วันศุกร์, มกราคม 14, 2565

รัฐมนตรีว่า ‘ของแพงเพราะเงินเฟ้อ’ ทัพฟ้า-ทัพเรือ เห็นเงินเยอะเลยเร่งจับจ่าย

แรกก็แปลกใจที่รองนายกฯ ดูแลงานเศรษฐกิจ พูดได้ไง ของแพงเพราะเงินเฟ้อแทนที่จะใช้หลักเศรษฐศาสตร์ตามความจริงที่ว่าอุปสงค์มากไป อุปทานไม่พอ เช่น อหิวาห์ระบาดหมูตายเป็นเบือ ที่เหลืออยู่ราคาก็ขึ้น

หรือว่าน้ำมันแพงเพราะการแซกแซงตลาด ปั่นราคา โรงกลั่นส่งออกนอกก่อนแล้วค่อยอ้อมกลับมาขาย เอากำไรเยอะๆ ในประเทศ ทำให้กระทรวงพาณิชย์อ้างว่า “เงินเฟ้อเกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น” ซึ่งก็ไม่ตรงกับความจริงอีก

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ผู้ควบตำแหน่ง รมว.พลังงานอีกขาหนึ่ง บอกว่า “อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยจะอยู่ในระดับ ๑-๓ เปอร์เซ็นต์ โดยไม่สามารถดูเฉพาะเจาะจงในรายการสินค้าได้ ต้องดูภาพรวม” แต่ภาพรวมที่ว่ามาจากรายการจำเพาะ

จากน้ำมันแพง แล้วก็มาหมูแพง จากนั้นส่งผลกระทบต่อไปยังผลิตผลที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ค่าขนส่ง ลงไปไปยังปลายทางลูกโซ่ ก๋วยเตี๋ยวและข้าวราดแกง เป็นต้น อันนี้ไม่ต้องไปดูสถานการณ์โลกอย่างที่รัฐมนตรีอ้าง เพราะน้ำมันโลกถูกกว่าน้ำมันไทย และหมูไทยไม่ได้มาจากนอก (ต่อจากนี้ไปอาจมี)

แล้วยิ่งอ้างว่าของแพงเป็นข่าวดี ยิ่งเป็นการเล่นลิ้นโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภคระดับล่าง เศรษฐกิจรากหญ้าของไทยไม่ได้ผูกพันเศรษฐกิจโลก หรือได้รับผลกระทบทางใดทางหนึ่งมากขนาดนั้น

ดังที่สุพัฒน์พงษ์เอามาเทียบ “เรื่องนี้แสดงถึงการที่ประชากรโลกมีการบริโภคมากขึ้น หรือแสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจึงทำให้เกิดความต้องการบริโภคสูงขึ้น” ไม่ใช่เลย ถ้าจะทำได้ ปล่อยน้ำมันในคลังสำรองออกมาตรึงราคาให้ได้ เช่นเดียวกับการเปิดขายเนื้อหมูราคาถูกให้ท่วมตลาด

ประชาชนจะร้องเย้ ถ้าคณะรัฐมนตรีอนุมัติตัดงบกลาโหม ที่จะใช้ไปซื้อเครื่องบินขับไล่ มาประจำการแทนเครื่อง เอฟ-๑๖ ล็อตแรก ๑.๓๘ หมื่นล้านบาท เอามาซื้อเนื้อหมูจากนอกประเทศเข้ามาขายให้ประชาชนในราคาถูก สักพักจนกว่าการผลิตในประเทศไล่ทัน

เรื่อง ครม.ลักหลับเมื่อ ๑๑ มกรา อนุมัติจัดงบประมาณปี ๖๖ ให้กองทัพอากาศซื้อเครื่องบินขับไล่นี่ ชั่วช้ากว่าที่คิดกัน ถ้าไม่ได้รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลโวยขึ้นมา ประชาชนคงได้กินแกลบกินหญ้ากันอีก จากที่ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ สาธยายไว้

โครงการซื้อเครื่องบินใหม่ ๔ ลำนี้ “จะทำให้เกิดภาระงบประมาณในปี ๒๕๖๖ ที่ ๒,๗๖๐ ล้านบาท และ ในปี ๒๕๖๗-๒๕๖๙ อีกปีละประมาณ ๓,๖๘๐ ล้านบาท” แล้วยังจะมีการจัดซื้อต่อเนื่องไปอีกจนครบ ๑๒ ลำ ดังมุ่งหมายตั้งใจกันไว้

“เพราะโครงการนี้เป็นการแบ่งซื้อ ๓ ระยะ ระยะละ ๔ ลำ ในปีงบประมาณต่อๆ ไป ดังนั้น สิ่งเรากำลังพูดถึงความจริงในโครงการนี้ก็คืองบประมาณที่จะต้องใช้ทั้งสิ้น ประมาณ ๔๑,๔๐๐ ล้านบาท” ในขณะที่กรอบวงเงินงบประมาณทั้งสิ้นของปี ๖๖ อยู่ที่ ๓.๑๘๕ ล้านล้าน

“เราคาดการณ์ว่าจะไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้า และจะต้องกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณอีกจำนวนมาก” พิจารณ์ชี้ โดยนำการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลปีงบ ๖๓-๖๔ มาพิเคราะห์ “จะเห็นว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลพลาดเป้ามาแล้วสองปีติดต่อกัน”

ไม่เท่านั้น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลยังท้าวความถึงงบประมาณกองทัพเรือด้วย “การที่กองทัพเรือยอมถอย ไม่เสนอซื้อเรือดำน้ำ ในปีงบ ๒๕๖๖ นั้น คงต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ายกย่อง หรือต้องขอบคุณใคร” เพราะถึงไม่ซื้อเรือดำน้ำก็ยังจะใช้งบฯ เช่นเดิม

“เหตุผลที่ถอยการซื้อเรือดำน้ำ ก็เพราะว่าโครงการนี้ถูกสังคมจับจ้อง หากเสนอเข้ามาอาจถูกสภาผู้แทนราษฎรตัดลดงบประมาณ ซึ่งจะทำให้งบของกองทัพเรือลดลง เสียโอกาสในการใช้เงินก้อนนี้” ก็เลย “ตั้งงบประมาณไปที่โครงการอื่นดีกว่า”

นี่เขาเรียกเป็นวิธีคิดแบบ ปรสิต หรือเปล่าเนี่ย ตั้งหน้าแต่จะโกยกินเพราะคิดว่ามีเงินเหลือเฟือให้จับจ่าย (เป็นเงินเฟ้อสำหรับผู้ใช้เงินได้ตามอำเภอใจ) ขณะที่เวลานี้ความเดือดร้อนอันเกิดจากของแพง ที่ รมว.พลังงานอ้างว่ามาจากเงินเฟ้อนั้น

Decharut Sukkumnoed แนะให้ รมว.ไปอ่านบทความ ตะกร้าการบริโภค คำตอบของภาพลวงเงินเฟ้อที่ว่า “เงินเฟ้อขาขึ้น โดยเฉพาะในหมวดอาหารจะกระทบกับคนจนมากกว่าคนรวย” ภาพรวมเงินเฟ้อ “อาจจะดี” ดังสุพัฒน์พงษ์ว่า

“จึงอาจจะเท่ากับภาพลวงได้ครับ”

(https://www.facebook.com/decharut.sukkumnoed/posts/4720255688066345 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_3131122)