วันศุกร์, ตุลาคม 30, 2563

จุดเริ่มต้นของ ประชาธิปตาย พาร์ท 1 'สภาพสังคมที่โตมา' ของ Gens แห่งการเปลี่ยนแปลง



DIEMOCRACY ประชาธิปตาย
14h ·

จุดเริ่มต้นของ ประชาธิปตาย
พาร์ท 1 'สภาพสังคมที่โตมา'
ปัจจุบันเราอายุ 24 เราเป็นเด็กไทยทั่วไปที่โตพร้อมกับสภาพแวดล้อม
และสังคมที่หลายๆเรื่องถูกตีกรอบว่า
“ นี้ นั้นโน้น เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆอย่างเราไม่ควรยุ่ง”
ที่เราไม่สามารถออกความเห็นต่อสิ่งที่เราไม่เห็นชอบ หรือหนักไปกว่านั้น
คือไม่สามารถแม้จะตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เราสงสัย เพราะเราจะถูกตำหนิได้ดื้อๆว่า “เป็นเด็กจะไปรู้อะไร” “อย่าเถียงผู้ใหญ่” หรือ “หาเงินได้ก่อนค่อยพูด” ทำให้เราโตมากับการที่ไม่ค่อยมี critical thinking (คิดเชิงวิพากษ์)
และไม่มีความความกล้าในการตั้งคำถามเท่าไหร่
แน่นอนเรื่องการเมืองคือหนึ่งในนั้น
ความขัดแย้งทางการเมืองมีมาตั้งแต่เราเกิด
เราโตมาพร้อมกับการชุมนุมทางการเมืองมากมายไม่ว่าจะเป็น
เหลือง แดง กปปส.
รวมถึงวาทะกรรมหลายๆอย่างเช่น
นักการเมืองมันเลว มันคอรัปชั่น โกงกินประเทศชาติ
เผาบ้านเผาเมือง ล้มเจ้า และอื่นๆอีกเยอะมากๆ
และที่สำคัญคือการผ่านการรัฐประหารถึงสองครั้ง
ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 20 กว่าปีที่โตมา
เราโตมากับสภาพสังคมที่ถูก shape มาให้เรามองว่า
“การเมืองมันก็เป็นแบบนี้แหละ แก้ไม่ได้หรอก”
“มันเป็นเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึงนะ มันอันตราย”
“จะเลือกใครมามันก็เลวเหมือนกันหมด อย่าไปสนใจเลย”
มันเลยทำให้เรามองและคิดแบบนั้นไปโดยอัตโนมัติ
หลักๆแล้วเราก็เคยเป็นเด็กคนนึงที่โตมากับการที่ไม่ได้สนใจการเมือง
ไม่เข้าใจระบบ ไม่รู้ศัพท์ทางการเมือง ไม่ใส่ใจในความผิดปกติ
หนักที่สุดคือไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร
และไม่รู้ว่าสิทธิพื้นฐานของมนุยษ์คืออะไรและมีอะไรบ้าง
เรียกง่ายๆบ้านๆว่าไม่สนใจและไม่รู้อะไรเลย
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการที่โตมาในสภาพสังคมแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเราอยู่ท่ามกลางนักการเมืองไทยที่โกงกินอย่างที่เขาว่า
ไม่ใช่ว่าการรัฐประหารนั้นใครเข้ามายึดอำนาจ
ไม่ใช่ว่าเขาเข้ามาแล้วจะทำดีไม่ดีหรือจะกุมอำนาจไว้นานแค่ไหน
แต่มันคือการที่เราเคยไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับมันเลยต่างหาก
แล้วมองว่ามันคือเรื่องปกติของบ้านเรา
โดยที่ไม่รู้และเข้าใจว่าจริงๆแล้ว
การรัฐประหารนั้นมันเลวร้ายแค่ไหน
หรือวาทะกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นมา
แท้จริงแล้วอะไรคือข้อเท็จจริง
สังคมและสภาพแวดล้อมได้ทำให้เรามองว่า
การเมืองเป็นเรื่องของกลุ่มคนบางกลุ่ม
ทำให้มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ ซับซ้อน และเครียด
ทำให้เราไม่พยายามที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับ
ระบบโครงสร้าง, ปัญหา และความอยุติธรรมต่างๆ
เพียงเพราะมองว่าเราไม่มีทางแก้มันได้
เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกให้เชื่อ
โดยที่ไม่ได้ศึกษา, วิเคราะห์หรือแยกแยะด้วยตัวเอง
แล้วปล่อยผ่านความผิดปกติเหล่านี้ให้ลอยไปในสังคมอย่างง่ายดาย
ทั้งๆที่การเมืองมันเป็นเรื่องของทุกคน
มันเป็นเรื่องที่เราทุกคนควรจะให้ความสนใจ
การเมืองควรเป็นเรื่องที่เราทุกคน
สามารถพูดคุยและถกเถียงถึงมันได้อย่างเปิดเผย
อย่างที่มันควรจะเป็นในสังคมประชาธิปไตย
*ทั้งหมดที่พิมพ์มานี้เป็นความรู้สึก,มุมมองและความเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เติบโตมาในสภาพสังคมแบบนี้แล้ว พาร์ทที่ 2 จะเขียนเกี่ยวกับ ‘จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราสนใจการเมือง’
ขอบคุณมากจริงๆนะ ที่อ่านจนจบ
DIEMOCRACY
ประชาธิปตาย

https://www.facebook.com/DIEMOCRACY.TH/posts/133443055179902
...