วันอาทิตย์, ธันวาคม 31, 2560

"พล็อตนี้สนุกแน่" ต้นปีหน้า ราชาธิปไตย รุ่น ‘LT’ กับลีลาพริ้วของพี่ใหญ่

เมื่อถึงกาลจะ สิ้น ปี บรรดามือวางด้านกฎหมายของ คสช. ทั้งมีชัย ฤชุพันธุ์ วิษณุ เครืองาม และบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ต่างยกโขยงกันไปสวมกิโมโนท่องยุ่นปี่

อยู่ทางนี้มือวางด้านรัฐศาสตร์ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ จัดโปรโมชั่น แบล็คไฟรเดย์ลดแลกแจกแถม ราชาธิปไตยรุ่น ‘LT’ (ลิมิเต็ด อะ) ที่เขาเรียก ปรมิตตาญาสิทธิราชย์หรือ ‘Limited Monarchy’

ท่ามกลางความระห้อยหาอาลัย ดังที่ชัย ราชวัตร นำเอาบทกลอนของประยอม ซองทอง มาทำเป็นกร๊าฟฟิคสดุดีว่า ลาทีปีไก่

ก่อนจะถึงปีจอ ศก ๖๑ กิจการทีวีดิจิทัลต่างพากันปิดตัวเองเป็นทิวแถว* ประดา อรหัตถ์เส้นสายมือไม้ของ คสช. ที่ใช้กำหลาบสื่อ ฉายา กสทช.พากันตัดสูทสากลใหม่ให้รับกับราศี ในราคาชุดละ ๓ หมื่นกว่า รวมแล้วทั้งสิ้นใช้งบประมาณของรัฐไป ๓๖๗,๒๒๔ บาท
 
*ย้อนรอยเสียหน่อยก่อน :จากสำนักข่าวอิศรา “ขณะที่ทีวีดิจิทัล ได้รับผลกระทบถ้วนหน้าจากผู้บริโภคที่หันไปดูทีวีออนไลน์แทน ผลประกอบการส่วนใหญ่ขาดทุน หลายช่องแก้ปัญหาด้วยการดึงกลุ่มทุนเข้ามาถือหุ้น

ในปี 2560 ทีวีดิจิทัลที่ประกาศโครงการเออลี่รีไทร์ เช่น ไทยรัฐทีวี วอยซ์ทีวี ส่วนไทยพีบีเอส ออกโครงการเออลี่รีไทร์รอบสอง ค่ายเนชั่นขายช่อง NOW26 แต่หากนับจากปลายปี 2559 เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อต่อลมหายใจหลายช่อง เช่น

เครือแกรมมี่ขายช่อง GMM25 ให้ตระกูลสิริวัฒนภักดี ส่วนอีกช่องของแกรมมี่ คือ ช่อง ONE กลุ่มปราสาททองโอสถเจ้าของช่องพีพีทีวี เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 50 เช่นเดียวกับ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งฯ เจ้าของช่อง AMARIN ขายช่องให้กับ ตระกูลสิริวัฒนภักดี”

สำหรับ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ นั้น อจ.ปิยบุตร แสงกนกกุล บอกให้จับตาบทบาท เพราะ “หลังจากอาจารย์บวรศักดิ์แล้ว ตอนนี้ก็มีอาจารย์เอนกอีกคน ที่เข้าทำหน้าที่ตัดเชื่อมต่อสถาบันกษัตริย์ให้เข้ากับระบอบการปกครองสมัยใหม่ โดยที่สถาบันกษัตริย์ยังคงมีอำนาจและบทบาท”
คัด คลังปัญญา จากหน้าเฟชบุ๊ค Anek Laothamatas มาให้อ่านพอสังเขป(https://www.facebook.com/AnekLaothamatas/posts/1326104420868553)

เขาว่าตลอด ๘๕ ปีที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักและแก่นสารของระบอบปกครองไทย เคียงคู่กับทั้งประชาธิปไตยและเผด็จการ-อำนาจทหาร โดยเฉพาะราชาธิปไตยแบบ ร.๙ ที่ “เปลี่ยนผ่านจากราชาธิปไตยแบบ ร. ๗ ซึ่งไม่ค่อยได้รับการยอมรับและประกอบภารกิจที่ไม่ได้ผลมากนัก

ตั้งแต่ ๒๕๑๖ จนถึงปัจจุบัน “ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจจากการเลือกตั้งหรือผู้มีอำนาจจากการยึดอำนาจ แทบทุกฝ่ายทุกกลุ่มล้วนไม่กล้าแตะต้อง ก้าวล่วง หรือท้าทายองค์พระมหากษัตริย์ ล้วนต้องเข้าเฝ้าขอความเห็นชอบและความสนับสนุนจากสถาบัน ล้วนต้องรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ”

เนื่องแต่ปี ๖๐ ได้ส่งเสด็จ ร.๙ สู่สวรรคาลัยไปแล้ว น่าเสียดายอาจารย์เอนกไม่ได้เติมปัญญาผู้อ่านด้วยว่าขณะนี้เข้ารัชกาลที่ ๑๐ แล้ว จะมีความเหมือนหรือความต่างระหว่างรัชกาล ในการเป็นแก่นสารและเสาหลักของระบอบปกครอง หรือไม่

แก่นสารส่งท้ายปีไก่ติดใจพสกนิกรตอนนี้เห็นมีเรื่องนาฬิกานั่นละที่เด่น ในเมื่อเรือนที่ ๑๓ เพิ่งโผล่หมาดๆ จากการนำเสนอของ CSI LA ตามภาพถ่ายในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ๒๕ เมษา ๖๐ เมื่อ “บิ๊กป้อมแจงซื้อเรือดำน้ำผ่าน ครม.นานแล้ว เป็นเอกสารลับเปิดเผยไม่ได้ ย้ำจำเป็นรักษาทรัพยากรทางทะเล”
 
และเดอะเนชั่นตอนพลเอกประวิตรไปดุงานแข่งขันฝีมือคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ ๘ http://www.nationtv.tv/main/content/378544650/…

การนี้นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ปปช.บอกกับสื่อว่า “พล.อ.ประวิตร (วงษ์สุวรรณ) ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนาฬิกาและแหวนมาให้ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ ๒๗ ธ.ค.ที่ผ่านมา” แล้ว “ไม่ขอเปิดเผยคำชี้แจง” นั้น

แต่อย่างไรก็ตามจะทำการตรวจสอบ ยืนยันข้อมูลและข้อเท็จจริง ตอนต้นปี ๖๑ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน อันเป็นการตรวจสอบว่ามีเหตุอันสมควรทั้งจากที่ตกเป็นข่าวและมีการร้องเรียน “ว่าเป็นไปตามข้อมูลที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.หรือไม่”


ซึ่งเหล่าผู้สังเกตุการณ์ออนไลน์ตั้งหน้าเฝ้า “รอดู ป้อม คสช. จะรอดด้วยข้อแก้ตัวแบบไหน” (คำของ ชัยวุฒิ สุวรรณโณ) โดยเทียบเคียงกับตัวอย่าง คดีที่มีนักกการเมืองจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ หรือจงใจไม่ยื่นให้ ปปช.ตรวจสอบ

“สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ล่าสุดในช่วงเดือน พ.ย.๒๕๖๐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา (เรื่องนี้) อีก ๖ คดี” จำแนกเป็นจงใจยื่นบัญชีเท็จ ๑ คดี และจงใจไม่มยื่นอีก ๕ คดี

“มีความผิด ต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ๕ ปี พ้นตำแหน่งทันที ๕ ราย ปรับเงินคนละ ๔,๐๐๐-๑๒,๐๐๐ บาท และจำคุก ๑-๓ เดือน โดยให้รอการลงโทษจำคุกทั้งหมด”


สรุปว่าต้นปีหน้า ท่าจะคึกคัก ทั้งอาจได้เห็นพัฒนาการราชาธิปไตยไทยภายใต้ ร.๑๐ ไหนจะได้ชมลีลาพริ้วของพี่ใหญ่ คสช. ต่อคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่บังเอิ๊นบังเอิญประธานเป็นลูกน้องเก่าของผู้ถูกตรวจสอบ 

พล็อตนี้สนุกแน่

7 เรื่องเงียบที่ไม่ควรผ่านพ้นไป ปี 2017




https://www.youtube.com/watch?v=x26VxHAYZU8&feature=share

SHTV

Published on Dec 29, 2017
WAKE UP NEWS - VoiceTV21 @Voice_TV

เรือนที่13เข้าไปแล้วววว😠



https://www.facebook.com/CSILA90210/photos/a.600950366649359.1073741828.596740650403664/1595028810574838/?type=3


รอดู "ป้อม" คสช. จะรอดด้วยข้อแก้ตัวแบบไหน ตัวอย่างคดีนักการเมืองจงใจยื่นบช.ทรัพย์สินเป็นเท็จและจงใจไม่ยื่นต่อปปช.





รอดู ป้อม คสช. จะรอดด้วยข้อแก้ตัวแบบไหน

ตัวอย่างคดีนักการเมืองจงใจยื่นบช.ทรัพย์สินเป็นเท็จและจงใจไม่ยื่นต่อปปช.

ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เป็นเท็จ และจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ล่าสุดในช่วงเดือน พ.ย.2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาอีก 6 คดี จำแนกเป็น

จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเป็นเท็จ 1 คดี (ราย) และ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ 5 คดี (ราย) มีความผิด ต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี พ้นตำแหน่งทันที 5 ราย ปรับเงินคนละ 4,000-12,000 บาท และจำคุก 1-3 เดือน โดยให้รอการลงโทษจำคุกทั้งหมด (เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา 29 ธ.ค.2560) ดังนี้




ชัยวุฒิ สุวรรณโณ


ooo

ศาลฎีกาจำคุกนักการเมืองสตูล ซุกเงินฝาก ที่ดิน - 5 ราย 4 จ. ไม่ยื่นบัญชีฯ รอลงโทษ






30 ธันวาคม 2560
ที่มา สำนักข่าวอิศรา


ส่งท้ายปี 60! ศาลฎีกาฯฟัน ส.อบจ.สตูล ซุกเงินฝาก ที่ดิน - จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ 5 ราย นักการเมือง จ.พิจิตร นครนายก นนทบุรี พ้นตำแหน่งทันที ปรับคนละ 4,000-12,000 บาท จำคุก 1-3 เดือน รอลงโทษรวด

ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เป็นเท็จ และจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ล่าสุดในช่วงเดือน พ.ย.2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาอีก 6 คดี จำแนกเป็น

จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเป็นเท็จ 1 คดี (ราย) และ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ 5 คดี (ราย) มีความผิด ต้องห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี พ้นตำแหน่งทันที 5 ราย ปรับเงินคนละ 4,000-12,000 บาท และจำคุก 1-3 เดือน โดยให้รอการลงโทษจำคุกทั้งหมด (เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา 29 ธ.ค.2560) ดังนี้

จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเป็นเท็จ

นายสะหรี พันหวัง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล (ส.อบจ.สตูล) จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่แจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.อบจ.สตูล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สตูลที่ดำรงอยู่นับแต่วันที่ 23 พ.ย.2560 อันเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 23 พ.ย.2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
(คดีหมายเลขแดงที่ อม.220/2560 -23 พ.ย.2560)

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า นายสะหรีไม่แสดงบัญชีเงินฝาก 3 บัญชี บัญชีเงินฝากของคู่สมรส 3 บัญชี บัญชีเงินฝากของบุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ 3 บัญชี ที่ดินของผู้คัดค้าน 1 แปลง ที่ดินของคู่สมรส 3 แปลง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้ร้อง มีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไม่ถูกต้องครบถ้วน ผู้คัดค้าน ชี้แจง อ้างว่าไม่ทราบว่ามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ร้องเห็นว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอ

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/132/42.PDF

จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ 5 คดี

1.นายแดง โพธา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.บึงบัว ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 24 ส.ค.2555 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.215/2560 -17 พ.ย.2560)http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/132/21.PDF

2.นายวิชิต จั่นศิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ศรีนาวา อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจาก ตำแหน่งมาแล้วหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.ศรีนาวา ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่ง ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. ศรี ครั้งที่ 2ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 22 พ.ย.2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯ วินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119การกระทำของผู้คัดค้านเป็น ความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.216/2560 -22 พ.ย.2560)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/132/25.PDF

3. นายประสงค์ สุนทรธรรมรัต รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ในการดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง ครั้งที่ 1 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 8 ส.ค.2554 ซึ่งเป็นวันที่ ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง ครั้งที่ 1 และให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางบัวทอง ครั้งที่ 2 นับแต่วันที่ 22 พ.ย.2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯวินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.217/2560 -22 พ.ย.2560)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/132/29.PDF

4. นายนิคม บัวนวล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล (ส.อบจ.สตูล) จงใจยื่นบัญชีฯกรณีเข้ารับตำแหน่ง ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สตูลที่ดำรงอยู่ และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 22 พ.ย.2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฯวินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม.218/2560 -22 พ.ย.2560)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/132/34.PDF

5. นายอูมาตร์ มั่นคง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดอนยอ อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีใน การดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. ดอนยอ อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ครั้งที่ 1 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต. ดอนยอครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในวันที่ 23 พ.ย.2560ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกา ฯ วินิจฉัย และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 31 ส.ค.2555 อันเป็นวันที่ ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งครั้งที่ 1 อันเป็นมูลเหตุแห่งการยื่นคำร้อง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำ คุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
(คดีหมายเลขแดงที่ อม.219/2560 -23 พ.ย.2560)

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/132/38.PDF







อ่านเรื่องประกอบ:

ศาลฎีกาจำคุก 4 นักการเมืองลำปาง เชียงราย นครศรีฯ ชัยภูมิ ซุกบัญชีฯรอลงโทษ1 ปี

ooo




...




คนดี...(หัวดอ)





“คนดี”

การเปิดบ้านสี่เสาของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เจ้าของวลี “เลิกคบค้าและเลิกไหว้คนโกง” ให้พลเอกประยุทธ์และคณะเข้าอวยพรปีใหม่ได้สร้างความสับสนให้สังคม เพราะคนที่มาอวยพรมีทั้งพวกที่ยึดอำนาจที่ประชาคมโลกถือว่าเป็นความเลวขั้นอุกฤษณ์ บางประเทศจึงรังเกียจไม่ยอมให้ทั้งเจ้าตัวและลูกเมียเข้าประเทศ ยังมีพวกไม่รักษาสัจจะ ไม่เคารพกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน บางคนเกษียณแล้วยังอยู่บ้านหลวง บางคนไม่อาจชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน ทั้งหมดคือ “คนดี” ที่พลเอกเปรมคบค้าเปิดบ้านต้อนรับ

สังคมไทยถูกฉาบด้วยวาทกรรม “คนดี” ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ใช้ทำลายฝ่ายตรงข้ามและยังเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ ในขณะที่ประชาชนต้องรับเคราะห์เพราะได้คนไร้สติปัญญามาบริหารประเทศ โชคดีที่เป็นสังคมออนไลน์ทำให้ประชาชนได้เห็นพฤติกรรมของเหล่าคนดีที่เริ่มจนตรอก บางคนลอยหน้าลอยตาอบรมคนอื่นแต่รับเงินจากผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน หรือเจ้าของวลีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน กลายเป็นผู้อบรมข้าราชการให้สร้างความโปร่งใสในการทำงานให้ประชาชนเชื่อมั่น

นักการเมืองคือเป้าหมายที่คนดีสุมหัวจ้องทำลาย ซึ่งต้องยอมรับว่านักการเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี มีทั้งกลุ่มคนที่เคยเรียกทหารออกมายึดอำนาจ หรือไม่มีอุดมการณ์ และพวกที่ต่อสู้กับเผด็จการเพื่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อย่างไรก็ตามนักการเมืองจะเข้าสู่อำนาจได้ก็ต้องผ่านการเลือกตั้งและถูกตรวจสอบได้ ต่างจากพวกคนดีที่ยึดอำนาจแล้วนิรโทษกรรมตัวเองหนีการตรวจสอบ รวมทั้งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการฝ่ายตรงข้ามที่กล้าวิจารณ์ตัวเอง ถึงเวลาหรือยังที่สังคมไทยจะหันมาให้คุณค่ากับประชาธิปไตย เคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตนและไม่ยอมให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นเครื่องมือ ปีใหม่ 2561 เลิกนับถือคนดีจอมปลอมเป็นของขวัญให้กับตัวเองจะเกิดความเป็นสิริมงคลกับชีวิต โชคดีทุกท่านครับ

วัฒนา เมืองสุข
30 ธันวาคม 2560




Watana Muangsook
13 hrs ·

ooo




https://www.facebook.com/100009418693061/videos/2007642989559638/


Matichon's graphic กองหนุน 'บิ๊กตู่' ทำไมใกล้ 'หมด'





Wittaya Chomchoey 1.ไม่เป็นกลางที่จะมาปรองดองจริง
2.บริหารงานระดับประเทศไม่เป็น
3.ไม่มีวิสัยทัศน์ในอนาคต
4.ไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ
5.ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไป4ปี++

Dachapon Suwannalird กองหนุนที่แท้จริง เหี้ยกว่านี้อีก เพราะพวกมันสั่งฆ่าประชาชน ทำทุกวิถีทางในการรั้งอำนาจพวกตัวเองใว้ ส่วนที่เขียนแผนภาพนั้น มันหมากเกมม์ที่ถูกหลอกใช้งานทั้งนั้น แค่คิดว่าทำไมม็อบถึงเส้นใหญ่แค่นั้นล่ะ..

ชายกาง แสง ช่างแม่ง ไปๆซะ สันดานดิบเยอะ สถุนไร้มารยาท เติบโตเป็นทหารใหญ่ได้ยังไงไม่รู้

อ่านความเห็นจากโพสต์เพิ่มได้ที่...

https://www.facebook.com/MatichonOnline/photos/a.10156714640172729.1073741840.200355362728/10157012143322729/?type=3&theater

ooo

"ป๋าเปรม" อวยพรปีใหม่ "บิ๊กตู่" แอบแฝงนัยยะ


ooo
มวยล้มต้มคนดู




คสช. เซ็ทซีโร่พรรคการเมืองเพื่อรวบรวม ส.ส. เก่าเข้าพรรคตัวเอง เพราะอยากจะเป็นรัฐบาลต่อหลังเลือกตั้ง - ปริญญา เทวานฤมิตรกุล




#การเซ็ทซีโร่สมาชิกพรรคการเมืองนำไปสู่อะไร?
#อะไรคือเจตนาที่แท้จริง?

การใช้มาตรา 44 ที่ส่งผลต่อการเมืองในปี 2561 มากที่สุดคือคำสั่ง คสช. ที่ 53 / 2560 ที่เพิ่งออกไปเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา

คำสั่ง คสช. นี้มีประเด็นหลักอยู่สองประเด็น ประเด็นแรกคือ กำหนดให้สมาชิกพรรคการเมืองจะต้องยืนยันว่า ต้องการที่จะต่ออายุสมาชิกพรรคการเมืองที่ตนสังกัดต่อไป ส่วนประเด็นที่สอง เป็นเรื่องการผ่อนกฎเกณฑ์การสรรหาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งที่ให้สมาชิกพรรคและสาขาพรรคมีส่วนร่วม (ที่สื่อมวลชนเรียกกันว่า 'ไพรมารี่โหวต') บทความสั้นๆ นี้จะขอกล่าวถึงประเด็นที่เป็นหัวใจสำคัญคือประเด็นแรกเท่านั้น ส่วนประเด็นที่สองผู้เขียนจะได้หาโอกาสเขียนในลำดับต่อไป

ในเรื่องการให้สมาชิกพรรคการเมืองต้องต่ออายุนั้น คำสั่ง คสช. ฉบับนี้กำหนดให้ 'สมาชิกพรรคการเมืองที่ประสงค์จะเป็นสมาชิกจองพรรคการเมืองนั้นต่อไป' ต้อง 'มีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกเป็นหนังสือ' โดยต้องมี 'หลักฐานเป็นเอกสาร' แสดงด้วยว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามในการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง พร้อมด้วยเงินค่าสมาชิกพรรค โดยทั้งหมดนี้ถ้าไม่ดำเนินการภายใน 30 วันนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 การเป็นสมาชิกพรรคของบุคคลนั้นก็เป็นอันสิ้นสุดลง

การกำหนดให้ต่ออายุสมาชิกพรรคเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมด้วยหลักฐานต่างๆ เป็นเอกสารดังที่ว่าไปนี้ ผู้เขียนเห็นว่าไม่ต่างอะไรกับการสมัครเป็นสมาชิกใหม่เลย และพรรคที่มีสมาชิกมากยิ่งจะมีภาระมาก พรรคใดมีสมาชิกหลายแสน หรือเป็นล้านคน (ดังเช่นพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิก 2 ล้านคน) ตัองประสบความลำบากในเรื่องนี้เป็นอย่างมากแน่

แต่เรื่องที่ใหญ่กว่านั้นคือ การกำหนดเช่นนี้ ย่อมทำให้ ส.ส. เก่าของพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้ว สามารถออกจากพรรคเก่าได้โดยไม่ต้องมีการลาออกอีกต่อไป ซึ่ง - ไม่ทราบว่าเป็นเจตนาที่แท้จริงของคำสั่งนี้หรือไม่ - ก็คือการเซ็ทซีโร่ ส.ส. เก่าทั้งหมดนั่นเอง เมื่อครบ 30 วันนับจากวันที่ 1 เมษายน 2561 คือวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป ทุกอย่างจะเริ่มใหม่หมด อดีต ส.ส. ทุกคนสามารถหาพรรคใหม่สังกัดได้ตามอัธยาศัย โดยไม่ต้องไปลาออกจากพรรคเก่าอีกต่อไป

ผู้เขียนเคยวิเคราะห์ไว้ว่า ถ้าจะดูว่า คสช. อยากจะเป็นรัฐบาลต่อหลังเลือกตั้งหรือไม่ ให้ดูว่าจะมีการรีเซ็ทพรรคการเมืองหรือไม่ และบัดนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว หากการดำเนินการนี้เป็นไปโดยผู้ออกคำสั่งไม่มีส่วนได้เสียก็พอทำเนา แต่ถ้ามีพรรคทหารขึ้นมาจริง หรือมีพรรคใดประกาศสนับสนุนให้ คสช.เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังเลือกตั้ง ก็จะกลายเป็นว่า คสช. เซ็ทซีโร่พรรคการเมืองเพื่อรวบรวม ส.ส. เก่าเข้าพรรคตัวเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีเลยทั้งต่อประเทศ และต่อ คสช. เอง ซึ่งตอนนี้อยู่ในภาวะขาลงแล้ว

แล้วผลที่ตามมาคืออะไร โดยธรรมดา ส.ส. ก็ย่อมอยากจะอยู่พรรคที่จะได้เป็นรัฐบาลกันทั้งนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ส.ส. เก่าที่เห็นว่า คสช. จะได้เป็นรัฐบาล ก็จะไปเข้าพรรคใหม่ หรือพรรคเก่าที่ประกาศสนับสนุน คสช. ส่วน ส.ส. เก่าที่ไม่ต้องการให้ คสช.เป็นรัฐบาลต่อ ก็จะไปอยู่อีกข้างหนึ่ง

นี่คือการแบ่งข้างครั้งใหม่ ไม่ใช่ เสื้อเหลืองกับเสื้อแดง ไม่ใช่ เพื่อไทย กับประชาธิปัตย์อีกต่อไป แต่คือการแบ่งข้างระหว่างฝ่ายทหารหรือที่เชียร์ทหาร กับฝ่ายที่ไม่เชียร์ทหาร นั่นหมายถึงว่า คสช. จากที่เคยเป็นคนกลางที่เข้ามายึดอำนาจการปกครองบ้านเมืองเพื่อ 'ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง' จะกลายเป็นคู่ขัดแย้งไปเองแล้ว โดย คสช. หรือทหารอยู่ข้างหนึ่ง แล้วฝ่ายที่ไม่เอา คสช. หรือไม่ต้องการให้ทหารมีอำนาจต่อหลังเลือกตั้งอยู่อีกข้างหนึ่ง

แล้วครั้งสุดท้ายที่ประเทศไทยอยู่ในสภาพนี้เกิดเมื่อไหร่? คำตอบคือปี 2535! ผู้เขียนหวังว่าจะวิเคราะห์ผิด และ คสช. จะไม่ได้เซ็ทซีโร่เพื่อให้ตนเองได้สืบทอดอำนาจต่อ เพราะถ้าเป็นอย่างที่ว่า ผู่เขียนคิดว่าสถานการณ์จะยุ่งยากขึ้นและจะเกิดเรื่องที่แย่กว่านี้ตามมาแน่.

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
30 ธันวาคม 2560
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์




Prinya Thaewanarumitkul

วันเสาร์, ธันวาคม 30, 2560

ยิ่งลักษณ์ ‘citing’ ในลันดั้น ทำเอาสลิ่ม 'ต๊กกะใจ' ส่วนหัวหน้าใหญ่ คสช. ไปนครปฐมฯ แค่บอกเขาว่า “วันข้างหน้าช่วยดูแลประเทศชาติหน่อย"

อีกสองวันจะเข้าปีใหม่ ใครที่ไม่ได้สาละวนกับการขับรถกลับต่างจังหวัด คงจับจ่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท้ปเล็ต และโทรศัพท์อัจฉริยะ กับข่าว ‘citing’ จากภาพคนโน้นไปโผล่นี่ คนนี้ไปอยู่โน่น

คนโน้น น่ะเพิ่งโผล่ที่ลันดั้น หลังจากกบดานมาสามเดือน (ประเมินเอาเองว่าน่าจะเป็นตัวจริง) เมื่อมีทั้งแชร์และแฉว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินช้อปปิ้งในมอลที่เวสต์ลอนดอน จนคนงาน คสช.ต้องวิ่งวุ่นเช็คข่าว แล้วบอกได้อย่างเคยที่ควร ไม่มีคำตอบ ไม่ได้เบาะแส ทั้งจาก กต.อังกฤษและอินเตอร์โพล


ส่วน คนนี้ยังกล้อมแกล้มตอบคำถามเมื่อสามวันที่แล้ว ไปนครปฐมถ่ายรูปหมู่กับตระกูล สะสมทรัพย์ให้ วัฒนา เมืองสุข เอามาสับว่าเดินสายช้อนอดีต ส.ส.รอเลือกตั้ง เฉพาะที่ฮือฮาเพราะเป็นอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย

รู้กันแล้วจากปากเจ้าของสนามฯ “ไม่ได้พูดการเมืองสักแอะ” แค่ไปตีกอล์ฟ แต่เพิ่งรู้จากปากของสองในสาม คสช. ที่ปรากฏในรูป

ทั่นหัวหน้าใหญ่ยืนยันไม่มี ดีลอันใด จะไปไหนมาไหนได้ทุกจังหวัด ใครขอถ่ายรูปด้วยไม่เกี่ยงพรรคไหน ไม่ได้เป็นคนเสนอเอง เขามาขอแล้วจะรังเกียจได้หรือ

แค่บอกเขาว่า “วันข้างหน้าช่วยดูแลประเทศชาติหน่อย...ผมได้แต่ขอร้อง (เขา) ว่า ช่วยดูแลประชาชนให้ดี...ผมพูดกับทุกคนที่เป็นนักการเมือง พูดแค่นี้มันผิดตรงไหน”

โอ๊ย ทั่นเล่าว่าพูดยาวกว่านี้เยอะ ทั้งที่ทั่นก็บอกเองว่าตระกูลสะสมทรัพย์ที่ได้พบนั้น ตอนนี้ “จำไม่ได้ นานมาแล้ว” ใช่ นานมาก ตั้งแต่เมื่อ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ โน่นแน่ะ

สำหรับ คสช.อีกคนในรูป เป็นทั่นรองฯ ฉายา บิ๊กฉัตรดูเหมือนจะยอมรับนะว่าเป็นคนจัดฉากเอง “ตนเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ทำงานหนัก ก็อยากหาโอกาสได้ผ่อนคลายบ้าง เวลาอยู่ในสนามกอล์ฟมีโอกาสพูดคุยภาษาเพื่อน ทำให้ท่านได้หัวเราะสนุกสนาน

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ย้ำอย่างเดียวกับที่ทุกคนพูดมา “ระหว่างการพบไม่เห็นว่ามีการพูดคุยอะไร เป็นการพบโดยบังเอิญ” ครั้นนักข่าวถามว่าแล้ว บิ๊กแดงพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ตัวเต็ง ผบ.ทบ.คนต่อไปด้วยล่ะ บังเอิญไหม

ทั่นฉัตร “กล่าวว่า ตนไม่เห็น เพราะพล.อ.อภิรัชต์ ไม่เล่นกอล์ฟ” แต่จะมาติดอยู่ในรูปด้วยอย่างไร ไม่รู้ (โว้ย)

(http://www.thairath.co.th/content/1165340)

เข้าใจตรงกันนะ หัวหน้าใหญ่ใช้ท่ากระบี่ย้อนรอย “วันนี้เป็นปัญหาของนักการเมือง ไม่ใช่ปัญหาของผม” ไม่รู้ว่าปัญหาเดียวกับที่ Thanapol Eawsakul แซะไว้ไหมหนอ เรื่องที่รำๆ จะถูก รีเซ็ท เนื่องจากถ้าโดนอย่างนั้น พรรคที่เดือดร้อนสุดจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ

.พรรคเพื่อไทย ที่มีฐานคะแนนความนิยมเดิมที่ทิ้งห้างพรรคประชาธิปัตย์” และ “๒.พรรคทหาร ที่จะมาตกปลาในบ่อพรรคประชาธิปัตย์เอง และมี ส.ว. อยู่ในมือ ๒๕๐ คน” ด้วย
ทั้งสองกรณี พรรคเพื่อไทยและพรรคทหาร ลอยตัว ด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะคนที่รอเสลี่ยงจากพรรคทหารมารับ ในเมื่อจะปีใหม่แล้วอะไรๆ ล้วนแต่ดีขึ้นทั้งนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยเพิ่งประกาศ “มั่นใจเศรษฐกิจสดใส ปีหน้าจีดีพีมีโอกาสขยายตัวได้ ๓.%

แม้นว่า “ในประเทศมีความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ทำให้การบริโภคภาคเอกชนยังโตได้แบบค่อยเป็นค่อยไป” และ “ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน พ.ย. เกินดุล ๕,๓๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกและท่องเที่ยวที่ดี ขณะที่เงินทุนไหลออก ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์ เป็นผลจากคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น”

รวมทั้งตลอดปี ๖๐ นี้ “เงินไทยออกต่างประเทศ ๒.๗๖ แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น ๙.๕๙% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา” อันล้วนเป็นปัจจัยถ่วงดึงที่ยังปรากฏชัดอยู่ แต่รัฐบาล คสช. ทำไขสือก็ตาม


ทางด้านพรรคเพื่อไทยลอยตัวแค่ไหนไม่แจ้ง รู้แต่ว่าถ้าวัดจากปัจจัย ชินวัตรหลังจาก พานทองแท้ ประกาศไม่ยุ่งการเมือง ตามด้วย ว้อยซ์ถอยด้านทีวีดิจิทัล เลิกจ้างพนักงาน ๑๒๗ รายแล้ว

ก็เห็น แม้ว ไปผัดอาหารให้หลานตารับประทานกันที่ญี่ปุ่น และจู่ๆ ปูว์ ก็มาโผล่ในลันดั้นให้พวกสลิ่มต๊กกะใจ

หนุ่มโชเฟอร์แท็กซี่ อัดคลิประบายความในใจถึงเพื่อนร่วมอาชีพ ขอร้องให้เลิกทำผิดกับชาวต่างชาติ เรียกเงินในราคาเกินจริง จะเสียลูกค้าให้กับ Uber



https://www.facebook.com/prajok.khi/videos/1996309337293883/





แชร์บทความ Pornpen Hantrakool - เขียนถึงพระเจ้าตากสิน (28 ธค) ในประเด็นประวัติศาสตร์ ที่ค้างคาใจมานาน











วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

อยากเขียนถึงพระเจ้าตากสิน ในประเด็นประวัติศาสตร์
ที่ค้างคาใจมานาน

เคยแปลกใจว่า ในขณะที่บ้านเมืองยังไม่สงบดี ภัยพม่าอาจ
เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การควบคุมประเทศราชอย่างเขมรก็ยังมีปัญหา
การเมืองภายในของเขมรกับการแทรกแซงจากเวียดนาม แต่
เหตุใดพระองค์จึงทรงผนวชและไปปฏิบัติกรรมฐานอยู่ที่วัดอิน

คำตอบง่ายๆ แบบสามัญทั่วไป หรือ มโนทั่วไป ก็คงจะเป็นว่า
ทรงผนวชตามขนบธรรมเนียมของชายไทย เพื่ออุทิศกุศลผลบุญ
ต่อบุพการีผู้มีคุณอันใหญ่หลวง

คำตอบแบบการเมืองในประวัติศาสตร์นิพนธ์ คือ
พระองค์ทรงมีพระสติฟั่นเฟือนวิปลาส หรือ บ้า นั่นเอง
เพราะทรงผนวชและปราถนาในพุทธภูมิเป็นพระพุทธเจ้าต่อไป

คำตอบแบบมโนสาเร่ที่พยายามเดาใจพระองค์ เช่น
ทรงเครียดจากการทำสงคราม
ทรงมีพระประสงค์จะหลบปัญหาภายใน
ทรงฝักใฝ่ในบวรพุทธศาสนา
ทรงมุ่งหวังในพระนิพพาน
ทรงสั่งสมบารมี
ฯลฯ

ส่วนตัวไม่อยากเดา และไม่ค่อยจะเชื่อประวัติศาสตร์นิพนธ์
เท่าไหร่ จนกระทั่งเกิดสะดุด สงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมา

นั่นคือวันที่ไปปักกิ่งเพื่อร่วมการสัมมนากับมหาวิทยาลัยชิงหวา
ซึ่งเป็นเวลานานสัก 20 ปีเห็นจะได้แล้ว

เสร็จจากการประชุมได้ท่องเที่ยวชมเมืองปักกิ่งอีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้เจาะไปเฉพาะที่ๆ อยากไป หนึ่งในนั้นก็คือ วัดลามะ
喇嘛庙 หริอ หย่งเหอกง 雍和宫 ทั้งนี้เพราะเป็นวัดที่มี
ประวัติศาสตร์น่าสนใจ เป็นวัดใหญ่ซึ่งเป็นทั้งวัดเป็นทั้งวัง

จักรพรรดิคังซี 康熙 แห่งราชวงศ์ชิง ทรงสร้างให้เป็นวังที่ประทับ
ของราชโอรส หย่งเจิ้ง 雍正 เมื่อทรงขึ้นครองราชย์แล้ว ทรงยก
วังส่วนหนึ่งให้เป็นวัดของพระลามะ ซึ่งเป็นนโยบายการแก้ปัญหา
ระหว่างจีนกับรัฐทิเบต

พระราชโอรสของหย่งเจิ้งผู้ได้ครองพระราชสมบัติต่อจากพระบิดา
คือ เฉียนหลง 乾隆 ประสูติที่นี่ และหลังจากหย่งเจิ้งสวรรคต
พระศพของพระองค์ได้ตั้งประกอบพระราชพิธีอยู่ในวังนี้เอง

จักรพรรดิเฉียนหลงยังทรงดำเนินนโยบายกับทิเบตเยี่ยงเดียวกับ
พระบิดาและยิ่งกว่า ถึงกับยกวังทั้งหมดให้เป็นวัดลามะโดย
สมบูรณ์

ประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ชิงช่วงต้นที่เกี่ยวกับศาสนานั้น
น่าสนใจมาก มีความสัมพันธ์กับลัทธิศาสนาพุทธของมงโกล
(ราชวงศ์หยวน) กับของทิเบตโดยตรง จักรพรรดิราชวงศ์ชิง
รับอิทธิพลศาสนาพุทธมหายานจากทิเบตมาสร้างภาพลักษณ์
ของกษัตริย์ดุจเป็นพระโพธิสัตว์ แทนโอรสแห่งสวรรค์ 天子 -
เทียนจื่อ แบบจีน

มีคนสันนิษฐานว่า ราชวงศ์ชิงเปลี่ยนนามสกุลของเผ่าตนจาก
Jurchen (จีนเรียกว่า 女真 - หนี่เจิน) เป็น Manchu (จีนเรียกว่า
满族 - หม่านจู๋) เหตุเพราะเสียงของแมนจูคล้องกับชื่อของ
พระโพธิสัตว์มัญชุศรี (ฺBodhisattva Mañjuśrī) ซึ่งเป็นลัทธิ
พระโพธิสัตว์ที่ชาวทิเบตนับถือมาก

จักรพรรดิหย่งเจิ้งและเฉียนหลงทรงสร้างภาพลักษณ์เป็นพระ
นักบวชห่มหลือง โดยเฉพาะเฉียนหลงพระองค์ทรงสร้างภาพ
ลักษณ์เป็นพระโพธิสัตว์มัญชุศรีด้วย

นี่ก็แสดงว่าการเมืองเข้าไปเกี่ยวศาสนาโดยดึงเข้ามาสัมพันธ์
กันเพื่อประโยขน์ทางการเมืองและการปกครองอย่างเห็นได้ชัดๆ
อยู่แล้ว

ราชวงศ์ชิงเป็นราชวงศ์ใหม่และเป็นต่างชาติต่างเผ่าพันธ์ุที่เข้า
มาปกครองจีน จึงต้องประสบกับปัญหามากมาย ทั้งกับคนจีน
และมงโกล รวมทั้งความมั่นคงของเขตแดนทางด้านมงโกเลีย
และทิเบต ดังนั้น การสร้างความสัมพันธ์ทางศาสนาจึงเป็นจุด
สำคัญที่จะเชื่อมโยงการปกครองให้เกิดความมั่นคงโดยสันติวิธี
เหตุนี้ทำให้ราชวงศ์ชิงเข้มแข็ง สามารถแผ่อาณาจักรไปได้ทั่ว
แผ่นดินจีน ควบคุมมงโกเลียและทิเบตให้อยู่ในอำนาจได้

ย้อนมาดูพระเจ้าตาก (1734-1782) ซึ่งมีพระชนม์ร่วมสมัยกับ
จักรพรรดิเฉียนหลง (1711-1796) ดังที่ทราบกันดีแล้วว่าพระองค์
ทรงกอบกู้เอกราชจากพม่า ตั้งราชวงศ์และราชธานีใหม่ ซึ่งไม่ได้
อยู่ที่เดิม นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ถือเป็น
turning point ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก อาจกล่าวได้ว่า
เป็นการเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ได้เลย

ปัญหาในการปกครองบ้านเมืองของพระองค์ต้องมีมากมาย
ทั้งในด้านประชาชนหลากหลายเชื้อชาติ ขุนนาง เจ้าเมืองและ
คนที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ไม่ยอมอยู่ในอำนาจ ตลอดจนบรรดาหัวเมือง
และประเทศราชทั้งหลาย ความมั่นคงในทางการเมืองและการ
ปกครองสมัยของพระองค์จึงยังไม่มีความเข้มแข็งพอ

ที่สำคัญในอีกแง่มุมหนึ่ง พระองค์ต้องประสบกับปัญหาการยอมรับ
ในอำนาจการปกครองของพระองค์จากจีน เหตุเพราะจีนเห็นว่า
พระองค์ไม่มีความชอบธรรมในการสืบพระราชอำนาจต่อจาก
กษัตริย์อยุธยา ต้องทรงใช้เวลานานกว่าที่จีนจะยอมรับ

และด้วยประสบการณ์ที่เป็นปัญหานี้ของพระเจ้าตาก ทำให้กลาย
เป็นทางออกในการแก้ปัญหาดังกล่าวของรัชกาลที่ 1 ต่อมา
โดยอ้างสิทธิในการปกครองต่อจากพระเจ้าตากว่า ทรงเป็นพระ
โอรสของพระเจ้าตาก ฉะนั้น กษัตริย์ราชวงศ์จักรีในพระราชสาส์น
ที่ส่งไปพร้อมกับเคริ่องราชบรรณาการจึงใช้แซ่แต้ (鄭 - เจิ้ง)
ทุกพระองค์

คิดว่าการที่พระเจ้าตากไม่ได้รับการยอมรับจากจีน ด้วยประเด็น
เหตุผลของจีน น่าจะเป็นเหตุให้ได้รับความกดดันทางการเมือง
การปกครองยิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้พระองค์ต้องทรงเอาใจจีนเป็น
พิเศษ และพิสูจน์พระองค์โดยทำตามรอยจักรพรรดิเฉียนหลง
ในภาพลักษณ์ของพระโพธิสัตว์ นั่นคือ การระบุตนอยู่ในพุทธภูมิ
เป็นพระพุทธเจ้า

นอกจากนี้ การสร้างภาพลักษณ์ดังกล่าวอาจถือว่าเป็นการสร้าง
divine right king ในแนวใหม่ที่ต่างจาก devaraja รวมทั้ง
dharmaraja อันเป็นแนวของฮินดูและพุทธเถรวาทในสมัย
อยุธยา

อย่าลิมว่าพระองค์เป็นลูกจีนภายใต้วัฒนธรรมพุทธมหายาน
และมีถิ่นฐานดั้งเดิมในเขตแดนที่ใกล้ชิดติดต่อค้าขายกับพวก
จีนในเวียดนามซึ่งเป็นพุทธมหายาน ดีไหมดี พระบิดาอาจเป็นจีน
ที่โยกย้ายมาจากทางเวียดนามก็ได้ ซึ่งจะทำให้พระองค์มีเครือ
ข่ายกับพวกจีนทางนั้น

พระองค์ทรงฉีกทางออกมาในแนวพระโพธิสัตว์ นี่คือปัญหา
ที่อาจทำให้ทรงประสบกับความขัดแย้งทางการเมืองต่างๆ
รวมทั้งถูกกล่าวหาว่า เป็นบ้า ด้วย

ถึงเวลาต้องชำระประวัติศาสตร์ใหม่
เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพระองค์

พระองค์ไม่ได้บ้า
แต่พระองค์ไม่รู้จักพวก bigots ในราชสำนักของพระองค์
เท่านั้นเอง

Images: พลังจิต; www.learn.columbia.edu; Exploring
Tourism: China Travel Agency & Tour Operator



Pornpen Hantrakool added 3 new photos.
14 hrs ·

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1197586257041322&set=pcb.1197588023707812&type=3

CSI LA แฉอีก - นาฬิกา "ประวิตร" เรือนที่ 12







คลิปตอบโจทย์ : “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” งัดข้อ “คสช.”...? ฟ้องศาล “ม.44” ขัด “รัฐธรรมนูญ” (28 ธ.ค. 60)




https://www.youtube.com/watch?v=YftHq9Xc2Is

ตอบโจทย์ : “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” งัดข้อ “คสช.”...? ฟ้องศาล “ม.44” ขัด “รัฐธรรมนูญ” (28 ธ.ค. 60)


ThaiPBS
Published on Dec 28, 2017


ดำเนินรายการโดย : คุณวราวิทย์ ฉิมมณี 

ผู้ร่วมรายการ : คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา แกนนำพรรคเพื่อไทย คุณวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ คุณสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์) 

ตอบโจทย์ ร่วมพูดคุยประเด็น...การออกคำสั่งหัวหน้า คสช. มาตรา 44 เกี่ยวกับเรื่องของพรรคการเมือง

ภาพเดียวเสียวทั้งเฟรม - ขาลงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา






ที่มา FB


Thanapol Eawsakul


ขาลงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแท้จริง
เจอกัน 10 วันที่แล้วยังลืมกันเลย

.............

พลันที่ นายวัฒนา เมืองสุข เผยภาพ ตะรกูลสะสมทรัพย์ พบกับประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ามกลางข่าวเรื่องการตั้งพรรคทหาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560
เผยภาพ’บิ๊กตู่’ เดินสายคุย นักการเมืองตระกูล ‘สะสมทรัพย์’
https://www.matichon.co.th/news/783130

ต่อมานายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ได้ออกมายอมรับ และบอกว่าเป็นการพบกันระหว่างตระกูลสมสมทรัพย์ กับคณะรัฐประหาร 2557 จริง เมื่อวัน อาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560
.................
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริง นิวส์ และสถานีวิทยุสปริง เรดิโอ เอฟเอ็ม 98.5 เมกกะเฮิร์ท ถึงกรณีในโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพถ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ อดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์, พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ยืนอยู่กับ ตนเอง และน้องชาย นายไชยา สะสมทรัพย์ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ว่า ภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งปกติทุกวันอาทิตย์ตนและพวกพ้องจะนัดพบปะตีกอล์ฟกันที่สนามกอล์ฟ นิกันติ กอล์ฟ คลับ นครปฐม ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว กันเป็นประจำอยู่แล้ว และบังเอิญในวันดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้แวะมาตีกอล์ฟที่สนาม ซึ่งไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ตนเพิ่งทราบจากพนักงานในวันนั้น จึงได้ออกไปต้อนรับ และมีการขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกตามปกติ

“บิ๊กตู่” แค่ไปตีกอล์ฟ - “เผดิมชัย” ปัดคุยดีลทางการเมือง
http://www.springradio.in.th/contents/3508

แต่การแก้ตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อถูกว่าถามว่าไปพบเมื่อไหร่ กลับตอบว่า
"จำไม่ได้นานแล้ว"

บิ๊กตู่ ปัดดีลการเมืองตระกูลสะสมทรัพย์ ชี้ นานแล้ว แค่ไปตีกอล์ฟ บังเอิญเจอ เขาขอถ่าย
https://www.matichon.co.th/news/783603

...




พรรคทหาร ยิ่งแก้ตัว ยิ่งเข้าตัว
.................

กรณีภาพหลุ ดพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นำคณะรัฐประหารไปพบกลุ่มสะสมทรัพย์ นักการเมืองพรรคเพือ่ไทย จังหวดันครปฐม


ล่าสุด พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแก้ข่าวอีกแล้วว่าเป็นการไปเจอกันเมื่อเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน 2560)
แถมบอกว่าไม่เห็น พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ด้วย

บิ๊กฉัตรแจงภาพหลุดนายกฯ ถ่ายเดือนที่แล้ว เจอ ‘‪สะสมทรัพย์’ โดยบังเอิญ
https://www.matichon.co.th/news/783837

อันนี้ขัดกับนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ได้ออกมายอมรับ และบอกว่าเป็นการพบกันระหว่างตระกูลสมสมทรัพย์ กับคณะรัฐประหาร 2557 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560
.........
“บิ๊กตู่” แค่ไปตีกอล์ฟ - “เผดิมชัย” ปัดคุยดีลทางการเมือง
http://www.springradio.in.th/contents/3508

ส่วนรูป พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ก็ปรากฎชัดเจนตามที่เป็นข่าว

“เผดิมชัย”เผย “บิ๊กตู่”ไปตีกอล์ฟ เหมือนเซเลบฯกินร้านอาหารถ่ายรูปติดฝา ยันไม่พูดการเมือง

สรุปคือ พรรคทหาร ยิ่งแก้ตัว ยิ่งเข้าตัว



Thanapol Eawsakul


“แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน” กับ 5 ข่าวร้ายของชายชื่อ ประวิตร



AFP/GETTY IMAGES


“แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน” กับ 5 ข่าวร้ายของชายชื่อ ประวิตร


12 ธันวาคม 2017
ที่มา บีบีซีไทย


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม" รองนายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม กล่าวในวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ยังไม่ได้ส่งหนังสือชี้แจงให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปม "แหวนมารดา" และ "นาฬิกาเพื่อน" หลังไม่พบทรัพย์สินทั้ง 2 รายการ ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อคราวรับตำแหน่ง


นอกจากเป็น "พี่ใหญ่" หรือ "บิ๊ก บราเธอร์" ที่ส่งน้อง ๆ ถึงฝั่งฝันในขุมข่ายอำนาจ จนบารมีเบ่งบานถึงขีดสุด พล.อ.ประวิตรยังเป็นรัฐมนตรีที่ตกเป็นข่าวร้ายมากที่สุดในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ยังพ่วงสถานะ "ขวัญใจชาวเน็ต" เข้าอีกหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะพูดจา-ทำท่าอะไร ก็มักกลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสังคมออนไลน์

บีบีซีไทย ชวนฟื้นความจำกับ 5 กรณีดังของ "พี่ใหญ่" วัย 72


คนโสด คาเวียร์ และเฟิร์สคลาสเหมาลำ


พล.อ.ประวิตรยกคณะรวม 38 ชีวิต ไปร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ที่มลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-2 ต.ค. 2559 


ประวิตรมีทรัพย์เท่าไร ถึงใส่นาฬิกาเรือนละหลายล้านบาทได้
อังกฤษเชิญ ประวิตรเยือน 3 ครั้ง ใน 14 เดือน รบ.ทหารไทย มีอะไรดี
ประวิตร วงษ์สุวรรณ: อนาคต "พี่ใหญ่" วัย 72


งานนี้กลายเป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อ "คนตาดี" เห็นเอกสารจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ สลน. พบว่า คณะของ พล.อ.ประวิตรเช่าเหมาลำเครื่องบินแบบโบอิง 747-400 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ภายใต้งบประมาณ 20.9 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นค่าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน 6 แสนบาท จนถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องความคุ้มค่าของภารกิจ 4 วัน 20 ล้านบาท, รับประทานอะไรกันตั้ง 6 แสนบาท, เดินทางไป 38 คน ทำไมต้องเช่าเหมาลำเครื่องบินที่จุคนได้ถึง 416 คน



AFP/GETTY IMAGESคำบรรยายภาพพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ่ายภาพกับ รมว.กลาโหมอาเซียน ระหว่างการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย วันที่ 2-5 พ.ย. 2558


คำชี้แจงแรก ๆ จาก พล.อ.ประวิตรเกี่ยวกับการเช่าเหมาลำเป็นเพราะไม่มีสายการบินที่บินตรง ต้องต่อเครื่องหลายต่อ เสียเวลา จึงเสนอไปยังการบินไทยว่าจะเดินทางอย่างไรได้บ้าง "คล้ายๆ กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา แบบราชการช่วยราชการ ดีกว่าไปช่วยคนอื่น ก็ไม่เห็นมีอะไร" รองนายกฯ ระบุ

ส่วนที่ยกคณะไปกันหลายคน พล.อ.ประวิตรอธิบายว่าเพราะทางสหรัฐฯ อยากให้ไปหารือหลายประเด็น ยืนยันว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว ลงเครื่องเสร็จก็ทำงาน และเดินทางกลับทันทีที่เสร็จงาน เช่นเดียวกับอาหารที่รับประทาน ก็เป็นอาหารไทยธรรมดา เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้มีอาหารพิเศษมาจากที่ไหน แต่ต่อมาแฟจเพจ CSI LA ได้นำรายการอาหารมาเผยแพร่ พบว่ามีคาร์เวียร์รวมอยู่ด้วย จนโลกออนไลน์พร้อมใจกันติดแฮชแท็ก "เพิ่งรู้ว่าคาเวียร์เป็นอาหารไทย" ก่อนมีคำชี้แจงจากการบินไทยว่าการเสิร์ฟไข่ปลาคาเวียร์ เป็นการบริการของสายการบินไทยให้กับวีไอพีเพียง 9 คน นอกนั้นเป็นอาหารปกติ


ประเด็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ยุติลง เพราะมีตัวช่วยจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. ส่ง "สายตรวจ สตง." เก็บข้อมูลจาก สลน. และการบินไทย ก่อนสรุปผลอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 3 วัน (วันที่ 5-7 ต.ค. 2559) ว่าไม่พบความผิดปกติ-ไม่มีอะไรเกินความเหมาะสม



GETTY IMAGES


ทว่าอีกประเด็นที่แทรกซ้อนขึ้นมาจากรายการนี้ คือกระแสจับจ้องว่ามีรายชื่อผู้ประกาศสาวของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งร่วมทริปฮาวายด้วยหรือไม่ เป็นผลให้โฆษกกระทรวงกลาโหมต้องตั้งโต๊ะแจกแจง 38 รายชื่อที่ร่วมคณะไปกับ พล.อ.ประวิตร ซึ่งไม่พบชื่อสตรีคนดังกล่าว แต่ชาวโซเชียลก็ยังมิวายวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร

"เรื่องส่วนตัวคือเรื่องอะไร ผมมีเรื่องอะไร เรื่องผู้หญิงหรือ ผมไม่ได้ไปยุ่งกับผู้ชาย มันแปลกหรือ ก็ผมเป็นโสดจะไปยุ่งกับใครก็ได้ ถ้าผมไปยุ่งกับผู้ชายก็แปลก" พล.อ.ประวิตรกล่าว

ถือเป็นคำประกาศว่ายังครองความโสดอยู่ แม้วัยล่วงมาถึงปีที่ 72 แล้วก็ตาม


ยิ่งแช่งป่วย ยิ่งอยู่นาน


สุขภาพจิตยังแจ่มใส แต่สุขภาพกายย่อมอ่อนแอลงเป็นของธรรมดาของคนวัยพ้นเลข 7 ที่น่าสนใจคือข่าวลือ พล.อ.ประวิตรป่วย มักตีคู่กันมากับข่าวลับ-ข่าวลวงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีทั้งที่ป่วยจริงและป่วยการเมือง

ในช่วงปรับ ครม. "ประยุทธ์ 3" มีกระแสข่าวเขย่าเก้าอี้ รมว.กลาโหมไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวห่างหายไปจากภารกิจราชการ 3-4 วัน ก่อนปรากฏกายในวันที่ 24 ก.ค. 2558 เฉลยว่าประสบอุบัติเหตุหกล้ม ต้องใส่เฝือกอ่อนที่แขนและขา แพทย์ให้พัก 2 สัปดาห์ "ยืนยันว่าไม่ได้ป่วยการเมือง เพราะน้อยใจที่จะถูกปรับออกจากตำแหน่งตามกระแสข่าว เพราะนายกฯ ไม่มีการปรับผมออกจากตำแหน่ง ยกเว้นจะทำงานไม่ไหวและอยากพัก แต่ขณะนี้ยังต้องช่วยกันต่อไป"




AFP/GETTY IMAGESคำบรรยายภาพพล.อ.ประวิตร สมัยเป็น รมว.กลาโหมในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงพื้นที่อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี 2554


ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. 2559 พล.อ.ประวิตรเปิดบ้านพักภายในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ให้นายกฯ และ ผบ.เหล่าทัพเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดปีที่ 71 ท่ามกลางกระแสข่าวป่วยหนักจนถูกหามเข้าโรงพยาบาล นี่เป็นอีกครั้งที่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธข่าวนี้โดยบอกว่า "ไม่เคยป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาก่อน และหากผู้สื่อข่าวยิ่งแช่ง ผมจะยิ่งอยู่นาน และแข็งแรงยิ่งขึ้น"

แต่แล้วก็มีเหตุให้ พล.อ.ประวิตรหายหน้าหายตาไปกว่า 2 สัปดาห์ กลางเดือน พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ครั้งนี้มีกระแสข่าวเข้ารักษาอาการเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์แจกแจงแทนว่า "คุยโทรศัพท์กันอยู่ทุกวัน ท่านลาไปทำธุระส่วนตัว" เมื่อสื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรป่วยเป็นอะไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "ท่านก็ไม่สบายเป็นปกติ พวกคุณสบายดีทุกวันหรือไม่ ไว้พวกคุณอายุ 70 ปี แล้วค่อยมาบอกว่าสบายทุกวัน" พร้อมยืนยันว่ากับ พล.อ.ประวิตรนั้น "ใจต่อใจถึงกันอยู่แล้ว อยู่กันมาเกือบทั้งชีวิต"

กระทั่ง 29 พ.ค. 2560 พล.อ.ประวิตรปรากฎตัวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก แต่ไม่ยอมเปิดปากเล่ารายละเอียดอาการป่วย โดยกล่าวเพียงว่า "ไม่เป็นไร สบายดี" และสามารถทำงานได้ตามปกติแล้ว

มาถึงช่วงปรับครม. "ประยุทธ์ 5" พล.อ.ประวิตรถูกผู้สื่อข่าวถามว่าสุขภาพร่างกายยังสู้ไหวหรือไม่ เขาจึงย้อนถามว่าสื่อดูไม่ออกหรือไง เมื่อสื่อถามต่อว่าจะลาออกเองหรือเปล่า เล่นเอา พล.อ.ประวิตรออกอาการฉุนขาด-หลุดคำสบถว่า "ถามอย่างนี้ ไอ้ห่- สุขภาพผมยังไม่เป็นอะไร"


พี่ป้อม "ซ่อมไม่ตาย"


ด้วยเพราะเป็นชายชาติทหารแท้ และมักสนทนากับสื่อด้วย "ภาษาทหาร" ทำให้คำพูดของ พล.อ.ประวิตรกลายเป็นการ "เรียกแขก" อยู่เนืองๆ ล่าสุดกับกรณีที่สังคมรับไม่ได้คือข่าวการเสียชีวิตอย่างปริศนาของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 หลังครอบครัวนำร่างไปชันสูตรแล้วพบว่าอวัยวะภายในหายไป อีกทั้งยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นเพราะโดน "ซ่อม" หรือที่ทางการทหารเรียกว่า "การธำรงวินัย" หรือไม่



WASAWAT LUKHARANG/BBC THAIคำบรรยายภาพครอบครัวน้องเมย เดินทางไปรับชิ้นส่วนอวัยวะ สมอง หัวใจ ที่บรรจุไว้ในกล่องโฟมที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2560 เพื่อส่งต่อไปให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม พิสูจน์รอบ 2


แม้ พล.อ.ประวิตรได้กล่าวแสดงความเห็นใจต่อครอบครัว ตัญกาญจน์ ที่ต้องเสียบุตรชายเพียงคนเดียวไป ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2560 และยืนยันว่าน้องเมยเสียชีวิตเพราะปัญหาสุขภาพ เคยมีอาการ "ฮีทสโตรก" ไม่ใช่โดนซ่อม แต่เมื่อนำประสบการณ์ตรงสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหารของตัวเองมาถ่ายทอด ได้นำสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง


พล.อ.ประวิตรเล่าว่า เคยโดนซ่อมเหมือนกัน เช่น วิดพื้น วิ่ง สก๊อตจั๊ม การซ่อมไม่ได้อะไรมาก ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการซ่อมเกินกำลังที่คนจะรับได้จะทำอย่างไร รองนายกฯ ตอบว่า "ผมก็เคย ผมก็สลบ... แต่ผมมันไม่ตายไง" 


ทหารใหญ่ดาหน้าบอก "ซ่อมสร้างวินัย" แต่ ชาวเน็ตถามทำไมทำลายชีวิต


สิ้นเสียงให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร โลกออนไลน์พร้อมใจตั้งฉายา "ป้อม ซ่อมไม่ตาย"และตัดต่อภาพล็อกเก็ต "พี่ป้อม รุ่นซ่อมไม่ตาย" ตีคู่กับกระแสล็อกเก็ต "พี่นวล" ที่ผู้สร้างอ้างว่าเป็นหญิงตายท้องกลม ซึ่งกำลังโด่งดัง ณ เวลานั้น ท่ามกลางความช้ำใจของครอบครัวน้องเมยว่า คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลไม่น่าพูดเช่นนี้



ร้อนถึงนายกฯ ต้องสั่งการให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2560 โดยอ้างถึงคำพูดนายกฯ ที่ "ขอโทษแทนผู้เกี่ยวข้องหากทำให้ประชาชนไม่สบายใจ" ก่อนที่ค่ำวันเดียวกัน "พี่ป้อม ซ่อมไม่ตาย" จะเอ่ยปากด้วยตนเองอีกครั้ง "คำพูดของผมที่กระทบกระเทือนครอบครัวน้องเมย ต้องขอโทษด้วย"

แต่ดูเหมือนเรื่องนี้อาจไม่จบง่าย ๆ เมื่อนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ไปรณรงค์ผ่าน CHANGE.ORG เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ผ่านมา 2 วัน มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนแล้วกว่า 3.1 พันคน

อ้างชื่อบิ๊กป้อมแสวงหาประโยชน์

ด้วยสถานะ "พี่ใหญ่" และโครงข่ายอำนาจทั้งกว้าง-ลึก ทำให้ชื่อของ พล.อ.ประวิตรถูกผู้ไม่หวังดีแอบอ้างใช้เป็น "ใบเบิกทาง" หรือ "เรียกรับประโยชน์" อยู่เนืองๆ

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาแฉเองเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2559 ว่าถูก "ด๊อกเตอร์" แอบอ้างว่ารู้จักตนและรองนายกฯ เพื่อเอาโครงการ ขณะที่ พล.อ.ประวิตรระบายความรู้สึกที่ถูก "อ้างชื่อ" ในหลายกรรมหลายวาระ เช่น "โดนเตะตัดขาอยู่เรื่อย เสี้ยมให้คนเกลียดกัน" พร้อมยืนยัน "ทำงานมา 2 รัฐบาลแล้ว ไม่เคยแตะเงินสักบาท" (28 ม.ค. 2559) และ "เขาคงคิดว่าผมมีอำนาจมาก แต่ผมก็ไม่เคยใช้อำนาจ" (11 ก.พ. 2559)

ชื่อ พล.อ.ประวิตรถูกอ้างถึงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ในหลายหน่วยงาน

  • ปี 2559 โครงการขุดลอกคูคลองขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.)
  • ปี 2560 โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 100 เมกะวัตต์ ของ อพศ. ซึ่งผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร
  • 2560 โครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) งบประมาณ 55 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหารู้จักบุคคลที่อ้างตัวว่าเคยทำงานให้ พล.อ.ประวิตร
  • 2560 โลกออนไลน์เผยแพร่ภาพพระครูกิตติ พัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ์ ขันทอง อายุ 51 ปี เจ้าอาวาสวัดลาดแค เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ที่ถูกจับสึก หลังถูกจับกุมข้อหากระทำอนาจารเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ขณะเดินทางไปอวยพร พล.อ.ประวิตรที่บ้านพัก

"ทุกคนเมื่อเห็นผ้าเหลือง ก็ต้องกราบไหว้กันทั้งนั้น และต้องเข้าใจว่าทุกคนกราบผ้าเหลือง และเมื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมืองไปมา ส่วนใหญ่ทางวัดก็จะถ่ายภาพเก็บไว้" พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิช โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว และย้ำว่า พล.อ.ประวิตรไม่เดินทางไปทอดกฐินที่วัดดังกล่าว 2-3 ปีแล้ว และได้แจ้งไปยังหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือว่าไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของรูปนี้

"แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน"

ปิดท้ายปีด้วยเรื่องแหวนเพชร กับนาฬิกาหรูยี่ห้อริชาร์ดมิลล์ ที่ พล.อ.ประวิตรสวมใส่ขณะถ่ายภาพหมู่ ครม.ชุดใหม่ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นเรื่องบานปลาย เพราะในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่แจ้งไว้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่พบว่าเครื่องประดับทั้ง 2 รายการ ทำให้ ป.ป.ช.ต้องส่งหนังสือเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เพื่อขอคำชี้แจงจาก พล.อ.ประวิตรภายใน 30 วัน



WASAWAT LUKHARANG/BBC THAIคำบรรยายภาพหลังยกมือขึ้นมาป้องแดด ระหว่างถ่ายภาพหมู่ ครม. "ประยุทธ์ 5" ทำให้นาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตรตกเป็นที่จับจ้องจากสังคมทันที


คอลัมน์ "หมัดเหล็ก" ในเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรว่า "ถ้าวันนั้น พล.อ.ประวิตร รู้ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนวันนี้ ก็คงจะไม่ใส่แหวนที่แม่ให้ยืมใส่ในวันนั้นพอดี ซึ่งแหวนวงดังกล่าวเป็นมรดกตกทอดจากพ่อเอามาใส่เป็นสิริมงคลในวันสำคัญ และในจำนวนพี่น้อง 3 คน ยังไม่รู้ว่าจะตกเป็นสมบัติของใครด้วยซ้ำ หรือแม้แต่นาฬิกาที่เพื่อนรักซึ่งเป็นนักธุรกิจดังให้หยิบยืมมาชั่วครั้งชั่วคราว จะกลายเป็นทุกขลาภและเป็นเหยื่อของสังคมออนไลน์จนต้องรีบเอาไปคืนแทบไม่ทัน" ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ในทำนองไม่เชื่อเรื่อง "แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน"

ทว่า พล.อ.ประวิตรใช้วิธี "นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว" โดยกล่าวเพียงยังไม่ได้ส่งหนังสือชี้แจง ป.ป.ช.

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถูกถามเรื่องนี้ โดยบอกว่าไม่ต้องให้กำลังใจอะไร ท่านเข้มแข็งพอ

"พล.อ.ประวิตรเป็นทหาร สามารถดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้ว ขอร้องสื่อให้ลดราวาศอกกันบ้าง" ผู้บังคับบัญชาปัจจุบันกล่าวถึงนายเก่า

พล.อ.ประยุทธ์วิเคราะห์สาเหตุที่ พล.อ.ประวิตรตกเป็นเป้าโจมตีหลายเรื่องว่า "เขาต้องการตีให้แตกออกจากฉัน ก็รู้อยู่ ฉันเองก็แข็งแรงเยอะ ถ้ายิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย ก็จะยิ่งดุกว่าเดิม จะใช้อำนาจอย่างเต็มที่"

เลขาฯ ป.ป.ช. เผย 'บิ๊กป้อม' ส่งหนังสือชี้แจงปมที่มานาฬิกาหรู-แหวนเพชรแล้ว มีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้อง ป.ป.ช.เตรียมเชิญบุคคลที่ 3 เข้าชี้แจง




https://www.facebook.com/ThaiPBSFan/videos/10159976370700085/


วันศุกร์, ธันวาคม 29, 2560

‘ตลกหลวง’ หน้ามุ่ยเพราะกองหนุนหมด ท่ามกลางการ คุมเข้ม คุกคาม และล้มลุกคลุกคลาน

หน้ามุ่ยเพราะกองหนุนหมด วันนี้ขอเอาเรื่องเกิดที่บ้านบิ๊กป้อมมาต่อติดกับเหตุการณ์ที่บ้านป๋าเปรม หน่อยเหอะ

วาสนา (Nanuam) เขียนเล่า “บิ๊กตู่ยืนเท้าแขนข้างขวาที่ผนังห้องพร้อมพักขาไขว้กัน แสดงสีหน้า บ่ จอย เมื่อเห็นประตูห้องรับรองยังเปิดอยู่ แล้วทำให้นักข่าวที่รอกันอยู่ในบ้าน ร.1 รอ. ของบิ๊กป้อม เห็นภายในห้อง ที่ ๓ ป. ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ อยู่ด้วยกัน”

อะไรมันจะฉุนง่ายจัง เพิ่งสัญญากับป๋าอยู่หลัดๆ “สิ่งที่ผมสัญญากัลป๋าไว้ผมจะทำให้ได้ และจะไม่โมโห ยิ้มอย่างเดียว ประชาชนอยากให้ผมยิ้มเยอะๆ แม้ว่าใครจะทำให้ผมหงุดหงิดก็ตาม”
น่าจะเป็นเพราะป๋าบอกว่า “ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว” หรือเปล่า

นั่นจากตอนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกโขยงคณะรัฐมนตรีไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ป๋าอวยพรกลับ “ขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้ ผมเชื่อว่าตู่ทำได้ พวกเราทุกคนก็ทำได้ และกำลังทำกันอยู่”

ถึงได้เห็นภาพบิ๊กตู่ในเครื่องแต่งกายลำลองลงพื้นที่นครปฐม นำคณะ ๓ ก๊วนแค่มาเล่นกอล์ฟเฉยๆ ที่สนามนิกันติ ของตระกูลสะสมทรัพย์ ซึ่งนายเผดิมชัย อดีต รมว.แรงงานของพรรคเพื่อไทยต้องรีบออกมาแก้ต่าง “ท่านไม่พูดการเมืองสักแอะเลย”

ทั้งนี้หลังจากที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว. พาณิชย์สมัยพรรคไทยรักไทย เอาภาพไปโพสต์ประกอบบทความ อ้างถึงว่า “มีการเดินสายพบปะนักการเมืองที่มีแนวทางสนับสนุนตน”

จนทำให้นายเผดิมชัยต้องแก้ปมว่า สนามของตนได้รับรางวัลดีเด่นแห่งเอเซียแปซิฟิค “ต้อนรับกระทั่งพระราชินีจากมาเลย์ เราก็เหมือนร้านอาหาร เซเลบริตี้มาก็อยากถ่าย...เพื่อเป็นเกียรติว่าผู้ใหญ่ให้เกียรติมาเล่น เป็นเรื่องปกติมาก”

ส่วนใครจะคิดอย่างไร “เราเป็นนักการเมือง ลูกน้องก็มีออฟไซด์หรือไม่ออฟไซด์ เราก็ไม่รู้ ไม่ใช่ประเด็นใหญ่”


แน่นอน สำหรับนักการเมืองที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ มิน่าเล่า ผลสำรวจเกี่ยวกับความเสื่อมทรามในความตระหนักรู้ โดยองค์กรอิปโซส์ของฝรั่งเศสพบว่า
เมื่อปีที่แล้วดัชนีแห่งความไม่เอาไหน หรือ ‘ignorance’ ไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวของคนไทย ติดอันดับ ๗ ของโลก (มติชนเรียกว่า ดัชนีความไม่รู้เรื่องรู้ราว) เป็นรองก็แต่อินเดีย จีน ไต้หวัน อาฟริกาใต้ สหรัฐ และบราซิล


สำหรับรายงานข่าวเรื่อง “ไทยติดอันดับ ๗ ประเทศที่ประชาชน ไม่รู้ข้อมูลประเทศตัวเอง มากที่สุดในโลก” โปรดดูที่ https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1482908487

แต่สำหรับนักการเมืองที่กล้าอ้าปากประจานว่า “เอางบประมาณแผ่นดินไปหาเสียงด้วยโครงการประชานิยมสารพัด ในขณะเดียวกันก็กดหัวพรรคการเมืองคู่แข่งไม่ให้ทำกิจกรรม เท่ากับเป็นการเอาเปรียบคู่แข่งอย่างไร้ยางอาย” นี่เป็นประเด็นสำคัญ

เผื่อไม่รู้ว่าสามปีภายใต้บงการของรัฐบาล คสช. เกิดอะไรบ้าง ขอแนะนำไปอ่านแถลงการณ์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ตามรายงานสถานการณ์ที่ผ่านมาตลอดปี ๒๕๖๐ ที่ว่าเต็มไปด้วยการ “ควบคุม คุกคาม และคลุกคลาน”

เขาให้รายละเอียดควรแก่การรับไว้ใส่หัว ว่า คสช. ใช้คำสั่งฉบับที่ ๙๗ และ ๑๐๓ ที่ออกมาตั้งแต่ปี ๕๗ คุมเข้ม สิทธิในการแสดงความคิดเห็น ห้ามวิพากษ์การทำงานของ คสช.เด็ดขาด วิจารณ์ว่าดีไม่เป็นไร ว่าร้ายโดนตะครุบทันที

กรณี คุกคามเขายกตัวอย่างการฟ้องร้องสื่อและนักวิชาการที่วิจารณ์การเมืองในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามมาตรา ๑๑๖ ประมวลกฎหมายอาญา ในลักษณะ ฟ้องเหมาเข่งเป็นเครื่องมือในการปราบปรามนักเคลื่อนไหว “ซึ่งการฟ้องในช่วงหลังจะพ่วงความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้าไปด้วย”


แล้วยังมีกรณี ล้มลุกคลุกคลาน กันอีก ไม่เพียงเฉพาะที่สมาคมนักข่าวฯ เอ่ยถึงสื่อสายหลักหลายแห่งปิดตัวเอง ลดบริการ และเลิกจ้างพนักงาน เพราะความซบเซาของธุรกิจการค้า ความฝืดเคืองของการจ้างงาน
ชาวบ้านธรรมดา โดยเฉพาะสาวโรงงาน ท้ายปีนี้ ปี ๖๐ มี ฟ้าผ่าเมื่อมิตซูบิชิปิดโรงงาน พนักงานเกือบ ๒ พันคน เคว้ง มิใยแหล่งข่าวจากบริษัทมิตซูบิชิจะทักท้วงว่าแท้จริงมิใช่การ เลิกจ้าง

แต่เป็นเพียง ปิดงานจนกว่าการเจรจาระหว่างบริษัทกับสหภาพแรงงานจะเสร็จสิ้น หลังจากที่มีการนัดหยุดงาน แล้วเจรจาปรับโครงสร้างเงินเดือนกันไม่ลงรอย บริษัทจึงตอบโต้ด้วยมาตรการดังกล่าว


ถึงกระนั้นมันก็เป็นผลกระทบต่อเนื่องมากว่า ๓ ปี จากการที่เศรษฐกิจฝืดเคืองนับแต่คณะทหารเข้าไปยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หวังว่าจะได้เป็น พระเอกในสายตาพวกนั่งร้านที่กวักมือเรียกให้เข้ามา

ที่ไหนได้เมื่อเวลาและความ ไร้น้ำยา พิสูจน์ว่ารังแต่จะจมปลักกับเผด็จการ ตลกหลวงเอาแต่เกาะกิน ถึงได้เริ่มดิ้นกันขึ้นมาบ้าง จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาอย่างยิ่งในความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองสองขั้ว 

พร้อมใจเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๕๓/๒๕๖๐ เกี่ยวกับการสั่งให้พรรคการเมืองยืนยันสมาชิกภาพ ด้วยการจ่ายค่าสมาชิกนั้น จะมีน้ำยาด้วยหรือไม่