต่อ “ชาวไทยทั้งประเทศที่ใช้ชีวิตอย่างจำกัดภายใต้มาตรการต่างๆ” เขาคงไม่ได้หมายถึง พรก.ฉุกเฉินหรอกนะ
ที่มีการต่ออายุเป็นครั้งที่ ๑๗ ออกไปอีกสองเดือนถึง ๓๑ พฤษภาคม เกือบสองปีที่รัฐบาลประยุทธ์บังคับใช้ พรก.นี้อย่างต่อเนื่อง ได้ผลก็แต่ในด้านการเมือง ที่จับกุมคุมขังเยาวชนซึ่งเรียกร้องเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นต่าง
บ่อยครั้งเจ้าหน้าที่ลุแก่อำนาจ ปฏิบัติการ ‘เกินกว่าเหตุ’ แห่งความเหมาะสม ทั้งนี้เพราะ พรก.ฉบับนี้ให้อำนาจเหนือกว่าหลักนิติธรรม โดยเจ้าพนักงาน “ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย” (มาตรา ๑๗) อัน “ไม่มีความจำเป็นในสถานการณ์โรคระบาดเลย”
‘ไอลอว์’ ชี้ด้วยว่าข้อกำหนดนี้แม้เป็น ‘อำนาจทางปกครอง’ โดยตรง แต่มาตรา ๑๖ ระบุให้ “ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง” ผลก็คือเมื่อเกิดการล่วงละเมิดโดยเจ้าหน้าที่ ประชาชนไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้
แม้จะไม่ได้ปิดกั้นการฟ้องร้องในทางแพ่ง ซึ่งไอลอว์ว่า “เป็นการปฏิบัติที่แปลกประหลาด” ในเมื่อประเทศไทยมีศาลปกครอง “ที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิโดยรัฐ” แต่ พรก.ฉุกเฉินกลับไม่ให้ใช้
ผลักไปที่ศาลแพ่งซึ่งทำคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินประชาชน ไม่เกี่ยวรัฐ ในทางหลักการเป็นการกำหนดกฎหมายไม่ตรงกับปัญหา ในทางปฏิบัติเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชนเกินกว่าพันธกรณีพึงมี
(https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10166419877960551, https://www.prachachat.net/general/news-889971 และ https://thepattayanews.com/2022/03/19/aed-carabao-ditch-all-covid-19-restrictions-like-the-uk-now/)