วันจันทร์, ตุลาคม 26, 2563

เซลสมองต้องน้อยกว่าตู่ผู้เป็นเจ้านาย ‘สมีอิสระ’ อ้างระบบการศึกษาทำให้น้องๆ เยาวชนออกมาเรียกร้องปฏิรูป


รู้ละม็อบเส้นโต ห้ามแตะสถาบันกษัตริย์ ที่ไปค้างคืนรอเปิดสภาวันนี้ มีสุวิทย์ ทองประเสริฐ เป็นหัวหอก กับ อัศวิน ขวัญเมืองเป็นท่อน้ำเลี้ยง ถึงขั้นเมื่อวานผู้ว่าฯ กลัวน้ำ ลงพื้นที่ “อำนวยความสะดวกในเรื่องรถสุขาเคลื่อนที่ และไฟส่องสว่าง”

วันนี้ สมีอิสระ เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อประธานสภาฯ ผ่านเลขาฯ “คัดค้านการตั้งกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ พร้อมทั้งคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกมาตรา” ด้วย

สมีสุวิทย์ขู่จะ “ดำเนินการตามกฎหมาย และวินัยข้าราชการ” ต่อบรรดาอาจารย์ที่ให้การสนับสนุนม็อบเยาวชน “เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการในเรื่องนี้...ควรเร่งตรวจสอบกระบวนการศึกษาที่ทำให้เกิดปัญหา”

นี่ไง เห็นกันไหม ขนาดระดับนายกฯ สืบทอดรัฐประหาร เซลสมอง ๘ หมื่น ๔ พัน แล้วลิ่วล้อลูกไล่อย่างสุวิทย์จะเหลือแค่ไหน โทษกระบวนการศึกษาว่าทำให้นักเรียนไปม็อบ ก็นักเรียนเขาออกไปม็อบกันเพราะทนไม่ไหวกับระบบการเรียนการสอนขณะนี้มิใช่หรือ

กับระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ผลบุญที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งของทักษิณ ชินวัตรทำไว้ ตอนยึดอำนาจใหม่ๆ เป็นรัฐบาลสมัยแรก ประยุทธ์พูดบ่อยตำหนิโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค พยายามจะล้มแต่ทำไม่ได้เพราะได้รับความนิยมอย่างสูง

ถึงตอนนี้เป็นไง จำเป็นต้องขยายโครงการ บัตรทองให้ “สามารถไปรับบริการที่ไหนก็ได้” เรียกว่า “๓๐ บาทรักษาทุกที่” จะนำร่องในกรุงเทพฯ รับบริการรักษาปฐมภูมิได้ทุกที่ กับการรักษาโรคมะเร็งจะให้ใช้บัตรทองรักษาที่ไหนก็ได้เช่นกัน เริ่ม ๑ มกราปีหน้า

รัฐบาลของประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้เวลาเกือบ ๗ ปี กว่าจะถึงบางอ้อว่า ๓๐ บาทรักษาทุกโรค นี่เป็น ‘flagship’ ของระบบสุขภาพถ้วนหน้าระดับโลก เป็นแบบอย่างให้กับหลายประเทศ จนครั้งหนึ่งประยุทธ์ทำเนียนสวมรอย เอาไปอวดต่อยูเอ็น

เห็นมีพวกเสล่อเสื้อเหลืองบางคนพยายามโจมตีม็อบนักเรียน ว่ามี สองเหล่กับหนึ่งเหลี่ยม อยู่ข้างหลัง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแสดงว่าเด็กเหล่านั้นตาคม หัวแหลม รู้จักเลือกไอดอลคุณภาพสำหรับติดตาม เรียนรู้ และเอาอย่าง สมกับที่จะเป็นอนาคตของชาติ


ทางด้านเยาวชนปลดแอกก็ยังจัดชุมนุมแบบดาวกระจายรายวัน และปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์การแสดงออกอย่างมีพลวัตไม่หยุดยั้ง ๒๕ ตุลา อยู่ที่ ราษฎรประสงค์ มีเวทีปราศรัยย่อย นิทรรศการย่อมๆ และร้องเล่นเต้นรำสไตล์แปลก คณะราษฎ์แด๊นซ์

ผู้ชุมนุมเรียกขาน ‘theme’ ของงานว่า ประชาธิปไตยเฟสติวัล มีครบทุกรส สนุกสนานกับการบันเทิงตอนท้ายๆ แต่หนักแน่นกับเนื้อหาเช่นเคยในการปราศรัยช่วงต้นๆ จำเพาะอย่างยิ่งจากน้องหญิงยืนเดี่ยวโทรโข่งคนหนึ่ง

เธอพูดถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมเวลานี้ ต่อการเข้าถึงระบบรักษาพยาบาลและสาธารณสุข การศึกษาด้อยประสิทธิภาพ ติวเตอร์นอกโรงเรียนให้ผลดีกว่าครูในโรงเรียน นักเรียนต้องคอยระวัง โดนตบหากแสดงความคิดอ่านทางการเมือง


เรื่องตบนี่พวกเสล่อกร่างๆ ชอบอ้างกันนัก อย่างนักแสดงคู่แฝดบิณฑ์-เอกพันธุ์ บรรลือฤทธิ์ อ้างว่าสิ่งที่นักเรียนนักศึกษาเรียกร้อง ๑๐ ข้อเป็นการ ก้าวล้ำ ล่วงเกิน จาบจ้วง สถาบัน ถ้าเห็นต่อหน้าใครชูสามนิ้วใส่ขบวนเสด็จ จะเข้าไป ตบ

น้องที่ราชประสงค์ยังพูดถึงการเลือกปฏิบัติของ เจ้าหน้าที่ ต่อการชุมนุม พวกเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปสถาบันโดนใช้กำลังเข้าสลาย ฉีดน้ำแรงสูงผสมสารเคมีใส่ แต่ม็อบเสื้อเหลืองทำอะไรไม่เคยผิด ซ้ำได้รับการเอาอกเอาใจบริการจากเทศบาลเสียอีก

เช้าวานมีเทศกิจไปช่วยกางเต๊นอาหารให้กับม็อบเสื้อเหลืองหน้าสภา แต่ม็อบราชประสงค์ราวบ่ายสี่โมงครึ่ง ตำรวจไปยืนอ่านประกาศให้เลิกเวลาห้าโมง เพราะไม่ได้ขออนุญาต มันช่างคล้องจองกับที่น้องพูด “อยากทวงคืนสีเหลืองมาใช้บ้าง

ชอบสีเหลืองเหมือนกัน แต่ใส่แล้วโดนหาว่าเป็นมินเนี่ยน”

(https://www.facebook.com/Prachatai/posts/10157861633776699, https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5186940, https://www.komchadluek.net/news/regional/446753G4g และ https://news.thaipbs.or.th/content/297746)