วันศุกร์, มกราคม 21, 2565

#เสียงจากมวลชนอิสระ ‘ก็มาดิแก๊ส’ เป็นมวลชนอีกกลุ่มที่ออกมาร่วมชุมนุมม็อบดินแดง


ทะลุแก๊ซ - Thalugaz
11h ·

“ผมมาจากทีมก็มาดิแก๊ส เป็นนักศึกษาที่มองเห็นความล้มเหลวของรัฐบาล ปัญหาในประเทศเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พวกเขากลับแก้ไขไม่ได้สักเรื่อง กลุ่มผมเลยออกมาสู้และกดดันรัฐบาลให้หันมาฟังประชาชนอย่างพวกเราบ้าง อยากให้ใช้อำนาจของท่านในทางที่ถูกและช่วยแก้ปัญหาสังคมให้ได้มากกว่านี้ครับ”
‘ก็มาดิแก๊ส’ เป็นมวลชนอีกกลุ่มที่ออกมาร่วมชุมนุมม็อบดินแดง เป็นกลุ่มเด็กอาชีวะที่ปราศจากอุปกรณ์ป้องกันตัวอย่างที่ควรจะเป็น ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐมีชุดป้องกันที่หนาแน่นและอาวุธสลายการชุมนุมครบมือ แต่เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังเสียงจากประชาชนที่กำลังลำบาก พวกเขาสวมใส่เพียงเสื้อช็อปเด็กช่าง ชุดธรรมดา รองเท้าผ้าใบ มีเพียงหน้ากากกันแก๊สและหมวกกันน็อคเท่านั้นที่ช่วยป้องกันอันตรายต่าง ๆ จากการออกมาร่วมชุมนุม
อยากทราบว่าเหตุผลใดถึงมาร่วมกับม็อบทะลุแก๊ส
“ตอนแรกผมไปม็อบสันติอยู่แล้วครับเมื่อปีก่อน ๆ แต่ม็อบสันติทำให้ผมรู้สึกว่าเรามีบทบาทในการแสดงออกน้อยมาก จนกระทั่งมีม็อบดินแดงแล้วรุ่นน้องชวนเลยตัดสินใจเข้าร่วมครับ จริง ๆ แล้วสาเหตุหลักคือรัฐบาลชุดนี้ทำให้ครอบครัวผมแย่ลงเรื่อย ๆ ด้วยครับ แต่ผมไม่ค่อยแสดงความรักกับครอบครัว ผมเลยเลือกที่จะใช้วิธีออกมาประท้วงแบบนี้แทนครับ
ม็อบทะลุแก๊สมีรูปแบบเป็นแบบไหน
“ต้องบอกแบบนี้ก่อนครับ ตอนแรกผมไม่รู้จักใครเลยในม็อบทะลุแก๊ส กลุ่มของผมคือก็มาดิแก๊ส ผมจะบอกคนในกลุ่มผมเสมอ ทุกครั้งที่คับขัน เอาตัวให้รอด ห่วงตัวเองก่อน แล้วเราค่อยเดินออกมาเจอกันทีหลัง ส่วนเรื่องแบ่งหน้าที่ ส่วนมากผมจะเผายางกับน้องสองคน และคอยอยู่ข้างหน้าเพื่อเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่ ส่วนคนอื่นในกลุ่มผมจะให้ไปช่วยคนอื่นที่เขามาแจกข้าว แจกน้ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก ส่วนคนอื่นที่ไม่ใช่พวกผม พอมีสถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น พวกเราก็จะช่วยเหลือกันเองโดยอัตโนมัติครับ”
คนที่มาร่วมม็อบดินแดงส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มไหน
“กลุ่มเด็กวัยรุ่น วัยกลางคน และคนทำงานที่ได้รับความเดือดร้อนครับ”
พบปัญหาจากการเข้าร่วมม็อบทะลุแก๊สบ้างไหม
“มีครับ ได้บาดแผลจากการไปชุมนุม ตอนนั้นคือผมอยู่ในซอยแล้วข้างหน้าจะมีมอเตอร์ไซค์จอดกันเยอะมาก พอเจ้าหน้าที่มา ผมก็วิ่งออกไป จากนั้นก็มีมอเตอร์ไซค์ขี่สวนมาและชนผมเลยได้รับบาดเจ็บครับ แต่ที่หนักเลยก็คือโดนดำเนินคดี ตอนนี้ก็ยังใส่กำไลอีเอ็มอยู่ครับ”
คิดอย่างไรกับการมีเส้นสันติวิธีที่ห้ามตอบโต้รัฐ เพราะมีคนกล่าวว่าอาจจะทำให้รัฐมีความชอบธรรมในการปราบปรามผู้ชุมนุม อย่างเช่นมีคนบอกว่าถ้าเราใช้ความรุนแรงรัฐก็จะรุนแรงกลับ ดังนั้นไม่ควรตอบโต้ เห็นด้วยหรือไม่
“สำหรับผมนะครับ ครั้งแรกที่รัฐใช้จีโน่ฉีดใส่ประชาชนที่มีแค่ร่มกับชุดกันฝน รัฐเป็นคนเริ่มก่อนนะครับ ผมว่าคนเรามีความคิดของตัวเอง การจะชนะอะไรสักอย่างมันไม่ควรมีวิธีเดียว เพราะทุกวิธีมีเป้าหมายเดียวกัน ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน สุดท้ายก็คือการต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน”
หมายความว่าถ้ารัฐใช้ความรุนแรงก่อน การตอบโต้กลับไปก็เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้สำหรับคุณใช่ไหมที่จะไม่ยอมถูกทำร้ายฝ่ายเดียว
“ถ้าพูดง่าย ๆ ก็เหมือนเราเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ทางการเมืองแค่นั้นแหละครับ วิธีสันติก็ไม่รู้จะได้ผลไหม วิธีใช้ความรุนแรงก็ไม่รู้จะได้ผลไหม ในเมื่อลองวิธีแรกแล้วมันกดดันรัฐไม่มากพอ ก็แค่ลองวิธีที่สอง แค่นั้นเองครับ”
แล้วมีขอบเขตกำหนดไหมว่าจะตอบโต้กันถึงขนาดไหน หรือขึ้นอยู่กับว่ารัฐรุนแรงกับประชาชนเท่าไหร่ รุนแรงมากเราก็โต้ตอบกลับไปหนักขึ้น แบบนั้นหรือเปล่า
“ผมก็จะทำจนกว่ารัฐบาลจะฟังประชาชนแล้วแก้ปัญหาให้ แต่ต้องทำจริง ๆ นะครับ ถ้าเขาพิสูจน์ว่าเปิดใจรับฟังและกำลังแก้ปัญหาให้เราอยู่ ผมว่าก็คิดว่าคงไม่มีใครออกมาประท้วงหรอกครับ”
เคยสงสัยไหมว่าทำไมรัฐถึงรุนแรงหรือผูกขาดความรุนแรงอยู่ฝ่ายเดียว การกระทำรุนแรงใด ๆ ต่อประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง พวกเขามองว่าเพื่อรักษาความสงบ ถึงแม้มันจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม แต่เมื่อประชาชนตอบโต้กลับไป พวกเขากลับกล่าวหาว่าเป็นการก่อการร้าย
“มันยากอยู่แล้วครับสำหรับการต่อสู้กับคนที่มีอำนาจในมือ รัฐทำให้คนทั้งประเทศมีชีวิตที่ตกต่ำ แล้วมันจะเป็นไรไปครับ ไหน ๆ เขาก็มองพวกผมในแง่ลบอยู่แล้ว ทุกคนทำเพื่ออนาคต ทำเพื่อครอบครัว ทำเพื่อคนที่รัก ถึงใครจะมองว่าเลวร้ายก็ไม่เป็นไรครับ”
พวกคุณคิดว่าสังคมมองพวกคุณเป็นคนยังไง นักสู้เพื่อเสรีภาพความถูกต้อง คนธรรมดาที่ออกมาเรียกร้อง หรือแค่ผู้ก่อความไม่สงบ แล้วมองตัวเองเป็นคนยังไง เป็นแบบที่เขาบอกหรือเปล่า
“ผมว่าแล้วแต่คนนะครับ สำหรับคนที่คิดว่าเด็กพวกนี้มันก่อความไม่สงบ ใช่ครับ แต่ทุกคนก็คงไม่ได้คิดว่าพวกผมทำเพื่อคนที่ผมรัก ทำเพื่อครอบครัว ทำเพื่อเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาก็คิดแค่ว่าพวกผมมันคึกคะนอง แต่จริง ๆ แล้วเราทำเพื่ออะไร ผมว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจตัวเองครับ ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาที่อยากทำไรสักอย่างเพื่อให้ครอบครัวดีขึ้น ก็เลยเลือกวิธีนี้ครับ”
แล้วคาดหวังอนาคตตัวเองไว้อย่างไรบ้าง มีความฝันอะไรบ้างไหมที่คิดว่าถ้าบ้านเมืองปกติคงจะได้ทำมัน
“ความฝันผมหรอครับ ความฝันของผมคือการทำงานออกแบบภายใน เพราะตรงกับสายที่เรียนและรายได้ในสายงานผมค่าแรงมันก็เยอะด้วย แต่ถ้ารัฐไม่ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น จะมีคนมาเช่าคอนโดหรือสร้างบ้านกันหรอครับ สุดท้ายผมจะทำตามฝันผมได้หรอ ดังนั้นหากบ้านเมืองยังเป็นแบบนี้ต่อไป คงต้องทำอย่างอื่นที่พอประทังชีวิตไปวัน ๆ แหละครับ”
ได้รับผลกระทบจากการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลนี้ไหม
“ได้รับครับ อย่างครอบครัวผมเจอโควิดไปสองสามรอบ เงินเดือนพ่อผมที่จุนเจือครอบครัวหายไปครึ่งนึง เพราะทำโอทีไม่ได้ครับ”
มีความคาดหวังอย่างไรเกี่ยวกับประเทศไทยในอนาคต
“ผมหวังว่าประเทศของเราจะมีพื้นที่เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้แสดงออกทุกอย่าง คือใครสนใจด้านไหน ชอบด้านไหน ก็มีแหล่งให้ความรู้แบบเต็มที่ ถ้าเป็นแบบนั้นจำนวนคนเก่งและคนมีความสามารถในประเทศก็คงจะเยอะขึ้น เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่มีพื้นที่สำหรับคนที่สนใจด้านต่าง ๆ ประเทศเขาเลยผลิตคนเก่งออกมามากมาย ผมว่าคนเหล่านี้คือทรัพยากรสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาในสังคมได้ครับ”
อยากฝากอะไรถึงผู้บริหารประเทศ
“อยากฝากว่าการที่ท่านลืมเอาปัญหาประชาชนมาใส่ใจ ไม่รับฟังความคิดเห็น มันจะทำให้ประเทศย่ำแย่ลง ท่านลองแบ่งกลุ่ม แบ่งประเภทคนที่เขาได้รับความเดือดร้อน แล้วก็ให้แต่ละกลุ่มบอกปัญหาของตัวเองมา จากนั้นก็นำข้อมูลมารวมกันเลยว่าปัญหาที่เหมือนกันของแต่ละกลุ่มคืออะไร ปัญหาที่ต่างกันของแต่ละกลุ่มคืออะไร แล้วท่านก็แก้ไขให้มันตรงจุด จริง ๆ แล้วหากนายกและรัฐบาลใส่ใจขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย ประเทศอาจจะดีขึ้นกว่านี้ครับ”
อยากฝากอะไรถึงเจ้าหน้าที่รัฐ
“ผมเข้าใจนะครับว่าคุณต้องทำตามหน้าที่ แต่ผมอยากถามพวกคุณว่างานที่คุณทำอะ มันคุ้มกับค่าแรงไหม เบี้ยเลี้ยงที่ได้มาเนี่ยคุ้มค่ากับชีวิตพวกคุณแล้วใช่ไหม เจ้าหน้าที่บางคนผมก็อยากขอบคุณมากที่ช่วยให้รอดพ้นการโดนจับคาม็อบ แต่ขอเตือนคฝ.ที่เขาคิดว่าการได้ต่อสู้กับประชาชนคือเรื่องสนุกสนาน คือพวกผมมาที่นี่ไม่ได้เอาสนุกนะ ทุกคนเจอปัญหาชีวิตจริง ๆ และการที่ผมเลือกวิธีนี้ก็เพื่อจะได้ส่งเสียงเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็พอหอมปากหอมคอพอ อย่าทำเกินกว่าเหตุเลยครับ”
อยากฝากอะไรถึงประชาชนทั่วไป
“สักวันมันต้องดีขึ้น ถ้าผู้นำฉลาดขึ้นหรือมีคนใหม่ที่เก่งกว่าคนเก่ามาบริหารประเทศครับ”
จากการไปม็อบดินแดงมาตลอด ผู้ชุมนุมม็อบนี้ได้สื่อสารอะไรให้สังคมรับรู้
“ทุกคนมีอุดมการณ์เดียวกัน ผมได้รับน้ำใจจากม็อบดินแดงเยอะมากครับ อยากขอบคุณที่ร่วมต่อสู้กันมา ถึงมันจะยากลำบากแค่ไหน โดนดำเนินคดีกันระนาว แต่ทุกคนก็ยอมใช้ใจสู้กัน ดังนั้นคนที่เข้าใจและชื่นชมก็จะบอกว่า ขอบคุณที่ต่อสู้แทนพวกเขา ส่วนคนเห็นต่างก็จะบอกว่า พวกเราคึกคะนอง ชอบใช้ความรุนแรง ผมไม่ว่าความคิดใครหรอก แต่ทุกครั้งที่ผมสู้ ผมสู้สุดความสามารถที่มี เพื่อส่งเสียงแทนคนที่ผมรักและคนอื่น ๆ ที่เขาไม่กล้าทำแบบเรา”
ในการต่อสู้ทุกสนามนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย แต่พวกเขาก็ยอมแลกทุกอย่าง ทั้งชีวิต โอกาส อิสรภาพ และอนาคต ทั้งที่เลือกได้ว่าจะเพิกเฉยหรือไม่ทำมัน การออกมาต่อสู้ในรูปแบบที่ใครหลายคนอาจจะไม่เข้าใจ โดยมองว่ามวลชนกลุ่มนี้เป็นเพียงคนหัวรุนแรงหรือสร้างสถานการณ์ แต่พวกเขาก็ไม่เคยท้อถอยและยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมา เพราะสุดท้ายแล้วเป้าหมายก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่น นั่นคือต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีกว่าเดิม
ผู้สัมภาษณ์: ตัวแทนจากทีม ก็มาดิแก๊ส
#เสียงจากมวลชนอิสระ
#ทะลุแก๊ส #ทะลุแก๊ซ