วันจันทร์, มกราคม 17, 2565

คนสีทองตั้งคำถามกับมหาวิทยาลัย คนอ่านบทกวีตั้งคำถามกับนักศึกษา


Where Is My Dream. รปภ. มช.ไล่ถ่ายรูป บัณฑิตวิจิตรศิลป์ ที่เดินตามหาความฝันในงานรับปริญญา
ที่มา ประชาไท

Rodjaraeg Wattana
22h ·

คนสีทองตั้งคำถามกับมหาวิทยาลัย คนอ่านบทกวีตั้งคำถามกับนักศึกษา --
"ผมเห็นว่าความตื่นตัวเรื่องประชาธิปไตยในหมู่นักศึกษาช่วงปีก่อนๆ มันสูงมากแต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความฉาบฉวย ขบวนการนักศึกษาไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเลย การตระหนักในฐานะ “นักศึกษา” ที่จะเป็นคนที่รับใช้ประชาชนมันแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเช้าที่เพื่อนผมโดนจับ มันก็ยิ่งน่าตั้งคำถามว่าความปิติยินดีในวันนี้ เรากำลังยินดีอยู่บนอะไร นักศึกษาทำได้แค่เรียน เที่ยว สอบ จบ เฮฮารับปริญญาเท่านั้นหรือ สำนึกของการรับใช้ประชาชนมันหายไปไหนกัน..."
.....
“Where Is My Dream” พนักงานรักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัยไล่ถ่ายรูป บัณฑิตวิจิตรศิลป์ มช. ที่เดินตามหาความฝันในงานรับปริญญา พร้อมถามว่า “ทำทำไม”

15 ม.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ม.ค. 65) เวลาประมาณ 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ไกร ศรีดี บัณฑิตจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทาตัวสีทอง เข็นล้อเลื่อนแขวนชุดครุยและป้ายกระดาษที่มีข้อความว่า “YOU TOOK MY DREAM AND GAVE ME THIS” เดินรอบบริเวณศาลาธรรมภายในบริเวณ มช. ซึ่งเป็นสถานที่ที่บัณฑิตและครอบครัวนิยมมาถ่ายรูปรับปริญญา โดยขณะที่ไกร ศรีดี แสดงออกเชิงสัญลักษณ์เดินตามหาความฝันของตัวเองในฐานะบัณฑิตจบใหม่อยู่นั้นมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยไล่ถ่ายรูปและถ่ายวีดีโอเขา พร้อมกับถามว่า “ทำทำไม”

ไกร อธิบายแนวคิดในการแสดงออกของเขาให้ประชาไทฟังว่า งานของตนชื่อ “Where Is My Dream” ซึ่งเป็นภาพแทนของบัณฑิตที่จบมาและกำลังตามหาความฝันของตัวเอง แต่ตัวป้ายเขียนว่า “YOU TOOK MY DREAM AND GAVE ME THIS” เหมือนการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาขายฝันให้เรา


"เราหวังกับเขาไว้ แล้วสุดท้ายเขาก็ให้เรามาแค่ชุดรับปริญญากับใบปริญญาเท่านั้น ซึ่งเขาเอาความฝันนี้ไปขายต่อและก็ไปหากินทั้งหมด ที่ผมทาตัวสีทองก็เหมือนกับเป็นบัณฑิตจบใหม่ที่ผ่านการชุบตัว ดูมีความหวังเหมือนกับสีทองอร่าม แต่จริงๆ แล้วเราก็แค่แขวนเปลือกเราไว้บนหิ้งเท่านั้น” ไกร กล่าว

ไกร เป็นหนึ่งในบัณฑิตจากคณะวิจิตรศิลป์ที่ต้องเข้าพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวานนี้ แต่เขาเลือกที่จะเข้าร่วมแคมเปญ #ไม่รับปริญญา ที่เขามองว่าเป็นการผลิตซ้ำพิธีกรรมที่ทำให้คนไม่เท่าเทียมกัน



ผู้สื่อข่าวรายนงานเพิ่มเติมว่าาขณะที่ ไกร ทำกิจกรรมดังกล่าวอยู่นั้น มีเพื่อนของเขาอีก 1 คน (ไม่ประสงค์ออกนาม) ร่วมเดินอ่านบทกวี “กูไม่ใช่นิสิตนักศึกษา” ให้บัณฑิตบริเวณรอบๆ ศาลาธรรมฟัง เจ้าตัวระบุว่าที่เขาเลือกเอาบวีที่อ่านเจอจากในอินเตอร์เน็ตมาขับขานเสียงดังให้บัณฑิตทั้งหลายฟังในวันรับปริญญาก็เพราะ

“ผมเห็นว่าความตื่นตัวเรื่องประชาธิปไตยในหมู่นักศึกษาช่วงปีก่อนๆ มันสูงมากแต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความฉาบฉวย ขบวนการนักศึกษาไม่ได้เข้มแข็งขึ้นเลย การตระหนักในฐานะ “นักศึกษา” ที่จะเป็นคนที่รับใช้ประชาชนมันแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเช้าที่เพื่อนผมโดนจับ มันก็ยิ่งน่าตั้งคำถามว่าความปิติยินดีในวันนี้ เรากำลังยินดีอยู่บนอะไร นักศึกษาทำได้แค่เรียน เที่ยว สอบ จบ เฮฮารับปริญญาเท่านั้นหรือ สำนึกของการรับใช้ประชาชนมันหายไปไหนกัน ผมเลยคิดว่าบทกวีบทนี้ที่ผมเลือกมาอ่าน (แผดเสียง) อาจจะสร้างความกระอักอ่วนที่จะนำไปสู่การตั้งคำถามได้”

บทกวี

กูไม่ใช่นิสิตนักศึกษา

วันนี้ช่างเงียบเหงาเศร้าจริงหนอ

ผู้คนยังรอคอยพวกกูหรือ

ใครก็ได้ช่วยบอกเขาว่ากูคือ

หนอนหนังสือตอนใกล้สอบเท่านั้นเอง

อย่าได้ถามถึงนิสิตนักศึกษา

กูไม่มีคุณค่าที่กล้าเก่ง

วันหนึ่งหนึ่งกูร้องรำและทำเพลง

และบรรเลงเพลงรักสลักอุรา

บอกเขานะว่าพวกกูไม่เอาไหน



กูไม่ใช่นิสิตนักศึกษา

กูไม่เคยคิดคำนึงถึงประชา

กูไม่ใช่ขี้ข้าประชาชน บอกเขานะว่าพวกกูจบเมื่อไหร่

กูจะต้องเป็นใหญ่ในทุกหน

กูจะต้องเป็นนายของทุกคน

กูจะต้องสร้างตนบนความตาย

บอกพวกเขาเท่านี้กูพอนะ

บอก-บอกนะว่าอย่าหวังสิ่งทั้งหลาย มันผันแปรเปลี่ยนปรับและกลับกลาย

ความฉิบหายเป็นได้อย่างไม่ห่างตัว

ไม่มีมันสมองของชาติหรอก

มีแต่คนกลิ้งกลอกและเกลือกกลั้ว

มีแต่คนมันส์เมาและมือมัว

มีแต่สิ่งช้าชั่วในชื่นชม

ประชาเอยฝันไปเถอะฟ้าสีทอง

มันไม่ผองอำไพให้สุขสม

ปัญญาชนละลายกับสายลม

คงเหลือความขื่นขมให้ทมใจ

เฮ้ย เฮ้ย มาซิโว้ยนักศึกษา

เอาศรัทธามาสร้างสังคมใหม่

อุดมธรรมที่เจ้าฝันอันยาวไกล

ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน