เฮ้อ โล่งอกไปที เยอรมนีแจ้งแล้ว ให้พระเจ้าอยู่หัวไทยทรงงานได้เป็นครั้งคราวขณะประทับอยู่ที่นั่น จะได้มิต้องประทับอยู่ในไทยถาวร ดินน้ำลมไฟที่นี่ไม่ค่อยจะต้องพระวรกาย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนทำให้สุขภาพไม่เป็นใจ
ถ้าเกิดว่า ‘ทรงพระเป๋’ บ่อยๆ ดังคลิปที่ Snea P. Thinsan แชร์ ละแย่เลย และจะแย่ไปใหญ่หากประเด็นที่ Pavin Chachavalpongpun เอามาเม้าท์ ‘เฮ้อ’ เหมือนกันเรื่อง “อาการทางสมอง...อีหรอบเดิม เมายา”
รัฐบาลเยอรมนีชี้แจงต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนฯ ว่า ร.๑๐ของไทยสามารถประทับอยู่ในประเทศนั้นได้นานหลายๆ ปี และมีเอกสิทธิทางการทูตในฐานะประมุขแห่งรัฐ แต่ถ้าจะทรงปฏิบัติราชกรณียกิจทางการเมืองอย่างต่อเนื่องเป็นนิจสินนั้น “ไม่ได้”
หากทรงงานบ้างเป็นครั้งคราวละก็ โอเค เท่าที่ผ่านมายังไม่พบว่าพระองค์ได้ทรงงานอย่างต่อเนื่องขณะประทับอยู่ที่นั่น แม้ “เป็นที่ชัดเจนว่าหลายคนมองว่าสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นเป็นปัญหา” ดังคำถามในจดหมายเปิดผนึกของคณะราษฎร ๖๓ ผ่านทูตเยอรมันประจำไทย
จึงเป็นอันว่ารัฐบาลเยอรมันแก้ข้อกังขาไปได้เปลาะเล็กๆ เปลาะหนึ่ง ยังอีกสองสามเปลาะ เช่น ภาษีมรดกจากการโอนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ทั้งหมด และ “ข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยข้าราชบริพารของพระองค์”
นั้นสำนักข่าวบีบีซีไทยพยายามสอบถามเพิ่มเติมจากทูตเกยอร์ก ชมิดท์ “ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่สถานทูตว่านายชมิดท์ไม่สามารถให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ได้” ก็คงกลายเป็น ‘คาราคาซัง’ และจะยิ่ง ‘พอกหางหมู’ เข้าไปอีกหลังจากม็อบสีลมวานนี้
ประเด็นไม่ใหม่ แต่ม็อบเยาวชนเอามาเปิดไฟใส่แสงสีให้เจิดจรัส จากการที่ แบรนด์ SIRIVANNAVARI ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนผ่านกระทรวงพาณิชย์ ๑๓ ล้านบาท จัดแฟชั่นโชว์เสนอผลงานออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีชุดใหม่ ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล
เยาวชนปลดแอกจัดชุมนุมเรียกร้องการตรวจสอบงบประมาณสถาบันกษัตริย์ “ปูพรมแดงบนถนนสีลม” แสดงแฟชั่นโชว์ ‘ศิลปะราษฎร’ โดยมีนายแบบ นางแบบ “แต่งตัวเลียนแบบบุคคลสำคัญเดินออกมา ผู้ชุมนุมต่างปรบมือและโห่ร้องด้วยความชอบใจ”
นอกนั้นมีการแสดงภาพวาดศิลปกรรมมากมายกว่าร้อยชิ้น เรียงให้ชมยาวไปบนพื้นถนน พร้อมด้วยกลุ่มผู้แต่งกายแฟนซีแบบต่างๆ มินเนี่ยน หน้ากากผี และสตรีสูงศักดิ์ มีคนกางร่มเดินตาม อีกทั้งการแสดงดนตรีวงย่อยๆ หลายจุด บ้างเป็นการเต้นหมู่ ที่เรียกว่า ‘คณะราษฎร์แด๊นซ์’
“หน้าวัดแขกมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่น่าสนใจอันนึงก็คือมีคนนอนนิ่งๆ อยู่แล้วก็มีคนคอยทาสีน้ำเงินบนตัวไปเรื่อยๆ ความหมายโคตรลึกซึ้ง ถ้าอยู่เฉยๆ อยู่นิ่งๆ ไม่สู้อะไรสีน้ำเงินก็จะกลืนกินตัวตนไปจนหมด” Phattita Cheraiem เขียนเล่า
ไฮไล้ท์ของงานเป็นการปราศรัยของ ‘อั๋ว’ จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์อีกหนึ่งดาวเด่นเยาวชนปลดแอก กล่าวถึงการใช้งบประมาณของรัฐไปอุดหนุนกิจการส่วนตนว่า “ทั้งหมดนี้ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเงินนั้นไม่ใช่เงินจากภาษีประชาชน”
ดูเหมือนอั๋วจะเป็นดาวเด่นของเยาวชนปลดแอกที่ยังเหลืออยู่นอกคุกไม่กี่คน นอกนั้นถูกตำรวจและศาลขานรับกันอายัตตัว ควบคุมตัว พอได้รับการประกันคดีนี้ ก็มีคดีใหม่มารออาตัวไปคุมขังต่อ โดยเฉพาะแกนนำ ๓ คนที่ไปยื่นจดหมายต่อสถานทูตเยอรมันจวนเต็มที
วันนี้ (๓๐ ตุลา) “ตร.ขออนุมัติหมายจับ ‘มายด์’ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล พร้อมพวกรวม 5 คน ในคดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมัน ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้” แต่ศาลยังไม่อนุมัติ ให้เหตุผลว่าเป็นนักศึกษา “ให้ตร.ออกหมายเรียกตามขั้นตอนปกติ”
@KhaosodOnline เผยว่า “สำหรับ #ไผ่ดาวดิน ที่เข้าไปยื่นหนังสือในสถานทูตเยอรมัน ตร.ยังไม่มีหลักฐานเอาผิด เพราะไม่แน่ชัดว่ายื่นเอกสารอะไรในสถานทูต และไม่ได้ปราศรัยใดๆ” แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับตำรวจยุค ‘คอแดง’ นี้
ที่สามารถกล่าวหาเยาวชนให้เป็นความผิดร้ายแรงยิ่งกว่า ‘สั่งฆ่าคน’ ได้ เช่นการไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสถานทูตเยอรมัน นั่นตำรวจแจ้งความผิดว่า “สร้างความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร” ตาม ม.๑๑๖
ถึงกระนั้น มีหรือเยาวชนผู้กล้าจะยอมยั่น วันนี้ ‘คณะราษฎร ๖๓’ ประกาศชุมนุมรายวันอีกอย่างน้อยๆ ๓ จุด ที่หน้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต หน้าเดอะมอลล์ บางกะปิ และที่เซ็นทรัลเวสต์เกต นนทบุรี ดูสิจะมีมุขใหม่อะไรออกมากระทุ้ง ‘old regime’ ให้หน้าหงาย
(https://www.bbc.com/thai/thailand-54728799lNzHs, https://www.facebook.com/waymagazine/posts/10157361902676456 และ https://www.facebook.com/BBCnewsThai/posts/2788574758030213)