วันเสาร์, ตุลาคม 24, 2563

ฟัง! ”ร.10 ” ทรงมีรับสั่งกับอัยการฯ “ต้องรู้ว่า อะไรถูก อะไรไม่ถูก”ใช้ วิจารณญาณ อย่ายึดตามทฤษฎี ยึดทัศนคติที่ดี เพื่อสังคมมีความสุข



ฟัง!”ร.10”ทรงแนะอัยการฯ “ต้องรู้ว่า อะไรถูก อะไรไม่ถูก”ใช้ วิจารณญาณ อย่ายึดตามทฤษฎี ยึดทัศนคติที่ดี

Oct 22, 2020

WassanaNanuam
...
Wassana Nanuam
Yesterday at 10:35 AM ·

“ต้องรู้ว่า อะไรถูก อะไรไม่ถูก”
ใช้ วิจารณญาณ
อย่ายึดตามทฤษฎี
แต่ ยึดทัศนคติที่ดี
ส่วนรวมจะมีความสุข
.
.”ร.10”ทรงมีรับสั่ง
กับ อัยการสูงสุด -อัยการ
ให้ อดทน มีเหตุและผล
และรู้จักกาลเทศะ
คำนึงถึงภาพรวมที่ดี แห่งความสงบสุขและยุติธรรมในประเทศของเรา
ต้องรู้ว่า อะไรมันถูก อะไรมันไม่ถูก อะไรจะเป็นสิ่งที่ดี เป็นสุขกับประชาชน
การใช้กฎหมายให้ถูกต้องกับสถานการณ์ โดยความยุติธรรม โดยมีวิจารณญาณและมีเหตุผล
ต้องมีวิจารณญาณ อะไรมันถูก อะไรมันไม่ถูก อะไรมันจะเป็นสิริมงคล หรือเป็นผลทางบวกกับส่วนรวมหรือไม่
มีกฎหมายอยู่ในมือ เป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม
ต้องมีความเข้มแข็ง-มีเหตุผล
ถ้ายึดตามทฤษฎี ว่าน่าจะทำอย่างนั้น แต่ ถ้ายึดด้วยทัศนคติที่ดี
ท่านก็จะมีความสุข
และทำให้ส่วนรวมมีความสุข
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าฯ ตามลำดับดังนี้
วันที่ 22 ตุลาคม 2563 เวลา 19.02 น.
นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นำตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้
นายเชาวนะ ไตรมาส เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมเข้าเฝ้าฯ ด้วย
โอกาสนี้ มีพระราชดำรัสในความสำคัญถึงการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า “ก็ขออวยพรให้ท่านมีกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามคำปฏิญาณ เพราะว่าคำปฏิญาณที่ได้กล่าวออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และความหมายต่างๆ ครบถ้วนอยู่แล้ว ซึ่งท่านสามารถนำคำปฏิญาณนี้ไปทบทวนขยายความ หรือกำหนดเป็นแนวทางได้ตามสถานการณ์ ตามเหตุผล ซึ่งท่านทั้งหลายก็มีประสบการณ์มามาก ก็เชื่อว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นประโยชน์ตามคำปฏิญาณได้ด้วยดี ก็ขอให้มีกำลังใจ และโชคดี มีความเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่”
เวลา 19.18 น. พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด นำอัยการประจำกอง จำนวน 218 คน เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในโอกาสนี้ ร้อยโท ไชยา เปรมประเสริฐ รองอัยการสูงสุด นายวุฒิรัตน์ มีผดุง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ และนายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ เลขานุการอัยการสูงสุด ร่วมเข้าเฝ้าฯ ด้วย
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสแก่คณะอัยการว่า “คำปฏิญาณที่ได้กล่าวไปนั้น ก็คือทัศนคติที่ดี ความสำนึกในหน้าที่ ความอดทน ความมีเหตุและผล และรู้จักกาลเทศะ โดยคำนึงถึงภาพรวมที่ดีแห่งความสงบสุขและยุติธรรมในประเทศของเรา
ซึ่งทุกคนก็ได้รับการฝึก ศึกษา และได้เรียนรู้ เห็น ในสิ่งต่างๆ มาพอสมควร อย่างน้อย ก็ทราบว่าอะไรมันถูก อะไรมันไม่ถูก อะไรจะเป็นสิ่งที่ดี เป็นสุขกับประชาชน
กฎหมาย หรือขั้นตอนทางกฎหมายก็มีเป็นกฎ เป็น รปจ.อยู่แล้ว แต่การใช้กฎหมายให้ถูกต้องกับสถานการณ์โดยความยุติธรรม โดยมีวิจารณญาณและมีเหตุผล กฎหมายก็จะดีและผู้ได้รับผลจากกฎหมายก็จะได้รับความยุติธรรม
การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าจะหนุ่มๆ สาวๆ หรือแก่ๆ ทำงานมาหลายสิบปีแล้ว ขั้นตอนในการเรียนรู้ ขั้นตอนในประสบการณ์ ก็มีเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
ข้อสำคัญ เมื่อมีประสบการณ์ หรือเมื่อเห็นอะไร สำคัญที่ว่า ท่านจะต้องมีวิจารณญาณว่าอะไรมันถูก อะไรมันไม่ถูก อะไรมันจะเป็นสิริมงคล หรือเป็นผลทางบวกกับส่วนรวมหรือไม่
การมีกฎหมายอยู่ในมือ การเป็นผู้ใช้กฎหมาย หรือเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมนั้น ก็ต้องมีความเข้มแข็งและมีเหตุผล
แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า ท่านทั้งหลายได้รับการศึกษาและมีความตั้งใจ มีทัศนคติที่ดีอยู่แล้ว ก็คงน่าจะพิจารณาได้ว่าอะไรจะดีสำหรับประเทศ อะไรจะดีสำหรับส่วนรวม อะไรมันถูก อะไรมันไม่ถูก
ซึ่งถ้ายึดตามคำปฏิญาณ ซึ่งก็เป็นทฤษฎีว่าน่าจะทำอย่างนั้น แต่ถ้ายึดด้วยทัศนคติที่ดี ท่านก็จะมีความสุข และทำให้ส่วนรวมมีความสุข
ก็ขออำนวยพรให้ท่านทั้งหลาย มีสติปัญญา มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญาที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดี เพราะว่าท่านก็ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์กันทั้งนั้น
ถ้าอยู่ในวัยฉกรรจ์ มีแรง มีกำลัง หาประสบการณ์ ศึกษาความเป็นมา ความต่อเนื่อง และปฏิบัติในทางที่ถูก เชื่อว่าไปได้ดีแน่ ขอให้โชคดี”
: ข่าวราชสำนัก Thaipbs