ตุ๊ดส์review
16h ·
ไม่รู้ว่ามีใครตาม channel ของคุณอิก บรรพต บ้างไหม? เราว่าดีมาก ทั้งในแง่ inspiration และความรู้ด้านการเงินในเพจ ถามอีก กับอิก Tam-Eig วันนี้เราเห็นคุณอิก tweet ข้อความหนึ่ง ที่ทำให้เราคิดว่า มันต้องชวนคุยกันต่อ เลยแวะมา post ข้อความนี้ พร้อมแชร์มุมมองของตนเองไปด้วย
เราว่า 3 ปัจจัยหลักๆที่ทำให้คนรวยยิ่งรวย และคนจนยิ่งจนคือ "โครงสร้างทางสังคมระบบอุปถัมภ์ รัฐสวัสดิการ และการศึกษา"
ปัจจัยทั้ง 3 ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำทางโอกาสทั้งหมด
1) โครงสร้างทางสังคม คือปัจจัยแรกๆที่ทำให้คนรวยยิ่งมีโอกาสต่อยอด เพราะ #ระบบอุปถัมภ์ ที่สร้างให้ connections ของพวกเขาแข็งแรง ยิ่งรวยยิ่งมีเงินเป็นใบเบิกทางให้ตัวเองใช้ "เงินต่อยอดเงิน" ได้ง่าย เอาคนรู้จักในวงสังคมช่วยเหลืออุปถัมภ์กันและกัน ผลักให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมแบบพึ่งพาอาศัยกินส่วนแบ่ง ต่างได้รับประโยชน์ทุกฝ่าย มันทำให้คนรวยเกาะกลุ่มกันได้ดี แบบโตร่วมกัน เกื้อหนุนกันจากวงสังคมคนรวย ใต้โต๊ะ เส้นสาย โกงระบบได้ ด้วยการใช้เงินของตัวเอง
ในขณะที่คนจนวงสังคมของพวกเขา และโอกาสปีนป่ายยากกว่ามาก ไม่รู้จักใคร ไม่มี connection เก่งแค่ไหน มีความรู้แค่ไหน ก็ทำได้แค่ใช้ต้นทุนของตัวเองปีนป่ายไต่ออกจากวงจรที่อยู่ได้ยากมาก มันคือหนังเรื่อง PARASITE พวกเขาปากกัดตีนถีบเกินกว่าจะสร้างสรรค์โอกาสในชีวิต แค่หันไปมองภาระที่ต้องพะยุงตัวเองให้รอดก็ลำบากมาก 'โอกาสของการได้รับการอุปถัมภ์' ไม่มีวันเท่าคนรวยๆ
'Connection สำคัญกว่าความรู้'
'ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร'
'เก่งแค่ไหน ก็ไร้ค่า ในประเทศที่อภิสิทธิ์ชนเกื้อหนุนกันเอง'
แล้วอภิสิทธิ์ชน เขาก็ชอบโครงสร้างสังคมที่ต้องการรักษาอภิสิทธิ์ตัวเองไว้แบบนี้ เขาไม่ได้อยากเห็นคนจนสุขสบาย แต่อยากใช้การบริจาคมาสร้างภาพทำ marketing / CSR ให้ตัวเอง เอาคนจนมาเป็นเครื่องมือประดับบารมี กดไว้ให้จนอยู่แบบนั้น ด้วยการเกื้อหนุนของระบบกดขี่ของรัฐ ก็ไม่ได้ส่งเสริมความก้าวหน้าของชีวิตพวกเขาเลย
2) รัฐสวัสดิการ คือปัจจัยที่กดขี่คนในประเทศมากขึ้นไปอีก เพราะการที่เราไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เป็นเพราะไม่มีอะไร support เรามากพอ ต้นทุนประชาชน หนี้สินครัวเรือน ค่าครองชีพ และเงินภาษีที่ต้องจ่ายทุกอย่างมีราคาสูงลิบ แต่รัฐไม่ได้คุณอยู่ได้สุขสบายตามอัตภาพได้
จริงๆในประเทศที่เขาเจริญแล้ว เราไม่ต้องรวยอู้ฟู่นะ เป็น chef รปภ. แม่บ้าน พนักงานบริษัท หรือ CEO ทุกคนสะดวกขึ้นรถไฟฟ้าของรัฐได้ เพราะมันสะดวกขึ้น ในราคาที่ทุกฐานะจับต้องได้ ทุกคนมีโอกาสมีบ้าน มีรถ ถือแบรนด์เนม เอาจริงๆมันไม่ต้องรวย แต่มันเก็บ มีใช้จ่าย ค่าครองชีพ กับรายได้ไม่ได้สวนทางกัน แถมมีรัฐสวัสดิการต่างๆ ไปลดภาระประชาชน ใช้ภาษีเราไปทำงานเต็มเม็ดเต็มหน่วย ยกตัวอย่าง 'สวีเดน' เป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ถูกยกให้เป็น "รัฐสวัสดิการ" ดีสุดในโลก
- ค่าเทอมให้เรียนฟรี ถึงปริญญาเอก
- ส่วนถ้าไม่ใช่ Citizen จะฟรีถึงมัธยม
- หากไม่ชอบงานด้านที่จบ รัฐยังคงสนับสนุนให้เรียนปริญญาฟรีอีกใบ
- มีเงินอุดหนุนให้เปล่าระหว่างเรียน 12,000-15,000 บาท
- พวกค่ารถ ค่าเดินทาง สำหรับนักเรียนฟรีหมดเลย
- รักษาฟันฟรีถึงอายุ 23 ปี
- ถ้าหากใครมีลูก รัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนเด็กทุกคนเป็นค่าขนม เดือนละ 4-5 พันบาท ตั้งแต่คลอดออกมา จนถึงอายุ 18 ปี
ฯลฯ
(หันมาดูประเทศตัวเอง ก็ไถนากันต่อไปเนอะ)
พอภาระเราลดลงจากรัฐสวัสดิการ ต่อให้คุณไม่รวยมาก คุณรอด คุณอยู่ได้ เพราะเงินของคุณมันมีพอใช้ และตอนคุณแก่ รัฐดูแลคุณได้ ไม่ใช้โยนเงินเดือนละ 600-800 บาทมาให้แบบไม่พอใช้แล้วเรียกมันว่า 'เบี้้ยผู้สูงอายุ'
หรือสวัสดิการแนวแจกเงิน แต่ไม่สร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ก็คือการกดให้คนจนยังคงยากจนและอยู่ใน status ขอทาน ไม่มีใครได้เงินที่เขาแจกมาโปรยหลักร้อย แล้วจะรวยได้ ก็จนวนไป
3) ค่านิยมจากการศึกษาและหลักสูตร คือสิ่งสำคัญมาก ที่รัฐแทบไม่ได้ให้ความสำคัญเลย เรามาเรียนรู้การลงทุน การเงิน และความเข้าใจเรื่องธุรกิจกันตอนโตมากๆ ทั้งๆที่บทเรียนความเป็นเจ้าของกิจการ มันสามารถส่งเสริมได้ตั้งแต่ในวัยเรียน แต่วิชาพวกนี้ไม่ได้บรรจุเข้มข้นในหลักสูตร (อ้างว่ามี แต่ไม่ได้สอนให้ใช้ประโยชน์ได้จริง) เพราะมันไม่มีครูสอนไง ครูยังเป็นหนี้อยู่เลย จะมาสอนเรื่องการเงินคงไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
เด็กเล่นหุ้น trade เป็นตั้งแต่ประถมยังได้เลย ในโรงเรียนที่มีการให้ความรู้ หรือส่งเสริมให้เด็กเป็นเจ้าของกิจการ มีการฝึกให้ทดลองเป็นนักธุรกิจวัยเยาว์ก็ทำได้ แต่ค่านิยมการศึกษาไทย ไม่ได้สอนแบบปลูกฝังให้เด็กเป็นนายตัวเอง เขาก็ไม่อยากสอนกันหรอก อ้าว!!!!
ในความจริง เราสอนให้เด็กเป็นเจ้าคนนายคน ไปทำงานบริษัทหรือข้าราชการเพื่อสวัสดิการสุขสบายให้พ่อแม่และตนเองยามเกษียณ การศึกษาพยายามป้อนพวกเขาสู่ระบบราชการ + อุตสาหกรรม ตลาดแรงงานให้นายทุนใช้งาน ไม่ได้ให้เขามีความคิดที่จะหาตัวตนจาก passion รู้จักตัวเองว่าอยากทำอะไร อยากโตมาเป็นอะไรจริงๆ เมื่อไม่ได้ส่งเสริมความเป็นเจ้าของ ให้โตมาแบบเป็นพนักงานกินเงินเดือน มุมมองก็ไม่ใช่คนที่จะสร้างความมั่งคั่ง เว้นเสียแต่รับมรดกจากทางบ้านเป็นกิจการพันล้านรออยู่
เราน่าจะอยู่ในประเทศที่ไม่ส่งเสริมให้คนสุขสบายได้ทุกฐานะ แต่เราอยู่ในประเทศที่รัฐและอภิสิทธิ์ชนส่งเสริมให้คนยิ่งเหลื่อมล้ำทางโอกาส และฐานะทางเศรษฐกิจ เพราะพวกเขายังคงได้ประโยชน์จากการเป็นยอดปิรามิดของประเทศเสมอมา ทำให้เขาเพิกเฉยที่เห็นคนมี "โอกาส" ไม่เท่ากัน
"คนเรารวยไม่เท่ากันเข้าใจได้ แต่โอกาสการเข้าถึงทรัพยากรและความเจริญก้าวหน้า มันไม่ควรเหลื่อมล้ำไง"
ไม่รู้คุณอิกมองยังไง เรามองแบบนี้ หดหู่
'ก็ทุกอย่างของประเทศมันกดเอาไว้ให้คนจนยิ่งจน แล้วคนมันจะรวยได้ยังไงเอ่ย?'
#ThinkTalkLoud
#ตุ๊ดส์review