วันเสาร์, มกราคม 15, 2565

คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะบังคับให้คนเคารพศรัทธาได้งั้นหรือ - 2 นักศึกษา ถูกจนท.ตร.จับกุมในช่วงเช้าของงานรับปริญญา ม.เชียงใหม่ เพราะรณรงค์ ไม่รับปริญญา


@PhetcharatMaic1
·12h
ข้อสรุปของเหตุการณ์น้องพิมและนศ.มช. จบลงด้วยค่าปรับทั้งสิ้น 1,500 บาท การแสดงออกเป็นสิทธิส่วนบุคคลอันพึงมีพึงกระทำ แต่จนท.รัฐคุกคามและกักขังการแสดงออก ทั้งๆที่น้องทั้งสองยังไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิคนอื่น ประเทศนี้ก็คงจะเป็นประเทศแห่งเผด็จการแล้วจริงๆ #พลอยเพชรรัตน์ #ก้าวไกล
@BeCool71498496
·18h
Replying to
@TLHR2014
ชื่นชมในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของเยาวชนคนรุ่นใหม่ บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะความกล้าหาญ ไม่ใช่ความกลัว ..

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
12h ·

ช่วงสายวันที่ 14 ม.ค. 65 ที่บริเวณหน้าหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ทำการจับกุมตัว ยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มศิลปะ Artn’t และ พิมชนก ใจหงษ์ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และสมาชิกกลุ่ม “ทะลุฟ้า” ที่ได้ทำกิจกรรมชูป้ายผ้าข้อความ “ปริญญา ศักดินา” ก่อนถูกส่งตัวไปสอบสวนที่ สภ.สันกำแพง อ้างเหตุ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ไม่สะดวก ก่อนปรับ 2 ข้อหา รวม 1,500 บาท และปล่อยตัวกลับ
.
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นช่วงเวลาประมาณ 9.40 น. ยศสุนทร และพิมชนก ได้เดินทางไปยังบริเวณหน้าหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตรให้กับบัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ชูป้ายข้อความ “ปริญญาศักดินา” โดยพิมชนกได้ตะโกนคำว่า “ปริญญาศักดินา” ภายใต้การติดตามของเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 15 นาย
.
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปยื้อแย่งป้ายข้อความ จนเกิดการโต้แย้งกันขึ้น ก่อนจะมีการตะโกนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำการจับกุมตัวทั้งสองคนไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ 3 นาย ได้เข้าล้อมตัวพิมชนกไว้พร้อมกับพยายามยื้อแย่งโทรศัพท์มือถือที่มีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) และสั่งให้ยุติการถ่ายทอดสด แต่พิมชนกไม่ยินยอม ทำให้เกิดการยื้อแย่งจนพิมชนกได้รับบาดแผลขีดข่วนที่ร่างกาย ส่วนยศสุนทรได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชายในเครื่องแบบเข้าจับกุมและใส่กุญแจมือ พร้อมกับยึดกระเป๋าไปตรวจค้น โดยไม่มีการแจ้งว่าทั้งสองกำลังถูกจับกุมจากสาเหตุใด หรือเป็นการจับกุมในข้อหาใด
.
จากนั้น ทั้งสองได้ถูกจับกุมตัวขึ้นรถคุมขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยัง สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ โดยทางตำรวจได้ตรวจค้นร่างกายและตรวจค้นกระเป๋าของทั้งสองอีกครั้ง พร้อมกับมีความพยายามขอยึดโทรศัพท์มือถือไว้ แต่ทั้งสองไม่ยินยอม เนื่องจากต้องใช้เพื่อติดต่อทนายความและญาติ
.
ต่อมา เมื่อทนายความได้เดินทางไปถึง พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ถูกจับกุมทั้งสองคนแล้ว พ.ต.อ.มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับการ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ แจ้งว่าจะนำตัวผู้ถูกจับกุมทั้งสองไปยัง สภ.สันกำแพง เนื่องจากขณะนี้บริเวณ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงพอ และยังต้องทำการรับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ ที่เดินทางมามอบปริญญาบัตรต่อไปด้วย
.
เวลาประมาณ 11.30 น. ผู้ถูกจับกุมทั้งสอง พร้อมด้วยทนายความ ถูกนำตัวไปถึง สภ.สันกำแพง ด้วยรถผู้ต้องขังของตำรวจ โดยนำตัวไปยังห้องประชุมชั้นสอง ทางตำรวจได้มีการจัดเตรียมทีมแพทย์เข้ามาตรวจร่างกายของผู้ถูกจับกุมทั้งสอง พร้อมกับบันทึกอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ในรายงานการแพทย์ แต่ไม่ได้มอบให้กับผู้ถูกจับกุม หากต้องการรายงานการแพทย์ดังกล่าว ต้องทำหนังสือไปยังโรงพยาบาลอีกครั้ง
.
พ.ต.อ.มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับการสภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้ทำการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าจะไม่ขอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยต่อจากนี้จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ถูกจับกุมทั้งสองรายว่า ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ฯ ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยต้อนรับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งจะทำให้บริเวณที่มีการเสด็จเป็นเขตพระราชฐานทันที การที่ยศสุนทรและพิมชนกได้เข้ามาชูป้ายข้อความพร้อมกับส่งเสียงตะโกนดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขอความร่วมมือให้หยุดการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งสองยังไม่ยอมหยุดกิจกรรม อีกทั้งยังได้พยายามข้ามถนนไปยังบริเวณหอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงต้องทำการควบคุมตัวเพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
.
ตำรวจอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดลหุโทษใน 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ส่งเสียงหรือกระทำความอื้ออึง โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 370 มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจของกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีสาเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
.
ด้านพิมชนกและยศสุนทรได้โต้แย้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าการกระทำใดของทั้งสองคนที่เป็นข้อหาตามที่ถูกกล่าวหา เพียงแค่การตะโกนของพิมชนกไม่น่าจะถึงขั้นส่งเสียงอื้ออึงจนกระทบต่อประชาชนได้ อีกทั้งยศสุนทรเองก็ยังไม่ได้มีพฤติการณ์ส่งเสียงใดๆ เพียงแต่เดินถือป้ายด้วยกัน ก็ถูกเข้าจับกุมตัวแล้ว อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าทั้งสองได้ขัดคำสั่งของเจ้าพนักงานตอนไหน จึงอยากจะได้คำอธิบายอย่างชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
.
ทาง พ.ต.อ.มนัสชัย ได้ระบุเพียงว่าหากพฤติการณ์เป็นเช่นนั้น ก็จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาต่อยศสุนทรเพียงเรื่องการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน แต่พิมชนกจะยังถูกแจ้งทั้งสองข้อกล่าวหา โดยไม่ได้อธิบายรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายในห้องสอบสวนแจ้งเพิ่มเติมว่าหากผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ก็ต่อสู้กันต่อไป และให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
.
หลังจากการปรึกษากันแล้ว ผู้ถูกจับกุมทั้งสองได้ตัดสินใจยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเปรียบเทียบปรับ เพื่อยุติคดีความลง และลดภาระต่างๆ ที่อาจตามมาภายหลัง
.
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับพิมชนก ใน 2 ข้อกล่าวหา ข้อหาละ 500 บาท รวมเป็น 1,000 บาท ส่วนยศสุนทร ปรับ 1 ข้อกล่าวหา เป็นเงิน 500 บาท รวมแล้วทั้งสองคนถูกปรับเป็นเงินจำนวน 1,500 บาท
.
เมื่อจ่ายค่าปรับให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ที่เดินทางมาทำการสอบสวนและเปรียบเทียบปรับที่ สภ.สันกำแพงแล้ว ทั้งสองจึงได้รับการปล่อยตัวกลับ ในเวลาประมาณ 14.00 น.
.
อ่านบนเว็บไซต์ : https://tlhr2014.com/archives/39585