วันอังคาร, มกราคม 07, 2568

ไขความลับน้ำมันแพง

https://www.facebook.com/prawes.prapha.nu.kul.kic/videos/464858509994073

ฟังจาก tiktok
https://www.tiktok.com/@beebee8989/video/7450458861330320658


มาแล้ว ข่าว Serious Shopping Skills !!! ทรัพย์สิน "อุ๊งอิ๊ง" หมื่นล้าน กระเป๋าแบรนด์เนมกว่า 200 ใบ สื่อแซะไม่ต่างรองเท้า 3,000 คู่ของ "อีเมลดา มาร์กอส"



ฝรั่งตะลึง! ทรัพย์สิน "อุ๊งอิ๊ง" 400 ล้านดอลลาร์ สูงกว่า “ไบเดน” กระเป๋าแบรนด์เนมกว่า 200 ใบ แซะไม่ต่างรองเท้า 3,000 คู่ของ "อีเมลดา มาร์กอส"

เผยแพร่ 5 ม.ค. 2568 ปรับปรุง: 6 ม.ค. 2568 06:09
โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - สื่อนอกตีข่าวไปทั่วโลกฮือฮาทรัพย์สิน 400 ล้านดอลลาร์ (1.4 หมื่นล้านบาท) ของนายกรัฐมนตรีไทย แพทองธาร ชินวัตร สูงกว่าผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน โจ ไบเดน มีแค่ 10 ล้านดอลลาร์ ชี้มีอพาร์ตเมนต์หรูกลางกรุงลอนดอนเช่านานเกือบ 1,000 ปี กระเป๋าแบรนด์เนม 217 ใบ วิจารณ์ไม่ต่างจากอดีตภรรยาประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ อีเมลดา มาร์กอส รองเท้า 3,000 คู่ เงินสดอีก 319 ล้านดอลลาร์

บลูมเบิร์กรายงานวันศุกร์ (3 ม.ค.) ว่า กลายเป็นที่กล่าวขวัญไปในทันทีเมื่อการแจ้งทรัพย์สินแก่ ป.ป.ช.ของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของไทย แพทองธาร ชินวัตร ที่มีทรัพย์สินรวม 400 ล้านดอลลาร์ (1.4 หมื่นล้านบาท) กลายเป็นข่าวดังไปทั่วทุกมุมโลกตั้งแต่ CNA ของสิงคโปร์ ดิอินไควเรอร์ของฟิลิปปินส์ NDTV ของอินเดีย CBC News ของแคนาดา BBC และเดอะการ์เดียนของอังกฤษ CBS News ของสหรัฐฯ AFP ของฝรั่งเศส เป็นต้น

เป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์ 2 แห่งย่านใจกลางกรุงลอนดอน โดยบลูมเบิร์กชี้ว่าเป็นสิทธิการถือครอบครองยาวนานถึง 992 ปีเป็นอย่างน้อยจาก 1 ใน 2 แห่งกลางย่านใจกลางกรุงลอนดอน

อ้างอิงจากสื่อไทยพบว่า ในการยื่นนั้นระบุคืออพาร์ตเมนต์ที่แรกคือ Flat#11 7Knaresborough House, Knaresborough Place สิทธิครอบครอง 987 ปี มูลค่า 111,612,250 บาท และคาดว่าจะหมดสัญญาการครอบครองใน 24 ธ.ค.3537

ส่วนอพาร์ตเมนต์แห่งที่ 2 คือ Flat #6 14 Montpelier Street มูลค่าอยู่ที่ 208,342,867 บาท คาดว่าจะหมดสัญญาในวันที่ 24 ม.ค.3552 ซึ่งบลูมเบิร์กให้ความสนใจโดยชี้ว่ามีสิทธิการครอบครองนาน 992 ปีที่ทั้ง 2 แห่งมีการถือครองที่อาจจะเรียกว่าเช่าได้นานเกือบ 1,000 ปีทีเดียว

ทรัพย์สินโดยรวมตามที่นายกฯ ไทยแจ้งไว้มีโดยรวมสุทธิที่ราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อเทียบกับทรัพย์สินสุทธิ (net worth) ของผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อ้างอิงตามการรายงานของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 10 ล้านดอลลาร์ ส่วนว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ นั้น นิตยสารฟอร์บส์เพิ่งรายงานเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ล่าสุดว่า มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่รวม 3.6 พันล้านดอลลาร์ ลดลงไปจากตัวเลขเดิมที่ราว 4 พันล้านดอลลาร์

เป็นที่น่าสนใจว่านายกฯ หญิงของไทยสามารถเช่าอพาร์ตเมนต์ได้ยาวถึงเกือบพันปีในกรุงลอนดอนนั้น อ้างอิงจากเว็บไซต์ compare mymove พบว่ารัฐบาลอังกฤษอนุญาตให้มีระยะเวลาการเช่าได้นานสูงสุดถึง 999 ปีทีเดียว

ทว่าในการประกาศบนเว็บไซต์รัฐบาลอังกฤษเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ปี 2024 พบว่ารัฐบาลอังกฤษได้ผ่านกฎหมายปฏิรูปการเช่า (Leasehold reforms) ที่ตามประกาศระบุว่า กฎหมายฉบับแก้ไขการเช่า Leasehold จะช่วยให้เป็นการง่ายขึ้นต่อเจ้าของสัญญาเช่าแบบ Leasehhold เพื่อให้สามารถซื้อสิทธิการครอบครองโดยสมบูรณ์ที่เรียกว่า freehold ได้ ด้วยการเพิ่มระยะการเช่ามาตรฐานออกไปถึง 990 ปีสำหรับบ้านและแฟลต

Leasehold คือการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว โดยไม่ได้กรรมสิทธิ์ครอบครอง ขณะที่ Freehold คือการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบขายขาด โดยผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิ์ไปครอบครองอย่างเต็มตัว และสามารถปรับปรุง ซ่อมแซม ตกแต่งห้อง เพื่อลงทุนทำกำไรต่อได้

บลูมเบิร์กกล่าวว่า นอกจากนี้พบว่า แพทองธาร ชินวัตร เป็นเจ้าของร่วมที่ดินกับสามีที่เกาะฮอกไกโด ญี่ปุ่น

ตามการรายงานระบุว่า นายกฯ แพทองธารได้โอนหุ้นที่มีอยู่ราว 24% ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร SC Asset Corp Pcl เมื่อพฤศจิกายนให้ผู้จัดการกองทุนให้ดูแลคือ บลจ.เกียรตินาคินภัทร อ้างชื่อตามรายงานสื่อไทย

การแจ้งทรัพย์สินยังรวมถึงเงินสดและเงินที่ฝากในบัญชีธนาคารกว่า 24 บัญชี รวม 31.6 ล้านดอลลาร์ (1.09 พันล้านดอลลาร์)

เอเอฟพีรายงานว่า ผู้นำไทยได้ประกาศว่ามีหนี้สินเกือบ 5 พันล้านบาท

เป็นที่น่าจับตาว่านายกฯ หญิงของไทยได้แสดงรายการทรัพย์สินรวมไปถึงของใช้ส่วนตัวราคาแพง เอเอฟพีชี้ว่า เป็นต้นว่านาฬิกาหรู 75 เรือน มูลค่า 162 ล้านบาท และกระเป๋าแบรนด์เนมอีกกว่า 200 ใบ ซึ่งสื่อในประเทศให้ตัวเลขไว้ที่ 217 ใบด้วยกัน มูลค่า 76 ล้านบาท

และจากรายการของฟุ่มเฟือยเหล่านี้ทำให้นักท่องเน็ตอเมริกันบนเว็บไซต์ยาฮูอดไม่ได้ที่จะต้องเปรียบเทียบผู้นำหญิงไทยคนปัจจุบันกับอดีตภรรยาผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ผู้อื้อฉาว อีเมลดา มาร์กอส ที่ทำสถิติมีรองเท้าถึง 3,000 คู่จนเป็นที่จดจำไปทั่วโลก


เป็นต้นว่า CapeCod กล่าววิจารณ์ว่า “ผมเข้าใจว่าคุณรวยมากและซื้อสิ่งของราคาแพงได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมีกระเป๋าตั้ง 200 ใบ? นาฬิกา 75 เรือน? เพราะ 1 ชิ้นหรือ 2 ชิ้นก็น่าจะเพียงพอ แต่ทำไมคุณถึงต้องมีเยอะขนาดนั้นด้วย”

ซึ่งทำให้ Rodneym เข้ามาตอบว่า “อีเมลดา มาร์กอส (อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฟิลิปปินส์) คงรู้”

ขณะที่ผู้ใช้ชื่อ Chuck K ตอบว่า “ในเอเชีย เป็นการแข่งขันเพื่ออวดรวย”

ส่วน Tim แสดงความเห็นถึงข่าวความร่ำรวยของแพทองธารว่า “คนยากจนทุกคนในประเทศต่างกำลังดิ้นรนในประเทศ และคุณต้องการกระเป๋าและนาฬิกาหรูหรา เป็นผมคงทำไม่ได้”

ขณะที่ Rob กล่าวว่า “พ่อโดนถอดออกจากตำแหน่งเนื่องมาจากคอร์รัปชัน คนเหล่านั้นจับเธอที่รู้ว่าแย่กว่ารับตำแหน่งแทน อาจจะถึงขั้นให้เงินทรัมป์เลือกตั้ง”

และ SabaiSabai แสดงความเห็นว่า “เธอมาจากหนึ่งในตระกูลที่คอร์รัปชันมากที่สุดในไทย และมีการกล่าวว่าทำให้มีการมองไปได้ว่าส่วนใหญ่ของตระกูลร่ำรวยเป็นพันล้านบาทไทยนั้นล้วนแต่คอร์รัปชันทั้งนั้น”

https://mgronline.com/around/detail/9680000001097
.....

"นายกฯอุ๊งอิ๊ง" ผวา ที่มาทรัพย์สิน 13,000 ล้าน



6 ม.ค. 2568
สยามรัฐออนไลน์

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.68 นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Paisal Puechmongkol" ระบุว่า นายกอุ๊งอิ๊ง ผวา ที่มาทรัพย์สิน 13,000 ล้าน อาจถูกตรวจสอบที่มาของรายได้ และภาระภาษี 30%

1. ข่าวการแสดงบัญชีทรัพย์สินของนายกอุ๊งอิ๊งในวัย 30 ปีเศษ ที่มีทรัพย์สินถึง 13,000 ล้านบาท กำลังเป็นข่าวดังทั่วโลก เพราะเป็นผู้นำรัฐบาลที่อายุน้อยที่สุด แต่อาจมีทรัพย์สินมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ นายเรืองไกร ได้ไปยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินแล้ว ซึ่งจะต้องติดตามผลต่อไป

2. เป็นอันว่า ณ เวลานี้ นายกอุ๊งอิ๊ง มีทรัพย์สินถึง 13,000 ล้านบาท จึงเป็นที่สงสัยของคนทั้งหลายว่าการได้มาซึ่งทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลนี้ มีที่มาอย่างไร และได้เสียภาษีถูกต้องแล้วหรือไม่ เพราะถ้าพลั้งพลาดก็จะเกิดภาษีถึง 30% ค่าปรับอีก 30 % เงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือน และอาจกระทบต่อจริยธรรมที่อาจกระทบต่อการดำรงตำแหน่งได้อีกด้วย

3. การมีทรัพย์สิน 13,000 ล้านบาทนั้น มีที่มาได้ 2 ทาง (1) จากการซื้อหามาในกรณีนี้ก็มีปัญหาว่าเงินที่นำไปซื้อนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากที่ไหน และได้เสียภาษีถูกต้องแล้วหรือไม่ และได้ทำนิติกรรมสัญญาถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่ หรือว่าเป็นการรับโอนระหว่างคู่กรณีโดยไม่มีการซื้อขายจริง (2) โดยการรับยกให้ ซึ่งแยกได้เป็นอีก 2 กรณี คือ ~กรณีที่ 1 ได้รับยกให้โดยเสน่หา ในกรณีนี้ถือเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษี 30% ซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบว่าได้เสียภาษีแล้วหรือไม่ และในกรณีที่ 2 เป็นการรับให้โดยธรรมจรรยา เช่น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ยกให้ เป็นต้น

ในกรณีนี้ จะต้องมีจำนวนไม่มาก เพราะเป็นเรื่องของธรรมจรรยา เท่านั้น เว้นแต่ พ่อแม่ตายแล้วได้มาในทางมรดกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

https://siamrath.co.th/n/592012





 

คุณเหนื่อยมั้ย เกิดในประเทศนี้

https://www.facebook.com/somchay.sukkeaw.9/videos/1308765123651223?idorvanity=1334225320047371


ปัญหาเดียวของอานนท์คือทำให้พ่อมึงดูแย่ (มิตรสหายท่านหนึ่ง)




“เพราะความฝันและความหวังไม่เคยถูกกักขัง”: อ่าน ส.ค.ส. ปีใหม่จากผู้ต้องขังการเมือง



“เพราะความฝันและความหวังไม่เคยถูกกักขัง”: ส.ค.ส. ปีใหม่จากผู้ต้องขังการเมือง

06/01/2568
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ในขณะที่เสียงเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ 2568 เริ่มจางหาย และผู้คนส่วนใหญ่กำลังกลับคืนสู่วิถีชีวิตประจำวัน ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ความ ‘ปกติ’ ของพวกเขาได้เปลี่ยนไป ภายในกำแพงเรือนจำ ในฐานะผู้ต้องขังทางการเมืองที่ผ่านพ้นช่วงเวลาขึ้นปีใหม่โดยปราศจากการเฉลิมฉลอง ไร้ซึ่งอ้อมกอดของครอบครัว

ในช่วงรอยต่อระหว่างปีเก่าและปีใหม่ เมื่อถามถึงความปรารถนา พวกเขาต่างเปล่งเสียงเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงสิ่งที่โหยหาที่สุดคือ “อิสรภาพ” คำที่อาจดูธรรมดาสำหรับคนทั่วไป แต่กลับแฝงความหมายอันลึกซึ้งสำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังลูกกรง หากได้รับพรปีใหม่เพียงหนึ่งข้อ พวกเขากล่าวว่า อิสรภาพเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะเติมเต็มทุกความปรารถนา

นอกเหนือจากอิสรภาพส่วนบุคคล ผู้ต้องขังทางการเมืองยังฝันถึงการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง การปฏิรูประบบยุติธรรม และการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ดังที่ผู้ต้องขังคนหนึ่งได้กล่าวว่า “ตราบใดที่คนข้างนอกยังฝันใฝ่ในเสรีภาพ คนข้างในก็จะยืนหยัดเคียงข้างร่วมกัน”

ส.ค.ส. ปีใหม่จากผู้ต้องขังการเมือง จึงเป็นการทบทวนชีวิตปีที่ผ่านมาและส่งสารในแบบฉบับสวัสดีปีใหม่จากข้างในเรือนจำ เสมือนการเตือนใจว่าแม้ร่างกายพวกเขาอาจถูกกักขัง แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความหวัง ความฝัน ในชีวิตที่มีอิสรภาพได้

.
“อัฐสิษฎ”: “อยากให้ทุกคนอดทน วันหนึ่งต้องเป็นวันของเรา”



อัฐสิษฎย้อนมองปี 2567 ด้วยความรู้สึกทุกวันเหมือนวันแรกที่เข้าเรือนจำ ตื่น แล้วก็กลับมานอน วนซ้ำไปซ้ำมา มันคือปีแห่งการ ‘หยุดทุกสิ่งในชีวิต’ หยุดเวลาชีวิต หยุดการเรียนรู้ หยุดประสบการณ์ หยุดความสุข หลังจากนี้ถ้าได้ออกไป ก็เหมือนต้องไปเริ่มต้นชีวิตตั้งแต่นับหนึ่งใหม่

สิ่งที่ได้เรียนรู้ในปีที่ผ่านมา คือได้พิสูจน์ตัวเอง ในฐานะการเป็นศิลปินอิสระ ทำงานศิลปะด้านการวาด ให้รู้สึกว่าศิลปะในประเทศนี้ มันไม่ได้อิสระ ศิลปินไม่ได้มีอิสระอย่างที่ควรจะเป็น “เราได้ยืนยันมันด้วยตัวเอง สัมผัสผลของมันด้วยตัวเอง” ศิลปะควรมีอิสระในการสร้างผลงาน แต่ประเทศนี้ มีกรอบ ที่ข้ามไม่ได้ ถ้าล้ำเข้าไปจะถูกลงโทษถูกประณาม

ถ้าขอพรได้ ขอให้ประเทศนี้ มีสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงออกทุกรูปแบบ โดยที่ไม่ล้ำเส้นคนอื่น หมายถึงไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะการแสดงออก อยากได้อิสระทางความคิดและการแสดงออก ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างที่มันควรจะเป็น และประเทศจะได้พัฒนาไปมากกว่านี้ อยากให้ทุกคนอดทน วันหนึ่งต้องเป็นวันของเรา

“ผมไม่รู้ทุกคนมีภาระที่ต้องแบกรับต่างกันขนาดไหน แต่หวังว่าทุกคนจะอดทนและผ่านมันไปได้” อัฐสิษฎฝากถึงปีใหม่ปีนี้

จนถึงปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) อัฐสิษฎ ถูกคุมขังตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาแล้ว 314 วัน หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำเพจเผยแพร่ภาพวาดแนวเสียดสีสังคมจำนวน 2 ภาพ เขาถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกรวม 2 ปี 12 เดือน และไม่ได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จะครบกำหนด 1 ปี ที่ศิลปินหนุ่มจากนครราชสีมา ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

.
“คเชนทร์”: “ถ้าขอพรได้หนึ่งข้อ อยากได้รับอิสรภาพ อยากได้เพียงแค่นั้น”
 


สำหรับปี 2567 คือปีแห่งการวนซ้ำ สำหรับคเชนทร์ เขาบอกว่าต้องใช้ชีวิตซ้ำ ๆ วนไปแบบเดิมในแต่ละวัน ตื่นแล้วก็นอน แล้วก็ตื่นแล้วก็นอน วนเวียนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กับบทเรียนที่ได้รับในรอบปีนั้นไม่มีอะไรจะเล่า ด้วยรู้สึกว่าวัน ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย มันไม่มีอะไรให้ทำ

ส่วนถ้าขอพรได้หนึ่งข้อ “อยากได้รับอิสรภาพ อยากได้เพียงแค่นั้น และขอให้ทุกคนเข้มแข็ง รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงกันเข้าไว้ สักวันมันต้องมีวันของเรา”

ปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) คเชนทร์ ถูกขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 511 วัน ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าปาระเบิดปิงปองและระเบิดขวดเข้าใส่อาคาร สน.พญาไท และวางเพลิงป้อมจราจรที่แยกพญาไท ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 โดยศาลอาญาตัดสินจำคุก 10 ปี 6 เดือน คดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์

.
“มาร์ค ขจรศักดิ์”: “ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรง แล้วได้ออกมาเจอกันข้างนอก”



สำหรับมาร์ค ปีที่ผ่านมารู้สึกเสียดายเวลาที่ต้องถูกกักขังไปทั้งปี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องอยู่สู้ให้จบ หรือจะจินตนาการหากอยู่ข้างนอกก็คงไม่ต่างนัก ถ้าคดียังเคลื่อนไหวอยู่ก็คงต้องติดพันภาระไปมาศาลอยู่เรื่อย ๆ

กับบทเรียนที่ได้รับนั้นคิดไม่ออก เพราะอยู่ในเรือนจำไม่ได้รู้สึกว่าได้บทเรียนอะไร

ถ้าขอพรได้สักข้ออยากขอให้ได้ลดโทษลงก็พอ เพราะโทษที่ศาลชั้นต้นลงนั้นสูงเกินไป สุดท้ายมาร์คขออวยพรให้กับเพื่อน ๆ ที่อยู่ข้างนอก “ขอให้พวกเราดูแลกันและกัน คนข้างใน ดูแลกันอย่าให้ใครมารังแกพวกเรา ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรง แล้วได้ออกมาเจอกันข้างนอก”

เช่นเดียวกับคเชนทร์ ปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) มาร์ค ขจรศักดิ์ ถูกขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 511 วัน ในคดีที่ถูกกล่าวหาปาระเบิดปิงปองและระเบิดขวดเข้าใส่อาคาร สน.พญาไท และวางเพลิงป้อมจราจรที่แยกพญาไท ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 ซึ่งศาลอาญาตัดสินจำคุก 11 ปี 6 เดือน คดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์เช่นกัน

.
“มีชัย”: “ขอให้ทุกคนมั่นใจและอดทน สักวันความยุติธรรมต้องอยู่กับเรา”



ปีที่ผ่านมาของมีชัย เขาทำงานไป 90% ของชีวิต ก่อนที่จะต้องเข้าเรือนจำมาตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 ก่อนหน้านั้นเขาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะช้างแทบตลอดเวลา ไม่ได้กลับบ้านที่จังหวัดจันทบุรีเลย ต้องทำงานไปสู้คดีไป โดยรวมคิดว่าคงเป็นปีแห่ง “การชดใช้กรรม” คงเป็นกรรมจากชาติที่แล้วเพราะมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปไม่ใช่ความผิดในชาตินี้ โดยสากลโลกนั้นไม่ผิด

กับบทเรียนในรอบปี เขาเห็นว่าไม่ปรากฏเรื่องอะไรเป็นพิเศษ พรข้อเดียวที่มีชัยต้องการก็คือ ยกเลิก 112 และ “ขอให้ทุกคนมั่นใจและอดทน สิ่งที่เราทำไม่ได้ทำผิด มันไม่ใช่ความผิด ขอให้เราภูมิใจในสิ่งที่เราทำลงไป ว่าสิ่งที่เราทำมันบังคับให้รัฐกับผู้มีอำนาจต้องบังคับเราแบบนี้”

มีชัยแสดงทัศนะอีกว่า “สักวันความยุติธรรมต้องอยู่กับเรา” สุดท้ายฝากถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังคดีการเมือง ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจในการทำงานยืนหยัดเพื่อความถูกต้องต่อไป ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองทุกคนให้ปลอดภัย

ปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) มีชัย อดีตพนักงานโรงแรมที่เกาะช้าง จ.ตราด ถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ มาแล้ว 166 วัน มีชัยถูกดำเนินคดีจากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 จำนวน 2 ข้อความ หลังสู้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีชัยถูกลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน ก่อนคดีของเขาสิ้นสุดลงที่ชั้นอุทธรณ์ เนื่องจากไม่มีผู้พิพากษารับรองให้ฎีกา

.
“ขุนแผน”: “ขอให้เรามีความสุขกับเส้นทางที่เลือก ต่อสู้อย่างมีความสุข”



ปี 2567 ที่ผ่านพ้นไป สำหรับ “ขุนแผน” แม้จะต้องติดคุก แต่ก็เป็นเรื่องที่พอรับไหว ส่วนปี 2568 เขาไม่ได้คาดหวังอะไร “ผมว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนักหรอก การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแค่ผ่านพ้นปีใหม่ไป แต่เราก็ยังหวังให้มีการนิรโทษกรรมเหมือนเดิม”

ทั้งนี้ขุนแผน ยังหวังเรื่องการได้รับเสรีภาพ แต่สำหรับวันปีใหม่ “เราอยู่มานานพอที่จะไม่อินกับมันเท่าไหร่แล้ว มันแค่ผ่านไปอีกวันเท่านั้นเอง ปีเก่าจะผ่านก็ผ่านไป เพราะการต่อสู้มันมีทุกวัน”

สำหรับพรปีใหม่ถึงคนข้างนอก ขอให้เข้มแข็ง ต่อสู้กันต่อไป ภูมิใจในสิ่งที่ทำและเส้นทางที่เลือก คนที่สู้ก็ขอให้ยังคงสู้อยู่เสมอ ไม่ว่าด้วยวิธีการไหน “ขอให้เรามีความสุขกับเส้นทางที่เลือก ต่อสู้อย่างมีความสุข”

จนถึงปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) “ขุนแผน” เชน ชีวอบัญชา ถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 173 วัน หลังศาลอาญาพิพากษาให้จำคุก 3 ปี 6 เดือน โดยไม่ได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ การใช้ชีวิตในเรือนจำขุนแผนยังต้องสู้กับอาการป่วยวัณโรคปอด (Tuberculosis หรือ TB) ที่เป็นอยู่โดยรักษาต่อเนื่องมาตั้งแต่อยู่ข้างนอก ยิ่งกว่านั้นช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 เขาเคยต้องเผชิญกับภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มาแล้ว

.
“บุ๊ค ธนายุทธ”: “ขอสดุดี ขอขอบคุณ ทุก ๆ แรงต่อสู้และอุดมการณ์ที่ทุกคนยังคงยึดมั่น ยืนเด่นอย่างท้าทาย”



บุ๊ค ธนายุทธ ศิลปินจากสลัมคลองเตย กำลังค้นพบแสงสว่างภายในจิตใจที่เจิดจ้ากว่าปีก่อน ทั้งยังอยากก้าวข้ามปีใหม่นี้ไปให้ได้อย่างเข้มแข็ง

กับการอยู่ในเรือนจำทั้งปี บุ๊คได้เรียนรู้หลายสิ่ง ทั้งดีและไม่ดี เรื่องดีก็ทั้งคนที่มาให้กำลังใจ แฟน เพื่อน ๆ “ผมมองโลกในแง่ดีไว้ก่อนอยู่แล้ว ต่อให้มันแย่แค่ไหน ก็จะหยิบมันมาเรียนรู้เสมอ เป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตขึ้น ผมหยิบมาเขียนเพลง มองมันเป็นประสบการณ์ชีวิต ได้เจอคนที่หลากหลาย ได้เจอคนหลายชนชั้น มองเห็นความเหลื่อมล้ำที่ชัดขึ้นในอีกรูปแบบนึง ทำให้เราเข้าใจความเป็นคนมากขึ้น”

ส่วนเรื่องไม่ดีที่เห็นได้ชัด คงเป็นปัญหาและภาระที่เกิดกับครอบครัวตลอดทั้งปี และเป็นปีที่ผู้ต้องหาทางการเมืองทั้งหมดยังไม่ได้รับอิสรภาพ แต่ความใฝ่ฝันและความเชื่อมั่นก็ยังคงอยู่ ยังเชื่อตลอดว่าผู้คนยังคงขับเคลื่อนเพื่อเสรีภาพอยู่ “จะทำให้เราเองก็ยังมีกำลังใจและความหวังเสมอ ๆ”

ปี 2568 “ผมคาดหวังว่าผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งหมดจะได้รับอิสรภาพหรืออย่างน้อยพวกเขาก็ควรได้สิทธิประกันตัว และไม่ใช่แค่ผู้ต้องหาทางการเมือง เรายังคาดหวังว่าผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ก็ควรได้รับสิทธิประกันตัว ไม่ว่าเขาจะมีเงินหรือไม่มีก็ตาม”

ภาพความหวังวัยหนุ่มของบุ๊ค หวังว่าโครงสร้างประเทศนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีได้ มีเศรษฐกิจที่ดี ที่หมายถึงระบบดีด้วย ให้ความเหลื่อมล้ำลดต่ำลง และคนควรจะได้รับสิ่งที่ควรจะได้ ดีและทั่วถึงพอที่จะทำให้ผู้ต้องขังเมื่อได้พ้นโทษออกไป พวกเขาสามารถใช้ชีวิตปกติได้ มีทางเลือกที่จะมีชีวิตที่ดีได้ โดยไม่ต้องหันไปหาทางรอดที่มันไม่ดี จนต้องทำให้กลับเข้ามาเรือนจำอีก

“ผมหวังว่าผมจะได้ออกไปปล่อยอัลบั้มที่ผมแต่งในปีที่ผ่านมา จัดสล็อตเพลงไว้แล้ว เพลงแรกจะชื่อเพลง I’m back เป็นการเล่าถึงวันที่เราจะได้ก้าวเท้าออกจากเรือนจำ”

สำหรับคำอวยพรปีใหม่ถึงเพื่อน ๆ ที่ยังสู้อยู่ข้างนอก “ขอสดุดี ขอขอบคุณ ในทุก ๆ แรงต่อสู้และอุดมการณ์ที่ทุกคนยังคงยึดมั่นและยืนเด่นอย่างท้าทายอยู่ ตลอดปีผ่านมาเราได้สูญเสียเพื่อนไปหลายคน ทั้งที่สูญเสียชีวิต และสูญเสียอิสรภาพ”

บุ๊คกล่าวอีกว่า แม้ปีนี้ยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ว่าเราจะกลับมาฉลองปีใหม่ข้างนอกด้วยกันทุกคน “แต่ตราบใดที่คนข้างนอกยังคงใฝ่ฝันถึงเสรีภาพอยู่ คนข้างในก็ยังยืนหยัดเคียงข้างไปด้วยกันเสมอ”

ก่อนทิ้งท้ายว่า “ขอให้เป็นลมหนาวสุดท้ายที่ต้องรับผ่านลูกกรง ปีหน้าเราต่อสู้อีกครั้ง ใกล้ถึงวันที่เราจะได้พบกันแล้ว สวัสดีปีใหม่ เพื่อน ๆ และมิตรสหายทุกคน”

ปัจจุบัน (6 ม.ค. 2567) บุ๊ค ศิลปินฮิปฮอป ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุตรวจพบการครอบครองระเบิดปิงปอง, ประทัด และพลุ ในช่วงชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2565 ถูกคุมขังมาแล้ว 1 ปี กับอีก 3 เดือน 17 วัน คดีของบุ๊คสิ้นสุดลง โดยต้องรับโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โดยได้ลดหย่อนโทษลงราว 6 เดือน หลังมี พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ระหว่างใช้ชีวิตในเรือนจำบุ๊คยังคงทำงานแต่งเพลงสะท้อนสังคม และเตรียมจะปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ทันทีหากเขาได้รับอิสรภาพ

.
“แดง ชินจัง”: “ขอแค่โอกาสให้เราได้ออกไปสู้คดีข้างนอก ได้ออกไปทำมาหากินใช้ชีวิตกับครอบครัว”
 


ถ้าให้นิยามปี 2567 ที่ผ่านมา ชินจังขอนิยามว่าเป็นปีแห่งความซวย เพราะซวยตั้งแต่ต้นปียันท้ายปีโดยเฉพาะซวยที่ติดคุก โดยไม่ได้รับการประกันตัว เขาย้อนเล่าถึงเหตุในชีวิตเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดบริเวณคอ เนื่องจากคอเป็นหนอง แล้วหนองปิดหลอดลมทำให้หายใจลำบาก

จากนั้นเดือนเมษายนก็ต้องย้ายที่อยู่เพราะผ่อนค่าเช่าห้องไม่ไหว จากเดิมอยู่ที่แฟลตแถวรังสิต ย้ายมาอยู่แถวสมุทรปราการ และพระราม 2 ตามลำดับ หลังรับงานก่อสร้างแถวพระราม 2 ซึ่งโดนโกงค่าแรงไปเยอะพอสมควร จากนั้นก็รับงานเสริมเป็นนักแสดงตัวประกอบให้กับภาพยนตร์จากประเทศจีน ก็โดนโกงค่าแรงอีก จนกระทั่งเดือนกันยายน โดนจับติดคุก ไม่ได้รับการประกันตัวจนถึงตอนนี้

ชินจังบอกว่า ไม่ได้เรียนรู้หรือบทเรียนอะไร มีแต่คำถามว่าทำไมตนถึงต้องมาอยู่ในเรือนจำอีกครั้ง สำหรับเขา การติดคุกมันไม่ควรเป็นบทเรียนหรือเรียนรู้อะไรได้เลย มันเป็นปัญหาทางการเมือง เป็นการกลั่นแกล้งคนที่มีความคิดที่อยู่คนละฝ่ายกับรัฐให้ต้องติดคุก ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิทธิของประชาชนในการแสดงความเห็น

ส่วนถ้าขอพรสักข้ออยากได้อิสระ อยากได้รับการประกันตัว “ไม่ขอถึงขนาดให้คดีชนะ ขอแค่โอกาสให้เราได้ออกไปสู้คดีข้างนอก ได้ออกไปทำมาหากินใช้ชีวิตกับครอบครัว” ก่อนทิ้งข้อความว่าอยากให้ทุกคนข้างในยังสู้อยู่ อย่ายอมแพ้ คนข้างนอกก็ต้องสู้ด้วยเหมือนกัน “ฝากสวัสดีปีใหม่เพื่อนร่วมอุดมการณ์ข้างนอกทุกคนด้วย”

จนถึงปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) แดง ชินจัง หรือ ‘ยงยุทธ’ ถูกคุมขังมาแล้ว 120 วัน ในคดีเกี่ยวเนื่องกับวัตถุระเบิดฯ จากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2557 จำนวน 5 คดี โดยทุกคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลชั้นต้น ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาแต่อย่างใด

.
“พรชัย”: “ถ้าขอได้ก็ขอให้ผมพ้นโทษและมีการนิรโทษกรรมประชาชนพรุ่งนี้เลย”



ปีที่ผ่านมาของพรชัย เป็นปีที่แย่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม เรื่องสิทธิของประชาชน สังคมเศรษฐกิจ และการเมือง เขาเห็นว่าแย่ไปหมด ทั้งเป็นปีที่ประชาชนไม่มีความสุข ประชาชนยังเจอหลาย ๆ ปัญหา โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำของพี่น้องชาติพันธุ์ที่ประสบกับการเลือกปฏิบัติ

“ผมอยากให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีขึ้น เชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจใหม่แล้วเริ่มต้นใหม่ ขอให้ทุกคนเชื่อว่าหนึ่งคนมีหนึ่งเสียงเท่ากัน คนที่เป็นชนชั้นนำต้องเปิดพื้นที่ให้กับประชาชน และปีหน้าขอให้เป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่จะสานต่อความเจ็บปวดในอดีตและแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา เพื่ออนาคตที่ดีต่อไป”

ท่ามกลางความมืดมิดของสิ่งที่พบเผชิญ พรชัยยังกล่าวถึงความรักที่มีต่อครอบครัว “ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด สิ่งที่ช่วยให้ผมยังยืนหยัดอยู่ได้คือการภาวนา” เขาเล่า “การเจ็บป่วยในเรือนจำเป็นประสบการณ์ที่ทรมานที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่าพระเจ้าจะคอยปกป้องและดูแลทุกคนที่อยู่ที่นี่”

พรชัยมองโลกผ่านมุมมองที่แตกต่าง โลกสำหรับเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกำแพงสูง “โลกใบนี้มีพื้นที่ให้เราทุกคน แม้จะอยู่ที่ไหน เราก็สามารถค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ”

ปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) พรชัย หนุ่มปกาเกอะญอ ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางเชียงใหม่มาแล้ว 278 วัน ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้จำคุก 12 ปี จากการถูกฟ้องว่าโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ คดีของพรชัยสิ้นสุดลง หลังเขาตัดสินใจไม่ฎีกาอีก

.
“อาย กันต์ฤทัย”: “อดทนกับสิ่งที่มันกลืนชีวิตเราไป วันหน้าฟ้าเปิดชีวิตเราจะกลับมาเหมือนเดิม”


หากให้ทบทวนเรื่องราวในปี 2567 อายกล่าวด้วยน้ำตาว่า เห็นความอยุติธรรม และพลาดวันสำคัญในชีวิตไปหลายวัน ไม่ได้อยู่วันครบรอบแต่งงาน ไม่ได้ออกไปใช้ชีวิต ดูลูกชายเติบโต ไม่ได้สั่งสอนเขาใกล้ ๆ

กับปี 2568 อายคิดว่าก็คงทรมานเหมือนเดิม เรื่องจะได้ประกันตัวออกไป นั้นไม่ค่อยคาดหวังแล้ว เพราะจะได้ไม่ผิดหวัง เพียงเล่าถึงแค่ตรงนี้น้ำตาเธอไหล ก่อนประคองคำพูดเป็นประโยคว่าปีที่ผ่านมาสำหรับอาย การมีเพื่อนที่ดี จะทำให้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายไปได้ “อายอยากตอบแทนบุญคุณคน อายยังจำเรื่องที่เพื่อน ๆ ทำให้อายตลอด รวมถึงเพื่อนในเรือนจำที่คอยดูแลอายด้วย เรื่องที่ทำให้อายมีความสุขที่สุดคือเพื่อน ๆ หลายคนยังไม่ทิ้งอาย”

สุดท้ายอายอวยพรถึงผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน ให้อดทน “อดทนกับสิ่งที่มันกลืนชีวิตเราไป วันหน้าฟ้าเปิดชีวิตเราจะกลับมาเหมือนเดิม เราจะกลับมาสดใส กลับมาทำมาหากินได้ เมื่อประเทศเจริญก้าวหน้า”

อายยังอยากบอกถึงคนที่ยังเป็นกำลังใจข้างนอกอีกว่า “คิดถึง ขอบคุณมาก อยากตอบแทนพวกเขาที่สุด ถ้ามีอะไรที่อายทำให้ได้ อายก็จะทำ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”

ปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) อายถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 133 วัน หลังศาลอาญามีคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีโพสต์เฟซบุ๊กรวม 8 โพสต์ ศาลลงโทษจำคุก 8 ปี 48 เดือน โดยไม่ให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ นอกจากต่อสู้กับชีวิตไร้อิสรภาพจากข้างในนั้น อายยังต้องรักษาตัวเองจากโรคซึมเศร้าที่เป็นต่อเนื่องมาก่อนเข้าเรือนจำเป็นระยะเวลา 6 ปีแล้ว

.
“อัญชัญ”: “ผู้ต้องขังทุกคนต้องสู้ อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอแสงสว่าง”


ปีใหม่ 2568 ป้าอัญชัญที่อายุย่างเข้าสู่ 70 ปี อยากให้มีการอภัยโทษ ผู้ต้องขังจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัว รัฐบาลก็ไม่ต้องเปลืองงบมาดูแลคนในเรือนจำ ป้าพูดอีกว่า “สำหรับป้านะลูก ปี 2567 เป็นปีแห่งความผิดหวัง (หัวเราะ) ป้าคอยอภัยโทษ เขาก็ไม่ให้ พอไม่ได้ออกก็ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำที่เสียงดัง ข้าวของแพง จะกินจะนอนก็ลำบาก มีแต่คนเพิ่มขึ้น ๆ ไม่มีคนออก สภาพแวดล้อมมันหดหู่น่ะลูก”

ความรู้สึกลึก ๆ ในใจป้าก็หวังว่าปี 2568 จะได้หลุดพ้น ได้ออกมาใช้ชีวิตกับคนที่รัก โดยเธอฝากความหวังเรื่องนิรโทษกรรมไว้ “อยากให้นิรโทษกรรมทางการเมืองรวม 112 ป้าอยากให้สังคมมันก้าวหน้าไป ไม่ได้เดินถอยหลัง ขอให้รัฐบาลรับฟังเราบ้าง”

ส่วนบทเรียนสำคัญของป้านอกจากปีที่ผ่านมาและปีอื่น ๆ คือบางสิ่งบางอย่าง ถ้าประมาท ขาดความรอบคอบ ทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เจ้าหน้าที่รัฐก็พร้อมยัดเข้าคุกหมด ถ้าได้ออกไปจากที่ตรงนี้ต้องรอบคอบ ไม่ประมาท “เพราะเขาไม่ได้คิดถึงพวกเราเลย ใช้กฎหมายเกินความจำเป็น ไม่เฉพาะคดีการเมืองนะลูก ในเรือนจำมีคนแก่ ๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไปเปิดบัญชีให้ลูกหลานแล้วโดนตัดสินจำคุกเยอะมาก”

กับความต้องการของผู้ต้องขังสูงวัย ถ้าจะขออะไรได้ เธอเล่าผ่านแววตาเศร้าสร้อย “ป้าอยากกลับบ้าน อยากกลับบ้านไว ๆ มันนานเกินไปแล้ว ป้าอยากกลับไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไม่มากข้างนอก คนที่รอป้าอยู่เขาก็อายุเยอะแล้วลูก” เธออยากออกไปตอบแทนบุญคุณพี่ชาย ออกไปอยู่กับคนรัก คนรักเขียนมาในจดหมายว่าจะรอเจอ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสะเทือนใจมาก เพราะเขาก็อายุมากแล้ว รอป้ามานานแล้ว “ก็หวังว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น ก็อยากให้เขาดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง ป้าก็จะดูแลตัวเองให้มีลมหายใจไปหาเขา”

ประโยคท้าย ๆ ป้าอัญชัญพูดพลางปาดน้ำตา “ขอให้คุณพระคุ้มครอง มีสุขภาพกายใจที่แข็งแรง ไม่เจ็บไม่จน ร่ำรวย ๆ ขอให้สิ่งดี ๆ มันย้อนมาหาเรา เพราะเราทำเพื่อส่วนรวมมาตลอด ผู้ต้องขังทุกคนต้องสู้ อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอแสงสว่าง” เมื่อถามป้าว่าแสงสว่างของป้าคืออะไร ป้าตอบทันที “แสงสว่างก็คืออิสรภาพไงลูก คนเราถ้าไม่มีอิสรภาพ ความเป็นคนของเราก็ลดลงเยอะ อยู่ในคุกไม่ได้สบายเลย เขากดเราทุกเรื่อง”

จนถึงปัจจุบัน (6 ม.ค. 2568) อัญชัญถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางมาแล้ว 3 ปี กับ 11 เดือน 15 วัน ก่อนหน้านั้นเธอถูกคุมขังระหว่างสอบสวนและพิจารณาคดีมาแล้ว 3 ปี 9 เดือน 3 วัน รวมเธอถูกขังมาเกือบ 8 ปีแล้ว จากโทษจำคุกเต็มประมาณ 43 ปี 6 เดือน

แม้จะได้รับการลดหย่อนโทษสองครั้งจากการอภัยโทษในโอกาสสำคัญ แต่เธอไม่ได้รับประโยชน์จาก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เมื่อสิงหาคม 2567 จากโทษจำคุกเต็ม 43 ปี 6 เดือน เธอมีกำหนดพ้นโทษวันที่ 24 กันยายน 2574 ซึ่งขณะนั้นเธอจะมีอายุ 76 ปี

.

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

“เพราะไม่อยากให้เสียงคนข้างในหายไป”: คุยกับ ‘ทนายสายเยี่ยม’ การส่งสารผู้ต้องขังการเมืองสู่บันทึกประวัติศาสตร์ ‘นิรโทษกรรมประชาชน’

Recap ผู้ต้องขังการเมือง 2567: ยอดสูงสุดในรอบ 4 ปี สู่โศกนาฏกรรมการเสียชีวิตและการตั้งคำถามต่อการรักษาพยาบาลในเรือนจำ

ดู รายชื่อผู้ต้องขังทางการเมือง 2567

https://tlhr2014.com/archives/72077


ราคาค่าไฟฟ้าของไทยแพงกว่าคู่แข่งเพื่อนบ้านเกือบ 2-3 เท่า พีระพันธุ์ตอบกระทู้ สว. ย้ำปัญหาพลังงานไม่สามารถแก้ได้ทันที การผูกขาดมีมาตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่ง รมว.


THE STANDARD WEALTH
3 hours ago
·
ภาคพลังงานเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ จะเห็นได้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่พร้อมจะลงทุน Data Center เช่น Google, Microsoft และ AWS ต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่า หากจะย้ายฐานการผลิตมาไทย สิ่งแรกที่จะให้ความสำคัญคือ ‘ราคาค่าไฟฟ้า’
.
ปีนี้อานิสงส์จากภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) การแข่งขันภาคอุตสาหกรรมที่นับวันยิ่งสูงขึ้น บวกกับการกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ล้วนมีผลต่อการลงทุน FDI การย้ายฐานผลิตมาไทย ค่าครองชีพที่สูงที่คนไทยแบกรับ ‘ค่าไฟฟ้า’ จึงมักจะเป็นหนึ่งในปัจจัยแรกที่กดดันและวัดฝีมือรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน ซึ่งหากแก้ได้ก็จะทำให้ประเทศไทยมีแต้มต่อ
.
เมื่อเทียบดูแล้ว ค่าไฟฟ้างวดปัจจุบันของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 2.69 บาทต่อหน่วย และอินโดนีเซีย 2.59 บาทต่อหน่วย
.
เรียกได้ว่าราคาค่าไฟฟ้าของไทยแพงกว่าคู่แข่งเพื่อนบ้านเกือบ 2-3 เท่า
.
ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้ำชัดว่านโยบายเรือธงด้านพลังงานของรัฐบาลคือลดราคาค่าพลังงาน จะเร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงานควบคู่กับการเร่งรัดจัดทำ ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายพลังงานได้โดยตรง (Direct PPA) รวมทั้งการพัฒนาระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ของประเทศ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) สำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม และการเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา (OCA) เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน
.
กระทั่งล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดเชียงรายวานนี้ (5 มกราคม) ว่า “เรื่องไฟฟ้า ปีนี้ค่าไฟฟ้าจะต้องลงไปอยู่ที่เลข 3 ไม่ใช่เลข 4 ใจอยากให้เหลือหน่วยละ 3.50 บาท แต่คงได้แค่ 3.70 บาท กำลังให้เขา (กระทรวงพลังงาน) ช่วยทุบอยู่ ปีนี้ค่าไฟลงแน่ เห็นตัวเลขแล้วทุบได้ ต่อไปค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย ค่ายา จะให้ลง”
.
THE STANDARD WEALTH ชวนสำรวจค่าไฟเปิดศักราช 2568 ราคาค่าไฟไทยอยู่ตรงไหน เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียน
.
#TheStandardWealth
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1403516444262367&set=a.947319763215373
.....


THE STANDARD
10 hours ago
·
UPDATE: พีระพันธุ์ตอบกระทู้ สว. ย้ำปัญหาพลังงานไม่สามารถแก้ได้ทันที การผูกขาดมีมาตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่ง รมว.
.
วันนี้ (6 มกราคม) ในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 4 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วาระพิจารณากระทู้ถามทั่วไป นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งกระทู้ถาม พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรื่อง มาตรการสนับสนุนตลาดพลังงานสะอาดผ่าน Solar Rooftop โดยระบุว่า การผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันมีการปล่อยมลพิษ ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านไฟฟ้าไปเป็นพลังงานสะอาดเป็นสิ่งสำคัญมาก
.
นรเศรษฐ์ระบุว่า ที่ผ่านมาถูกเอื้อให้กับกลุ่มทุนที่รัฐบาลซื้อพลังงานหมุนเวียนที่เริ่มตั้งแต่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐบาลมักอ้างเรื่องความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ แต่เป็นความมั่นคงของประเทศหรือของใครกันแน่ เพราะปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงกว่าความต้องการหรือหลักการสำรองไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มภาระค่าไฟให้กับประชาชนทั่วประเทศ มีโรงงานไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตเลย แต่ยังได้เงินจากประชาชนผ่านค่า Ft ที่สำคัญคือการรับซื้อนั้นไม่มีการประมูล
.
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีบารมีนอกรัฐบาลที่ไปถ่ายรูปในสนามกอล์ฟใช่หรือไม่ผมก็ไม่ทราบ เรื่องนี้ท่านมองเห็นถึงโครงสร้างการรับซื้อพลังงานสะอาดหรือไม่ เช่น Solar Rooftop จะมีการขยายการรับซื้อจากภาคประชาชนเหมือนกับกลุ่มทุนหรือไม่ รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่ทำให้การขออนุญาตใช้เวลานาน ท่านจะทำอย่างไร จะมีมาตรการจูงใจภาคครัวเรือนให้เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น และจะมีวิธีลดภาระอย่างไร” นรเศรษฐ์กล่าว
.
จากนั้นพีระพันธุ์ชี้แจงว่า ส่วนตัวขอยืนยันว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีการผูกขาดพลังงาน เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง จึงยังไม่สามารถแก้ไขได้ทันที ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้และมีข้อผูกพันทางกฎหมาย ไม่ใช่ทันใจเราที่อยากทำ ที่ผ่านมารัฐบาลมีความชัดเจนว่าจะลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีนโยบายขึ้นค่าไฟฟ้าและตรึงราคาค่าแก๊สไว้ตลอด แม้จะยังไม่สามารถลดราคาได้ ก็พยายามไม่ให้ขึ้นไปมากกว่านี้
.
“สำหรับประเด็นเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานผมเห็นด้วยกับท่าน ผมคิดอีกแบบ ความมั่นคงทางพลังงานไม่ใช่เพียงแค่การทำให้มีพลังงานในปริมาณมากขึ้น แต่ความมั่นคงทางพลังงานที่แท้จริงต้องทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองในการมีไฟฟ้าใช้ได้ โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทั้งจากพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำ ประเทศเราที่เหมาะสมที่สุดคือแสงอาทิตย์ ดังนั้นจึงควรคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน อย่าพูดถึงขายเลย เอาแค่ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ ไม่ต้องพะวงว่าอีก 4 เดือนค่าไฟจะปรับเท่าไร ปัจจุบันที่ต้องปรับเพราะไฟฟ้าผลิตจากแก๊ส เราเจอภาวะราคาตลาดโลก ทำให้กำหนดราคาไม่ได้คงที่ ผมก็พยายามศึกษา เพราะเป็นสัญญาที่ทำข้อตกลงไว้แล้ว” พีระพันธุ์กล่าว
.
พีระพันธุ์ยังระบุอีกด้วยว่า ไม่เข้าใจทำไมต้องแยกเป็นการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้งสองหน่วยงานต้องรับไฟฟ้ามาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งเป็นฝ่ายผลิตไม่ใช่ฝ่ายขาย ทุกขั้นตอนต้องมีกำไร หากไม่มีกำไรก็ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประชาชนก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย แม้ตนเองอยากแก้ไขปัญหา แต่ทั้งหมด สส. และ สว. เป็นผู้บัญญัติกฎหมาย ซึ่งกฎหมายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีมาตั้งแต่ปี 2511 ควรมีการปรับแก้ ปัญหาพลังงานไม่ใช่ไม่มีใครเห็น แต่ใครจะเป็นคนทำ
.
พีระพันธุ์กล่าวต่อไปว่า เมื่อประชาชนจะขอติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ต้องขออนุญาตถึง 5 หน่วยงาน ซ้ำซ้อนและยุ่งยาก ทั้งยังต้องรอเป็นปี ตนเองในฐานะกำกับดูแลกระทรวงพลังงานก็สั่งการแก้ระเบียบไปแล้ว แต่วันนี้การแก้กฎหมายไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน อีกนานกว่าจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
.
“รวมถึงเรื่องการหาเงินทุน ผมไม่ทราบหรอกครับเพราะผมไม่ใช่นายทุน แต่วันนี้มันเกิดกับพี่น้องประชาชน ผมต้องแก้ไข แล้วถ้าหากว่าท่านติดตามข่าวสารเหมือนที่ท่านพูด ท่านจะเห็นเลยว่าอะไรที่ส่อไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ผมสั่งระงับทั้งนั้น เพราะผมไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรกับใคร ผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็เหมือนกับท่าน เรามาเป็นผู้แทน มาทำงานให้กับประชาชน ครั้งหนึ่งในชีวิตทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ผมทำทุกอย่างภายใต้นโยบายรัฐบาลและตามแนวทางคือเพื่อความมั่นคงทางพลังงานให้กับประชาชน” พีระพันธุ์กล่าว
.
#TheStandardNews

https://www.facebook.com/photo/?fbid=943114564614554&set=a.586524703606877






ไช่เลย ไม่ต่างจาก GT200 - ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ NSO Groups บริษัทสัญชาติอิสราเอลเจ้าของเครื่องมือเจาะล้วงข้อมูลมือถือ 'เพกาซัส' มีความผิดหลายข้อหา แต่ศาลไทย เพิ่งยกฟ้อง


ประชาไท Prachatai.com
10 hours ago
·
ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ NSO Groups บริษัทสัญชาติอิสราเอลเจ้าของเครื่องมือเจาะล้วงข้อมูลมือถือ 'เพกาซัส' มีความผิดหลายข้อหา หลัง WhatsApp ของค่ายเมตาฟ้องเอาผิดบริษัทเครื่องมือใช้สอดแนมมือถือผู้คน ไม่ว่าจะเป็น สื่อ, ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล, นักการเมือง, เจ้าหน้าที่รัฐ, ทูต
.....

ที่มา ประชาไท

ศาลสหรัฐฯ ตัดสินให้ NSO Groups บริษัทสัญชาติอิสราเอลเจ้าของเครื่องมือเจาะล้วงข้อมูลมือถือ 'เพกาซัส' มีความผิดหลายข้อหา หลัง WhatsApp ของค่ายเมตาฟ้องเอาผิดบริษัทเครื่องมือใช้สอดแนมมือถือผู้คน ไม่ว่าจะเป็น สื่อ, ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล, นักการเมือง, เจ้าหน้าที่รัฐ, ทูต

ในโลกอินเทอร์เน็ตยุคปัจจุบันที่มีภัยแฝงอย่างการใช้เครื่องมือสอดแนมข้อมูลส่วนตัวแบบที่เรียกว่าสปายแวร์ ซึ่ง เพกาซัสสปายแวร์นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือสอดแนมที่อื้อฉาวที่สุดในยุคสมัยนี้ ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วอย่างน้อย 33 กรณี เพกาซัสได้รับการพัฒนาโดยบริษัทอาวุธไซเบอร์ เอ็นเอสโอ กรุ๊ป (NSO Groups) ของอิสราเอล ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถแฝงตัวลักลอบเข้าไปติดตั้งตัวเองในโทรศัพท์มือถือได้ทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android

เมื่อไม่นานนี้ในเดือน พฤศจิกายน 2567 ศาลแพ่งไทยเพิ่งจะตัดสินกรณีที่ไผ่-จตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน ฟ้องร้อง NSO ว่าใช้สปายแวร์เพกาซัสล้วงเอาข้อมูลส่วนบุคคล แต่ศาลตัดสินยกฟ้อง ไม่เอาผิดต่อจำเลยในกรณีนี้

ในทางตรงกันข้าม มีกรณีล่าสุดที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินเอาผิดสปายแวร์เพกาซัส คือกรณีที่บรรษัทเมตา เจ้าของโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กและ WhatsApp ได้ฟ้องร้องว่า มีการใช้เพกาซัสแฮกเอาข้อมูลของผู้ใช้งาน WhatsApp จำนวนมากถึงราว 1,400 ราย

คำตัดสินดังกล่าวนี้ มีขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2567 เมื่อผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย มีคำตัดสินว่า NSO เจ้าของและผู้พัฒนาสปายแวร์เพกาซัส กระทำผิดในโทษฐานแฮกและละเมิดสัญญา จากการที่พวกเขาใช้สปายแวร์เจาะระบบของโซเชียลมีเดีย WhatsApp เพื่อสอดแนมผู้ใช้งานที่มีทั้งนักข่าว, นักกิจกรรม, นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน, นักการเมือง, เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการทูต ด้วย

คดีดังกล่าวนี้ทาง WhatsApp ได้ยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่ปี 2562 และจากการสืบสวนสอบสวนก็พบว่ามีการใช้เพกาซัสแฮกโทรศัพท์มือถือราว 1,400 เครื่องจริงตามที่กล่าวหา ทำให้ NSO มีความผิดฐานละเมิดกฎหมายบัญญัติฐานความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฐานฉ้อโกงตามกฎหมายสหรัฐฯ รวมถึงละเมิดกฎหมายของแคลิฟอร์เนียว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยละเอียดและการฉ้อโกง และมีเรื่องของการละเมิดสัญญาการใช้งาน WhatsApp ที่ห้ามไม่ให้มีการใช้งานในเชิงมุ่งร้ายด้วย

ฝ่ายจำเลยผู้สร้างสปายแวร์คือ NSO อ้างว่าพวกเขาไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายจากการแฮกในครั้งนี้ เพราะเพกาซัสเป็นสปายแวร์ที่เอาไว้ให้ลูกค้าของพวกเขานำปใช้ในการสืบสวนคดีและในเรื่องความมั่นคงของชาติ แต่ศาลสหรัฐฯ ก็ปฏิเสธข้ออ้างนี้ ซึ่งจะกลายเป็นการวางแนวทางใหม่ให้กับบริษัทรูปแบบเดียวกันบริษัทอื่นๆ ให้ต้องปฏิบัติตาม และหลังจากนี้ศาลสหรัฐฯ จะพิจารณาต่อเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

วิลล์ แคธคาร์ท ประธานของ WhatsApp โพสต์ในโซเชียลมีเดีย Threads โซเชียลมีเดียในเครือเมตา ระบุว่า "คำตัดสินนี้ถือเป็นชัยชนะของสิทธิความเป็นส่วนตัว"

"พวกเราใช้เวลา 5 ปีนำเสนอคดีของพวกเราเพราะพวกเราเชื่ออย่างหนักแน่นว่าบริษัทสปายแวร์ควรจะเลิกอ้างใช้ความคุ้มกันทางกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงการรับผิดรับชอบในการกระทำผิดกฎหมายของพวกเขา บริษัทสอดแนมควรจะต้องได้รับการย้ำเตือนว่าจะไม่มีการยอมให้เกิดการสอดแนมอย่างผิดกฎหมาย" แคธคาร์ทกล่าว

สื่อ Tech Crunch ระบุว่าการตัดสินในครั้งนี้นับเป็น "การตัดสินครั้งประวัติศาสตร์" และระบุถึงสิ่งที่เพกาซัสสปายแวร์กระทำ คือการอาศัยช่องโหว่ของการโทรด้วยเสียงใน WhatsApp ติดตั้งสปายแวร์ลงในเครื่องของผู้ใช้งานโดยไม่รู้ตัว

เอมิลี เวสต์ก็อตต์ โฆษกของเมตาบอกว่า NSO ไม่สามารถหลบเลี่ยงความรับผิดรับชอบต่อการล้วงข้อมูลอย่างผิดกฎหมายได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะกระทำกับ WhatsApp, นักข่าว, นักสิทธิมมนุษยชน หรือกลุ่มภาคประชาสังคมก็ตาม การตัดสินดังกล่าวนี้ควรจะเป็นเครื่องย้ำเตือนบริษัทสปายแวร์ต่างๆ และพวกเขาก็ภาคภูมิใจที่ได้ยืนหยัดต่อต้าน NSO และขอขอบคุณองค์กรจำนวนมากที่สนับสนุนคดีนี้
NSO ไม่ยอมส่งหลักฐานให้ศาล สะท้อนความน่าสงสัยและไม่โปร่งใส

ผู้พิพากษา ฟิลลิส แฮมิลตัน จากศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ระบุในคำตัดสินว่า ทาง NSO ไม่ได้ให้การโต้แย้งในข้อกล่าวหาที่ว่า พวกเขาจำเป็นต้องมีการกระทำเหล่านี้ต่อ WhatsApp เพื่อเจาะระบบเข้าไปได้ คือ ถอดรหัสโปรแกรมแบบวิศวกรรมย้อนกลับ และ/หรือ แปลงโปรแกรมย้อนกลับไปสู่ต้นฉบับ เพื่อติดตั้งเพกาซัสเข้าไปในเครื่องโทรศัพท์เป้าหมาย ทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขากระทำสิ่งเหล่านี้โดยไม่ได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงการให้บริการหรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาโดยสามัญสำนึกและการที่ NSO ไม่ได้ให้คำอธิบายที่ฟังขึ้นในเรื่องนี้ ทำให้มองว่า NSO น่าจะทำการเข้าถึง WhatsApp ไปแล้วโดยไม่ได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงการใช้บริการ ก่อนทำการเจาะระบบ

แฮมิลตันตั้งข้อสังเกตอีกว่า NSO ยังไม่ได้ให้ข้อมูลหลักฐานตามที่ศาลขอไว้ เช่น รหัสต้นทางหรือซอร์สโค้ดของเพกาซัส นอกจากนี้ยังไม่ยอมยื่นหลักฐานการสื่อสารกันภายในของ NSO รวมถึงการสื่อสารกันเกี่ยวกับช่องโหว่ของ WhatsApp ด้วย

เรื่องเหล่านี้ทำให้ผู้พิพากษาแฮมิลตันกล่าวสรุปว่า "NSO ไม่ให้ความร่วมมือกับคำสั่งให้เปิดเผยข้อมูลได้สร้างความน่ากังวลอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องความโปร่งใสและความเต็มใจจะร่วมมือของพวกเขาในกระบวนการยุติธรรม"

นอกจากกรณีของ Whatsapp แล้วก่อนหน้านี้ยังเคยมีกรณีที่ Apple ฟ้องร้อง NSO และบริษัทแม่คือ Q Cyber Technologies เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2564 ในเรื่องการใช้สปายแวร์เพกาซัสกับผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ของ Apple

แต่ต่อมา Apple ก็ได้ยื่นเรื่องต่อศาลขอยกฟ้องโดยอ้างว่าอาจจะมีความเสี่ยงต่อโครงการป้องกันภัยข้อมูลข่าวสาร พวกเขากังวลว่าการดำเนินคดีอาจจะทำให้พวกเขาต้องเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันทางไซเบอร์ และอาจจะถูกคนขายสปายแวร์อื่นๆ นำไปใช้แสงหาประโยชน์ได้ เพราะฝ่าย NSO และเจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้หลีกเลี่ยงที่จะให้ข้อมูลหลักฐานที่ศาลได้ขอไว้

ข้อมูลจาก iLaw เมื่อเดือน สิงหาคม 2567 ระบุว่า NSO ถูกฟ้องแล้วจาก 12 ประเทศ และถูกดำเนินคดีอย่างน้อย 33 คดี มีทั้งคดีในศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (European Court of Human Rights) การตรวจสอบโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนขององค์การรัฐอเมริกัน (Inter-American Commission on Human Rights (IACHR)) การตรวจสอบโดยคณะกรรมาธิการของรัฐสภายุโรป (The European Parliament) การสืบสวนของอัยการ และการดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อศาล

เรียบเรียงจาก

Pegasus spyware maker NSO Group is liable for attacks on 1,400 WhatsApp users, The Verge, 21-12-2024
Apple to Drop Spyware Lawsuit Over Security Concerns, Infosecurity Magazine, 16-09-2024
WhatsApp scores historic victory against NSO Group in long-running spyware hacking case, Tech Crunch, 23-12-2024
ยกฟ้องคดีเพกาซัสสปายแวร์ ศาลไทยชี้ไม่มีหลักฐานการละเมิด เพราะโจทก์ไม่บอกรายละเอียดการตรวจมือถือ, iLaw, 21-11-2024
ผู้ผลิตสปายแวร์เพกาซัสถูกฟ้องแล้วใน 12 ประเทศ อย่างน้อย 33 คดี, iLaw, 08-08-2024

https://prachatai.com/journal/2025/01/111911


ผ่านไปแล้ว 37 วัน แต่ 4 คนไทยซึ่งถูกจับกุมและถูกตัดสินต้องโทษจำคุก ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว บีบีซีไทยรวบรวมความเคลื่อนไหวตลอดช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ว่าเรารู้อะไรแล้วบ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้


เรือ ส.เจริญชัย 8 ขณะถูกจับกุมโดยกองทัพเรือของเมียนมา

4 ลูกเรือประมงไทยจะถูกเมียนมาปล่อยตัวหรือไม่ หลังผ่านไปแล้วกว่า 1 เดือน

เมื่อ 7 ชั่วโมงที่แล้ว
บีบีซีไทย

ผ่านไปแล้ว 37 วัน นับตั้งแต่เกิดเหตุเรือรบของกองทัพเมียนมาใช้อาวุธยิงใส่กลุ่มเรือประมงไทยเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ปีที่แล้ว แต่ 4 คนไทยซึ่งถูกจับกุมและถูกตัดสินต้องโทษจำคุก ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว

บีบีซีไทยรวบรวมความเคลื่อนไหวตลอดช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ว่าเรารู้อะไรแล้วบ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้

ลูกเรือทั้ง 4 คนมีใครบ้าง และถูกดำเนินคดีในฐานความผิดใด

ปัจจุบัน นายสุนันท์ มงกุฎทอง อายุ 68 ปี ผู้ควบคุมเรือ, นายสมปอง วิวัฒน์ อายุ 61 ปี ช่างเครื่อง, นายถาวร พรหมนิมิต อายุ 64 ปี ช่างเครื่อง และ นายวิโรจน์ สพานทอง ณ นคร อายุ 69 ปี เจ้าของเรือ ส.เจริญชัย 8 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเกาะสอง ประเทศเมียนมา

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2024 ไทยพีบีเอสรายงานว่า ศาลจังหวัดเกาะสองได้ตัดสินจำคุกเจ้าของเรือเป็นเวลา 5 ปี ในข้อหาลักลอบทำประมงในน่านน้ำประเทศเมียนมาโดยไม่ได้รับอนุญาต และตัดสินจำคุก 1 ปี ในข้อหาลักลอบเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งหมด 6 ปี และปรับเป็นเงิน 200,000 จัต (ราว 3,200 บาท)

ขณะที่ลูกเรือไทยอีก 3 คน สั่งจำคุกคนละ 3 ปี ในข้อหาทำประมงในน่านน้ำประเทศเมียนมา โดยไม่ได้รับอนุญาต และตัดสินจำคุก 1 ปีในข้อหาลักลอบเข้าประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมจำคุกคนละ 4 ปี และปรับคนละ 30,000 จัต (ประมาณ 500 บาท)


ภาพลูกเรือทั้ง 4 คน (วงแดง) ขณะถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่กองทัพเรือของเมียนมา โดยทางกองทัพเรือไทยเผยแพร่ภาพนี้เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2024

กำหนดการปล่อยตัวที่เลื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก่อนหน้านี้กองทัพเรือของไทยระบุว่าลูกเรือทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 6 ธ.ค. ผ่านการประสานงานกันระหว่างคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) แต่แล้วก็ไม่มีลูกเรือคนใดได้รับการปล่อยตัว

ตรงกันข้าม ศาลจังหวัดเกาะสองกลับพิพากษาให้ลูกเรือไทยทั้งหมดมีความผิดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2024 ซึ่งในตอนแรกมีการประเมินสถานการณ์กันว่าเป็นการตัดสินคดีเพื่อเข้าสู่กระบวนการอภัยโทษของเมียนมา ซึ่งเป็นหนึ่งวิธีการนำตัวคนไทยทั้ง 4 คนกลับมายังประเทศ เนื่องจากในวันต่อมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่าจากการประสานงานเบื้องต้นคาดว่าทางการเมียนมาจะปล่อยตัวลูกเรือไทยในวันที่ 4 ม.ค. 2025 ซึ่งเป็นวันเอกราชหรือวันชาติเมียนมา แต่แล้วก็ไม่มีรายชื่อคนไทยทั้ง 4 คนได้รับการอภัยโทษ และมีเพียงคนไทย 152 คนไทยที่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวข้องกับบ่อนการพนันออนไลน์ รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ของเมียนมา

"จนตอนนี้ต้องถามกันแล้วว่าคำพูดของคนระดับรัฐมนตรีที่สื่อสารกับสังคม เราจะเชื่อถืออะไรได้บ้าง" นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง จากพรรคประชาชน ตั้งคำถามผ่านโพสต์เฟซบุ๊กของเขาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุด นายภูมิธรรม เปิดเผยวันนี้ (6 ม.ค.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามทำหน้าที่ โดยพบว่าทางเมียนมาก็ตอบสนองโดยปล่อยคนไทยกว่า 150 คนออกมา ส่วนลูกเรือทั้ง 4 คนนั้น "เป็นกระบวนการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายให้ครบถ้วน ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามประสานงานอยู่"

เมื่อถามว่าทั้ง 4 คนต้องรอรับโทษของเมียนมาก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ใช่ แต่ต้องให้กระบวนการทำหน้าที่ไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่จบ

"กระบวนการต่างประเทศหากมาพูดกันชัดเจนจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร จะยิ่งเกิดความยากลำบาก แต่อยากให้เห็นว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหา และมีการประสานงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพูดคุยกัน ส่วนระยะเวลาคงตอบไม่ได้ อาจจะจบพรุ่งนี้หรือสัปดาห์หน้าก็ได้ อยู่ที่กระบวนการและประเทศเมียนมาด้วย แต่ละคดีไม่เหมือนกัน เอามาเป็นบรรทัดฐานเหมือนกันไม่ได้ ขอให้รอให้จบก่อนดีกว่า อย่ารู้รายละเอียดมาก เพราะจะทำให้การพูดคุยยากลำบาก" รมว.กลาโหม กล่าว

ไทยทำอะไรไปแล้วบ้าง

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า ขอบคุณฝ่ายเมียนมาที่ดำเนินการปล่อยนักโทษคนไทยทั้ง 152 คน แต่สำหรับกรณี 4 คนนั้น "เป็นที่ผิดหวังที่กระบวนการปล่อยตัวกลุ่มดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จในครั้งนี้ โดยฝ่ายเมียนมายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง"

พร้อมกับกล่าวต่อว่าทางกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างเต็มที่มาโดยตลอด และจะดำเนินการต่อไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมาก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

"พยายามผลักดันให้มีการปล่อยตัวโดยเร็ว บนพื้นฐานของการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว

เขาบอกว่าในห้วงที่ผ่านมา มีการขอการเข้าถึงทางกงสุล (consular access) ในหลายช่องทาง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ นครย่างกุ้ง ได้รับอนุญาตให้นำตัวแทนญาติเข้าเยี่ยมลูกเรือไทยที่จังหวัดเกาะสอง ภาคตะนาวศรี ซึ่งพบว่าลูกเรือไทยทั้ง 4 คน มีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจดี ได้รับการดูแลตามความเหมาะสม และได้รับอาหารครบ 3 มื้อ โดยพร้อมกันนี้ได้แจ้งสถานะการดำเนินการล่าสุดให้กับลูกเรือทราบด้วย



"สุดท้ายนี้ ขอเรียนว่ากรณีนี้มีความละเอียดอ่อนทั้งในแง่เรื่องการปล่อยตัวลูกเรือชาวไทย ประเด็นปัญหาการทำประมงของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งความสัมพันธ์ในภาพรวมของสองประเทศ ดังนั้น จึงต้องอาศัยความอดทนและช่องทางการเจรจาอย่างแนบเนียน" นายนิกรเดช กล่าว และบอกว่าทางกระทรวงการต่างประเทศจะผลักดันทางการทูตต่อไป และแก้ไขปัญหาผ่านกลไก TBC ร่วมกับฝ่ายเมียนมา

สรุปเรือประมงไทยล้ำน่านน้ำเมียนมาหรือไม่

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน พล.ร.ท.สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 3 (ผบ.ทรภ.3) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ผอ.ศรชล.ภาค 3) ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่า สาเหตุที่ทำให้เรือรบเมียนมายิงใส่เรือประมงไทยนั้นคาดว่าเป็นเพราะเรือที่เกิดเหตุทั้ง 3 ลำอาจล้ำเข้าไปในฝั่งน่านน้ำเมียนมา โดยจากการตรวจสอบด้วยระบบซี วิชัน (Sea Vision การตรวจจับเรดาร์ของเรือจากต้นทางเครือข่ายเรดาร์ทางทะเล) พบว่า "เส้นเขตแดนเรือไทยล้ำเข้าไปประมาณ 3 ไมล์[ทะเล]" เนื่องจากชาวประมงอาจยังคิดว่าอยู่ในพื้นที่ของไทย

แต่ไม่นานหลังจากนั้น นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ว่า ขอเวลาหาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนว่าเรือประมงไทยล้ำเขตแดนเมียนมาจริงหรือไม่

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร บอกกับบีบีซีไทยว่า จากข้อมูลที่ทางกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงกับ กมธ.การทหารฯ บอกว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้น "เป็นพื้นที่พิเศษที่ยังไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอ้างสิทธิ และไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนด้วย"

ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือให้ข้อมูลกับ กมธ.การทหารฯ ว่าเรือประมงของไทยออกนอก "เส้นปฏิบัติการ" ของกองทัพเรือ

เขาอธิบายต่อว่าเส้นปฏิบัติการดังกล่าวนั้นเป็นเส้นสมมติที่ทางกองทัพเรือกำหนดขึ้นมา "เพื่อคุ้มครองเรือและน่านน้ำของไทย หมายความว่าหากออกนอกเส้นปฏิบัติการไปก็จะมีความสุ่มเสี่ยงถูกดำเนินการใด ๆ จากประเทศเพื่อนบ้าน" แต่ยืนยันว่าเรือประมงไทยไม่ได้ล้ำเข้าไปในเขตแดนของเมียนมาอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นพื้นที่พิเศษดังที่อธิบายไว้แล้วในเบื้องต้น

กมธ.การทหารฯ เตรียมเยี่ยม 4 ลูกเรือคนไทยในเรือนจำเกาะสอง

นายวิโรจน์เปิดเผยต่อว่าวันที่ 12-13 ม.ค. ที่จะถึงนี้ ทางตนเองจะนำ กมธ.การทหารฯ เดินทางไปเยี่ยมลูกเรือทั้ง 4 คน ซึ่งขณะนี้ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำเกาะสอง โดยอยู่ระหว่างรอนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร อนุมัติให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรในสมัยประชุม ซึ่งหากประธานสภาฯ อนุมัติแล้ว ก็จะดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยต่อเพื่อทำให้แน่ใจว่าจะเป็นการเดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการในฐานะตัวแทนสภา

การไปเยือนในสัปดาห์หน้านี้ นอกจากเป็นการให้กำลังใจกับลูกเรือแล้ว ประธาน กมธ.การทหารฯ ยังบอกว่ามีเป้าหมายเพื่อ "ยืนยันว่าเราต้องการให้ลูกเรือไทยกลับสู่มาตุภูมิโดยเร็ว"

"เรายังคิดว่ากระบวนการยุติธรรมของลูกเรือไทยควรมีความประณีตกว่านี้ และควรคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่านี้ และรอบคอบกว่านี้" นายวิโรจน์ กล่าว

เขายังยืนยันด้วยว่าทางกองทัพเรือของไทยได้ทำหนังสือทักท้วงไปยังทางการเมียนมา กรณีการตอบโต้เรือประมงไทยที่รุนแรงเกินกว่าเหตุไปแล้ว แต่ไม่ได้ทักท้วงเรื่องเขตแดน

"หลายคนบอกว่าทำไมกองทัพเรือของเราไม่ดำเนินการตอบโต้ที่รุนแรงกลับไปบ้าง ผมก็ยืนยันว่าสิ่งที่กองทัพเรือไทยนั้นยึดตามหลักสากลซึ่งถูกต้องแล้ว แม้คาดว่าอีกฟากฝ่ายใดได้ดำเนินการใดไม่เป็นไปตามหลักสากลก็ตาม" ประธาน กมธ.การทหารฯ บอกกับบีบีซีไทย

https://www.bbc.com/thai/articles/cx2n8e6d67jo


เสวนา “ยุติธรรมที่(ยัง)ไม่มี คดีที่(ยัง)คาใจ: Justice Undone, Case Unsolved” ร่วมตามหาความจริงและเขียนข้อความ เพื่อทวงความยุติธรรมให้บุ้ง เนติพร

https://www.facebook.com/watch/?v=1125590038954495

https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/959594816362554
The Reporters
3 hours ago
·
JUSTICE: กลุ่มเพื่อนบุ้ง จัดงานเสวนา 'ยุติธรรมที่ยังไม่มี คดีที่ยังคาใจ' ชวนจับตาคดีไต่สวนการเสียชีวิตของ บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม 13 ม.ค.นี้ ผ่านมาแล้ว 8 เดือนยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้
วันที่ 7 ม.ค.67 ที่สมาคมผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศ FCCT กลุ่มเพื่อนบุ้งนำ โดยนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ จัดเวทีเสวนา “ยุติธรรมที่ (ยัง) ไม่มี คดีที่ (ยัง) คาใจ : Justice Undone, Case Unsolved“ เนื่องจากศาลธัญบุรีได้มีการนัดไต่สวนการเสียชีวิตของนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ในวันที่ 13 มกราคม 2568 เวลา 13:00 น. หลังจากนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวและเรียกร้องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และได้ถูกนำตัวไปรักษาอยู่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จนกระทั่ง บุ้ง เนติพร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567
เวทีวันนี้ มี ดร. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักเขียน นักประวัติศาสตร์ และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และอดีตสมาชิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ,นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม และสมาชิกคณะกรรมาธิการว่าด้วยการส่งเสริมกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศจากสหภาพรัฐสภา (IHL from IPU) และ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย สำนักข่าว The Reporters ร่วมการเสวนา
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาธรรมศาสตร์ ที่มาแทนนายสุลักษณ์ศิวิรักษ์ ที่เห็นว่าตลอด 20 ปี ยังไม่เห็นความยุติธรรมจากคดีการเมือง สะท้อนถึงความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทยที่ยังมีความหวังได้ยากเทียบเท่ากับประเทศเมียนมา จึงหวังไปที่คนรุ่นใหม่จะต่อสู้ให้เห็นความยุติธรรมได้เริ่มต้นจากคดีเสียชีวิตของ บุ้งเนติพร
นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่าการเสียชีวิตของบุ้ง จะไม่เกิดขึ้นหากได้รับสิทธิการป้องกันตัว ซึ่งควรได้รับการคุ้มครองตามกฏหมาย และเป็นสิ่งที่ต้องเรียกร้องเพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิผู้ต้องขังคดีทางการเมือง และกรณีการเสียชีวิตของบุ้งเนติพร ไม่ควรจะเกิดขึ้นหากกรมราชทัณฑ์ดูแลให้ปลอดภัย ซึ่งหากจะมีกรณีการอดอาการเกิดขึ้นอีกจะต้องให้กาชาดสากลเขามาตรวจสอบได้ด้วย
“เสียใจที่กรมราชทัณฑ์ยังไม่ทำอะไรอย่างเต็มที่ การอดอาหาร เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่เวลาที่บุคคลนั้นหันมาเริ่มรับประทาน เป็นช่วงที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ถ้าหากมีกรณีแบบบุ้งขึ้นอีก กรมราชทัณฑ์ควรให้กาชาดระหว่างประเทศ เข้าเยี่ยม จะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ป้องกัยไม่ให้เกิดการสูญเสียขึ้น” นางอังคณา กล่าว
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า หนึ่งในข้อเรียกร้องของ น.ส.เนติพร ในการอดอาหารคือไม่อยากเห็นประเทศไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ ซึ่งในที่สุดประเทศไทยก็ได้เป็น และไม่อาจสร้างความภาคภูมิใจได้ การแสดงบทพิสูจน์ด้วยความยุติธรรม จึงอยากให้มีความหวังกับคดีไต่สวนการตาย และมองว่าการเสียชีวิตของนางสาว เนติพร ได้สร้างพลัง Rest in power ให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย
“เรื่องของน้องบุ้ง เป็นแค่หนึ่งตัวอย่างในการเลือกปฏิบัติ เรายังไม่ขจัดการเลือกปฏิบัติได้ ทำไมยังมีการลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ ทำไมยังมีการเลือกปฎิบัติต่อคนแม้เขาจะมีความแตกต่าง แม้ไทยจะได้เป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ความภูมิใจของเราจะอยู่ตรงไหน ดังนั้นความภูมิใจของพวกเราคือการที่เราช่วยกันเปล่งเสียง ร่วมกันแก้ไข ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่อยู่ในประเทศไทย และหวังว่า การเสียชีวิตของบุ้งจะได้รับความยุติธรรม” นายกัณวีร์ กล่าว
น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย กล่าวว่า 8 เดือนในการการไต่สวนการเสียชีวิตของ บุ้ง เนติพร ถือว่าล่าช้า จากการสอบภาสไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม ว่าผลสอบของกรมราชทัณฑ์ เป็นอย่างไร ทราบว่าได้ข้อสรุปไปแล้ว คงต้องรอฟังผลการพิจารณาคดี จึงเป็นหน้าที่สื่อและสังคมช่วยติดตามว่า จากสาเหตุการเสียชวิต มีความผิดพลาดในขั้นตอนใด และใครต้องรับผิดชอบ
ด้านนางทิชา ณ นคร ที่มาร่วมรับฟังการเสวนา คาดหวังที่จะเห็นบทสรุปคดีไต่สวนการเสียชีวิตของนางสาวเนติพร เพื่อเป็นมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องขังคดีการเมือง และผ่านมา 8 เดือน อยากให้สังคมเรียนรู้ถึงผลกระทบจากการสร้างความเกลียดชังกับเยาวชนที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
กลุ่มเพื่อนบุ้ง อย่างนางสาวทานตะวัน ในฐานะพยานที่อยู่ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของนางสาวเนติพร ก็อยากให้สังคมช่วยกันติดตามบทสรุปสาเหตุการเสียชีวิต
สำหรับการไต่สวนคดีการเสียชีวิต น.ส.เนติพร ศาลธัญญบุรี นัดหมายในเวลา 13.00 น.วันที่ 13 มกราคมนี้ ที่ศาลธัญญบุรี
ภายในงานเสวนา ยังมีการให้เขียนโปสการ์ด ถึง บุ้ง เนติพร พร้อมแจกโปสการ์ดภาพวาดของบุ้ง ที่มีความใฝ่ฝันอยากมีบ้านหลังเล็กๆที่มีความสุขเหมือนคนทั่วไป
รายงาน: สุทธิดา บุญมณี
ภาพ: ธนาภรณ์ วุฒิสนธิ์
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #บุ้งเนติพร #สิทธิมนุษยชน #ความยุติธรรม


ชวนอ่านบทสัมภาษณ์ 112 Watch นักสิทธิมนุษยชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับความห่วงใยสถานการณ์ 112 (แปลไทย)


ลิงค์บทสัมภาษณ์



เสียของ คำนี้กลับมาอีกแล้ว 'ปิยบุตร' ชี้ 'เพื่อไทย' ข้ามขั้วเสียของ เปลี่ยนโครงสร้างอำนาจไม่ได้ ต้องยอมจำนน สุดท้ายเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลยเสียโอกาสในการปรับโครงสร้างอำนาจทางการเมือง


'เพื่อไทย' ข้ามขั้วตั้งรัฐบาลเสียของ เปลี่ยนโครงสร้างอำนาจไม่ได้ ต้องยอมจำนนต่ออำนาจ : Matichon TV

Jan 5, 2025

'ปิยบุตร แสงกนกกุล' เลขาธิการคณะก้าวหน้า เผยผลพวงของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ส่งผลกระทบข้ามมาถึง 2 รัฐบาล ทำให้เพื่อไทยต้องยอมข้ามขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกับกลุ่มอำนาจเก่า สุดท้ายเสียของไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจอะไรได้เลย เสียโอกาสที่จะพาประเทศเดินไปข้างหน้า 


 

รศ. ดร.ธนพร ศรียากูล มอง ทักษิณ ชินวัตร กับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กระแสข่าวปรับ ครม. “อยากปรับ แต่ปรับไม่ได้ เดี๋ยวยิ่งลักษณ์ไม่ได้กลับไทย”




 https://x.com/thestandardth/status/1876276807303041089





วันจันทร์, มกราคม 06, 2568

อีกแล้ว สว. ‘เนรวิน’ เป็น ‘ตัวถ่วง’ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ข้อสำคัญวิปรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังแทงกั๊ก บอก “จะต้องปรึกษาหารือกับทุกฝ่าย รวมทั้ง สว.ก่อน”

อีกแล้ว สว. เนรวินหรือที่เรียกกันว่า สว.สีน้ำเงิน เพราะอิงแอบกับพรรคภูมิใจไทย ในความควบคุมของ เนวิน ชิดชอบ จ้าวพ่อบุรีรัมย์และอีสานใต้ เป็น ตัวถ่วง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกตัวแรงค้านร่างฯ พรรคประชาชน ที่เข้าสู่การพิจารณาฉบับแรก

สว.เสียงข้างมากตั้งแง่ว่าร่างฯ ของพรรคประชาชน ในการแก้ไข รธน.มาตรา ๒๕๖ เป็นการ “ตัดอํานาจ ส.ว. และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเปิดช่องแก้ไขหมวด ๑ และหมวด ๒ โดยไม่ต้องทำประชามติ” ทำให้ พริษฐ์ วัชรสินธุ เจ้าของร่างฯ ต้องชี้แจง

“พรรค ปชน.ต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านได้ง่ายขึ้น หากเป็นฉันทามติของผู้แทนจากการเลือกตั้ง จึงเสนอปรับให้เหลือ ๒ เกณฑ์ ตัดการใช้เสียง ๑ ใน ๓ ของ ส.ว. ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขธรรมนูญมาโดยตลอด”

ส่วนการแก้ไข ม.๒๕๖ (๘) “นั้น รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ กําหนดไว้ว่า การแก้ไขรายมาตราทั้ง ๕ เรื่อง ๑.หมวด ๑ ๒.หมวด ๒ ๓.หมวด ๑๕ ๔.คุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ๕.อำนาจองค์กรอิสระ จะใช้แค่ความเห็นชอบจากรัฐสภาไม่ได้”

ต้องทำประชามติปิดท้ายด้วย “หลายฝ่ายมองว่าเยอะเกินไป ต้องลดลง” เหล่านี้เป็นประเด็นที่มีการเสนอมาก่อนแล้วทั้งสิ้น และเป็นไปตามแนวทางของทั้งรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ และ ๒๕๖๐ ทั้งสิ้น “ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแน่นอน”

เมื่อดูท่าทีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเหมือนกัน ขณะนี้รอการประชุมพรรควันที่ ๗ มกราคม จึงจะทราบว่าเพื่อไทยจะเสนอร่างของตนที่มีอยู่แล้วหรือไม่ จากถ้อยคำของ วิสุทธิ์ ไชยณอรุณ ประธานวิปรัฐบาล ยังแทงกั๊กอยู่

“จะต้องปรึกษาหารือกับทุกฝ่าย รวมทั้ง สว.ก่อนว่ามีความคิดเห็นอย่างไร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และละเอียดอ่อน และพรรคอื่นอาจจะเสนอร่างเข้ามาประกบ จึงต้องหารือร่วมกันในที่ประชุมวิป ๓ ฝ่าย วันที่ ๘ ม.ค.ก่อน” วิสุทธิ์กล่าว

เขาย้ำด้วยว่า “พรรคเพื่อไทยมีเจตนาเพราะเราได้สัญญาประชาคมไว้ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย แต่มีแค่หมวด ๑ และ ๒ ที่เราจะไม่แตะต้อง” นอกจากนั้นเขาเป็นผู้ชี้ขาดว่า เพื่อไทยจะร่วมประชุมแก้ รธน.วันที่ ๑๔-๑๕ มกราหรือไม่

อย่างไรก็ดี Tewarit Bus Maneechai หนึ่งใน สว.เสียงข้างน้อย ให้ความเห็นว่า “ร่างแก้รัฐธรรมนูญ ม.๒๕๖ ที่พรรคเพื่อไทยเสนอเมื่อปีที่แล้ว ก็ตัดเงื่อนไขต้องผ่านเสียง สว. ๑ ใน ๓ ทั้งวาระ ๑ และ ๓ หวังว่าจะยังยืนยันหลักการนี้”

แม้นว่า ทาง ส.ส.ไอติมทำใจไว้แล้วว่า “พรรคเพื่อไทย จะกลับลำในบางประเด็น” ก็ได้เห็นได้ฟังจากคำของวิปรัฐบาลละว่า ต้องปรึกษา สว.ก่อน ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร แล้วใครจะเถียงว่าเวลานี้ สว.เนรวินก็ขี่คอพรรคเพื่อไทยอยู่เหมือนกัน

(https://tna.mcot.net/politics-1470427_vignette, https://www.facebook.com/bus.tewarit/posts/CdruYF6LDCD8, https://tna.mcot.net/politics-1470445A6-SmxufKDg และ https://www.matichon.co.th/politics/news_4985409) 

ทิวากร วิถีตน คิดดังๆ เมื่อปีที่แล้ว





เรื่องนี้เรื่องเดียวทำคะแนนนิยม พีระพันธ์ เพิ่มขึ้น


ประชาชนผลิตไฟฟ้าเอง แผงโซล่าร์ถูกกว่าครึ่ง วัดใจเพื่อไทยขวางไหม?|เรื่องนี้ต้องเคลียร์ EP.118

รวมหัว ทีวี

3 days ago
#toptalk #topnews #รัฐบาลเพื่อไทย

https://www.youtube.com/watch?v=wE5Y3r1Ntx0
.....

ประเวศ ประภานุกูลกิจ 
16 hours ago
·
เรื่องนี้เรื่องเดียวทำคะแนนนิยม พีระพันธ์ เพิ่มขึ้น


ภาพนี้น่าสนใจ แต่เมื่อ พิจารณาเนื้อหา พิจารณาบริบท... เป็นไปได้ที่เราจะตีความภาพนี้ว่ามีคนเข้าไปผูกเชือกตามส่วนต่างๆของร่างกายเธอ



Punsak Srithep
9 hours ago
·
#ลุงสามล้อMuvMiหน้าตาดีคนนั้นไงรำพึง
.
ภาพนี้น่าสนใจ
น่าจะเป็นภาพทีมงานเข้าไปติดไมค์ให้กับคำ ผกาก่อนออกรายการทีวี
.
แต่เมื่อ
พิจารณาเนื้อหา พิจารณาบริบท และดูตัวคำผกาเองเป็นไปได้ที่เราจะตีความภาพนี้ว่ามีคนเข้าไปผูกเชือกตามส่วนต่างๆของร่างกายเธอ
.
"..ดึงเชือกสิแล้วฉันจะยิ้มให้คุณ
ดึงเชือกสิ ฉันจะร้องเพลงให้ฟัง
ดึงอีกครั้ง ฉันอาจร้องไห้
แต่ไม่เป็นไร ถ้าถูกใจของคุณ.."

#ร้องพร้อมๆกันครับ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1334890567505396&set=a.131051334555998
.....

Matichon Weekly - มติชนสุดสัปดาห์
15 hours ago
·
คุณทักษิณยังมีอะไรให้เราทึ่ง และมาก่อนกาลเสมอ
และสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากและเป็นดีเอ็นเอของคุณทักษิณ ตกทอดมาเป็นมรดกของพรรคเพื่อไทยคือการไม่คิดแทนชาวบ้าน แต่เน้นการเสริมพลัง สร้างโอกาส ไม่ตัดสิน แต่ถนัดในการสร้างเงื่อนไข ลดอุปสรรคให้คนได้เลือกหนทางเติบโตของตนเอง
เสรีนิยมใหม่ ทุนนิยมที่มีหัวใจโดยแท้
เสรีนิยมใหม่ ทุนนิยมที่มีหัวใจ | #คำผกา
https://www.matichonweekly.com/column/article_820309





ไอติม แจงยิบ ไม่ขัดรธน. หลังส.ว.สีน้ำเงินฮือค้าน ร่างแก้ไขฉบับปชน. บี้ครม.เสนอประกบ


5 มกราคม 2568
มติชนออนไลน์

“ไอติม” แจงยิบ หลังส.ว.ค้านร่างแก้ 256 ของพรรค “ปชน.” ยืนยัน ไม่ขัดรธน.แน่ ยินดีพูดคุยรวมเสียงหนุน จี้ “ครม.” ทําตามนโยบาย เสนอร่างประกบด้วย

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของพรรค ปชน. ว่าเป็นการตัดอํานาจ ส.ว. และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเปิดช่องแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 โดยไม่ต้องทำประชามติ ว่า ข้อทักท้วงเรื่องการตัดอํานาจ ส.ว.นั้น ในรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่าการแก้ไขมาตราใด ต้องผ่าน 3 เกณฑ์ ได้แก่ 1.เสียงเกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา 2.ได้เสียง 1 ใน 3 ของ ส.ว. 3.เสียง 20% ของฝ่ายค้าน ซึ่งพรรค ปชน.ต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านได้ง่ายขึ้น หากเป็นฉันทามติของผู้แทนจากการเลือกตั้ง จึงเสนอปรับให้เหลือ 2 เกณฑ์ ตัดการใช้เสียง 1 ใน 3 ของ ส.ว. ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขธรรมนูญมาโดยตลอด

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า แนวทางนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ฝ่ายการเมืองอื่นเคยเสนอ แม้กระทั่งในรายงานของกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ในสภาชุดที่แล้ว ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน รวมถึงร่างของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เคยเสนอตอนปี’67 แต่ไม่ได้บรรจุ ก็เสนอให้ใช้แค่เกณฑ์เสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ทั้งนี้ ร่างของพรรค ปชน. เข้มงวดกว่าแนวทางอื่นด้วยซ้ำ

นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนข้อทักท้วงเรื่องการแก้ไข (8) นั้น รัฐธรรมนูญ 2560 กําหนดไว้ว่า การแก้ไขรายมาตราทั้ง 5 เรื่อง ได้แก่ 1.หมวด 1 2.หมวด 2 3.หมวด 15 4.คุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5.อำนาจองค์กรอิสระ จะใช้แค่ความเห็นชอบจากรัฐสภาไม่ได้ แต่ต้องทำประชามติปิดท้ายด้วย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเยอะเกินไป ต้องลดลง แต่ยังมีความเห็นต่างในรายละเอียด

นายพริษฐ์กล่าวว่า ยํ้าว่าข้อเสนอของพรรค ปชน. เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายเคยเสนอมาตลอด และไม่แตกต่างกับแนวทางของรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 และยืนยันว่าการแก้ไขมาตรา 256 (8) ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน

เมื่อถามว่า จะต้องพูดคุยทําความเข้าใจกับ ส.ว. เพื่อรวมเสียงสนับสนุนหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนยินดี และจะพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภาให้ได้กว้างขวางที่สุด เพื่อให้ร่างดังกล่าวได้รับความเห็นชอบในวาระ 1 ริเริ่มกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้สอดคล้องกับนโยบายพรรค ปชน. และรัฐบาล และหวังว่านายกรัฐมนตรี รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีบทบาทไปพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภา เพื่อให้เกิดความเห็นชอบ

เมื่อถามถึงการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 8 มกราคมนี้ จะพูดคุยเรื่องวาระร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรบ้าง นายพริษฐ์กล่าวว่า คาดว่าทุกฝ่ายจะเห็นตรงกันตามที่เคยตกลงกันไว้ โดยร่างที่จะพิจารณาในวันที่ 14 มกราคม คือร่างแก้ไขมาตรา 256 ของพรรค ปชน. รวมถึงร่างของพรรคอื่นที่เสนอประกบเข้ามาทีหลัง ทั้งนี้ ตนขอถามว่า ครม.จะเสนอร่างของตัวเองเข้ามาด้วยหรือไม่ เพราะเป็นนโยบายที่เคยประกาศต่อรัฐสภา ดังนั้นควรจะมีร่าง ครม.มาประกบด้วยเช่นกัน

https://www.matichon.co.th/politics/news_4985409


ทักษิณ แวน วิงเคิล


Thanapol Eawsakul
July 28, 2024
·
ทักษิณ แวน วิงเคิล
.......
ทักษิณ ชินวัตร ในตอนนี้เข้ากับพลอตเรื่องสั้น " Rip Van Winkle " ของวอชิงตันเออร์วิง นักเขียนชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก
เรื่องราวของชาวอเมริกันเชื้อสายดัตช์ในอเมริกาที่เป็นอาณานิคมชื่อริป แวนวิงเคิลซึ่งได้พบกับชาวดัตช์ผู้ลึกลับดื่มสุราและหลับไปในเทือกเขาแคทสกิลล์ . เขาตื่น 20 ปีต่อมาไปสู่โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมีพลาดปฏิวัติอเมริกา
https://hmong.in.th/wiki/Rip_Van_Winkle
ส่วนทักษิณนั้นเข้านอนตอนหัวค่ำวันที่ 19 กันยายน 2549 แล้วตื่นขึ้นมาอีกที วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อตัวเองออกจากที่ "คุมขัง" ภายหลังจากทำสัญญาปีศาจกับชนชั้นนำ และหวังว่าจะเป็น "ผู้บริสุทธิ์" เมื่อครบกำหนดการรับโทษแล้ว
ทักษิณในปี 2567 กับทักษิณในปี 2549 (ก่อนรัฐประหาร) ก็ยังเป็นคนเดิม กร่างเหมือนเดิม คิดจะกินรวบเหมือนเดิม
ทักษิณ เป่าเค้กชื่นมื่น ลั่นปัญหาบ้านเมือง
ถ้าเพื่อไทยแก้ไม่ได้ ก็ไม่มีใครแก้ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4702318
แต่ทักษิณเมื่อหลับไปยาวนานกว่า 18 ปี ก็ไม่รู้ว่า
พรรคเพื่อไทยไมไ่ด้ชนเหลือตั้ง 377 เหมือนไป 2548 แต่ได้เพียง 141 เสียในปี 2567
วุฒิสภาที่ทักษิณ "ซื้อ" ไว้ครึ่งสภาในปี 2549 น้น ในปี 2567 เนวินและพวกคุมไว้มากกว่า 160 คน จาก 200 คนแล้ว
พรรคการเมืองคู่แข่งไม่ช่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปัจจุบันมี สส.เพียง 23 ที่นั่ง แต่เป็นพรรคก้าวไกลที่ชนะพรรคเพื่อไทยในปี 2566 มาแล้ว
มวลชนเสื้อแดงที่เคยเป็นฐานเสียงที่มั่นคงได้แตกกระจัดกระจายไปหมดแล้วโดยเฉพาะหลังการตั้งรัฐบาลเปลี่ยนขั้วย้ายค่ายทางการเมือง
นี่เป็นรัชสมัยในหลวงรัชกาลที่ 10 แล้ว
ฯลฯ

Thanapol Eawsakul
8 hours ago
·
ฟังคำปราศรัยของทักษิณ ชินวัตรวันนี้
100 บาทเอาขี้หมากองเดียว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจะไม่ได้กลับประเทศไทย
แบบไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว
.....



พูดพล่ามข้ามประเทศ คนที่เดือดร้อนคือคนไทย - คิดสิคิด


Puangthong Pawakapan
15 hours ago
·
พูดพล่ามข้ามประเทศ คนที่เดือดร้อนคือคนไทย

Tawan Ten
17 hours ago
·
ก่อนคริสต์มาสปีที่แล้ว ทักษิณโอเวอร์แอ็กชั่น หวังโชว์เพาเวอร์ “ผู้นำ”ระดับอาเซียน+หาเสียงแก้ปัญหาภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่คนไทยเผชิญมาหลายปี
คุยโวสั่งเขมร+พม่า รีบจัดการ ถ้าจัดการไม่ได้ จะส่งคนของตัวเองไปจัดการเอง
หลายคนฟังแล้วชื่นชมในภาวะผู้นำที่ดูเข้มแข็งเด็ดขาด บางคนนึกย้อนไปถึงภาพในอดีต กรณี “วิกฤตโปเชนตง” ปฏิบัติการช่วยคนไทย จากเหตุจลาจลในเขมร สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว สมัยทักษิณเป็นนายกฯ
แต่อีกหลายคนฟังแล้วตกใจ+สงสัยว่า ทักษิณมีอำนาจอะไรจะส่ง “คนของตัวเอง”? ไปจัดการปัญหาในประเทศเขา
ทั้งตั้งคำถามต่ออีกว่า พูดแบบนี้ รัฐบาลเขมร+พม่า จะคิดและมีปฏิกิริยาอย่างไร
กรณีลูกเรือประมงไทย 4 คน ที่ถูกพม่าจับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และยังไม่ได้รับการปล่อยตัว จากเดิมที่ภูมิธรรม รมว.กลาโหม เคยให้ข่าวว่า พม่าจะปล่อยตัววันที่ 4 ม.ค. 68 ไม่มากก็น้อย คงสัมพันธ์กับคำพูด “โอเวอร์ แอ็กชั่น”ข้างต้นของทักษิณ
ผู้นำเขมร+พม่า อาจจะมีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับทักษิณมายาวนาน แต่ในหน้าฉากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่มี “ผู้นำ”คนไหน และประเทศใด พอใจกับการถูกใครสักคน(ที่มีอำนาจ)จากประเทศเพื่อนบ้าน กล่าวถึงผ่านสาสาธารณะ ราวกับว่าเขาและประเทศของเขา เป็น “ลูกไล่”
ทักษิณ เป็นนักการเมือง+นักบริหารประเทศที่คนส่วนใหญ่ยอมรับว่า “เก่งจริง”ในยุคของเขา แต่จุดอ่อนหนึ่งที่หลายคน เคยสรุปไว้ตรงกัน คือ “ปากไว” เพราะความมั่นใจในตัวเองสูง
และหลายครั้ง ความ “ปากไว” ก็นำมาซึ่งผลร้าย โดยไม่คาดคิด
นี่น่าจะเป็น “บทเรียน” ซ้ำๆอีกครั้ง
หวังว่าเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ รัฐบาลเพื่อไทยและทักษิณ จะเร่งรีบช่วยแก้ปัญหา พาลูกเรือประมงไทย ทั้ง 4 คน กลับคืนสู่ครอบครัวโดยเร็วที่สุด

https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/9282028721847804