วันพฤหัสบดี, กันยายน 19, 2567

สภาคว่ำร่างกฎหมายพรรคประชาชน เสนอยกเลิกเงินนอกงบประมาณกองทัพไม่โปร่งใส แบบนี้จะปฏิรูปกองทัพกี่โมง??

.....

พรรคประชาชน - People's Party
10 hours ago
·
[ สภาคว่ำร่างกฎหมายพรรคประชาชน เสนอยกเลิกเงินนอกงบประมาณกองทัพไม่โปร่งใส แบบนี้จะปฏิรูปกองทัพกี่โมง?? ]
.
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ มีการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เสนอโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพื่อให้การบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกองทัพมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยแก้ไขให้รัฐบาลต้องเปิดเผยภาระทางการคลังผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และให้การจัดการเงินนอกงบประมาณโดยที่ไม่ต้องนำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง ต้องมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติกำกับเท่านั้น
.
ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีได้ขอรับร่างฯ ดังกล่าวไปพิจารณาเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งครบกำหนดกลับเข้าสู่การพิจารณาต่อในสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ พร้อมด้วยข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
.
วิโรจน์ ในฐานะเจ้าของร่างฯ ได้อภิปรายต่อข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรีมีกลับมา โดยระบุว่าหลักการสำคัญในการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มีอยู่ 2 ประการ
.
1) การสร้างความโปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญด้านงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นภาระทางการคลัง สถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง
2) การปรับปรุงการจัดการเงินนอกงบประมาณให้มีความโปร่งใสมากขึ้น
.
โดยหน่วยงานใดที่มีความจำเป็นในการจัดการเงินนอกงบประมาณด้วยตัวเองก็ยังคงทำได้ โดยเฉพาะกองทัพที่มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณถึงปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท แต่ต้องมีการตรากฎหมายในระดับ พ.ร.บ. มากำกับ มีการตรวจสอบตามหลักการทางบัญชี และมีการเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย ไม่ใช่แค่ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นกระดาษไม่กี่หน้า แล้วฮุบเอาเงินนอกงบประมาณไปจัดการตามอำเภอใจในแดนสนธยา ขนาดที่คณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ยังตรวจสอบไม่ได้
.
[ กมธ.งบฯ ตั้งข้อสังเกตงบกลาโหมทุกปี แต่มีโอกาสแก้กฎหมายกลับไม่ทำ? ]
.
วิโรจน์กล่าวว่าเมื่ออ่านข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรีตีกลับมาก็ยิ่งตกใจ เพราะไม่มีความใส่ใจต่อข้อสังเกตใดๆ ของคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ เลย การแก้ไขครั้งนี้ไม่ใช่อยู่ดีๆ ตนทึกทักนึกเอา แต่มาจาก สส. ทุกพรรคทุกคน ผ่านรายงานข้อสังเกตต่อ พ.ร.บ.งบประมาณของทุกปี รวมทั้งในปีล่าสุด 2568 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “กระทรวงกลาโหมเป็นเพียงกระทรวงเดียวที่มีเงินนอกงบประมาณประเภทที่ 2 ซึ่งใช้ระเบียบที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง” และยังย้ำอีกว่า “ควรมีข้อมูลรายละเอียดของเงินนอกงบประมาณมาแสดงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ”
.
โดยในปี 2567 ก็มีการตั้งข้อสังเกตเช่นกัน ว่ามีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 4.6 หมื่นล้าน ย้อนกลับไปปี 2566 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท ส่วนปี 2565 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมหาศาลในระดับ 1.4 ล้านล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการฯ มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องเดิมทุกปี ก็คือเงินนอกงบประมาณไม่สามารถตรวจสอบได้และมีความซ้ำซ้อน และขาดความโปร่งใส ซึ่งตนขอตั้งคำถามว่าในฐานะผู้แทนราษฎร เราทำได้แค่ตั้งข้อสังเกตแล้วมองตาปริบๆ มากี่ปีกันแล้ว แล้วเราจะสังเกตกันแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่
.
[ ขอ สส. ยืนหยัดทำสิ่งที่ควรทำ ]
.
นอกจากนี้ จากรายงานที่คณะกรรมการกฤษฎีการวบรวมความเห็นหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ มีแต่ระบุเหตุผลในเรื่องความคล่องตัว แต่ไม่มีหน่วยงานใดเลยชี้แจงว่าจะสร้างความโปร่งใสและลดความซ้ำซ้อนของการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่คณะกรรมาธิการฯ ทุกชุดทุกปีตั้งข้อสังเกตได้อย่างไร
.
ในฐานะ สส. เราทำได้มากกว่าการจ้องแล้วตั้งข้อสังเกต เราสามารถแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ ให้การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมีความโปร่งใสได้ โดยที่เราไม่ต้องมาสังเกตแล้วได้แค่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก ถอนหายใจ แล้วทำอะไรไม่ได้
.
“ผมขอร้องเพื่อนสมาชิก ขอให้เราทุกคนร่วมกันยืนหยัดกล้าหาญที่จะรับร่างกฎหมายฉบับนี้ เหมือนตอนที่เราโหวตเห็นด้วยกับข้อสังเกตของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เป็นเอกฉันท์กันแทบทุกปี ถ้าไม่ทำเพื่อจัดการเงินนอกงบประมาณให้โปร่งใส ในปีต่อๆ ไปเราไม่ต้องมาตั้งข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว ผมเสนอว่าพอถึงหน้าเงินนอกงบประมาณให้เอาแถบสีดำคาดเอาไว้ แล้วพิมพ์เอาไว้ว่าไม่มีข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว เพราะไม่รู้จะสังเกตไปเพื่ออะไร”
.
[ มติโหวตคว่ำ ]
.
เมื่อการอภิปรายสิ้นสุดลงเข้าสู่การลงมติในวาระ 1 ปรากฏว่าสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมาก ได้ลงมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ เป็นผลให้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐเป็นอันตกไป


ร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม อยู่ในระหว่างรอพระมหากษัตริย์ลงปรมาภิไธย ประกาศใช้ - เป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้ว ร่างกฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะเหตุใดถึงล่าช้า หลายคนตั้งข้อสงสัย หรือพระมหากษัตริย์ไม่เห็นชอบด้วย คิดจะยับยั้ง ?


iLaw
September 10
·
ร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม หลังผ่านรัฐสภาแล้ว อยู่ในระหว่างรอพระมหากษัตริย์ลงปรมาภิไธย - ประกาศใช้
.
เป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้ว ที่วุฒิสภาชุดพิเศษมีมติ “เห็นชอบ” ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม ไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567
.
จนถึงวันที่ 10 กันยายน 2567 ร่างกฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าตอนนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในกระบวนการใดแล้ว ชวนดูขั้นตอนในการออกกฎหมาย ตามหลักเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญ 2560 กัน
.
หลังจากร่างกฎหมายผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว นายกรัฐมนตรีจะต้อง “เว้น” รอเวลาไว้ 5 วันก่อน เผื่อ สส. สว. หรือนายกฯ เองเห็นว่าร่างกฎหมายนั้นๆ มีข้อความขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ ก็ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้าเว้นไว้ 5 วันแล้วไม่มีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ นายกฯ จะต้องนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วันนับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลาที่ต้องเว้นไว้ 5 วัน
.
กรณีของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาเมื่อ 18 มิถุนายน 2567 ระยะเวลาที่ต้องเว้นไว้ 5 วัน ครบกำหนดวันที่ 23 มิถุนายน 2567 ดังนั้น นายกฯ จะมีกรอบระยะเวลาในการนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2567
.
เมื่อนายกฯ นำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว แม้รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนตรงๆ ว่าพระมหากษัตริย์มีเวลาในการลงพระปรมาภิไธยกี่วัน แต่ในมาตรา 146 ก็กำหนดเกี่ยวกับกระบวนการยับยั้ง (Veto) ร่างกฎหมายว่า ร่างกฎหมายใดที่เมื่อพ้น 90 วันแล้วพระมหากษัตริย์ไม่ได้พระราชทานร่างกฎหมายคืนกลับไปยังรัฐสภา หรือพระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบและพระราชทานคืนกลับไปยังรัฐสภา รัฐสภาต้องปรึกษาและลงมติยืนยันร่างกฎหมายนั้น โดยนัยตามมาตรานี้ พระมหากษัตริย์จึงมีกรอบเวลา 90 วัน ในการลงปรมาภิไธยเพื่อนำไปสู่การประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
.
กรณีของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม กรอบระยะเวลา 90 วันที่พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธย จะครบช่วง 22 กันยายน 2567 จนถึง 11 ตุลาคม. 2567 ขึ้นอยู่กับว่านายกฯ ทูลเกล้าไปวันใด
.
อย่างไรก็ดี หากร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ในทันที โดยจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้น 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หมายความว่า หลักเกณฑ์เกี่ยวกับหมั้นและการสมรส จะเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เดิม คือ สมรสได้เฉพาะชาย-หญิง การจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับแก้ไขใหม่ #สมรสเท่าเทียม จะทำได้หลังพ้น 120 วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
.
อ่านขั้นตอนการออกกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ที่ https://www.ilaw.or.th/articles/3667
.....




ทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย แล้วจึงประกาศใช้เป็นกฎหมาย

เมื่อร่างกฎหมายได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว รัฐธรรมนูญ มาตรา 145 ระบุให้นายกรัฐมนตรีรอไว้ 5 วัน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ภายใน 20 วัน เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ก็ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายได้

ร่างกฎหมายฉบับใด พระมหากษัตริย์ไม่เห็นชอบด้วยและพระราชทานคืนมายังรัฐสภา หรือพ้นไปแล้ว 90 วันไม่ได้พระราชทานคืน ให้รัฐสภาประชุมร่วมกันอีกครั้ง ตามมาตรา 146 รัฐสภาหรือ ส.ส. และ ส.ว. สามารถลงมติยืนยันร่างกฎหมายนั้นอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของทั้งสองสภา (750 คน) หรือ ส.ส และ ส.ว. รวมกัน 500 เสียง และให้นายกรัฐมนตรีนำทูลเกล้าอีกครั้ง ถ้าพระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงพระปรมาภิไธยภายใน 30 วัน ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างกฎหมายนั้นประกาศในราช
.....



นี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่นาน ที่จะทำให้คุณเห็นว่า การที่ไทยไม่มีสมรสเท่าเทียมนั้นมันส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนอย่างไร….


SPECTRUM
February 22, 2022
·
และนี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น ที่จะทำให้คุณเห็นว่า การที่ไทยไม่มีสมรสเท่าเทียมนั้นมันส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนอย่างไร….
.
สรุปเรื่องราวนี้คือ คุณ ‘กิ๊ก’ หญิงไทยได้แต่งงานอย่างถูกฎหมายที่ไทยกับสามีชาวฝรั่งเศสก่อนย้ายไปอยู่ที่ประเทศของสามี
.
ต่อมาสามีของเธอนั้น ได้บอกว่าตัวของเขานั้นเป็นผู้หญิงข้ามเพศ และได้มีการเปลี่ยนคำนำหน้าที่ประเทศฝรั่งเศสจาก Mr. (นาย) เป็น Mrs. (นาง) อย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศฝรั่งเศส
.
จากที่อยู่กันในฐานะสามี-ภรรยา ก็มาเป็น ภรรยา-ภรรยา จากอดีตครอบครัว พ่อ-แม่-ลูก ก็กลายมาเป็นครอบครัวคุณแม่เลสเบี้ยน เป็น ครอบครัวคู่รักข้ามเพศ Transgender couple family
.
ชีวิตพวกเขาปกติดีที่ฝรั่งเศส จนเมื่อตัดสินใจกลับมาอยู่ที่ประเทศนี้ “ไทยแลนด์”
.
คุณกิ๊กกับภรรยา ‘เอ็มมา ลาโรส’ (Emma LAROSE) เลือกอยากกลับพาลูก ๆ มาใช้ชีวิตครอบครัวที่ไทย ปัญหาทางกฎหมายไทยก็เกิดขึ้น จากที่เคยสมรสถูกกฎหมาย กลับเปลี่ยนไปในตอนนี้ เพราะไทยยังไม่มีกฎหมายไม่มีสมรสเท่าเทียม
.
มันทำให้ทั้งคู่ต้องเจออุปสรรคในการใช้ชีวิตครอบครัวทั้ง ความยากลำบากเรื่องของวีซ่า ตลอดจนสิทธิอื่น ๆ ที่คู่สมรสควรต้องได้
.
มาเข้าใจความรู้สึก ผ่านเสียงของคุณกิ๊กกัน
ตลอดจนเข้าใจว่าสมรสเท่าเทียมนั้นสำคัญแค่ไหน
.
ไป ตม. มาแล้ว สรุปทำวีซ่าไม่ได้ นาง แต่งงานกับนาง ไม่ได้ กฏหมายไทยไม่รองรับ
.
“เราแต่งงานกับนายแล้วต่อมาเป็นนาง กฎหมายไม่รองรับให้นางกับนางแต่งงานกันก็เข้าใจ แต่เราแต่งกับนายตั้งแต่แรกไง เราไม่ได้แต่งกับนาง โอ๊ยยิ่งคิดยิ่งไม่ปวดหัว
เราว่าควรให้เด็กได้อยู่กับผู้ปกครองนะ…”
.
กิ๊กขอบคุณทุกคนนะคะที่ยื่นความช่วยเหลือและคำแนะนำมาให้ คือวันนี้ไปต่อวีซ่าท่องเที่ยวเพื่อขออยู่ต่อได้อีก 30 วัน พรุ่งนี้เราจะไปขอวีซ่าติดตามคู่สมรส กิ๊กก็อธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟังตั้งแต่แรกว่ากิ๊กแต่งงานกับผู้ชายต่อมาผ่าตัดแปลงเพศ เปลี่ยนชื่อและคำนำหน้าชื่อเป็นนาง เพราะกฎหมายที่ฝรั่งเศสให้ทำได้ กิ๊กอยากเปลี่ยนชื่อในโฉนดคอนโด จากนาย เป็น นาง เจ้าหน้าที่บอกทำไม่ได้ เพราะกฎหมายเมืองไทยไม่ยอมรับ เจ้าหน้าที่ดีมาก อธิบายดี กิ๊กเข้าใจดี กิ๊กถามว่าจะเราทำอะไรกับเคสนี้ได้บ้างมั้ย เจ้าหน้าที่อธิบายดีมาก แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะยังไม่เคยเกิดขึ้น…
กิ๊กขอให้มาดามเซนต์ยินยอมให้กิ๊กเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้านที่คอนโดเพื่อจะเอาลูกๆ เข้าทะเบียนบ้าน แต่ทำไม่ได้ เพราะซื้อคอนโดตอนเป็นนาย สัญญาซื้อขายไม่ตรง ทำไม่ได้
กิ๊กถามเจ้าหน้าที่ต่อวีซ่าเรื่องติดตามคู่สมรส อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ฟัง เจ้าหน้าที่บอกยังไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ท่าจะยากหรืออาจจะไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ดีมากแนะนำให้ทำวีซ่าเกษียณซึ่งต้องมีเงินวางในธนาคาร 800,000 บาท ห้ามถอน 3 เดือน
กิ๊กก็แค่อยากขอวีซ่าให้ถูกประเภท กิ๊กไม่รู้ว่าวีซ่าเกษียณสามารถทำงานได้มั้ย ยังไม่ได้ศึกษา กิ๊กกับมาดามย้ายกลับไทยเพื่อกิ๊กจะได้กลับมาดูแลพ่อกับแม่ที่แก่มากแล้ว อยากเอาประสบการณ์และไอเดียต่างๆ ที่เรามี มาทำธุระกิจที่ไทย เผื่อมีตรงไหนที่จะช่วยเหลือสังคมในมุมมองของคนยุโรปเราก็อยากช่วยตรงนั้น
.
“กฎหมายช่างโหดร้ายกับเราเหลือเกิน…เราแต่งงานกันมีลูกด้วยกัน แต่เราไม่มีสิทธิ์อยู่ด้วยกันเพราะกฎหมายไม่รองรับ ผู้ให้กำเนิดต้องออกนอกประเทศ ต้องจากลูกๆ ไป แค่คิดก็ปวดใจมากๆ แล้ว ใครจะสอนการบ้านลูก ใครจะอ่านนิทานให้ลูกๆ ฟัง ข้าวของที่กำลังส่งมาทางเรือตั้งมากมายจะทำยังไง ลูกๆ เราเค้าจะรู้มั้ยว่ามาดามต้องออกนอกประเทศไทยโดยปราศจากพวกเค้า ไม่ได้คิดอะไรแล้วเศร้าแบบนี้มานานแล้วนะ เพราะคิดบวกมาตลอด แต่เพราะความเป็นแม่ เพราะสงสารมาดามมันก็ทนไม่ได้เลย… เราพอจะทำอะไรกับสถานการณ์แบบนี้ได้บ้างมั้ยคะ มีกฎหมายหรือหน่วยงานใหนพอช่วยได้มั้ยคะ เราแต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมาย เราแค่อยากเป็นคนธรรมดา ที่มีครอบครัวธรรมดา ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวและแบ่งปันสังคม การข้ามเพศมันไม่ผิด ทุกคนอยากเกิดมาถูกเพศ
#สมรสเท่าเทียม
.
วันนี้เราจึงอยนกชวนมารู้จักครอบครัวนี้มากขึ้น ชมคลิปเรื่องราวของพวกเขาได้ที่: https://bit.ly/3h6UOsc เมื่อ 'สามี' บอกกับฉัน ว่าเขาเป็น 'ผู้หญิง'...
.
ครอบครัวตามแบบฉบับบรรทัดฐานสังคมที่เรารู้จัก มักจะประกอบไปด้วย “พ่อ แม่ ลูก” แล้วถ้าเกิดว่าเป็นครอบครัว “พ่อ พ่อ ลูก” หรือ “แม่ แม่ ลูก” ล่ะ จะแตกต่างออกไปมั้ย?
.
นี่คือเรื่องราวของครอบครัว ‘คุณกิ๊ก’ - ‘ญาณิฐา เงินลาด’ และ ‘คุณเอ็มมา’ - ‘เอ็มมา ลาโรส’ (Emma LAROSE) เจ้าของเพจ ครอบครัวคู่รักข้ามเพศ Transgender couple family อดีตครอบครัวพ่อแม่ลูก ที่กลายมาเป็นครอบครัวคุณแม่เลสเบี้ยน
.
ทำให้เราเห็นว่า ‘ครอบครัว’ นั้น ไม่ว่าจะประกอบไปด้วยใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นไปตามกรอบที่สังคมขีดไว้หรือไม่ ก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขได้ ถ้ามันถูกเติมเต็มด้วยความรัก ความเคารพ และความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน
.
#Thailand #SameSexMariage
#สมรสเท่าเทียม #1448forAll #ไม่เอาพรบคู่ชีวิต
#ครอบครัวคู่รักข้ามเพศ #LGBTIQ+
#GenderEquality #TransVisibility
#LGBTRIGHTS #TransRights #HumanRights
#MarriageEquality #InequalityInThailand
.
อ้างอิง
ครอบครัวคู่รักข้ามเพศ Transgender couple family: https://bit.ly/3t0FSRQ,
อ่านคอนเทนต์เรื่องเพศอื่นๆ: https://bit.ly/3hhRUzp
#SPECTRUM #พื้นที่ความคิดของทุกสีสัน

"กรุณาแสดงความเห็นอย่างสุภาพและสร้างสรรค์ ทีมงานสงวนสิทธิ์ในการลบหรือดำเนินการตามสมควร กับความเห็นที่สร้างความเกลียดชัง (hate speech) หรือละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น”

https://www.facebook.com/photo/?fbid=926508918040779&set=a.276495186375492



ในนามของความมั่นคงภายใน มาถึงวันนี้คุณอาจเป็น "ศัตรู"’ ของรัฐได้ตลอดเวลา หากคุณไม่เชื่อนวนิยายต่างๆ ที่รัฐบอก


Suchart Sawadsri
13 hours ago
·
ในนามของความมั่นคงภายใน
.....

Tanai Ep
มาถึงวันนี้คุณอาจเป็น "ศัตรู"’ ของรัฐได้ตลอดเวลา
หากคุณไม่เชื่อนวนิยายต่างๆ ที่รัฐบอก
"ศัตรู"คือความจำเป็นของการดำรงอยู่ของรัฐ
วันนี้คุณไม่มีสิทธิ์เลือกได้อย่างแท้จริง
แม้แต่การไม่เลือก...
มันก็คือการเลือก..อย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน..
เพียงแต่คุณแสดงท่าทีที่จะขอเป็นอิสระ
#รัฐก็จะสามารถหาข้ออ้างได้ว่าคุณเป็นภัยต่อตัวตนของรัฐ
#คุณจะถูกกำจัด

.....



Suchart Sawadsri
12 hours ago
·
ข้อความจาก ฟบ.ของ Tip Singthong
“SORROW is The Price of Love”
งานอะครีลิคของอาจารย์ภาพนี้งดงามจับใจมาก
ดีงามตั้งแต่เห็นอาจารย์เริ่มขึ้นรูป ภาพแบบให้ความรู้สึกมากกก
ชวนจัดตารางเวลามาเยี่ยมชมนิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 5 ของศิลปิน สมโภชน์ สิงห์ทอง ในวัยย่าง 70 ปีที่ตั้งใจสร้างผลงานครั้งนี้ให้เป็นที่จดจำ
พบกันที่ หอศิลป์ บ้านเจ้าพระยา
ตลอดเดือน พฤศจิกายน 2524 นี้


"Mini heart" = "Little help" ?


Pssyppl.
Yesterday
·
‘Little help here’
Digital paint, 2024
.....


Ponchai Ponkul
18 hours ago
·
นักการเมืองเกือบทุกพรรคร่วมใจกันจะแก้ปัญหา #นักร้อง
ทำไมพวกเขาจึงไม่สนใจแก้ปัญหานักร้องที่เกิดขึ้นกับภาคประชาชน
หมายความว่า พรรคสำคัญกว่าประชาชน!!?

ภัควดี วีระภาสพงษ์
เห็นด้วยค่ะ อย่าเห็นพรรคสำคัญกว่าประชาชน ทุกพรรคนั่นแหละ


เหตุการณ์เพจเจอร์ระเบิดที่เลบานอน เมื่อวาน เกิดจากอะไร ใครอยู่เบื้องหลัง ? วันนี้ เกิดเหตุการณ์ วอคกี้ทอคกี้ระเบิด ตามมา



ฮิซบอลเลาะห์: เหตุการณ์เพจเจอร์ระเบิดที่เลบานอน เกิดจากอะไร ใครอยู่เบื้องหลัง ?

เดวิด กริตเท็น
บีบีซีนิวส์
18 กันยายน 2024

มีผู้เสียชีวิต 9 คน รวมถึงเด็ก หลังเพจเจอร์ที่กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ใช้สื่อสารเกิดระเบิดทั่วประเทศเลบานอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของประเทศกล่าว

เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศเลบานอนเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บทั้ง 2,800 คนจากเหตุระเบิดพร้อมกันในกรุงเบรุตและในหลายภูมิภาคอื่น ๆ

ฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ยืนยันว่าเพจเจอร์เหล่านี้เป็นของ "พนักงานจากหน่วยและสถาบันต่าง ๆ ของฮิซบอลเลาะห์" พร้อมกับยืนยันว่ามีนักรบ 8 คน เสียชีวิต

กลุ่มติดอาวุธได้กล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้ก่อเหตุ “การรุกรานทางอาชญากรรม” นี้ และให้คำมั่นว่าจะมอบ "การล้างแค้นอย่างยุติธรรม" คืนให้ ขณะที่กองทัพอิสราเอลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น


ภาพรถพยาบาลถูกล้อมรอบด้วยผู้คนที่ทางเข้าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอเมริกาในกรุงเบรุต เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2024 หลังจากเกิดระเบิดในหลายพื้นที่ที่เป็นฐานที่มั่นของฮิซบอลเลาะห์ทั่วประเทศเลบานอน

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุระเบิด คณะรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลระบุว่าการหยุดการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์ทางตอนเหนือของประเทศเพื่อให้ผู้พลัดถิ่นสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยนั้นเป็นเป้าหมายอย่างเป็นทางการของสงครามในกาซา



ที่ผ่านมา มีการยิงต่อสู้ข้ามพรมแดนอิสราเอล-เลบานอนแทบทุกวัน นับตั้งแต่วันหลังจากสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสในฉนวนกาซาเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.

ฮิซบอลเลาะห์กล่าวว่า พวกเขากำลังดำเนินการสนับสนุนกลุ่มชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน ซึ่งทั้งสองกลุ่มถูกอิสราเอล สหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ ระบุว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย

โฆษกของสหประชาชาติกล่าวว่าพัฒนาการล่าสุดในเลบานอนนั้น "น่ากังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในบริบทที่มีความไม่แน่นอนสูง"

เหตุที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ชาวเลบานอนหลายคนอยู่ในสภาวะช็อกและไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนไม่สามารถทำใจยอมรับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแง่ของทั้งขนาดและลักษณะได้

ฮิซบอลเลาะห์กล่าวว่ามีเพจเจอร์จำนวนหนึ่งซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทางกลุ่มพึ่งพาอย่างมากสำหรับใช้สื่อสาร เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่โทรศัพท์มือถือจะถูกแฮ็กหรือถูกติดตาม ได้เกิดระเบิดขึ้นในเวลาประมาณ 15:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในกรุงเบรุตและพื้นที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง

หนึ่งในวิดีโอจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นการระเบิดในกระเป๋าหรือกระเป๋ากางเกงของชายคนหนึ่งในซุปเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นเขาก็ล้มลงไปบนพื้นและร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ผู้ซื้อคนอื่นวิ่งหนีเอาตัวรอด

หลายชั่วโมงหลังจากนั้น รถพยาบาลยังคงเร่งรีบไปยังโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่ามีผู้บาดเจ็บ 200 รายที่อยู่ในอาการวิกฤติ ขณะที่ภายนอกโรงพยาบาล ญาติ ๆ รอคอยอย่างมีความหวังที่จะได้รับข่าวสาร

ศูนย์การแพทย์ LAU ในเขตอัชราฟิเยห์ (Ashrafieh) ของกรุงเบรุตปิดประตูทางเข้าหลัก และจำกัดจำนวนผู้ที่เข้าไป “สถานการณ์นี้มีความอ่อนไหวอย่างมากและบางภาพที่เห็นก็น่ากลัวเกินไป” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกกับบีบีซี

เขากล่าวว่าบาดแผลส่วนใหญ่อยู่บริเวณเอว ใบหน้า ดวงตา และมือ พร้อมเสริมว่า “ผู้บาดเจ็บหลายคนสูญเสียนิ้วมือ บางรายสูญเสียทุกนิ้ว”

ภรรยาของเอกอัครราชทูตอิหร่าน โมจตาบา อามานี กล่าวว่าเขาได้รับ "บาดเจ็บเล็กน้อย" จากเหตุระเบิด และขณะนี้เขามี "อาการดีขึ้น" ในโรงพยาบาล

สำนักงานสื่อของฮิซบอลเลาะห์ประกาศการเสียชีวิตของนักรบ 8 คน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่และสาเหตุ โดยระบุเพียงว่าพวกเขา "พลีชีพบนเส้นทางสู่เยรูซาเล็ม"

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มบอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่าลูกชายของสมาชิกรัฐสภาฮิซบอลเลาะห์ อาลี อัมมาร์ และลูกสาววัย 10 ขวบของสมาชิกฮิซบอลเลาะห์ในหุบเขาเบคา เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ต่อมาแหล่งข่าวกล่าวว่าลูกชายของสมาชิกรัฐสภาอีกคน ฮัสซัน ฟัดลัลเลาะห์ ได้รับบาดเจ็บ หลังจากรายงานในตอนแรกว่าเขาเสียชีวิต

มีผู้บาดเจ็บ 14 คนจากเหตุเพจเจอร์ระเบิดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างซีเรีย ซึ่งฮิซบอลเลาะห์ต่อสู้เคียงข้างกองกำลังรัฐบาลในสงครามกลางเมืองของซีเรีย ตามรายงานขององค์กร Syrian Observatory for Human Rights ที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร

"เราถือว่าศัตรูอย่างอิสราเอลต้องรับผิดชอบต่อการรุกรานที่เป็นอาชญากรรมนี้อย่างเต็มที่" ฮิซบอลเลาะห์กล่าวในแถลงการณ์เมื่อเย็นวันอังคาร

"ศัตรูที่ชั่วร้ายและอาชญากรนี้จะต้องได้รับการล้างแค้นอย่างยุติธรรมต่อการรุกรานอันเป็นบาปนี้อย่างแน่นอน ทั้งในที่ที่พวกเขาคาดถึง และไม่คาดถึง" แถลงการณ์เสริม

นายกรัฐมนตรีเลบานอน นาจิบ มิกาติ กล่าวโทษอิสราเอลสำหรับการระเบิด โดยกล่าวว่าการกระทำเหล่านี้เป็น "การละเมิดอธิปไตยของเลบานอนอย่างร้ายแรงและเป็นอาชญากรรมตามมาตรฐานทุกประการ"

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน อับบาส อารัคชี กล่าวว่าเขาได้บอกกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเลบานอนว่าเขา "ประณามการก่อการร้ายของอิสราเอลอย่างรุนแรง"

สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอิสราเอล ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ และเรียกร้องให้อิหร่านไม่เพิ่มความตึงเครียด


ญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดต่างพากันไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ ในกรุงเบรุตและสถานที่อื่น ๆ

ทางฮิซบอลเลาะห์ไม่ได้กล่าวว่าอะไรเป็นสาเหตุที่พวกเขาเชื่อว่าทำให้เพจเจอร์เกิดการระเบิดขึ้น

ด้านหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวรายหนึ่งที่กล่าวว่า อุปกรณ์ที่ระเบิดเป็นส่วนหนึ่งของเพจเจอร์ล็อตใหม่ที่ฮิซบอลเลาะห์เพิ่งได้รับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของฮิซบอลเลาะห์ยังบอกกับหนังสือพิมพ์ด้วยว่า บางคนรู้สึกว่าเพจเจอร์ร้อนขึ้นก่อนที่จะเกิดระเบิด

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ร้อนเกินไปอาจติดไฟได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเจาะระบบเพจเจอร์และทำให้มันร้อนเกินไปนั้น โดยปกติจะไม่ทำให้เกิดการระเบิดในลักษณะนี้

อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ของกองทัพอังกฤษซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกกับบีบีซีว่า เพจเจอร์เหล่านี้น่าจะถูกบรรจุด้วยวัตถุระเบิดทางทหารน้ำหนักระหว่าง 10-20 กรัม ซ่อนอยู่ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปลอม

เมื่ออุปกรณ์ได้รับการติดตั้งผ่านสัญญาณที่เรียกว่า "ข้อความตัวอักษรและตัวเลข" คนถัดไปที่ใช้เพจเจอร์จะเป็นผู้จุดชนวนวัตถุระเบิด ผู้เชี่ยวชาญกล่าว

ลีนา คาติบ นักวิเคราะห์ตะวันออกกลางจากแชทแธม เฮาส์ (Chatham House) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในสหราชอาณาจักรบอกกับบีบีซีว่า "อิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์ต่อฮิซบอลเลาะห์มาหลายเดือนแล้ว แต่การเจาะระบบครั้งนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด"

นิโคลัส บลันฟอร์ด ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสจากสภาแอตแลนติกในสหรัฐฯ ซึ่งประจำอยู่ในกรุงเบรุตกล่าวว่า “อิสราเอลสามารถทำให้นักรบฮิซบอลเลาะห์หลายร้อยคนหรืออาจเป็นพันคนกลายเป็นกองกำลังไร้ประสิทธิภาพภายในคราวเดียว และในบางกรณีอาจทำให้เกิดสภาพนั้นอย่างถาวร”

เขาเตือนว่าผู้นำของฮิซบอลเลาะห์จะต้อง “เผชิญกับแรงกดดันอย่างมากจากนักรบและผู้สนับสนุนให้ตอบโต้กลับอย่างหนัก” โดยอธิบายว่านี่เป็น "ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด" ในความขัดแย้งระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้ว


ทหารกองทัพเลบานอนปิดกั้นทางเข้าชานเมืองทางตอนใต้ของกรุงเบรุต หลังจากเกิดเหตุระเบิด

แถลงการณ์ของกองทัพอิสราเอลเมื่อเย็นวันอังคารไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุระเบิดของเพจเจอร์ แต่ระบุว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ท. เฮอร์ซี ฮาเลวี ได้ทำการประเมินสถานการณ์ร่วมกับผู้บัญชาการ โดยเน้นเรื่องความพร้อมทั้งในเชิงรุกและรับในทุกด้าน

แถลงการณ์ยังกล่าวว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในแนวทางการป้องกันสำหรับสาธารณชนชาวอิสราเอล แต่ขอให้ประชาชนยังคงระมัดระวังและตื่นตัว

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน กองทัพอิสราเอลระบุว่าการโจมตีทางอากาศได้สังหาร "ผู้ก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ 3 คนที่ปฏิบัติการในสถานที่ก่อการร้าย" ในพื้นที่บริด้า ใกล้พรมแดนของเลบานอนกับอิสราเอล

กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 3 คนจากการโจมตีของอิสราเอล ขณะที่สำนักงานสื่อของฮิซบอลเลาะห์ระบุว่าได้ดำเนินการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรน โดยมีเป้าหมายที่ทหารและฐานทัพของอิสราเอล

หน่วยความมั่นคงภายในของอิสราเอล ชิน เบท ยังกล่าวว่าได้ขัดขวางการโจมตีด้วยระเบิดของฮิซบอลเลาะห์ที่มีเป้าหมายเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอาวุโสของอิสราเอล แต่ฮิซบอลเลาะห์ไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหานี้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลอิสราเอลกำลังขู่จะเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติการทางทหารต่อฮิซบอลเลาะห์

เมื่อเช้าวันอังคาร คณะรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลกำหนดให้เป้าหมายอย่างเป็นทางการของสงครามในกาซา คือ การส่งผู้พลัดถิ่นจำนวน 60,000 คนในภาคเหนือซึ่งได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฮิซบอลเลาะห์ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โยอาฟ กัลลันท์ กล่าวในการประชุมกับ อามอส โฮชไตน์ ผู้แทนของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ว่า หนทางเดียวในการนำผู้พลัดถิ่นกลับมาได้คือ "การดำเนินการทางทหาร"

“ความเป็นไปได้สำหรับการเจรจาข้อตกลงกำลังหมดลง เนื่องจากฮิซบอลเลาะห์ยังคงผูกมัดตัวเองกับฮามาส และปฏิเสธที่จะยุติความขัดแย้ง” คำแถลงจากสำนักงานของเขากล่าว

นับตั้งแต่ความรุนแรงทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 589 คนในเลบานอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักรบฮิซบอลเลาะห์ ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเลบานอน

ในฝั่งอิสราเอล รัฐบาลระบุว่ามีพลเรือนถูกคร่าชีวิต 25 คน และสมาชิกกองกำลังรักษาความปลอดภัยเสียชีวิตแล้ว 21 คน
.....


Pipob Udomittipong
16 hours ago
·
ความโหดร้ายของ #อิสราเอล The New York Times รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดของเพจเจอร์ที่ใช้ส่งข้อความใน #เลาบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน บาดเจ็บมากถึง 2,700 คน จนท.สหรัฐฯ ที่ให้สัมภาษณ์บอกว่า มีการแอบแกะเครื่องเพจเจอร์ที่นำเข้าจากไต้หวัน และใส่ดินระเบิดแรงสูงเข้าไป 1-2 ออนซ์ พร้อมสวิชต์ควบคุม เข้าไปใกล้กับแบตเตอร์รี
เมื่อจนท.กลุ่มเฮซบอลเลาะห์เป็นพันคน เห็นเพจเจอร์สั่นตอนบ่ายสามเมื่อวาน ก็นึกว่ามีการส่งข้อความมา คนใส่ระเบิดยังออกแบบไม่ให้มันระเบิดทันที แต่จะชะลอไว้ 2-3 วินาที จนกระทั่งมีการนำเพจเจอร์ขึ้นมาอ่านใกล้กับใบหน้า เป็นเหตุให้หลายคนแม้ไม่เสียชีวิต ก็ตาบอดหรือมือขาด
คนที่ตายและเจ็บจำนวนมาก ไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการเฮซบอลเลาะห์เลย แต่อยู่ใกล้กับเพจเจอร์ที่ระเบิดออกมา รวมทั้งเด็กผู้หญิงวัยแปดขวบ ไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่อิสราเอล ใช้ปฏิบัติการที่โหดร้าย ฆ่าคนตายอย่างไม่เลือกเป้าหมายแบบนี้ พวกเขาเคยแอบลอบวางระเบิดขนาดเล็กในมือถือของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ หรือเป้าหมายอื่น ๆ มาแล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างระดับนี้
ส่วนเหตุผลที่กลุ่มเฮซบอลเลาะห์เลือกใช้เทคโนลยีก่อนยุคมือถืออย่างเพจเจอร์ ก็เพราะกลัวว่าการใช้มือถือจะทำให้ถูกติดตามได้ง่าย
https://www.nytimes.com/.../hezbollah-pager-explosions...






Video shows moment of walkie-talkie explosion at funeral in Lebanon

CNN

Sep 18, 2024 

At least nine people were killed and more than 300 were injured in Lebanon after walkie-talkies detonated in a fresh wave of explosions, a security source tells CNN, one day after pager blasts across the country killed at least 12 people.



“อ.ธิดา” แถลงหลัง ร่วมประชุม กมธ.กฎหมาย เสนอแนวทางในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในเหตุการณ์ปี 53 - สิตานัน(พี่สาวตาร์ วันเฉลิม) ยื่นหนังสือ รังสิมันต์ โรม ปธ.คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ

https://www.facebook.com/thai.udd.news/videos/894412995929605


ราคาที่ต้องจ่ายของการต่อสู้? ชวนดูสถานะของ ‘แกนนำม็อบราษฎร-ทะลุวัง’ ในปัจจุบัน


18 September 2024 
chonticha intachai
The Matter

“การจากลาแม่เจ็บปวดที่สุด”

หนึ่งในถ้อยคำของ ไมค์–ภาณุพงศ์ จาดนอก หลังออกมากล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจลี้ภัยทางการเมือง เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา

“วันนี้ผมขอใช้พื้นที่นี้เล่าเรื่องราวของการตัดสินใจครั้งที่ยากที่สุดในชีวิต นั่นคือการจากบ้าน จากครอบครัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก ‘แม่’ ผู้เป็นที่รัก เพราะการตัดสินใจย้ายประเทศในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความปรารถนาที่จะทิ้งสิ่งใด แต่เกิดจากความจำเป็น และความหวังในการแสวงหาชีวิตใหม่ที่ปลอดภัย และมีเสรีภาพที่มากขึ้นกว่าเดิม…” ภาณุพงศ์ ระบุ

เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ตามรายงานของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ที่ผ่านมามีนักเคลื่อนไหวราว 100 คน ที่จำเป็นต้องลี้ภัยออกจากประเทศ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เกิดการเรียกร้องศาลให้ประกันผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง การนิรโทษกรรมประชาชน รวมถึงคดีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เพื่อไม่ให้เกิดผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นับตั้งแต่เริ่มมีการเผยแพร่รายชื่อผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 มีผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออก และการชุมนุมทางการเมืองในข้อหาตาม ม.112 แล้วอย่างน้อย 273 คน ใน 306 คดี

ในจำนวนคดีทั้งหมด ‘ประชาชน’ เป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษมากที่สุดประมาณ 161 คดี และพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาแยกมากที่สุดคือ คดีที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ จำนวน 168 คดี รองลงมาได้แก่ คดีที่เกี่ยวกับการปราศรัยในการชุมนุมจำนวน 59 คดี และคดีการแสดงออกอื่นๆ ที่ไม่ใช่การปราศรัย เช่น การติดป้าย จำนวน 72 คดี

ดังนั้น The MATTER ขอพาทุกคนไปดูกันว่า ‘แกนนำม็อบราษฎร’ ที่เรามักเห็นหน้าคร่าตากันเป็นประจำ ปัจจุบันนี้พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะทางการเมืองไทยในห้วงเวลานี้

1. อานนท์ นำภา

ทนายความและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ขณะนี้ถูกคุมขังในเรือนจำมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว จากจำนวนโทษทั้งหมด 14 ปี 2 เดือน 20 วัน โดยระยะเวลาดังกล่าวเกิดจาก 4 คดี ที่เขาถูกตัดสินให้มีความผิด ซึ่งคดีล่าสุดที่เพิ่งตัดสิน (25 กรกฎาคม) ทำให้อานนท์ได้รับโทษเพิ่มอีก 4 ปี เดิมทีเขาได้รับโทษราว 10 ปี

2. ไมค์–ภาณุพงศ์ จาดนอก

นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หลายคนอาจจะเรียกเขาว่า ไมค์ ระยอง อย่างไรก็ดี เมื่อไม่กี่วันก่อน (15 กันยายน) ภาณุพงศ์ออกมายอมรับว่าเขาตัดสินใจลี้ภัยทางการเมืองแล้ว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ศาลอาญาตัดสินว่า เขามีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ม.112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ม.14 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ม.8

ดังนั้น จึงมีคำสั่งให้ลงโทษฐานดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ที่เป็นบทลงโทษหนักสุด จำคุก 4 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ส่งผลให้โทษจำคุกจำเหลือ 3 ปี

3. เพนกวิน–พริษฐ์ ชิวารักษ์

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ศาลอาญา พิพากษาจำคุก เพนกวิน พริษฐ์ เป็นเวลา 2 ปี เหตุจากจำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานดูหมิ่นสถาบันฯ อันเป็นบทหนักสุด จำคุก 3 ปี

แต่คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ให้ออกหมายจับจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษา ภายในอายุความ 10 ปี

ทว่าตั้งแต่ 26 มิถุนายน เขาไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลตามนัด ในคดีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาลี้ภัยออกนอกประเทศไปแล้ว ทั้งนี้ พริษฐ์ ถูกแจ้งข้อหา ม.112 ถึง 25 คดี ซึ่งมากที่สุดประวัติศาสตร์การเมืองไทย

4. ฟอร์ต–ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี

แกนนำเยาวชนปลดแอก ที่ตัดสินใจลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศแคนาดา หลังถูกฟ้องร้องในคดี ม.112

5. รุ้ง–ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล

ที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 29 เมษายน พนักงานอัยการสำนักงานสูงสุด มีคำสั่งฟ้องคดีของ รุ้ง ปนัสยา ในข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (3) สืบเนื่องจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นแอดมินเพจ ‘แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม’ รวมถึงโพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์จำนวน 3 โพสต์ เมื่อช่วงปี 2564

ทั้งนี้ ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี หลังทนายความและนายประกันกองทุนราษฎรประสงค์ ได้ยื่นขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์ประกันคนละ 90,000 บาท ไม่มีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม พร้อมกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานเป็นวันที่ 23 กันยายน 2567 ซึ่งปนัสยาถูกดำเนินคดี ม.112 มากถึง 10 คดี

6. ไผ่ ดาวดิน หรือ จตุภัทร บุญภัทรรักษา

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาตปล่อยตัวจตุภัทรชั่วคราว หลังถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี 12 เดือน จากคดี ม.112 เหตุปราศรัยหน้า สภ.ภูเขียว เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2564

7. ครูใหญ่–อรรถพล บัวพัฒน์

เช่นเดียวกับจตุภัทร เขาถูกฟ้องในคดีเดียวกัน แต่ได้รับโทษจำคุก 2 ปี เพราะเป็นครั้งแรกที่ถูกฟ้องในคดี ม.112

8. มายด์–ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล

เมื่อ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ศูนย์ทนายความฯ ระบุว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก ภัสราวลี นักกิจกรรมทางการเมือง ในข้อหา ม.112 เป็นเวลา 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 3 ปี

9. เบนจา อะปัญ

ราว 1 ปีที่แล้ว (30 ตุลาคม 2566) เบนจา นักกิจกรรมและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศาลพิพากษาให้เธอมีความผิดตามฟ้อง ในความผิด ม.112 ทำให้ได้รับโทษจำคุก 3 ปี และฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงโทษจำคุกอีก 1 ปี แต่ถูกลดโทษให้ 1 ใน 3 ในข้อหา จึงเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน และให้รอการลงโทษไว้ก่อน 2 ปี

10. ตะวัน—ทานตะวัน ตัวตุลานนท์

ย้อนไปเมื่อ 27 พฤษภาคม ศาลอาญา ได้พิจารณาคำร้องขอประกันตัว ของทานตะวัน ในคดีความผิดอาญา มาตรา 116 จากเหตุบีบแตรขบวนเสด็จ โดยศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้สวมใส่กำไลอีเอ็ม

“หลังถูกคุมขังมาตั้งแต่ชั้นฝากขังจนคดีถูกสั่งฟ้องเป็นระยะเวลานาน 104 วัน ทานตะวันอดอาหารประท้วงมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ศูนย์ทนายฯ กล่าวขณะนั้น

11. ใบปอ–ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์

อัยการฟ้อง ณัฐนิช ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามประมวลกฎหมาย ม.112 จากการอ่านแถลงการณ์มรชุมนุม “WHAT HAPPENED IN THAILAND” ที่แยกอโศก ช่วงการประชุม APEC เมื่อปี 2565

12. บุ้ง ทะลุวัง หรือ เนติพร เสน่ห์สังคม

เมื่อ 14 พฤษภาคม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า เนติพรเสียชีวิตแล้ว หลังทีมแพทย์พยายามช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเดียวกัน

กรมราชทัณฑ์ แถลงข่าวกรณีการเสียชีวิตว่าเธอมีอาการหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน ทางทีมแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ พยายามกู้ชีวิตผู้ป่วยอย่างสุดความสามารถ แต่ร่างกายผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา

ก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือน (26 มกราคม) เธอถูกศาลอาญาถอนประกันในคดี ม.112 กรณีทำโพลเรื่องขบวนเสด็จ ทำให้เธอถูกคุมขังมาตั้งแต่นั้นมา เนติพรตัดสินใจอดอาหารประท้วงตั้งแต่วันแรกๆ ซึ่งกินเวลากว่า 110 วัน จนกระทั่งเสียชีวิต

ทั้งนี้ ข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลบางส่วนเท่านั้น เพราะยังมีแกนนำฯ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกจำนวนมากที่กำลังถูกดำเนินคดี กำลังรับโทษอยู่ หรือแม้แต่ลี้ภัยไปแล้ว

Graphic Designer: Krittaporn Tochan
Editor: Thanyawat Ippoodom

https://thematter.co/.../thai-political-activist-2024/231634



ถ้าไม่เป็นโรคซึมเศร้าไปก่อน ก็เป็นไปได้ที่เขาจะสติแตกก่อนได้รับอิสรภาพ เขาไม่ใช่ “ทุเรียน” ที่มีเปลือกหนา มีหนามแหลมที่พอคุ้มภัยได้ แต่เขาคือ “ขนุน”


ภัควดี วีระภาสพงษ์
9 hours ago
·
ถ้าไม่เป็นโรคซึมเศร้าไปก่อน ก็เป็นไปได้ที่เขาจะสติแตกก่อนได้รับอิสรภาพ เขาไม่ใช่ “ทุเรียน” ที่มีเปลือกหนา มีหนามแหลมที่พอคุ้มภัยได้ แต่เขาคือ “ขนุน”
.
16 กันยายน 2567 ถึงปราณและขาล ลูกรัก
.
คงจำน้าขนุนของพวกเธอได้ “ขนุน” เด็กหนุ่มร่าเริงแว่นหนา ท่าทางเนิร์ดๆ ดูไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร หลายเดือนแล้ว ที่นาขนุนต้องเข้ามาอยู่ที่นี่ และรอการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ จากเด็กร่าเริงข้างนอกก็กลายเป็นคนซึมเศร้า ทำอะไรแปลกแปลกผิดเพี้ยนไปจากเดิม
.
พวกเรานักโทษการเมืองได้แต่ให้กำลังใจและคอยดูแลอยู่ห่างๆ โชคดีที่แดนสี่มีผู้คุมที่คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือขนุนอีกหลายเรื่อง รวมทั้งโชคดีที่น้าขนุนได้ย้ายมาแดน 4 แดนที่มีความหลากหลาย มีอะไรให้ทำฆ่าเวลาหลายอย่างและเป็นแดนที่มีแมวมากกว่าแดนอื่นๆ
.
น้าขนุนชอบเล่นกับแมวในแดน เค้าบอกว่า “แมวมันใจดี” ในโต๊ะการเมืองที่แดน 4 พวกเรายังมีเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ที่เป็นเสมือนครูสอนภาษาอังกฤษ และภาษาตากาล็อกให้น้าขนุน การได้เขียนจดหมาย ได้เล่นกับแมว และ เพื่อนใหม่ คือสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจของน้าขนุน พ่อคิดเช่นนั้น
.
ในช่วงเดือนนี้ พ่อชวนน้าขนุนเข้ายิมเพื่อออกกำลังกายกับน้าเก็ทในทุกเช้า สองสัปดาห์ผ่านไปหน้าตาน้าขนุนดูสดใสร่าเริงขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทีมทนายความพยายามยื่นประกันตัวน้าขนุนแล้วไม่ผ่าน น้าขนุนดูซึมๆ ไม่กินข้าวเป็นวันๆ กระทั่งครั้งสุดท้ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ผลประกันออกมาว่า “ไม่ผ่าน” ท่าทีของน้าขนุนเปลี่ยนไปจากครั้งก่อนๆ เขายิ้มอย่างเข้าใจชีวิตมากขึ้น กินข้าวเล่นกับแมว ออกกำลังกาย
.
นิทซ์เช่เคยกล่าวไว้ว่า “ สิ่งที่ไม่ได้ฆ่าฉันให้ตายทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น” พวกเราได้แต่หวังว่าน้าขนุนจะสอบผ่านในบททดสอบนี้ ไม่ต้องถึงกับเป็นทุเรียนก็ได้แต่เป็นขนุน ขนุนที่เข้มแข็ง ขนุนที่สามารถผ่านพ้นห้วงเวลาที่โหดร้ายไปได้ หวังว่าลูกทั้งสองจะร่วมลุ้นและให้กำลังใจไปพร้อมพวกเรา
.
รักและคิดถึง
อานนท์ นำภา
.....



สหายซุน ปฏิวัติ
September 16
·
กำลังใจ คือสิ่งสำคัญ
สำหรับคนข้างใน
เย็นนี้เจอกันครับ..


เปิดหู เปิดตา เปิดใจ เปิดสมอง...*เรื่องพม่า* แล้วหยุดปั่นได้แล้วพวก io...

https://www.facebook.com/wiroonruth.wiroonrath/videos/499460289713502?idorvanity=372084105678824


เรื่องการเตือนภัย เราจะได้ยินคล้ายๆกันว่าเตือนแล้ว แต่ไม่มีใครไปไหน - หรือนี่ เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า การกล่าวโทษผู้ประสบภัย


ศิรินันต์ สุวรรณโมลี
a day ago
·
การเตือนภัย - สี่เสาหลักที่หักไปแล้วสาม
วันอาทิตย์ที่แล้วไปเชียงรายมา ด้วยโจทย์ที่มีอยู่ว่า ไม่ว่าจะดูข่าว หรือจะคุยกับคนในพื้นที่ประสบภัย เราจะได้ยินคล้ายๆกันเรื่องการเตือนภัยว่าเตือนแล้ว แต่ไม่มีใครไปไหน
สิ่งที่พบคือ ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า
#Victim_Blame_on_flood_victim = การกล่าวโทษผู้ประสบภัย
ถามผู้นำในหมู่บ้านว่า วันนั้นมีการเตือนภัยมั้ย คำตอบคือ มี
ถามผู้นำในหมู่บ้านว่า แผนเตรียมรับภัยมันมีมั้ย คำตอบคือ มี
แล้วอะไรที่ไม่ Go as plan = เป็นไปตามแผน
(อันนี้เฉพาะน้ำกก ตรงบ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร)
1) น้ำมาตอนค่ำ - แผนเป็นตอนกลางวัน
2) ไฟดับก่อน - สื่อสารยังไง หอกระจายเสียงต้องใช้ไฟ
3) น้ำกกข้ามมาจากท่าตอน จ.เชียงใหม่ - ข้อมูลน้ำดูกันแยกจังหวัด
4) น้ำตรงโค้งน้ำตีวน - ชาวบ้านรู้จักน้ำหลากแบบปกติ
5) รู้ว่าจะมีภัย - แต่ไม่รู้มากี่โมง
6) มีแผนอพยพไปโบสถ์กับโรงเรียน - แต่ในแผนไม่ได้เขียนถึงว่าคนแก่ คนที่ไปเองไม่ได้ จะพากันไปยังไง โชคดีว่าที่ชุมชนตอนนั้น คนที่เป็นกลุ่มเปราะบางไม่อยู่บ้านหลังที่ยุบลงน้ำไป ซึ่งน้ำมาตอนมืด และขึ้นเร็วมาก โชคดีที่ลุงไม่อยู่บ้าน เวิ้งน้ำบ้านยุบไปเลยหลายหลัง
เอาง่ายๆแค่นี้ก่อนประเด็นของสี่เสา ในการกำกับดูแลการเตือนภัยที่ดีคือ
#เสาที่_1 ผู้คนรู้ความเสี่ยง รู้ความเปราะบาง รู้ความล่อแหลม (เช่น ตรงไหนที่จะโดนหนักเป็นพิเศษ ตรงไหนโดนแล้วเหตุการณ์แย่กว่าเดิมจะเกิดขึ้นตามมา)
#เสาที่_2 มีข้อมูลทางเทคนิคที่แม่นยำ ไว มีการจำลอง (simulation) ว่าจะเกิดอะไร
#เสาที่_3 มีการสื่อสารที่แปลผลจากเสาที่สองเป็นภาษาที่คนตรงพื้นที่เสี่ยงพื้นที่ประสบภัยเข้าใจ สื่อสารจากแหล่งที่เป็นทางการ คนเชื่อถือ สื่อสารด้วยช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเปราะบางด้วย ซึ่งถ้าแบบดีก็คือมีระบบ recheck ได้ว่า กลุ่มเปราะบางนั้นได้รับข้อมูลแล้ว
#เสาที่_4 รูู้คำเตือนแล้ว รู้ว่าต้องทำยังไง ว่าง่ายๆ คือ มีแผนที่มีแล้วทำตามได้ มีแผนแต่ละ scenario เช่น โดนกลางคืนทำยังไง โดนกลางวันทำยัไง ไฟดับทำอะไรแทน ที่อพยพที่รองรับ-ดูแลคนได้ดีพอเป็นยังไง
คำถามสำคัญ
สภาพของแต่ละเสาตอนนี้เป็นยังไง
คือผู้นำชุมชน จะเป็นพ่อหลวงบ้านหรือผู้นำศาสนาก็เถอะ ถ้าเขาได้ข้อมูลเป็นกราฟ เป็นตารางแบบที่เปิดเว็บเข้าไปดูอยู่ มีกี่บ้านที่ดูแล้ว แปลผลออกมาเป็นภาษาพูดเป็น ซูมเข้าไปอีก มีกี่บ้านที่จะเปิดเว็บเข้าไปดู ซูมเข้าไปอีกมีกี่บ้านที่เข้าถึง Simulation ได้ ถัดมามีกี่บ้านที่สื่อสารล่วงหน้าแล้วชาวบ้านลุกขึ้นมาทำตาม
โอเค เสาที่ 3 หัก
ซึ่งพูดถึง Simulation ถ้าถามนักเทคนิค ทุกที่ต้องตอบว่ามีแน่นอน แต่มีและแจก และทำทั่วถึงในระดับตำบลและหมู่บ้านทุกตำบลในพื้นที่เสี่ยง
โอเค เสาที่ 2 ลอย
ทำไมชาวบ้านได้ข้อมูลเตือนภัยแล้วไม่ทำอะไรกันล่ะ คำถามคือ มีกี่บ้านออกไปจากบ้านตัวเองได้อย่างสบายใจ สิ่งที่ทำให้ไม่รู้ว่าออกจากบ้านไปแล้วจะยังไงคือ ออกไปยังไง เพราะยังไงเราก็จะออกกันตอนน้ำมาถึงขีดสุด และถ้าจะออกไปก่อน เราก็ลังเลว่าจะออกดีมั้ย ไม่มีใครออกกัน เอาแค่ออกกับไม่ออก ออกไปยังไง ต่อให้มีแผนไปช่วยเอาคนออก แต่ถ้าไม่เคยซ้อม คนในพื้นที่ประสบภัยก็จะไม่รู้ระดับความเสี่ยงของบ้านตัวเอง และถึงเคยซ้อม ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจความเสี่ยงที่มีด้วยวิธีที่เชื่อมโยงกับชีวิตและประสบการณ์ให้เขาเข้าใจ คำตอบมันก็เหมือนเดิม
โอเค เสาที่ 1 หัก / เสาที่ 4 หัก
เพราะแผนและการรับรู้ความเสี่ยงมันไปด้วยกันเป็นวงจร
#กลไกป้องกันตัว
แน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งใน Blame Game ตามกลไกป้องกันตัวว่า "เรา" แต่ละส่วนทำตามหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เสาที่ 2 คนทำข้อมูลอุตุและข้อมูลอุทก อันนี้ทำจริงไม่เถียง แต่เสามันลอยไปไม่ถึงดินที่มีคนอยู่ เสาที่ 1 และ 4 ท้องถิ่นก็เคลมว่าเรามีแผนและมีการเผยแพร่ข้อมูลแล้ว เสาที่ 3 ก็คือ คนในพื้นที่ประสบภัยจึงถูกกล่าวโทษโยนบาป (Blame) ที่ไม่ลุก ไม่ไป ไม่ทำอะไร แต่ไม่มีใครที่จะสร้างคานไปเชื่อมว่าโครงสร้างอะไรที่ขาดไป
โครงสร้างที่ขาดไปที่ว่าอันหนึ่งก็คือ ความสามารถในการสื่อสารความเสี่ยงและภาวะวิกฤต (Risk and crisis communication) ที่จะเลือกใช้ช่องทางสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เลือกที่จะย่อยข้อมูลให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจสิ่งที่สื่อสารได้ จนทำให้เกิดการลงมือทำเพื่อหลีกเลี่ยงจากภัยและเหตุการณ์ที่จะตามมาได้
สรุป
เสาที่ 1,3,4 หัก / เสาที่ 2 ลอย
Victim Blame จึงตกอยู่ที่ผู้ประสบภัย
จะแก้ยังไงคะ
เราเชื่อว่าทุกเสาทำตามฟังก์ชั่นของตัวเองเป๊ะค่ะ ไม่ได้เบลม
และเราก็เชื่อว่าทุกองค์กรเคลมตัวเองว่า เราทำตามหน้าที่ครบถ้วน
เพียงแต่ว่า บ้านที่สร้างแล้วเสามันทรุด เสามันลอย เสามันหักเนี่ย มันคือบ้านที่เอียงนะคะ ยิ่งอยู่ริมน้ำนี่ ยิ่งไปง่าย
บ้านที่มีเสาเดียว มันคือ ศาลพระภูมิใช่มั้ย
จะทำให้กลับมาอยู่เป็นบ้านคนได้ สิ่งที่ต้องกลับมาทำก็คือ เติมเสาที่มันทรุดให้เท่ากันค่ะ
ถ้าใครจะเคลมว่า เราฝึกอบรมมิสเตอร์เตือนภัยไปแล้ว ชาวบ้านผิดเอง ก็ให้เขาเคลมไปค่ะ สิ่งที่เราจะทำต่อคือ สะท้อนขีดความสามารถที่เป็นอยู่จากเหตการณ์ที่ผ่านมา แล้วสะท้อนว่าระดับความผุกร่อนของแต่ละเสา เป็นอย่างไร
บทความนี้ ต่อเนื่องจากบทความที่แล้ว https://www.facebook.com/share/p/WTLnbpExRZe6vrdz/ ที่เล่าให้ฟังเรื่องการกำกับดูแลที่ดีในการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ


เสรีภาพที่ผุพังในมหาวิทยาลัย ทำไมผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงไม่ตระหนักต่อเสรีภาพในการแสวงหาความรู้และปล่อยให้มีการคุกคามได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ผนวกตนเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายชนชั้นนำ ที่เกื้อหนุนให้ตนเองมีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมา


โดย สมชาย ปรีชาศิลปกุล 
ภาพประกอบ พิรุฬพร นามมูลน้อย
17 Sep 2024
101 World

แม้จะเป็นที่รับรู้และยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเสรีภาพเป็นเงื่อนไขสำคัญของความก้าวหน้าทางความรู้ และเป็นปัจจัยที่จะนำมนุษยชาติไปสู่ความเจริญที่เพิ่มมากขึ้น การพลิกผันหรือการต่อยอดของความรู้ล้วนเป็นผลสืบเนื่องมาจากความคิดที่แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้น การยอมรับเสรีภาพในการแสวงหาความรู้จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสถาบันการศึกษาก็ยิ่งทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นหลักการพื้นฐานที่ต้องได้รับการยอมรับสำหรับการดำรงอยู่ของสถาบันการศึกษา

แต่ดูราวกับว่าเสรีภาพดังกล่าวกลับมีสภาพที่ถดถอยเป็นอย่างมากในสถาบันการศึกษาระดับสูงของสังคมไทย

การกล่าวเช่นนี้เป็นความจริงที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ดังในหลายกรณีจะพบว่ามีความพยายามจากผู้มีอำนาจในอันที่จะควบคุม จำกัด หรือห้ามต่อเสรีภาพการสร้างความรู้ในรูปแบบต่างๆ เราได้เห็นการคุกคามต่อการแสดงความคิดเห็นดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสั่งห้ามไม่ให้มีการจัดเวทีวิชาการ การฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้เขียน หรือการสั่งห้ามไม่ให้จำหน่ายจ่ายแจกหนังสือที่เห็นว่าเป็นปัญหา เป็นต้น

หลายครั้งก็เป็นเรื่องที่ชวนให้สังเวชเป็นอย่างมาก เช่น เมื่อวิทยานิพนธ์ฉบับหนึ่งได้รับรางวัลในฐานะงานวิจัยซึ่งมีคุณภาพสูง แต่เมื่อทางสำนักพิมพ์เอกชนต้องการจัดพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณะ ปรากฏว่ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นเองได้กลับกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินการจัดพิมพ์

คำถามก็คือเพราะเหตุใด สถาบันการศึกษาระดับสูงเฉกเช่นมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้ให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ควรจะเป็นหัวใจสำคัญในการดำรงอยู่ของตนเอง

ควรกล่าวไว้เบื้องต้นว่าเอาเข้าจริงแล้ว มหาวิทยาลัยจำนวนมากให้ความสำคัญกับการค้นคว้าวิจัยความรู้ใหม่ๆ (หรือที่นิยมเรียกกันว่า ‘นวัตกรรม’) หลายแห่งก็สถาปนาตนเองว่าเป็น ‘มหาวิทยาลัยแห่งการวิจัย’ ถ้อยคำดังกล่าวสร้างความกระหยิ่มยิ้มย่องให้กับผู้บริหารระดับสูงไม่น้อย แต่นั่นแหละ พึงตระหนักว่าเสรีภาพในการวิจัยของมหาวิทยาลัยเหล่านี้จำกัดไว้เพียงการค้นคว้าอะไรก็ตามที่สามารถนำไปสู่การขายให้กับตลาด หรือสร้างมูลค่าในทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น เช่น หากสามารถผลิตปลาร้าให้เป็นผงสำหรับนำไปชงดื่ม หรือการทำทุเรียนแบบแคปซูล ก็จะถูกพิจารณาว่าเป็นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ และควรได้รับการส่งเสริมให้สามารถพัฒนาต่อยอดเพื่อจำหน่ายในท้องตลาดได้มากยิ่งขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง ยังมีงานวิจัย (โดยเฉพาะทางด้านสังคมศาสตร์/มนุษยศาสตร์) จำนวนไม่น้อยซึ่งไม่ได้สร้างผลงานที่นำไปสู่การสร้างมูลค่าเชิงตัวเลขให้เห็นอย่างชัดเจน แต่เป็นงานที่พยายามทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์ต่างๆ หรือเป็นงานที่เปิดเผยให้เห็นสภาพปัญหาความยุ่งยากที่ดำรงอยู่ในสังคมด้วยคำอธิบายที่แตกต่างออกไป

งานเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากในการสร้างหรือเพิ่มความรู้ให้กับสังคม รวมถึงอาจส่งผลไม่ทางตรงก็ทางอ้อมถึงการกำหนดนโยบาย การบัญญัติกฎหมาย การสร้างข้อเสนอ งานเช่นนี้บางส่วนก็อาจได้รับการสนับสนุนให้ทำการศึกษาวิจัย และหากกล่าวให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่ใช่งานวิจัยทางสังคมศาสตร์/มนุษยศาสตร์ทุกชนิดที่จะต้องเผชิญกับการคุกคาม งานศึกษาเรื่องความหมายอันลึกซึ้งของการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ แนวคิดในประเพณีไหว้สาแม่ฟ้าหลวง ฯลฯ ย่อมสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีข้อกังขา

งานวิจัยที่ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานอย่างมากในห้วงเวลาที่ผ่านมา คืองานที่ตั้งคำถามหรือนำเสนอความหมายต่อสถาบันสำคัญทางสังคมในแบบที่แตกต่างออกไป เป็นผลให้การศึกษาวิจัยที่มีสถาบันสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทหาร ก็ล้วนแต่ถูกพิจารณาว่าเป็นงานที่มีความละเอียดอ่อนหรือเป็นงานที่ไม่ควรกระทำ หากจะทำงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันสำคัญเหล่านี้ก็จะต้องดำเนินไปในทางที่ยกย่องเพียงด้านเดียว

แน่นอนว่างานวิจัยที่เสนอภาพที่แปลกหรือต่างออกไป อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือมีความบกพร่องในตัวงานดังกล่าว ซึ่งก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับงานทุกชิ้น ยากที่จะหางานชิ้นใดที่ไม่มีข้อบกพร่องอยู่ แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาคือว่าท่ามกลางการคุกคามต่อเสรีภาพในการแสวงหาความรู้นั้น มหาวิทยาลัยได้ทำอะไรบ้างในการปกป้องหรือคุ้มครองเสรีภาพดังกล่าว

แบะ แบะ แบะ

มากกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะที่ทำงานอยู่ในสถาบันอุดมศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ผมยังไม่เคยได้ยินการประกาศอย่างแข็งขันว่ามหาวิทยาลัยจะปกป้องเสรีภาพในการแสวงหาความรู้ผ่านเข้ามาในรูหูเลย

ไม่ใช่เพียงการนิ่งเฉย เลวร้ายไปกว่านั้น ในหลายครั้งมหาวิทยาลัยก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการควบคุมเสรีภาพในการแสวงหาความรู้ ปล่อยให้บุคลากรของตนแต่ละคนไปเผชิญหน้ากับการคุกคามตามลำพัง หรือบ่อยครั้งก็มีการชี้เป้าให้กับหน่วยงานรัฐในการเข้าตรวจสอบ สำหรับนักวิชาการที่ยังไม่ ‘แก่/กล้า’ ย่อมหวาดหวั่นไม่น้อยกับเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้

พึงตระหนักว่าการปกป้องเสรีภาพในการแสวงหาความรู้ ไม่ใช่การเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยยืนยันความถูกต้องของงานนั้นๆ ข้อค้นพบจากการศึกษาจะถูกต้องหรือไม่ก็ได้ ซึ่งย่อมเป็นความรับผิดชอบของผู้วิจัยเอง แต่การยืนยันว่าการแสวงหาความรู้และการแสดงออกเป็นเสรีภาพต่างหากที่จะรับรองว่าจะเส้นทางการสร้างความงอกงามด้วยปัญญาสามารถเป็นไปได้

ทำไมผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงไม่ตระหนักต่อเสรีภาพในการแสวงหาความรู้และปล่อยให้มีการคุกคามได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่ควรเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ควรจะต้องปกป้องอย่างสุดใจขาดดิ้น

หลายคนอาจอธิบายถึงสาเหตุเรื่องอุดมการณ์ ทรรศนะคติทางการเมือง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เอาเข้าจริงแล้วเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งท่ามกลางหลายเรื่องก็คือ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจำนวนมากในสังคมไทย ‘เกิดขึ้น – ตั้งอยู่ – งอกงาม’ ด้วยการผนวกตนเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายชนชั้นนำ โดยไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์อะไรแม้แต่น้อยกับผู้คนภายในสถาบันหรือความงอกงามทางความรู้เลย

ในหลายมหาวิทยาลัย ผู้คนที่อยู่ภายในสถาบันเหล่านั้นสามารถคาดเดาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งอธิการบดีคนถัดไปได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่เพราะว่าบุคคลนั้นมีความสามารถอันโดดเด่นเหนือกว่าผู้สมัครตำแหน่งคนอื่น แต่เป็นเพราะว่าเขาสามารถแปรสภาพไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายชนชั้นนำได้อย่างแนบแน่นมากกว่า

เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นนำ หน้าที่ของผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะดำเนินการใดๆ ก็ได้ ตราบเท่าที่ไม่กระทบต่ออุดมการณ์ดั้งเดิมของชนชั้นนำที่เกื้อหนุนให้ตนเองมีโอกาสเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมาได้ รวมถึงลาภยศสรรเสริญที่จะมีต่อไปในภายหน้า แม้จะเกษียณอายุจากงานในมหาวิทยาลัยก็อาจไปนั่งในหน้าที่อื่นๆ ที่มีรองรับอย่างดาษดื่น ใกล้มือมากที่สุดก็อยู่ในสภามหาวิทยาลัย ไกลออกไปก็อาจกลายเป็นที่ปรึกษาหรือดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ประเหมาะเคราะห์ดีก็อาจมีโอกาสในการร่างรัฐธรรมนูญสักฉบับให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลสืบไป แต่ทั้งหมดนี้เครือข่ายที่เหนียวแน่นสำคัญกว่าความรู้ของเจ้าตัวแทบทั้งสิ้น

จึงไม่ต้องแปลกใจที่ผู้บริหารจะเข้มงวดและเอาจริงเอาจังกับการรักษาอุดมการณ์ดั้งเดิม และพยายามควบคุมความเห็นที่เป็นไปในด้านตรงกันข้าม

สุภาษิตของฝรั่งกล่าวว่าหากต้องการมองไปในอนาคต มันจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการขึ้นไปยืนบนบ่าของยักษ์ (standing on the shoulders of the giants) แต่สำหรับสังคมไทยแล้ว แม้แต่บ่ายักษ์ที่จะขึ้นไปยืนก็ดูจะมีอยู่ไม่มากนัก และในหลายครั้ง มหาวิทยาลัยก็เป็นผู้ที่ล้มยักษ์ลงด้วยน้ำมือของตนเอง


วันพุธ, กันยายน 18, 2567

๗ เดือน เลื่อนขึ้น ๓ ขั้น จาก ‘จ่า’ เป็น ‘ร้อยเอก’

 

อันเนื่องมาจาก...

Somsak Jeamteerasakul

จุฑารัตน์ เพชรโสม ใบตอง น้องสาวของ ใบเตย มิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2021 ได้เลื่อนชั้นจาก ร้อยโท เป็น ร้อยเอก

เดือน ก.พ.เลื่อนจาก จ่า เป็น ร้อยตรีเดือน พ.ค.เลื่อนจาก ร้อยตรี เป็น ร้อยโทเดือน ก.ย.เลื่อนจาก ร้อยโท เป็น ร้อยเอก



ดราม่าแจกบัตรประชาชนแรงงานพม่าเนี่ย ไม่ใช่ยุทธวิธีที่ดีนัก เพราะการเอาแรงงานเข้าระบบนั้นมัน ‘วินวิน’ ทักษิณก็รู้

ดูท่ารัฐบาลอุ๊งอิ๊งกำลังจะเข้าร่องเข้ารอยนะ จากการตั้งทีมปรึกษานโยบาย ๕ อรหันต์ มี พันศักดิ์นำ ทั้งให้อำนาจตั้งคณะทำงาน และเรียกส่วนราชการชี้แจงได้โดยตรง รวมไปถึงการที่ ชูศักดิ์ ศิรินิล เผยแผนแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา

แม้ประเด็นที่จะเริ่มลงมือแก้ ปะเหมาะเหตุการณ์ฝ่ายการเมืองโดนองค์กรอิสระยำเละ เรื่องฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง คือแทนที่ “มีคนไปร้อง ป.ป.ช. ก็จะทำให้คนที่ถูกร้องได้รับผลกระทบ และจบเลย” ก็ให้ถือว่าการถูกร้อง ปปช.ยังไม่มีความผิด

พร้อมไปกับแก้ไขระเบียบตัดสินเอาคนออกจากตำแหน่ง ที่ควรใช้เสียงข้างมากเด็ดขาด ไม่ใช่มติศาลรัฐธรรมนูญ ๕ ต่อ ๔ ก็สามารถปลดเศรษฐา ทวีสิน จากนายกรัฐมนตรีได้แล้ว เป็นต้น ขณะที่องคาพยพของอำนาจเก่าชักจะแหลมคมยิ่งขึ้น

จากการที่ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ไม้เบื่อไม้เมาของทักษิณ ชินวัตร เริ่มปักหลักเป็นฝ่ายค้านอย่างมีลำหักลำโค่น สามประสาน อุตตม-สนธิรัตน์-ธีระชัย ร่วม ปิยะ ต๊ะวิชัย ตั้งโต๊ะแถลงค้านดิจิตอลวอลเล็ตกับกองทุนวายุภักษ์กันแข็งขัน

เสียแต่พวกนักแบกของพรรคเพื่อไทย ปั่นกระแสให้ร้ายพรรคประชาชนไม่ลดละ ไม่แน่ว่าจะเป็นยุทธวิธีที่ดีนัก ทักษิณเองก็ถนัดเอาเรื่องใต้ดินขึ้นมาบนดินมิใช่หรือ ไฉนดราม่าล่าสุดยังบังเกิด โจมตีว่าจะแจกบัตรประชาชนให้แรงงานพม่า

เรื่องนี้มาจากการอภิปรายปัญหาแรงงานข้ามชาติโดย ส.ส. แก้วตา ธิษะณา ชุณหะวัณ ที่เสนอให้นำแรงงานชาวเมียนมาร์เข้าสู่ระบบ เธอต้องการให้นำแรงงานเหล่านี้มาขึ้นทะเบียน ใช้บัตรสีชมพู แต่เวลาอภิปรายจำกัด พูดได้ไม่ละเอียด

ก็เลยต้องไปชี้แจงเพิ่มเติมในรายการ ไทยรัฐนิวส์รูมทว่าถ้าได้ดูคลิปติ๊กต๊อกของ กัปตันเนิร์ดน่าจะรวบรัดได้มากกว่า เขาว่า “การนำชาวเมียนมาร์เข้าระบบมีผลดีมากกว่าผลเสีย สิ่งที่จะได้ทันทีเลยคือ เงิน” ซึ่งก็คือภาษีเงินได้ และเงินเก็บเข้าประกันสังคม

เนื่องเพราะ ตอนนี้ไทยมีแรงงานชาวเมียนมาร์อยู่ประมาณ ๖.๘ ล้านคน แต่อยู่ในระบบไม่ถึง ๒ ล้านคน เขาว่า “ลองคิดเลขดูถ้า ๕ ล้านคนที่อยู่นอกระบบ มีค่าแรงขั้นต่ำ ๓๓๐ บาท จะทำเงินได้ถึง ๖ แสนล้านบาท” นั่นจากอัตราภาษีเงินได้ ๑๐%

เป็นรายได้เข้ารัฐ “๖ หมื่นล้านบาทต่อปี เงินจำนวนนี้ทำถนนมอเตอร์เวย์เท่เท่ กรุงเทพฯ –กาญจนบุรี ได้ ๑ เส้น ๕ ปีก็ ๕ เส้น ยังไม่รวมเงินเก็บเข้าประกันสังคมอีกมหาศาล” ซึ่งรัฐไทยก็จำเป็นต้องรักษาพยาบาลแรงงานเหล่านี้อยู่แล้ว

อีกอย่างที่ รังสิมันต์ โรม บอกเขาพูดเรื่องพม่าบ่อยๆ ก็เพราะสิ่งที่เกิดในพม่า พวกคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด และเรื่องพม่าลักลอบเข้าเมืองมาแย่งงานคนไทย “ส่วนหนึ่งมันเกิดจากการที่ไทยบังคับใช้กฎหมายไม่มีคุณภาพใช่หรือเปล่า”

กรณี เจ้าหน้าที่รัฐมีการรับใต้โต๊ะนั้น เพื่อ ส.ส.ของเขาอีกคนเอาไปอภิปราย ว่าให้ไปดู “ตลาดพม่าที่บางบอน” กันเสียบ้าง พม่าเป็นเจ้าของแผง ขึ้นป้ายภาษาพม่าเต็มไปหมด เหตุจากตำรวจปล่อยปละละเลยเพื่อเก็บส่วย

“เรื่องพม่าไม่ต้องกลัวพรรคประชาชนจ้า กลัว จนท.รัฐเถอะ” dei @webdevxp เม้นต์

(https://x.com/captainnerd23/status/1836035452899578204?t และ https://x.com/DemosParty3/status/1835706883912692057) 

ดับแล้ว 45 ราย บาดเจ็บกว่า 20 คน ปภ.เร่งระดมทรัพยากร ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม



17 ก.ย. 2567
ข่าวสดออนไลน์

ปภ.รายงาน 30 จังหวัดประสบน้ำท่วม ลดเหลือ 13 จว. มีผู้เสียชีวิตรวม 45 ราย บาดเจ็บ 24 คน เร่งระดมทรัพยากรให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 17 ก.ย. เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 30 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ระยอง ชุมพร ภูเก็ต ยะลา นครศรีธรรมราช พังงา ตรัง สตูล รวม 150 อำเภอ 672 ตำบล 3,525 หมู่บ้าน

ประชาชนได้รับผลกระทบ 139,803 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 45 ราย และได้รับบาดเจ็บรวม 24 คน

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 13 จังหวัด รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 45 อำเภอ 192 ตำบล 934 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 27,831 ครัวเรือน รายละเอียด ดังนี้

1.เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่สาย และ อ.เมืองฯ รวม 7 ตำบล 72 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,968 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 12 ราย ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ระดับน้ำลดลง 

2.สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.กงไกรลาศ รวม 3 ตำบล 20 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 361 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

3.พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และอ.เมืองฯ รวม 7 ตำบล 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 576 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว 

4.หนองคาย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.เมืองฯ และ อ.รัตนวาปี รวม 18 ตำบล 77 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,885 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

5.อุดรธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.นายูง อ.น้ำโสม อ.หนองหาน อ.เมืองฯ อ.โนนสะอาด รวม 12ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 42 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 

6.บึงกาฬ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.โซ่พิสัย อ.บึงโขงหลง อ.เซกา อ.พรเจริญ อ.ปากคาด อ.เมือง อ.บุ่งคล้า และ อ.ศรีวิไล รวม 35 ตำบล 202 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

7.ปราจีนบุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ์ และ อ.ประจันตคาม รวม 3 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง 

8.อ่างทอง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.วิเศษชัยชาญ รวม 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว



9.พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.บางปะหัน อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร รวม 78 ตำบล 394 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,621 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว 

10.พังงา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วทุ่ง และ อ.เมืองฯ รวม 11 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 108 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

11.ชุมพร เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อ.พะโต๊ะ รวม 2 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 125 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว 

12.ภูเก็ต เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.ถลาง รวม 4 ตำบล 20 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 445 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

13.สตูล เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ควนโดน อ.เมืองฯ อ.ท่าแพ และ อ.มะนัง รวม 9 ตำบล 45 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,351 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัย อาทิ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เครื่องสูบส่งน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำ รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้าส่องสว่างขนาด 200 KVA รถบรรทุกเล็ก รถลากเรือเคลื่อนที่เร็ว เรือท้องแบน

อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ เสื้อชูชีพ จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ พื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในภาคอื่นที่ไม่มีสถานการณ์ภัย เข้าร่วมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ภัยขึ้น

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รายงานเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง และปักหลักช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยประชาชนสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารสาธารณภัย ได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews

ติดตามการประกาศแจ้งเตือนภัยได้ทางแอปพลิเคชัน Thai Disaster Alert ทั้งระบบ IOS และ Android และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784 โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9417195


จักรภพ​ เพ็ญแข ขอพูดบ้าง ตอบคำถามด้อม🍊


จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
19 hours ago
·
มีคนถามว่า “เคลียร์ (คดี) ง่ายขนาดนี้ แล้วตอนแรกหนีทำไมคะ” คำถามน่าตอบ ต้องหนีถึง 15 ปีเพราะระหว่างนั้นมีทั้งการขู่ฆ่า การส่งทีมสังหาร และอยู่ในเวลาที่บ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตยเลย ผมอยากเก็บชีวิตไว้สู้ในระยะยาว ก็ต้องลี้ภัยไป คดีเหล่านี้เฟคทั้งนั้น เมื่อบรรยากาศเป็นผู้เป็นคนขึ้น ก็แก้ต่างได้ไม่ยาก เขาถึงเรียกว่าคดีการเมือง ย่อมาจาก คดีที่สร้างขึ้นด้วยเจตนาทางการเมือง เหมือนคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ไทยรักไทย และพลังประชาชนนั่นแหละครับ
จักรภพ​ เพ็ญแข
อดีต​รัฐมนตรี​ประจำ​สำนัก​ฯ
ตอบคำถามด้อม
.....