วันเสาร์, ตุลาคม 31, 2558

2 วาทะทำพิษ 1. วาทะ “ปิดประเทศ” ทำหุ้นดิ่งเหว!!! ธนาคารโลกปรับลดอันดับไทย ประเทศดึงดูดธุรกิจ!!! 2. เว็บ ปอท. หน่วยงานที่มาออกข่าว ขู่จะจับประชาชน เมื่อกลางวัน วันนี้ เจ้าของกิจกรรม “โพสต์ต้องคิด…คลิกเสี่ยงคุก!” ถูกถล่มล่มแล้ว!!!




วาทะ “ปิดประเทศทำพิษ” หุ้นดิ่งเหว!!! ธนาคารโลกปรับลดอันดับไทย ประเทศดึงดูดธุรกิจ!!!

ที่มา เวป Ispace Thailand
BY BOURNE
ON OCTOBER 30, 2015

หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้กล่าวมอบนโยบายในที่ประชุมร่วมแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งมีวาทะเด็ดเรื่อง “การปิดประเทศ” ที่นอกจากจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายภาคส่วน จน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมต้องออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “ปิดประเทศ” ในความหมายของพล.อ.ประยุทธ์ หมายถึงหากเจอทางตัน เกิดความรุนแรงจลาจลถึงขั้นฆ่ากันตาย และวอนอย่าตื่นตระหนกเพราะไม่มีเหตุบ่งชี้




แม้จะมีการออกมาชี้แจงแล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ หลุดวาทะเด็ด “ปิดประเทศ” วันรุ่งขึ้น(29 ตุลาคม) ตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวลดลงจนทะลุแนวรับที่ 1400 จุดไปเป็นที่เรียบร้อย และยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาเกินเพดาน 1400 จุดเมื่อใด





นอกจากนี้ยังมีรายงานเรื่อง การจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจประจำปี 2559(Doing Business 2016) ซึ่งจัดทำโดยธนาคารโลกเมื่อวันที่ 28 ที่ผ่านมา โดยปีนี้ไทยติดอยู่ในลำดับที่ 49 จาก 189 ประเทศลดลง 3 อันดับ เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 46 สำหรับการปรับลดลงของอันดับของประเทศไทยนั้น เนื่องจากตัวชี้วัดส่วนใหญ่ของไทยลดลง เช่น ขั้นตอนความสะดวกในการขอสินเชื่อของSME การเข้าถึงข้อมูลเครดิตลูกค้าของสถาบันการเงิน นับว่าของไทยได้คะแนน 0 การขอใบอนุญาตในการตั้งธุรกิจไทยยังใช้เวลามากกว่า 20 วัน ขณะที่ประเทศอื่นใช้เวลาลดลงแล้ว





ที่สำคัญคือหลายประเทศในแถบภูมิภาคนี้ ได้เร่งปฏิรูปหลายด้าน จึงทำให้อันดับของประเทศอื่นขยับเพิ่มขึ้น เช่น อินโดนีเซีย อำนวยความสะดวก ในการชำระภาษีผ่านระบบออนไลน์, เวียดนาม ผู้ขอเงินกู้สามารถตรวจสอบเครดิตของตนเองได้ ธุรกิจขนาดเล็กในเวียดนามจึงขอกู้ง่ายขึ้น, เมียนมาลดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำของบริษัทในประเทศ, บรูไนก็ได้มีการปฏิรูปขั้นตอนการจัดตั้งนิติบุคคลด้วยเช่นกัน เหลือเพียง 14 วันจากเดิม 104 วันเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการปรับปรุงการดำเนินงานระบบออนไลน์






ถือว่ายังเป็นโชคดีที่การจัดอันดับในรายงานดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีวาทะเด็ดเรื่อง “ปิดประเทศ” ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะถูกปรับลดอันดับมากกว่านี้ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่า “การปิดประเทศ” จะยังไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อวาทกรรมดังกล่าวออกมาจากปากนายกรัฐมนตรีของประเทศว่ามีความพร้อมที่จะทำ ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจนักลงทุนต่อประเทศไทยย่อมได้รับผลกระทบ อย่าลืมว่า “คำพูด” เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อพูดแล้วแก้ไขไม่ได้!!!


ooo


พลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall


เมื่อกลางวัน หน่วยงานนี้ ออกมาขู่ พวกเรา....

ค่ำคืน ฮาโลวีน นักเรียน นักรบไซเปอร์ เลยพากันไปเที่ยวครับ....

หน่วยงานที่มาออกข่าว ขู่จะจับประชาชน เมื่อกลางวัน วันนี้ นะครับ
เจ้าของกิจกรรม “โพสต์ต้องคิด…คลิกเสี่ยงคุก!”

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.)

http://www.tcsd.in.th/index.php

IP : http://27.254.46.118/

ไปเยี่ยมกันหน่อยครับ คืนนี้.....

ยาวไป ยาวไป ๆ ๆ ๆ

#OpSingleGateway

...



ประกาศชัยชนะ ของนักเรียน หลักสูตร นักรบไซเปอร์ กับพี่น้องประชาชน อย่างเป็นทางการแล้วละครับ...ในค่ำคืนนี้

เว็บ ปอท. ล่ม เรียบร้อยแล้วครับ......(เช็คผลจากทั่วโลก) ณ เวลา ๐๐.๓๐น.

หน่วยงานที่มาออกข่าว ขู่จะจับประชาชน เมื่อกลางวัน วันนี้ นะครับ
เจ้าของกิจกรรม “โพสต์ต้องคิด…คลิกเสี่ยงคุก!”


กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.)

http://www.tcsd.in.th/index.php
IP : http://27.254.46.118/

ไปเยี่ยมกันหน่อยครับ คืนนี้.....
ยาวไป ยาวไป ๆ ๆ ๆ

‪#‎OpSingleGateway‬



โหดเกิน... ครูฝึกทหารใหม่รวม ๑๐ นาย ลงโทษซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์ป.โทจนเสียชีวิต กองทัพบกต้องชดเชยสินไหมทดแทนคดีแพ่งกว่า ๗ ล้านบาท ... กองทัพต้องปฎิรูป!?!


ภาพศพที่โพสต์ลงไปอาจจะไม่เหมาะสม แต่เพื่อให้เป็นอุธาหรณ์ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก ทางครอบครัวพลทหารวิเชียร เผือกสม ยินยอมให้เปิดเผยสู่สาธารณะ


ครูฝึกทหารใหม่รวม ๑๐ นาย ลงโทษซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์ป.โทจนเสียชีวิต กองทัพบกต้องชดเชยสินไหมทดแทนคดีแพ่งกว่า ๗ ล้านบาท



รายการสปริงรีพอร์ต #SpringReportsตอน " ซ้อมทรมานทหารเกณฑ์เสียชีวิต "วันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2558 เวลา 21.10 - 22.00น...
Posted by Springreports on Wednesday, October 21, 2015
https://www.facebook.com/577088152399483/videos/861365303971765/


ที่มา พันทิป

หลังจากรายการสปริงรีพอร์ต ได้นำเสนอเรื่องราวเหตุการณ์ตอนซ้อมพลทหารใหม่ ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอังคารที่ ๒๗ เดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เวลา ๒๑.๑๐ น.เป็นต้นไป ทางช่องสปริงนิวส์ ไปแล้วนั้น
สามารถกดชมโปรโมทไตเติ้ลรายการสปริงรีพอร์ต ตอน ซ้อมทรมานพลทหารใหม่ ได้จาก

ลิงก์https://www.facebook.com/577088152399483/videos/861365303971765/ นี้ และสามารถชมเทปเต็มของรายการสปริงรีพอร์ต ตอน ซ้อมทรมานพลทหารใหม่ ได้จาก

ลิงก์http://www.springnews.co.th/program/documentary/springreport/249093 นี้ ซึ่งยังสามารถรับชมติดตามชมรีรันในวันเสาร์ที่ ๓๑ ตุลาคมนี้ เวลา ๒๐.๐๐ - ๒๑.๐๐ น. และวันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายนนี้ เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. ทางสถานีข่าวสปริงนิวส์ ดิจิตอลทีวีช่อง ๑๙ รวมถึงสามารถทราบข้อเท็จจริงรายละเอียดได้ปรากฎในรายการคุยกับแพะ ตอน ทารุณกรรมในค่ายทหาร ออกอากาศเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ระหว่างช่วงเวลา ๒๑.๓๐ - ๒๒.๓๐ น. ตามลิงก์http://youtu.be/PuW4RZShmg0 นี้

กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการนำเสนอและแชร์ข้อเท็จจริงความรุนแรงในค่ายทหารอีกด้านหนึ่งที่ถูกปกปิดซ่อนเล้นอยู่ ให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลง และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก เพราะหากตราบใดที่ประชาชนยังไม่รู้สิทธิในเรื่องนี้ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะนี้ก็ยังคงที่จะเกิดขึ้นได้อีกเสมอ

โดยวัตถุประสงค์ของการขอนำเสนอไม่ได้ต้องการโจมตีหรือทำให้หน่วยงานของรัฐเสื่อมเสียงชื่อเสียงแต่ประการใด แต่เพื่อให้ประชาชนในสังคมไทยได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเป็นกรณีตัวอย่างให้กับผู้ที่ถูกละเมิด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมกล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเองต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องการให้สังคมมีส่วนรู้เห็น เพื่อมีส่วนร่วมในการป้องกันเหตุการณ์ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยได้อีก โดยนำเสนอข่าวเพื่อสะท้อนให้กับสังคมได้ทราบถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนในสังคมช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพราะตราบใดที่สังคม โดยเฉพาะบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นทหารกองประจำการ ผลัดต่างๆ ของแต่ละประจำปียังไม่ทราบสิทธิของตน ที่ทางต้นสังกัด คือ กองทัพบก มีคำสั่งออกเป็นหนังสือระบุชัดเจน อีกทั้งมีคำสั่งหนังสือเรื่องการฝึกทหารใหม่ แต่ละรุ่นปีแต่ละผลัด ระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามปรับปรุงทหารใหม่จนเกินกว่าเหตุ ห้ามถูกเนื้อต้องตัวทหาร ห้ามทำร้ายร่างกาย ห้ามถือไม้เรียวโดยเด็ดขาด เน้นกำลังให้ฝึกตามระเบียบของหน่อยเหนืออย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะลงโทษสถานหนัก เพราะเป็นการผ่าฝืนนโยบายของผู้บังคับบัญชา รวมทั้งให้ดูแลทหารใหม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มาโดยตลอดเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้อีก

แม้แต่กรณีของพลทหารวิเชียร เผือกสมแม้จะมีคำสั่งเข้มงวดเรื่องการฝึกทหารใหม่ข้างต้นแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายก็ยังเกิดการลงโทษของครูฝึกทหารใหม่ที่ซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์จนเสียชีวิตเกิดขึ้น 

และบัดนี้ก็เป็นเวลา ๔ ปีกว่าแล้วที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังคงต้องต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนในครอบครัวที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับลำแข้งของครูฝึกทหารร่วม ๑๐ นาย ในกรณีที่พลทหารวิเชียร เผือกสม ทหารเกณฑ์ สังกัดกองพลพัฒนาที่ ๔ ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ผู้มีศักดิ์เป็นน้าชาย ซึ่งถูกรุมทำร้ายร่างกาย โดยครูฝึกทหารใหม่จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ 
 
เรื่องราวเหล่านี้ยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี หน้ำซ้ำครูฝึกทหารใหม่ที่กระทำต่อพลทหารวิเชียร เผือกสม ยังคงลอยนวลไม่ถูกลงโทษตามความผิดที่ได้กระทำ บางนายยังคงเป็นครูฝึกทหารใหม่ บางนายปลดประจำการแล้ว และบางนายได้เรียนยศที่สูงขึ้น **เพราะยังต้องรอกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายไทย**

ทั้งนี้จึงตั้งกระทู้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องสิทธิให้กับคนอื่น โดยไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับใครอีก เพราะการลงโทษโดยทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย นอกจากจะเป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งแล้ว ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๔๐ มาตรา ๓๒ ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคล และละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและมีพันธกรณีให้ปฏิบัติตามอนุสัญญาฯดังกล่าวด้วย

ข้อเท็จจริงตามเอกสารหนังสือรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกองทัพภาคที่ ๔ ที่ กห ๐๔๔๘/๒๔๖๓ ฉบับลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ มีดังนี้

พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้ลาสิขาบทมาเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ และได้สมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ ๑/๕๔ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แต่ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ พลทหารวิเชียร เผือกสม กลับถูกครูฝึกทหารลงโทษรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุเพราะหลบหนีจากหน่วยฝึก ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และได้ตัวกลับมาในวันเดียวกัน ครั้งที่ ๒ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ทางหน่วยฝึกได้ไปรับตัวกลับหน่วยเมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ก่อนเที่ยง ร้อยตรีให้การว่าได้ตบหน้าพลทหารวิเชียรฯ ๒ ครั้ง เพื่อเตือนสติให้สำนึกที่หลบหนี ให้กินพริกสดจำนวน ๓-๔ เม็ด เพื่อทำโทษและให้กินข้าวเปล่าจำนวน ๑ จาน ประมาณ ๑๒.๔๐ น. ได้สั่งให้พลทหารผู้ช่วยครูฝึก ๒ นาย นำพลทหารวิเชียรฯ ไปบริเวณหลังหน่วยฝึกหน้าห้องน้ำเพื่อปรับปรุงวินัย โดยให้ออกกำลังท่ากายบริหาร เช่น ท่ากระโดดกบ แองการู ท่ายุบสะโพก ฯลฯ โดยในครั้งแรกให้สวมใส่ชุดทหารใหม่และต่อมาให้ถอดเสื้อผ้าออกคงเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว โดยมีร้อยตรีนั่งกำกับอยู่ด้วย จากนั้นได้พาไปพบร้อยโทผู้ฝึกที่หน้าหน่วยฝึก ร้อยโทผู้ฝึกได้มีการว่ากล่าวพลทหารวิเชียรฯ และได้สั่งให้พาไปด้านหลังหน่วยฝึกเพื่อปรับปรุงวินัยต่อ มีผู้ให้การหลายรายยืนยันว่า ได้เห็นพลทหารผู้ช่วยครู จับขาพลวิเชียรฯ คนละข้างลากไปกับพื้นปูนบริเวณที่รวมพลหน้าหน่วยฝึกประมาณ ๒-๓ เมตร พลทหารวิเชียรฯ ได้ร้องด้วยความเจ็บปวด 

ต่อจากนั้นได้พาไปปรับปรุงวินัยที่เดิม ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาพบเห็นพลทหารผู้ช่วยครูได้รุมกันใช้เท้าเตะกระทืบที่ขาและลำตัวของพลทหารวิเชียรฯ ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีที่ถูกกล่าวหาได้กำกับอยู่ โดยสั่งให้ตัดกำลังขาอย่าไปทำอะไรส่วนบน ต่อจากนั้นได้ใช้เกลือทาบริเวณแผลและใช้เท้าเหยียบขึ้นไปที่หน้าอก หลังจากใช้เวลาซ่อมประมาณ ๒ ชั่วโมง ได้นำตัวพลทหารวิเชียรฯ ไปอาบน้ำและพาไปที่ห้องพยาบาล เพื่อทายารอยแผลขีดข่วนและให้นอนพักบนเตียงผ้าใบในห้องพยาบาล ขณะนั้นมีครูทหารใหม่และผู้ช่วยครูหลายนาย ซึ่งที่ห้องพยาบาลนั้นจ่าสิบเอกให้การว่า เห็นพลวิเชียรวิเชียรฯ ถูก สิบเอก ๓ นาย และสิบโท ๒ นายสลับกันรุมเตะด้วยหัวรองเท้าคอมแบค โดยมีร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึก นั่งอยู่ที่เตียงพยาบาล 

เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. สิบเอกได้เรียกรวมพลทั้งหมดเพื่อไปรับประทานอาหารเย็น โดยสิบเอกอีกนายได้เรียกทหารใหม่ประมาณ ๕-๖ นาย ให้แบกพลทหารวิเชียรฯจากห้องพยาบาลไปยังโรงเลี้ยง โดยใช้ผ้าขาวห่อตัวเหลือแต่ใบหน้าพร้อมมัดตราสังข์ในลักษณะเหมือนศพ พร้อมตั้งขบวนแห่และพูดไว้อาลัยเหมือนกับการแห่ศพ และที่โรงเลี้ยงมีพยานยืนยันว่า เห็นพลทหารวิเชียรฯ ถูกสั่งให้นั่งกินข้าวบนก้อนน้ำแข็งประมาณ ๑๐ นาที โดยให้นั่งท่าขัดสมาธิ ก้นสัมผัสผิวน้ำแข็งประมาณ ๑ ใน ๓ และสวมกางเกงในตัวเดียว และร้อยโทผู้ฝึกได้เดินมาที่พลทหารวิเชียรฯ ร้อยตรีผู้ช่วยครูฝึกได้บอกให้เอาน้ำแข็งประคบ เพื่อบาดแผลจะได้หายเร็วขึ้นและได้ให้รับประทานกระเทียมประมาณ ๓–๔ กลีบ ต่อมาสิบเอกได้นำกำลังพลชุดเดิมแบกพลทหารวิเชียรฯ กลับมาวางด้านหน้าหน่วยฝึกและมีก้อนน้ำแข็งวางทับบนหน้าอก ที่หน้าหน่วยฝึก

เวลาประมาณ ๑๘.๔๕ น. สิบเอกได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ หมอบ-ลุก เมื่อเห็นว่า ทำช้าไม่เป็นที่พอใจจึงได้ไม้ไผ่ขนาดเท่านิ้วชี้ตีที่บริเวณลำตัว แผ่นหลัง ก้น ขาจนถึงปลายเท้า และใช้เท้าเตะบริเวณชายโครง หน้าอก และกระทืบไปที่ท้ายทอยเป็นเหตุให้คางกระทบกับพื้นเป็นแผลแตกขนาดปลายนิ้วก้อย ใช้เท้าเตะไปที่บริเวณใบหน้าเป็นเหตุให้มีเลือดออกจากปากแล้วพลทหารวิเชียรฯ ได้ก้มลงกราบพร้อมร้องบอกว่า "ผมเจ็บและจะไม่ทำอีกแล้ว" แต่สิบเอกก็ยังไม่หยุดกระทำ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสลับกับการถูกเตะและกระทืบดังมากจนทำให้ร้อยโทผู้ฝึกได้ชะโงกมาจากชั้นบนของอาคารหน่วยฝึก พร้อมสั่งให้ร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึกอย่าทำให้แรงเกินไปนัก สิบเอกจึงได้ย้ายสถานที่ซ่อมไปด้านข้างของแถว ยังคงใช้ไม้ตีสลับกับการเตะเหมือนเดิมจนกระทั่งร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาแย่งไม้ในมือสิบเอกทิ้งอีกครั้ง สิบเอกได้พูดว่า "ไม่มีไม้ใช้มือใช้เท้าแทนก็ได้" และได้ประกาศท้าทายให้ไปฟ้อง ผบ.ทบ.ต่อหน้ากำลังทหารใหม่ประมาน ๒๐๐ นาย 

จนเวลา ๒๓.๐๐ น. ร้อยตรีได้พาพลทหารวิเชียรฯ ไปคุยต่อจนถึงเวลา ๐๑.๐๐ น.เศษ ได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ ขึ้นโรงนอน ต่อมาวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ มีพยานหลายคนเห็น พลทหารวิเชียรฯ นอนพักอยู่ในห้องพยาบาลบริเวณร่างกายและขามีรอยช้ำบวมหลายแห่งใต้คางมีแผลลึกมีน้ำเหลืองไหลย้อยรอบปากปรากฏคราบเลือด พยานบางคนได้ถามอาการเจ็บป่วยได้รับคำตอบว่า เจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ได้ร้องขอให้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากทนความเจ็บปวดไม่ไหว ถึงขั้นมีการสั่งเสียกับเพื่อนพลทหารด้วยกันว่า หากเสียชีวิตลงให้ช่วยแจ้งกับมารดาด้วย แต่ไม่มีผู้ใดสนใจและดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น 

กระทั่งวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ จึงได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ทางโรงพยาบาลเห็นพลทหารวิเชียรฯ มีอาการหนักเกินขีดความสามารถของแพทย์ที่จะรักษาเยียวยาได้ จึงส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ต่อทันที และหน่วยได้สั่งให้ร้อยตรีที่ไม่ได้ร่วมกระทำไปดูอาการของพลทหารวิเชียรฯ

ในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ เห็นพลทหารวิเชียรฯ อยู่ในห้องไอซียูพร้อมญาติ บริเวณทั่วทั้งลำตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามีแต่บาดแผลและรอยช้ำบวม สอบถามแพทย์ได้รับคำตอบว่า ชีพจรต่ำมาก การตอบสนองของร่างกายไม่มี อาการอยู่ในขั้นโคม่า ท้ายสุดเมื่อวันที่ ๕ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๐๕ น. ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส พลทหารวิเชียร เผือกสม ต้องจบชีวิตด้วยวัยเพียง ๒๖ ปีเท่านั้น โดยที่สาเหตุการตายมาจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการถูกรุมซ้อมทำรายร่างกายโดยฝีมือของครูฝึกในหน่วยฝึกของค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในสังกัด ร.๑๕๑ พัน.๓ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส

สภาพศพของพลทหารวิเชียร เผือกสม ถ่ายเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๒๑.๕๐ น. หลังเสียชีวิตเพียง ๒๓ ชั่วโมง ซึ่งถูกครูฝึกทหารใหม่จำนวน ๑๐ นาย ตั้งแต่ยศร้อยโท ร้อยตรี จ่าสิบเอก สิบเอก และพลทหารผู้ช่วยครูฝึกลงโทษซ้อมทรมานตามรายเอียดข้างต้นที่กล่าวไว้ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๑๕ น. **ส่วนปี ค.ศ.ในภาพต้องเป็น ๒๐๑๑ ซึ่งคือ พ.ศ.๒๕๕๔ กล้องถ่ายรูปตั้งเวลาผิดค่ะ

ปล.ภาพศพที่โพสต์ลงไปอาจจะไม่เหมาะสม แต่เพื่อให้เป็นอุธาหรณ์ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก ทางครอบครัวพลทหารวิเชียร เผือกสม ยินยอมให้เปิดเผยสู่สาธารณะค่ะ และเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับมอบหมายโดยชอบธรรมตามกฎหมายจากมารดาของพลทหารวิเชียรฯ ผู้มีศักดิ์เป็นยาย ให้เป็นผู้ดำเนินคดีการ

Credit
หยุดดัดจริตประเทศไทย

รีวิว 10 ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ (หลุมดำที่ สปช.ไม่เสนอ)




ที่มา ประชาไท
Fri, 2015-10-30 17:26

กว่า 1 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งได้ข้อเสนอสำหรับการปฏิรูปประเทศไทย 505 ข้อ โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และส่งงานไปยังสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สิ่งที่น่าสังเกต สปท. ไม่พูดถึงการปฏิรูปกองทัพเลย ตามที่ iLaw เรียกว่า “หลุมดำ” ทั้งที่กองทัพไทยทั้งขนาด กำลังพล และแสนยานุภาพถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก ผลสำรวจ “Global Firepower 2014” ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการประเมินศักยภาพและแสนยานุภาพทางทหารของ 106 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง ASTVผู้จัดการออนไลน์ นำมาเผยแพร่เมื่อ พ.ค.57 ระบุว่า กองทัพไทย อยู่อันดับ 24 ของโลก

และหากย้อนกลับไปเมื่อปี 54 ที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม[1] ได้ดำเนินการจัดทำร่าง "แผนพัฒนาขีดความสามารถกระทรวงกลาโหม ปี 2554-2563" (Modernization Plan : Vision 2020) ซึ่งได้กำหนดความต้องการโครงการพัฒนา และจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกระทรวงกลาโหม แบ่งเป็นความต้องการระดับสูงสุด 332 โครงการ วงเงิน 1,307,731.413 ล้านบาทและความต้องการระดับต่ำสุด 301 โครงการ วงเงิน 770,392.413 ล้านบาท ด้วย จึงยิ่งเห็นความสำคัญขององค์กรที่มีบทบาทและใหญ่ที่สุดในสังคมไทยอย่างกองทัพ

ในโอกาสนี้ประชาไทได้รวบรวมข้อเสนอการปฏิรูปกองทัพที่กลุ่มและบุคคลเคยเสนอมาก่อนหน้านี้ 10 ข้อ ที่น่าสนใจดังนี้
1. อยู่ใต้อำนาจของพลเรือน ที่เป็นรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย

ข้อเสนอของ ภัควดี วีระภาสพงษ์ ที่เผยแพร่เมื่อ 26 พ.ค.58 ในบทความ ‘ถ้าข้าพเจ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ข้าพเจ้าจะปฏิรูปกองทัพ’[2] ภัควดี อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า การอยู่ใต้อำนาจพลเรือนไม่ใช่การเสื่อมเกียรติ แต่เป็นการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ประชาชนจะไว้วางใจทหารที่ถืออาวุธได้อย่างไรหากไม่มั่นใจว่าทหารจะยึดโยงกับประชาชนเสมอ? กองทัพไม่ควรหวาดระแวงหรือดูหมิ่นว่าพลเรือนไม่รู้เรื่องการทหาร การอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนเป็นเพียงแค่การยอมรับอำนาจชี้นำของประชาชนเกี่ยวกับทิศทางของประเทศในภาพกว้างเท่านั้น ถึงอย่างไรกองทัพก็ยังเป็นผู้รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับการสงครามและการจัดกำลังพล พลเรือนย่อมเคารพกองทัพในแง่นี้ กองทัพก็ควรเคารพประชาชนในแง่ของการบริหารประเทศเช่นกัน

ซึ่งประเด็นนี้ นิธิ เอียวศรีวงศ์[3] ก็กล่าวไว้ เช่นกัน ว่า ที่ขาดไม่ได้ในการปฏิรูปกองทัพก็คือ ความมีอำนาจสูงสุดของพลเรือนเหนือกองทัพ เรื่องนี้สำคัญกว่ายุบหรือไม่ยุบ บก.สส., เกณฑ์ทหารอย่างไร หรือเลิกการเกณฑ์ทหาร, ขั้นตอนการเลื่อนยศเลื่อนขั้น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์ทั้งนั้น แต่เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่หลักการ สำคัญสุดคือการมีอำนาจสูงสุดของพลเรือนเหนือกองทัพ

กฎหมายสภากลาโหม ถือเป็นกลไกสำคัญในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ โดยประเด็นนี้ สุรชาติ บำรุงสุข[4] ได้เคยให้สัมภาษณ์กับประชาไทเมื่อ ก.ค.58 ถึงกฎหมายดังกล่าว ด้วยว่า กฎหมายดังกล่าว ออกหลังรัฐประหารปี 2549 เพราะห่วงว่าฝ่ายการเมืองจะเข้าไปจัดการแทรกแซงกิจการทหาร คนก็ตีความว่านายกฯ มารอบนี้(รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปี 56)จะมีล้มกฎหมายนี้ ถามว่ากฎหมายสภากลาโหมที่เป็นกฎกระทรวงที่ออกโดยสภากลาโหม กับกฎหมายที่เป็นระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ศักดิ์ใครสูงกว่า ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมีศักดิ์สูงที่สุดในระบบการบริหารราชการไทย ถ้าเรายอมรับเงื่อนไขทางกฎหมายแบบนี้ นายกฯ เท่ากับมีอำนาจโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงกฎกระทรวงก็ได้ กฎตรงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าจำเป็นต้องทำให้ความสัมพันธ์กับรัฐบาลไม่กลายเป็นวิกฤตก็อาจไม่เข้าไปแตะต้อง ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ทำอย่างนั้นมาตั้งแต่ทำหน้าที่ ถามว่าหากอยากไปล้มไปอะไร เอาเข้าจริงทำได้ไหม ตนว่าก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าคิดในประเด็นทางกฎหมายก็อย่างที่กล่าวไป ไม่ต้องไปล้ม อยู่ที่ว่านายกฯ กล้าใช้อำนาจไหม ตนเข้าใจว่าโดยบุคลิกและท่าทีรัฐบาลก็คงไม่อยากมีประเด็นที่ต้องชนกับทหาร จะเห็นชัดว่ารัฐบาลไม่ชนกับทหารเรื่องสภากลาโหม ไม่ชนกับทหารเรื่องคดีเสื้อแดงที่เรียกร้องให้จัดการผู้นำทหารที่เกี่ยวข้องกับการล้อมปราบ
2. ลดจำนวนนายพลว่างงาน ลดกำลังพลให้เหมาะสมกับจำนวนประชากร เพราะไทยไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม

จากข้อเสนอของ กานดา นาคน้อย เมื่อ 19 ต.ค. 57 ในบทความชื่อ นายพลว่างงาน[5] ซึ่งเสนอให้ลดจำนวนนายพลและลดกำลังพลให้เหมาะสมกับจำนวนประชากร การเข้าร่วมประชาคมอาเซียนไม่ใช่การเข้าทำสงคราม แต่เป็นการแข่งขันด้านเศรษฐกิจและทรัพยากรบุคคล ถึงเวลาแล้วที่นายพลที่ว่างงานควรโดนปลดประจำการเพื่อคืนทรัพยากรให้ส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นงบรถยนต์ประจำตำแหน่ง งบค่าน้ำมันฟรี งบตั๋วเครื่องบินฟรี ฯลฯ เพื่อให้งบประมาณโดนจัดสรรเพื่อการวิจัยและพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศในกลุ่มอาเซียน

โดย กานดา ระบุว่า ปัจจุบันกองทัพไทยมีนายพลประมาณ 1,400 คน[6] ส่วนสหรัฐฯซึ่งเป็นมหาอำนาจทางการทหารมีฐานทัพหลายแห่งทั่วโลกกลับมีนายพลทุกเหล่าทัพรวมกันไม่ถึง 1,000 คน[7] เทียบแล้วสหรัฐฯมีจำนวนนายพลเพียง 2 ใน 3 ของจำนวนนายพลไทย สหรัฐฯ มีกำลังพลประมาณ 3 เท่าของกำลังพลของกองทัพไทย เมื่อเปรียบเทียบด้วยจำนวนประชากรแล้ว สหรัฐฯมีประชากรประมาณ 5 เท่าของไทย ดังนั้นสัดส่วนกำลังพลของกองทัพไทยต่อประชากรจึงสูงกว่าสัดส่วนกำลังพลของกองทัพสหรัฐฯเสียอีก
3. ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นใช้วิธีสมัครใจ

ในวงประกายไฟเสวนาหัวข้อ "กระชับพื้นที่กองทัพ ขอคืนพื้นที่ประชาชน" เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 54 จิตรา คชเดช[8] เสนอว่าควรยกเลิก การบังคับชายไทยอายุ 21 ปี เข้าเกณฑ์ทหาร แต่ให้เปลี่ยนเป็นวิธีสมัครใจแทน

เช่นเดียวกับ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล[9] ที่มองว่า การเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องที่ล้าสมัย หลายประเทศทั่วโลกได้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปแล้ว หรือมีการเปลี่ยนแปลงระบบการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ พวกเขาได้เรียนรู้ว่าความเต็มใจที่จะเป็นทหารนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการบังคับ
4. ลดงบประมาณของกองทัพ เอาไปสร้าง 'ความมั่นคงของประชาชน' อย่างสวัสดิการแทน

เมื่อ 28 ก.ย.51 สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) สหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนล และกลุ่มประกายไฟ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมถึงข้อเสนอการเมืองใหม่[10] ขณะนั้น โดยมีข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปกองทัพตอนหนึ่งว่า ควรลดงบประมาณของกองทัพ เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสภาวะสงคราม ดังนั้นไม่จำเป็นต้องนำงบประมาณจำนวนมากไปใช้สำหรับการส่งเสริมแสนยานุภาพของกองทัพ
5. ย้ายค่ายทหารออกจากเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ไปเป็นรั้วของชาติ

ในแถลงการณ์ร่วมถึงข้อเสนอการเมืองใหม่ข้องต้นยังมีข้อเสนอให้ย้ายค่ายทหารออกจากเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวสำหรับสร้างสวนสาธารณะ และศูนย์ฝึกอาชีพให้แก่คนจน
6. ยกสนามกอล์ฟ สนามม้าของกองทัพบก ให้ชุมชนใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะ

จากบทความทุนกองทัพไทย (3) : ที่ดินกองทัพบก ของ กานดา[11] เมื่อวันที่ 1 มิ.ย 58 เสนอว่าสนามกอล์ฟและสนามม้าของกองทัพบกก็ควรยกกรรมสิทธิ์ให้ชุมชนใช้ประโยชน์เพื่อสาธารณะ เช่น ปรับพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะ เพราะการพัฒนาที่ดินไม่ควรเป็นงานของกองทัพโรงเรียนนายร้อยจปร.ไม่ใช่โรงเรียนผลิตนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แต่เป็นโรงเรียนผลิตทหารที่มีหน้าที่ป้องกันประเทศ นอกจากนี้ยุคนี้ไม่มีชาติไหนขี่ม้ารบกันแล้ว ไม่ใช่ยุคอัศวินมีไพร่ในสังกัดไม่ใช่ยุคอัศวินใส่ชุดเกราะขี่ม้ารบกัน ดังนั้นกองทัพบกก็ไม่จำเป็นต้องมีสนามม้าอีกต่อไป
7. ปฏิรูปกระบวนการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์โดยมียุทธศาสตร์ที่แท้จริงรองรับ

สุรชาติ บำรุงสุข เขียนไว้ในบทความ ‘การปฏิรูปกองทัพ : ปัญหาการจัดหายุทโธปกรณ์’[12] เสนอว่าปฏิรูปกระบวนการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์โดยมียุทธศาสตร์ที่แท้จริงรองรับ และขณะเดียวกัน การซื้อก็เกิดจากความต้องการทางยุทธศาสตร์เพื่อตอบสนองต่อโจทย์ความมั่นคงของประเทศในอนาคต ไม่ใช่สนองกระเป๋าของใครในปัจจุบัน
8. ลดภาระงานที่กองทัพทำซ้ำซ้อน เช่น งานบรรเทาสาธารณภัย ควรให้ ปภ. ทำ

เมื่อปี 54 สำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงกลาโหม ก็ได้ดำเนินการจัดทำร่าง "แผนพัฒนาขีดความสามารถกระทรวงกลาโหม ปี 2554-2563"[13] ซึ่งมีการตั้งงบประมาณในภารกิจช่วยเหลือ และบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเป็นงานที่ซ้ำซ้อนกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ควรซ้ำซ้อนทั้งภาระงาน งบประมาณและกำลังพล
9. เป็น ‘ทหารอาชีพ’

ก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย.49 มีการพูดถึงความเป็นทหารอาชีพของทหาร ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือ อย่างที่นักวิชาการรัฐศาสตร์ชาวอเมริกาคนสำคัญอย่าง ฮันติงตั้น (Samuel Phillips Huntington) เขียนไว้ใน The Soldier and the State: The Theory and Politics pf Civil-Military Relations. Cambridge: Harvard University Press. ปี 1957 ซึ่งอ้างถึงในบทความ “ว่าด้วยการแทรกแซงการเมืองของ "ชายบนหลังม้า" ที่เขียนโดย พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ เมื่อปลายปี 49 โดยฮันติงตั้น มองว่า "ความเป็นทหารอาชีพ จะไม่ทำให้ทหารยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะทหารในสังคมสมัยใหม่นั้นเป็นนักเทคนิคในการบริหารจัดการความรุนแรงของรัฐ ซึ่งต่างจากทหารเมื่อสองร้อยปีที่แล้วที่เป็นนักรบรับจ้าง หรือทหารของพระราชา.."

ในขณะที่พิชญ์ เองกลับมองว่า "วิธีคิดของฮันติงตั้นวางอยู่บนความเชื่อที่ว่า "ความเป็นทหารอาชีพ" นั้นมีอยู่แบบเดียวคือต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือเป็นกลางทางการเมืองทั้งที่บ่อยครั้งความเป็นทหารอาชีพต่างหากที่ผลักดันให้ทหารยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเขาจะเชื่อว่าเขาเป็นข้าฯรับใช้ประเทศชาติและองค์อธิปัตย์มากกว่ารัฐบาลที่ปกครองประเทศอยู่" (ดูเพิ่มเติม : 9 สะดุดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตอน 2 : ความสัมพันธ์กับกองทัพ[14])
10. ยุบ บก.สส. และกองกำลังส่วนหน้า

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา กษิต ภิรมย์[15] อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้เสนอให้ปฏิรูปกองทัพด้วย โดยยุบกองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) และกองกำลังส่วนหน้า เพราะเกินความจำเป็นและเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองส่วนนี้จะใหญ่กว่า 3 เหล่าทัพ ส่วนเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน คิดว่าจะพูดถึงแค่ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นนั้นไม่พอ การกระจายอำนาจต้องรวมถึงภาคเอกชน ภาคชุมชนและภาคประชาสังคมด้วย

เหล่านี้เป็นเพียงการรวบรวมข้อเสนอการปฏิรุปกองทัพที่สามารถค้นได้ในอิเตอร์เน็ตทั่วไป แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า สปช. กลับไม่มีข้อเสนอการปฏิรูปกองทัพ ซึ่ง iLaw มองว่า ทั้งๆ ที่เรื่องการปฏิรูปกองทัพ เคยปรากฏอยู่ในข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูป ชุดของอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งในรายงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ระบุว่า คณะกรรมการยังมิได้ศึกษาจนชัดเจน แต่มีหลักการเบื้องต้น 3 ประการ[16] ได้แก่

1. ทหารต้องยอมรับอำนาจสูงสุดในการกำหนดนโยบายแห่งชาติจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

2. ลดภารกิจที่ไม่ใช่กิจการโดยตรงของกองทัพ โดยเฉพาะการเข้ามามีบทบาททางการเมือง

3. ปรับลดขนาด ตำแหน่ง และยุทโธปกรณ์ ที่ไม่จำเป็น แล้วนำทรัพยากรไปทุ่มเทให้กับเพื่อให้กับภารกิจหน้าที่หลักของกองทัพ



[1] เปิดแผน 10 ปีกองทัพผูกพัน "ล้านล้าน" ชงซื้ออาวุธอื้อ http://www.prachatai.com/node/32916/talk

[2] ภัควดี วีระภาสพงษ์, ถ้าข้าพเจ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ข้าพเจ้าจะปฏิรูปกองทัพ http://www.prachatai.com/journal/2015/05/59480

[3] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ปฏิรูปกองทัพ คือสถาปนาอำนาจสูงสุดของพลเรือน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1424680999

[4] คุยกับสุรชาติ บำรุงสุข : 10 โจทย์ใหญ่กว่า ‘โผทหาร’ สำหรับรมว.กลาโหมใหม่ http://www.prachatai.com/journal/2013/07/47604

[5] กานดา นาคน้อย: นายพลว่างงาน http://www.prachatai.com/journal/2014/10/56086

[6] http://www.freedomhouse.org/report/countries-crossroads/2011/thailand#.VEIKUPldWQw

[7] http://truth-out.org/index.php?option=com_k2&view=item&id=5920%3Athe-pentagons-biggest-overrun-way-too-many-generals

[8] เสนอออกกม.ลงโทษผู้ยึดอำนาจรัฐที่มาจากปชช. http://news.voicetv.co.th/thailand/17650.html

[9] เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล, แถลงการณ์ปฏิเสธเกณฑ์ทหาร http://prachatai.org/journal/2015/10/62157

[10] นักศึกษา-แรงงาน เสนอการเมืองใหม่ที่เป็นอิสระจาก "พันธมิตร" ปฏิรูปเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ http://www.prachatai.com/journal/2008/09/18350

[11] กานดา นาคน้อย ทุนกองทัพไทย (3) : ที่ดินกองทัพบก http://www.prachatai.com/journal/2015/06/59565

[12] สุรชาติ บำรุงสุข, การปฏิรูปกองทัพ : ปัญหาการจัดหายุทโธปกรณ์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1437283112

[13] เปิดแผน 10 ปีกองทัพผูกพัน "ล้านล้าน" ชงซื้ออาวุธอื้อ http://www.prachatai.com/node/32916/talk

[14] 9 สะดุดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตอน 2 : ความสัมพันธ์กับกองทัพ http://prachatai3.com/journal/2013/07/47880

[15] "กษิต ภิรมย์" มาเเรง จี้ เร่งปฏิรูปกองทัพ แนะยุบทิ้ง บก.สส.-กองกำลังส่วนหน้า http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1423966926

[16] รายงาน: บทเรียนการปฏิรูปความมั่นคงข้อที่สอง ทั่วโลกกำลังปฏิรูปภาคความมั่นคง http://v-reform.org/v-report/security-reform-lesson-2/

US envoy urges Thai junta to lift curbs on free speech


A student addresses pro-democracy protesters during a rally at Democracy Monument in Bangkok on September 19, 2015.

Source: AFP

Bangkok (AFP) - Washington's envoy to Thailand called on the junta Thursday to reduce its draconian restrictions on free speech and assembly that have stifled debate and dissent in the kingdom since last year's coup.

The relationship between the United States and Thailand -- historically a staunch Washington ally -- has been strained since generals seized power in a coup last year that toppled the democratically elected administration of Yingluck Shinawatra.

The human rights situation has since rapidly deteriorated with critics locked up, exiled or pressured into silence.

Newly appointed US ambassador Glyn T. Davies met with junta leader Prayut Chan-O-Cha on Thursday afternoon, their first since the diplomat took up his posting last month.

Davies said Prayut "spoke at length about his experience and his aspiration for a return to democracy here".

"I for my part... talked about our hopes as a friend of Thailand, our hopes that Thailand would continue on this path, that there would be an opening up of some space for greater public participation in this debate about Thailand’s future," he told reporters.

Public protests and political gatherings are still largely banned in Thailand, while critics are often arrested or hauled in by the military for so-called "attitude adjustment" sessions.

The number of prosecutions under Thailand's controversial and draconian lese majeste law have also skyrocketed, with some suspects sentenced to more than 20 years in jail.


Thailand's lese-majeste suspect Suriyan Sujaritpalawong (C) is escorted by police officer as he arrives at military court in Bangkok, Thailand, October 21, 2015. A Thai military court jailed three people on Wednesday, including an aide to the crown prince, as part of a major probe into a group of people who allegedly falsely claimed links to the monarchy.


Washington has repeatedly called for a swift return to democracy and criticised the coup. But it is also wary about pushing away a regional ally -- particularly towards China's sphere.

Beijing swiftly recognised Prayut's government and has shown no qualms about doing business with it, sending a number of high level military delegations.

Junta spokesman Major General Werachon Sukondhapatipak said Prayut agreed with the ambassador's suggestion that "silent voices" should have more of a say in the country's political future.

"Prayut agreed and will study how to do it," he said.

But on Wednesday Prayut delivered a two-hour long speech in which he lambasted his detractors and vowed to further crackdown on critics.

"We summoned them for attitude adjustment and they just criticise it as a violation of human rights so next time no attitude adjustment, go direct to prison it's easier," he said.

The military says it was forced to seize power to restore order after years of violent street protests.

But critics accuse it of launching a coup to reinforce the political power of the military establishment and the country's largely Bangkok-based royalist elite.


วันศุกร์, ตุลาคม 30, 2558

สุนัย จุลพงศธร : สภาไทยพลัดถิ่น คดีหมอหยองคันฉ่องส่องยุติ­ธรรมไทยพังทะลาย เรียกร้องให้มีการรับผิดชอบ!




https://www.youtube.com/watch?v=fE2rDGZ-UOw&sns=em

Published on Oct 28, 2015
สภาไทยพลัดถิ่น/คดีหมอหยองคันฉ่องส่องยุติ­ธรรมไทยพังทะลาย


คนเสื้อแดง LA นัดแต่งแดงไปพบกันที่ร้านอาหารที่แต่งร้านด้วยสีแดง Chick-a-fil-a 6750 W. Sunset เสาร์ที่31 ต.ค 11 am แสดงพลังสนับสนุนนายกยิ่งลักษณ์





ไทยอีนิวส์ได้รับข่าว...

...

อีกข่าวที่ไทยอีนิวส์ได้รับ




ถ่ายรูปใส่เสื้อแดงวันคุณนวมทอง และสนันสนุนคนรักปชต.ท่ีแสดงพลังสนับสนุนนายกยิ่งลักษณ์ ท่ีทำนโยบายจำนำข้าว15,000/ตันช่วยชาวนา. มันจะดิ้นตายกดหัว ปชช ชาวนา ช่วยพ่อค้า นายทุน. ทำลายโอกาสของชาวนาเกษตรกร. เราต้องรุกขึ้นสู้ครับ. "กูไม่กลัวมึง" เชิญปิดประเทศเลยจะล้มทั้งระบบเลยคอยดูก็แล้วกันไม่ช้านี้จะได้รู้สึก

ส่งได้เลยครับทุกคนต้องคิดว่าเราต้องสู้ทวงคืนสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเราคืนมา ความกลัวกับความกล้า. อยู่ใกล้กันมีเส้นกั้นบางๆครับต้องบังคับใจตัวเองให้เปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้าให้ได้ครับ

ไม่มีอะไรน่ากลัว. เว้นแต่เรากลัวไปเอง คนเราเกิดมาตายครั้งเดียว. เลือกตายอย่าให้เสียชาติเกิดครับ. และเรารุกขึ้นสู้ต้องแน่ใจมั่นใจว่าเราต้องไม่ตายเราต้องชนะเพราะเราเป็นฝ่ายถูกครับ


"จตุพร" วิเคราะห์ จะเกิดอะไรขึ้น หากรวมพลคนใส่เสื้อแดง 1 พ.ย.นี้ + เคลียร์ข้อกล่าวหา "ทิ้งมวลชนให้ติดคุก-จำนนเผด็จการ คสช."




https://www.youtube.com/watch?v=peHpC26OW6A

"จตุพร" วิเคราะห์ จะเกิดอะไรขึ้น หากรวมพลคนใส่เสื้อแดง 1 พ.ย.นี้

jom voice

Published on Oct 29, 2015
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแ­ห่งชาติ หรือ นปช. ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia กรณีข้อขัดแย้งในหมู่มวลชนคนเสื้อแดงเกี่ย­วกับการนัดใส่เสื้อแดงเพื่อแสดงออกเชิงสัญ­ญลักษณ์ต่อต้าน คสช.และเพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 1 พย.นี้ว่า ตนไม่ได้ห้ามใส่เสื้อแดง ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพราะในชีวิตประจำวันคนเสื้อแดงก็ใส่สีแดง­กันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ที่ต้องเตือนเพราะมีการปล่อยข่าวเชิญชว­น นัดแนะให้ใส่เสื้อแดงกัน โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนนัด จึงเตือนให้ระวังเพราะตั้งแต่ นปช.สู้กับฝ่ายเผด็จการนั้นได้รับบทเรียนม­าตลอดว่า มีความพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อโยนความผิ­ดให้กับคนเสื้อแดง และครั้งนี้ก็เช่นกันมีการประโคมข่าวผ่านก­ารให้สัมภาษณ์ จาก พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อยไปจนถึง พล.อ.ประวิตร ซึ่งสอดคล้องต้องกันจนทำให้ต้องออกมาเตือน­กัน ดังนั้น คนเสื้อแดงในขบวน นปช.จะต้องไม่ตกเป็นเหยื่ออีก เพราะ ขบวนการคนเสือ้แดง คือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยืดอายุของรัฐบาล คสช.

...





https://www.youtube.com/watch?v=HRWEq5EyPE8

"จตุพร"ทุบโต๊ะ เคลียร์ข้อกล่าวหา "ทิ้งมวลชนให้ติดคุก-จำนนเผด็จการ คสช."

jom voice

Published on Oct 30, 2015
นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแ­ห่งชาติ หรือ นปช. ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia กรณีข้อวิพากษ์วิจารณ์ แกนนำนปช.ในกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงและในโลกโ­ซเชียลมีเดียว่า คนที่วิจารณ์ไม่อยู่ในฐานะที่ต้องรับผิดชอ­บต่อขบวนการ และที่ผ่่านมาคนเหล่านี้เคลื่อนไหวเป็นอิส­ระไม่ได้ร่วมใน นปช.อยู่แล้ว แต่ยืนยัน แกนนำ นปช.ทุกคนซึ่งถูกดำเนินคดีในหลายข้อหาขณะน­ี้ ยังไม่ยอมจำนน หรือ สงบยอมกับเผด็จการคสช.แต่ด้วยเงื่อนไขที่อ­ยู่ระหว่างการประกันตัวของศาลหรือ เงือนไข คสช.ทุกคนจึงยังมีข้อจำกัดอยู่ แต่ทุกคนก็สู้ไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งการออกสื่อผ่านทาง พีชทีวี.หรือ ยูทูป และข้อวิจารณ์ที่ว่า ทิ้งคนเสื้อแดงให้ติดคุกนั้น นปช.ก็มอบหมายส่งตัวแทนไปให้กำลังใจและช่ว­ยเหลือเท่าที่กำลังจะช่วยได้ และไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้­ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำด้วย สถานการณ์ตอนนี้ สิ่งที่ทำได้คือการอดทน รอคอย ซึ่งอีกไม่นานหนังเรื่องนี้ก็จะถึงตอนจบแล­้ว เพราะปรอทกำลังจะถึงจุดแตกหักแล้ว แต่จะเป็นอย่างไร เมื่อไหร่นั้นยังตอบไม่ได้



ตกลงที่อภิปรายให้แม่น้ำห้าสายฟังว่า “จะปิดประเทศ” น่ะ ทั่นขอตระบัดใหม่ ครือ...ไม่ได้ตั้งใจจะปิดจริง บังเอิญมันเป็นของธรรมดาที่ปากพาไปเป็นประจำ เพียงจะขู่แกนนำเสื้อแดง





ตกลงที่อภิปรายให้แม่น้ำห้าสายฟังว่า “จะปิดประเทศ” น่ะ ทั่นขอตระบัดใหม่

‘บิ๊กป้อม’ พี่ใหญ่ทีมเสืออิ่ม แก้แทนว่าทั่นหัวหน้าแค่บอกว่า

“ถ้าไม่สงบ มีการบาดเจ็บล้มตาย เลือกตั้งไม่ได้ ไม่เป็นไปตามโรดแมพ ไม่ปรองดอง ก็จะเอาไงก็เอา ท่านนายกฯหมายถึงอย่างนี้”

นั่นตามรายงาน Wassana Nanuam ส่วนที่ 'ยกทัพข่าวเช้า PPtv HD36' ถอดคำไว้ ดังนี้

“เขียนกันทุกวันว่าผมอยากอยู่ในอำนาจ หรืออยากอยู่ต่อ หากไม่สงบเรียบร้อยผมก็ต้องอยู่ เอางี้ไหมพูดกันให้รู้เรื่องสักที อยู่ที่ท่านนั้นแหละหากไม่เลิกกัน ก็อยู่กันอย่างนี้ ปิดประเทศก็ปิดกันไป ซึ่งผมไม่ได้ท้าทาย หากจะเอาประชาชนมา แกนนำจะโดนก่อน คนพูดมากๆ โดนก่อนหมด ผมมีอำนาจของผมอยู่”



ครือ...ไม่ได้ตั้งใจจะปิดจริง บังเอิญมันเป็นของธรรมดาที่ปากพาไปเป็นประจำ เพียงจะขู่แกนนำเสื้อแดงว่าถ้ายังขืนพาพรรคพวกใส่สีแดงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ให้กำลังใจยิ่งลักษณ์ละก็ มีหวัง

แต่ในเมื่อทั้งจจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ก็ออกมาโวยใหญ่ “ไม่ได้สั่ง” ก็ต้องยังไม่แดงทั้งแผ่นดินแน่

แถมอดีตนายกฯ ผู้น่ารักน่าสงสาร ยืนยันซ้ำ “ขอให้คำนึงถึงคำสั่ง คสช. เพื่อความมั่นคง” และ “เราอยากให้บ้านเมืองเกิดความสงบ” แล้วละก็




ถ้อยคำตะหานหาญพลิกผันได้ พูดผิด พูดพล่อย พูดไม่ค่อยตรงความจริง ก็เปลี่ยนเสียใหม่ให้น่าดู ไม่มีอะไรที่ตะหานไทยทำไม่ได้

อย่างที่บอกว่า “ประเทศไทยเป็นอย่างนี้มาโดยตลอด มันมีการปฏิวัติรัฐประหารมาตลอดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ผมถามหน่อยมีรัฐธรรมนูญฉบับไหนบ้าง ไม่ได้มาจากการปฏิวัติ”




ก็ต้องให้ ‪#‎มิตรสหายท่านหนึ่ง‬ มาตอบซะว่า “ฉบับปี ๒๕๔๐ ไง ว้ายๆๆๆๆ แค่นี้ก็ไม่รู้” (จาก 'วิวาทะ V2') ก๊อ แค่นั้น

เนี่ยแหละ สงสัยเรามาถึงจุดที่คณะยึดอำนาจต้องกลับมาใช้อาการ ‘กรรโชก’ กลบเกลื่อนปมด้อยด้านบริหารเศรษฐกิจเสียหน่อย ในเมื่อยังมีเสียงพูดกันไม่หยุดว่า ‘สมคิด’ เห็นท่าจะไม่รอดอีกแระ

อย่างเช่นรายหนึ่งผู้ใช้นาม ‘สมหยัด™ @Good_day_m8’ โพสต์คำขวัญใหม่ “ทักษินคิด อภิสิทธิ์ค้าน ยิ่งลักษณ์สาน สุเทพต้าน ทหารทำแพงระยำ แถมห่วยกว่าเดิมทุกโครงการ”

หลังสุดนี่ “กรณีธนาคารโลกปรับลดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของไทย จากอันดับที่ ๔๖ เป็นอันดับที่ ๔๙”

“ระบุว่าไทยยังมีปัญหาเรื่องภาษีซ้ำซ้อน ยุ่งยาก ต้นทุนการนำเข้าส่งออกสูง การขอใบอนุญาตตั้งโรงงานใช้เวลานาน การอนุมัติทางสิ่งแวดล้อมซ้ำซ้อนและช้า รวมทั้งกฎหมายต่างๆ ยังเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน”

(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1446164605)

นั้น ทั่นปลัดคลัง สมชัย สัจจพงษ์ แก้ต่างว่า “ข้อมูลที่ใช้ประเมิน เป็นข้อมูลก่อนการเข้ามาทำงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี”

นี่ไม่ได้ผลักความผิดไปให้รัฐบาลที่แล้วเท่านั้นนะ แต่ว่ายกความชั่วให้แก่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนก่อน ภายใต้ ‘junta boss’ คนเดียวกันนี่แหละ อีกด้วย

อีกทั้ง “ในการขอข้อมูลเพื่อทำการประเมินของธนาคารโลกไม่ได้ถามจากผู้ประกอบการโดยตรง แต่ถามจากฝ่ายกฎหมาย จึงมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนบ้าง”

ปุดโถทั่นปลัดฯ ถึงข้อมูลจะคลาดเคลื่อนบ้าง ระดับธนาคารโลกเขาคงไม่วิเคราะห์ภาวะการณ์ผิดพลาดได้เหมือนแบบไทยๆ หรอกนะ

แล้วเรื่องสี่สมาชิก WTO องค์การค้าโลก ‘สหรัฐ-อียู-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์’ จี้ไทยให้ชี้แจงปัญหาเปลี่ยนฉลากเหล้า-บุหรี่โดยพลการ ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าตามข้อผูกมัดกับองค์การ

ทั้งนี้ สี่สมาชิกดังกล่าวทวงถามว่า “๑) มีการแจ้งผู้ประกอบการล่วงหน้าอย่างชัดเจนหรือไม่ ๒) มีการเว้นระยะเวลาให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัวหรือไม่ และ ๓) ขอให้ไทยชี้แจงประเด็นที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้เผยแพร่ส่วนผสมในสินค้า”

ข้อสามนี่ผลักภาระไปให้ใครไม่ได้เสียด้วย กรูซวยเอง

อีกเรื่อง “สอบถามรัฐบาลไทยในประเด็นการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวของอดีตรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...




โดยในประเด็นนี้ข้อกังวลของประเทศสมาชิก WTO ก็คือ การรับจำนำข้าวได้ก่อให้เกิดสต๊อกข้าวสารเก่าของรัฐบาลไทยเป็นจำนวนมาก และอาจส่งผลต่อราคาข้าวในตลาดโลก”

ซึ่ง นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ สภาหอการค้าไทย บอกว่า

“ประเด็นจำนำข้าวน่ากังวลมากกว่าเรื่องฉลาก เพราะเป็นนโยบายของอดีตรัฐบาล เป็นนโยบายที่ขัดต่อหลักการเรื่องการอุดหนุนใน WTO”

(http://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1446106256)

นี่ประเภท ‘ปัดสวะพ้นตัว’ หรือ ‘เอาชั่วให้คนอื่น’ กันแน่

ในเมื่อการทำธุรกรรมในแวดวงนานาชาตินั้นน่ะ ไม่ว่ารัฐบาลไหนย่อมเป็นตัวแทนของประเทศนั้นเหมือนกันหมด

ไม่เช่นนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะไม่มีโอกาสสวมรอยรับชอบนโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้า และลอยตากระพริบถี่ยิบในที่ประชุมชาติพัฒนาระบบสื่อสารดิจิทอลได้หรอก

ยังไม่หมด แล้วเรื่องปิดหีบงบประมาณปี ๒๕๕๘ ล่ะว่าไง

“ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ ๒,๒๐๗,๔๗๖ ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณไป ๑๑๗,๕๒๔ ล้านบาท หรือ ๕.๑%”

ปลัดคลังคนเดิม “หวังว่ามาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจในไตรมาส ๔ ปีนี้ ‘ผงกหัว’ ขึ้นได้”

ขณะที่ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หวังว่า การนำระบบการชำระเงินภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) และการผลักดันให้ผู้ประกอบการทำบัญชีเดียว มาใช้

“จะทำให้มีรายได้ส่วนเกินเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ เพราะจะช่วยขยายฐานภาษีได้มาก”

(http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1445919366)

ไม่แน่ใจว่านี่เป็นอันเดียวกับที่ชาวบ้านกำลังบ่นกันหนาหูว่า รัฐบาลลุงตู่คิดจะรีดเลือดปู (เล็กปูน้อย) เพิ่มยิ่งขึ้น นอกเหนือจากพยายามจะรีดเลือดปูยักษ์ ยิ่งลักษณ์ ก้อนใหญ่ อยู่หลัดๆ ขณะนี้


คลิบตลก ขำ ฮา ข่าว บรรเทิง : นายก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขู่แกนนำแดง ลั่นพร้อมปิดประเทศ





ถ้ามีเหตุขัดข้อง กรุณาดูผ่าน youtube
https://www.youtube.com/watch?v=a4c62DY2Ch8
คลิบตลก ขำ ฮา ข่าว บรรเทิง

Published on Oct 28, 2015

ปิดประเทศ ประกาศลั่น ถ้า ทุกอย่าง ยังไม่สงบ ท่านประยุทธกล่าว

...

เรื่องปิดประเทศ เป็นเรื่องสำคัญ ทันทีทีมีข่าวออกไป นักลงทุนก็เริ่มไม่มั่นใจ นักธุระกิจส่งออกก็ต้องคิดหาทางรับมือ ยังมีหน้ามาบอกว่าอย่าคิดมาก

ข่าวจากทวิตเตอร์

...

ประโยคยอดฮิต... จาก ประชาไท

ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ให้คนที่ฉลาดกว่ามาแก้ครับ ไม่ใช่ปิดประเทศ




ปรบมือสิครับ รออะไร “Freedom House” จัดอันดับเสรีภาพทางเน็ตและเสรีภาพสื่อ ไทยสอบตก คะแนนห่วยกว่าปีที่แล้วตามคาด





ปรบมือสิครับ รออะไร “Freedom House” จัดอันดับเสรีภาพทางเน็ตและเสรีภาพสื่อ ไทยสอบตกทั้งสองด้าน คะแนนห่วยกว่าปีที่แล้วตามคาด “NOT FREE” จากประเทศคะแนนห่วยสุดที่ 80 กว่า เราอยู่ที่ 60 กว่า (คะแนนยิ่งมากยิ่งไม่ดี) เกาะกลุ่มเหนียวแน่นมากกับประเทศเกสตาโปอย่างรัสเซีย จีน เวียดนาม พม่า ในบรรดาสมาชิกดั้งเดิมของ ASEAN ไม่นับเวียดนาม เราเป็นประเทศเดียวที่ติดกลุ่มประเทศ “สีม่วง” พวกบัวใต้น้ำขาดอากาศหายใจ

เขาใช้เกณฑ์ใหญ่ ๆ อย่างศาลทหารลงโทษคนโพสต์ facebook 60 และ 56 ปี (ลดโทษเหลือ 30 และ 28 ปีตามลำดับ) สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกไม่ได้บอกนิว่า เขียนอะไรได้หรือไม่ได้ ในสายตาชาวโลก มนุษย์เราไม่ควรถูกห้ามแสดงความเห็นไม่ว่าเรื่องใด แต่ถึงมีข้อห้าม การจำคุกคนเพราะการแสดงความเห็นนานกว่าฆาตกรที่ฆ่าคนตาย มีใครเขารับได้บ้าง? การเรียกคนไปรายงานตัวและปรับทัศนคติ 400 กว่าคนก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรารั้งอันดับ “The sick man of ASEAN” ได้อย่างเหนียวแน่น ถ้าไม่นับกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ และ #SingleGatewayสถานการณ์ด้านเสรีภาพของเราถดถอยหมดทุกด้าน

ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ VOA ตอนได้ไปอเมริกา (น่าจะเป็นสื่อต่างประเทศสื่อเดียวที่สัมภาษณ์เขานะ) และบอกว่า “ที่ผ่านมา ตนอนุญาตให้มีเสรีภาพด้านการแสดงความคิดเห็นในระดับมากพอสมควรแล้ว และไม่เคยปิดกั้น” แสดงว่า Freedom House เขาไม่เชื่อท่าน จบนะ

https://freedomhouse.org/report/freedom-net/2015/thailand

http://www.voathai.com/content/interview-thai-pm-29sep15/2985231.html

ที่มา FB
Pipob Udomittipong

แค่ใส่เสื้อแดงวันอาทิตย์ ก็จะปิดประเทศซะแล้ว?




แค่ใส่เสื้อแดงวันอาทิตย์ ก็จะปิดประเทศซะแล้ว?

แค่มีคนนัดใส่เสื้อแดง ทหารก็เต้นแร้ง สะดุ้งจนเรือนไหว ออกมาปรามออกมาขู่นั่นขู่นี่ ทั้งที่รู้ว่าห้ามไม่ได้ แล้วจะพูดทำไม ปิดปากเสียแต่แรกก็ไม่มีอะไร บอกใครอยากใส่ก็ใส่ไป คนทั่วไปเขาใส่เสื้อแดงตั้งเยอะไม่ได้แปลว่าจะเชียร์ยิ่งลักษณ์กันหมด

แต่นี่มัน "กลัวประชาชน" ไงครับ เลยทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ความหมายของการใส่เสื้อแดงวันอาทิตย์นี้เปลี่ยนไป คือไม่ใช่ใส่ให้ "อีปู" แต่ใส่เพื่อบอกว่า "กูไม่กลัวมึง" กลายเป็นเรื่องสิทธิเสรี ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีอย่างที่ไหน แค่เสื้อก็จะบังคับว่าใส่สีนั้นสีนี้ไม่ได้

คนที่ห้ามประชาชนใส่เสื้อแดงได้ มีแต่ควาย!!! (เพราะมันจะขวิดเอา 555)


Atukkit Sawangsuk


ooo

แค่เสื้อก็สะดุ้ง? คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ที่มา ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ไม่รู้ใครในโลกออนไลน์ชักชวนใส่เสื้อแดงให้กำลังใจอดีตนายกฯปู วันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย. ไม่รู้จริงๆ เพราะไม่ได้สนใจ จนโฆษกไก่อูออกมาติง "เหมาะสมหรือไม่" ตามด้วยรองนายกฯ "ขอร้อง" อย่าใส่เลย แต่ถ้านัดกันใส่คนที่ทำและเป็นแกนนำต้องรับผิดชอบ เพราะมี "กฎหมาย" อยู่

กฎหมายฉบับไหนไม่ทราบห้ามใส่เสื้อสีแดงวันอาทิตย์ วิถีชีวิตคนไทย ซึ่งอันที่จริงใส่วันไหนก็ไม่ผิด ถ้าใส่เฉยๆ ไม่ได้ม็อบปิดถนนปิดสถานที่ราชการ ต่อให้นัดกันใส่เสื้อแดงไปเที่ยวห้าง ไปดูหนัง ไปทอดกฐิน ฯลฯ ก็ไม่ผิดตรงไหน เว้นแต่จะใช้ ม.44 ออกคำสั่งคสช.เป็นกฎหมาย ห้ามคนไทย 70 ล้านคนใส่เสื้อแดงวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งท่านก็รู้ว่า "เกินไป"

พูดอย่างนี้ไม่ได้ชวนใส่เสื้อแดง "ท้าทาย" แต่จะบอกว่าผู้มีอำนาจต่างหากทำให้การใส่เสื้อแดงวันอาทิตย์ "จุดติด" จนเป็น "ประเด็นท้าทาย" เพราะถ้าทำเฉยเสีย บอกไม่เห็นเป็นไร ชาวบ้านทั่วไปก็ใส่ไม่เกี่ยวอะไรกับยิ่งลักษณ์ ฯลฯ กระแสก็คงซาไป

แต่พอพวกท่านพูดอย่างนี้ พอมีข่าวทหารเรียกแกนนำเข้าค่าย พอนายกฯ ขึงขัง อยากใส่ก็ใส่ไป แต่มีเรื่องเมื่อไหร่จับติดคุกหมด ความหมายของการใส่เสื้อแดงวันที่ 1 ก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ไม่ใช่ใส่เพื่อให้กำลังใจยิ่งลักษณ์แล้ว แต่กลายเป็น "สิทธิเสรีและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์"

ในเรื่องเล็กๆ เท่านั้นเองนะครับ เรื่องเล็กๆ แค่ใส่เสื้อแดงวันอาทิตย์ สิทธิเสรีในการแต่งกาย ใครอยากใส่สีไหนก็ย่อมได้ แต่ทำไมยุคนี้สมัยนี้ "รัฏฐาธิปัตย์" ปรามไม่อยากให้ใส่ บอกไม่ให้ชุมนุมไม่ให้ต่อต้านยังทนไหว

พูดภาษาวัยรุ่นคือ ใครเคยใส่เสื้อแดงทุกอาทิตย์ ถ้าวันที่ 1 ไม่กล้าใส่ก็จะอึดอัดคับข้อง เพื่อนล้อแย่เลย "กลัวใช่ไหมล่ะ กลัวจนหัวหด" (ต้องแก้ตัวว่าวันนี้จะไปเที่ยวท้องนา กลัวควายขวิด)

เห็นไหมว่ามันเลยเถิดไปแล้ว ไปทำให้คนเกิดแรงฮึด ทั้งที่ปล่อยวางเสียบ้างก็ได้

อ้าวแต่นี่ท่านก็สั่งกระทรวงศึกษาฯไปดูอาจารย์ที่พูดเชิงต่อต้าน ว่าสอนให้คนขัดแย้ง สังคมก็ไปไม่ได้ ต้องสอนให้เคารพกฎหมาย

"กฎหมาย" อีกแล้ว แต่วันเดียวกันท่านก็บอกว่าท่านเป็นรัฏฐาธิปัตย์ห้ามขัดคำสั่ง คสช.ซึ่งถือเป็น "กฎหมาย"

ผู้นำประเทศกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เข้าใจว่าใครเห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วยกับท่านทุกอย่าง ใครเห็นต่างก็ไปด้วยกันไม่ได้ ถ้าคนไทยเชื่อว่าท่านเป็นคนดีคนซื่อ ตั้งใจทำเพื่อชาติบ้านเมือง ก็อย่าเพิ่งมีประชาธิปไตย และประชาธิปไตยต้องเป็นอย่างที่ท่านกำหนดไว้คือ สามัคคี ไม่คิดต่าง ค่านิยม 12 ประการ อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย (พร้อมลายเซ็น)

ประชาธิปไตยไม่ใช่โรงเรียนทหารนะครับ จะได้สอนคนไม่ให้คิดต่าง

ทหารรักชาติบ้านเมือง ไม่เถียง แต่ประชาชนก็รักชาติเหมือนกัน ความแตกต่างคือทหารไม่เข้าใจความเห็นต่าง เห็นเป็นอันตราย ต้อง "ปรับทัศนคติ" ให้คิดเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าแม้แต่คนเห็นต่าง ที่จริงก็เห็นต่างๆๆๆ กันไปอีก

อย่างเรื่องเสื้อแดงวัน อาทิตย์ ถ้าใส่ ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนเชียร์ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ เพียงแต่บางคนอาจเห็นว่า "ไม่ยุติธรรม" ทั้งที่ไม่เห็นด้วยกับจำนำข้าว บางคนเพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ทั้งที่เขาไม่ได้มองทหารแง่ร้าย แค่ไม่ชอบใจไม่มีเสรีภาพ หรือบางคนก็ถูกกระทบ "ต่อมศักดิ์ศรี" อย่างน้อยต้องใส่ไปเดินปากซอยซัก 10 นาที

หรือคนที่ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยเลยแต่เคยใส่ เสื้อสีแดงเป็นปกติ อาทิตย์นี้ไม่กล้าใส่ คงก่นในใจอยู่เหมือนกัน

รัฐบาลคสช. อยู่ในช่วง "หัวเลี้ยวหัวต่อ" ที่คิดว่าต้องกระชับอำนาจ ต้องเร่งจัดการปัญหาต่างๆ ทั้งที่ไม่อยู่ในสถานะ "ชอบธรรม" ประเด็นอ่อนไหวคือศิลปะในการจัดการคนเห็นต่าง สะดุ้งกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่เปิดพื้นที่ปล่อยวาง ก็น่ากังวล

ooo

นายก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขู่แกนนำแดง ลั่นพร้อมปิดประเทศ




ถ้ามีเหตุขัดข้อง กรุณาดูผ่าน youtube
https://www.youtube.com/watch?v=a4c62DY2Ch8


ข่าวเกี่ยวข้อง...

ข่าวกอท.เสรีไทย:30ตค.58

•ฟังสส.สุนัยวิเคราะห์'ยุดเหล่'ปากพล่อยประกาศกลางสภาจะปิดประเทศคือสัญญานบอกให้รู้ว่ารัฐบาลเผด็จการเข้าตาจนหมดข้ออ้างจะต่ออายุอำนาจแล้ว
*ประชาชนร้องเรียนผ่านรายการ 'เกาะติดคิดทันข่าว' ,โครงการขอคืนผืนป่าคือการแบะท่าให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้กับทหารนำไปหาแดก(29ตค.2015)




ทูตสหรัฐ กลิน ทาว์นเซนต์ เดวี่ส์ หารือบิ๊กตู่ เกือบ2ชม. หวังไทยกลับสู่ปชต.-เปิดพื้นที่แสดงความเห็นมากขึ้น จากนั้นให้สัมภาษณ์สื่อ แบบ เต็ม ๆ




ทูตสหรัฐหารือบิ๊กตู่ เกือบ2ชม. หวังไทยกลับสู่ปชต.-เปิดพื้นที่แสดงความเห็นมากขึ้น

ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

29 ต.ค.58 นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เดินทางมาที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าเยี่ยมคาราวะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากเข้าทำหน้าที่ประจำประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ นายกลิน ได้เข้าพบนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาแล้ว

โดย นายกลิน ใช้เวลาเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี นานกว่า1ชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินมาส่งนายกลินที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า

ทั้งนี้ นายกลิน ให้สัมภาษณ์ว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เวลาในการพูดคุยกับตนมาก วันนี้คุยกันหลายประเด็นทั้งด้านสาธารณสุข ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ขณะที่เรื่องการเมือง เกี่ยวกับโรดแมปและประชาธิปไตย ก็ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน โดยสิ่งสำคัญในลำดับแรกที่ต้องทำในปีนี้คือการการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งมีภาคเอกชนของสหรัฐฯเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก

เอกอัครราชทูตสหรัฐ ยืนยันว่าแนวคิดของสหรัฐที่มีต่อไทยไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ก็หวังให้ไทยเดินตามโรดแมปกลับสู่ประชาธิปไตย และอยากให้ไทยเปิดพื้นที่ให้มีการแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมทางการเมืองให้กว้างมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างให้ประชาธิปไตยยั่งยืน

นอกจากนี้ นายกลิน ยังกล่าวด้วยว่ามีแผนที่จะเดินทางไปจังหวัดต่างๆ เพื่อพบปะพูดคุยกับประชาชนคนไทย





สหรัฐ-อียูเปิดศึกไทยขัดWTO ซักปมเหล้า-บุหรี่ยัน"จำนำข้าว"




ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

updated: 29 ต.ค. 2558

พาณิชย์รับเผือกร้อน 4 ประเทศ "สหรัฐ-อียู-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์" ใช้เวทีทบทวนนโยบายการค้า WTO จี้ไทยแจงกรณีเปลี่ยนฉลากเหล้า-บุหรี่ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำผู้ผลิตเสียหาย แถมพ่วงข้อกล่าวหาจำนำข้าว ทำราคาตลาดโลกดิ่ง หวั่นถูกฟ้องใน WTO

น.ส.ศิรินารถ ใจมั่น อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายนนี้ องค์การการค้าโลก (WTO) จะมีการประชุมเพื่อทบทวนนโยบายการค้า (Trade Policy Review) ในหัวข้อการติดตามตรวจสอบนโยบายและกฎหมายการลงทุนของประเทศสมาชิก สำหรับไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา มีกำหนดทบทวนทุก ๆ 4 ปี ส่วนประเทศพัฒนาแล้วมีกำหนดทบทวนทุก 2 ปี และประเทศด้อยพัฒนามีกำหนดทบทวนทุก ๆ 6 ปี

ในส่วนของประเทศไทยจะมี การจัดทำรายงานนโยบายและกฎหมายการลงทุนออกมา 2 ฉบับ ฉบับแรกจัดทำโดยฝ่ายเลขานุการ WTO กับอีกฉบับจัดทำโดยรัฐบาลไทย รายงานทั้ง 2 ฉบับได้ถูกส่งให้กับประเทศสมาชิก WTO ศึกษา และถามคำถามเกี่ยวกับนโยบาย-การลงทุน-กฎหมาย ที่สมาชิกประเทศอื่น ๆ เห็นว่ายังเป็นอุปสรรค หรือข้อกีดกันทางการค้าอยู่

"ตามหลักแล้ว สมาชิก WTO จะต้องมีนโยบายการค้าเสรีตามความตกลง GATT ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปิดตลาด กฎระเบียบทางการค้าต่าง ๆ รวมถึงการอุดหนุนภาคเกษตร การอุดหนุนส่งออก หากสมาชิก WTO สงสัยว่าการใช้นโยบายการค้าของประเทศใดประเทศหนึ่งอาจขัดต่อหลักการค้าเสรี ของ WTO ประเทศสมาชิกนั้นก็จะมีการสอบถามเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน และเปิดโอกาสให้ประเทศที่ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นกฎเกณฑ์ที่ เกิดขึ้น และอาจจะถูกนำไปสู่กระบวนการร้องเรียนในการระงับข้อพิพาทได้"

นางสาวศิรินารถกล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยปีนี้จะมีการสอบถามหลายประเด็นในเรื่องเกี่ยวกับนโยบาย เศรษฐกิจย้อนหลังไปเมื่อ 4 ปีก่อน โดยประเด็นที่มีสมาชิก WTO ให้ความสำคัญมากที่สุดเป็นกรณีที่ประเทศสมาชิก WTO 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ-สหภาพยุโรป-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ได้ "สอบถาม" ถึงการที่รัฐบาลไทยมีนโยบายให้ปรับเปลี่ยนฉลากบนบรรจุภัณฑ์ ที่รัฐบาลประกาศใช้ใหม่ว่า

1) มีการแจ้งผู้ประกอบการล่วงหน้าอย่างชัดเจนหรือไม่ 2) มีการเว้นระยะเวลาให้ผู้ประกอบการได้ปรับตัวหรือไม่ และ 3) ขอให้ไทยชี้แจงประเด็นที่กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้เผยแพร่ส่วนผสมในสินค้ายา "ทางกรมเจรจาการค้าฯได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมข้อมูลเพื่อนำไปประกอบการชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว น่าจะสามารถทำความเข้าใจกับสมาชิก WTO ทั้ง 4 ประเทศได้" น.ส.ศิรินารถกล่าว

นอกจากนี้ประเทศสมาชิก WTO ยังได้แจ้งผ่านคณะกรรมการเกษตร WTO เพื่อสอบถามรัฐบาลไทยในประเด็นการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวของอดีตรัฐบาลยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตรด้วย โดยในประเด็นนี้ข้อกังวลของประเทศสมาชิก WTO ก็คือ การรับจำนำข้าวได้ก่อให้เกิดสต๊อกข้าวสารเก่าของรัฐบาลไทยเป็นจำนวนมาก และอาจส่งผลต่อราคาข้าวในตลาดโลก ดังนั้นจะมีคำถามถึงฝ่ายไทยว่า รัฐบาลไทยมีแนวทางดำเนินการอย่างไร โดยฝ่ายไทยต้องชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการสต๊อกข้าว ซึ่งรัฐบาลไทยได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า "ไทยไม่มีเจตนาที่จะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลง" เพราะรัฐบาลไทยไม่ได้จะดัมพ์ข้าวออกมา แต่ใช้วิธีการบริหารจัดการสต๊อก แยกข้าวเสียไปใช้ในอุตสาหกรรม "หากไทยบริหารจัดการสต๊อกได้ ไม่กระทบต่อราคาตลาดก็ไม่มีปัญหา"

ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หากจะมีสมาชิก WTO ประเทศใดสอบถามขึ้นมา กรมเจรจาการค้าฯเชื่อว่า คงเน้นไปที่การขอให้ไทยเปิดเสรีมากขึ้น การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น หรือเปิดเสรีในบางสาขา เพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถเข้ามาลงทุนได้ สำหรับประเด็นนี้ไทยได้เตรียมคำตอบไว้ว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ความรอบคอบ เพราะมีทั้งผู้มีส่วนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์

"กระบวนการหลังจากที่ผู้แทนไทยได้ตอบคำถามสมาชิกแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่า ประเทศผู้ร้องเรียน (ผู้ถาม) จะพิจารณาคำตอบของเราอย่างไร ส่วนการยื่นฟ้องต่อ WTO หรือไม่นั้น ถือเป็นสิทธิ์ของประเทศสมาชิก WTO แต่ละประเทศ" น.ส.ศิรินารถกล่าว

มีรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เข้ามาว่า ประเด็นเรื่องการปรับเปลี่ยนฉลากบรรจุภัณฑ์ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ "ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจมากที่สุด"

เพราะสมาชิกทั้ง สหรัฐ-สหภาพยุโรป- ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์กล่าวหาว่า รัฐบาลไทยแจ้งให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนฉลากล่วงหน้าเพียงแค่ 10 กว่าวันก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ และไม่ได้แจ้งชัดเจนว่าต้องระบุข้อมูลอะไรลงไปในฉลากรูปแบบใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการปรับตัวไม่ทัน เพราะมีบางรายส่งสินค้าลงเรือมาแล้ว ทำให้เกิดความเสียหายและมีต้นทุนมากขึ้น ซึ่งหากไทยชี้แจงประเด็นนี้ไปแล้ว แต่ประเทศผู้กล่าวหาทั้ง 4 ประเทศยังไม่พอใจ ก็อาจยื่นฟ้องต่อ WTO ได้

ด้านนายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาความตกลงระหว่างประเทศ สภาหอการค้าไทย กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการติดฉลากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ถือเป็นสิทธิ์ที่รัฐบาลไทยสามารถทำได้ เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพของประชาชน ซึ่งประเด็นนี้เอกชนไม่สามารถจะนำมาเป็นเหตุฟ้องรัฐบาลได้ ตามหลักการ Investor State Dispute Settlement (ISDS) ซึ่งเป็นหลักการที่อยู่ภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศหลาย ๆ ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ซึ่งมีสหรัฐเป็นแกนนำ และน่าจะเป็นบรรทัดฐานของเรื่องนี้ หรือความตกลง FTA ไทย-อียู หรือความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน (RCEP) ต่างก็ให้การยอมรับเรื่องของสุขภาพประชาชนเช่นกัน

"คิดว่าประเด็นจำนำข้าวน่ากังวลมากกว่าเรื่องฉลาก เพราะเป็นนโยบายของอดีตรัฐบาล เป็นนโยบายที่ขัดต่อหลักการเรื่องการอุดหนุนใน WTO ซึ่งก่อนหน้านี้สหภาพยุโรปเคยใช้นโยบายลักษณะนี้มาแล้ว และต้องยกเลิกไปในที่สุด" นายบัณฑูรกล่าว


เทพจร




เทพจร

เทพจรลงเท้าอย่างเขาว่า
ภูชี้ฟ้าเพิ่งเหนื่อยเมื่อยไม่หาย
เตรียมตัวต่อแจแปนแสนวุ่นวาย
ถ่ายของย้ายกระเป๋าเอาไปลุย

ไหนของใช้เสื้อผ้าอีกยาร่วม
กระเป๋าท่วมเผื่อขาดมิอาจชุ่ย
อีกทั้งกล้องคู่กายถ่ายกระจุย
ตุงจนตุ่ยตะลุยทัวร์อย่ามัวรอ

ยามสังขารยังไหวใจยังพร้อม
อย่ารอหง่อมหมดสิทธิติดไขข้อ
ทั้งชีวิตทุ่มงานจนหลังงอ
อย่าให้หมอสูบเลือดเชือดค่ายา

ท่องโลกกว้างให้ทั่วอย่ามัวเขียม
โลกยังเปี่ยมศิวิไลซ์ให้ศึกษา
ขืนเจ่าจุกซุกมุมคลุมกะลา
ถึงวันหมาปิดประเทศสังเวชแทน.

สุขุม สมหวัง ยังวัน



ใกล้วันที่ ๑ พฤศจิกายน ที่คนเสื้อแดงจะนัดกันใส่เสื้อแล้ว น่าตื่นเต้นทีเดียว เพราะถือว่า เป็นการนัดแสดงเอกลักษณ์ครั้งแรกหลังจากรัฐประหาร




ใกล้วันที่ ๑ พฤศจิกายน ที่คนเสื้อแดงจะนัดกันใส่เสื้อแล้ว น่าตื่นเต้นทีเดียว เพราะถือว่า เป็นการนัดแสดงเอกลักษณ์ครั้งแรกหลังจากรัฐประหาร ผมก็ยังขอยืนยันในข้อเสนอว่า การใส่เสื้อแดงเป็นเสรีภาพในการเลือกของคนเสื้อแดงแต่ละคน โดยไม่ต้องทะเลาะกันเอง ถ้าคนเสื้อแดงกลุ่มไหนจะใส่หรือไม่ใส่ก็ไม่ต้องไปว่ากันเอง เคารพกัน

แต่ผมอยากเสนอให้ยกระดับการต่อสู้อีกขั้นนึง ไปสู่หลักการอหิงสาอันแท้จริง ด้วการ "ไม่ตอบโต้" หมายถึงว่า อาจจะมีใครหมั่นไส้ มาทำร้าย หรือ อำนาจรัฐเผด็จการทหารอาจจะคุกคามคนใส่เสื้อแดง เราต้องต่อสู้ด้วยการยิ้มรับ คือการยอมรับผลของการเลือกด้วยความยินดี ถ้ารัฐส่วนไหนจะจับกุมก็ยอมให้จับ เพื่อรักษาหลักการต่อสู้ัแบบอหิงสาอันแท้จริง ตามหลักของคานธี ถ้าคนเสื้อแดงสามารถที่จะสู้โดยไม่ตอบโต้ได้ เราจะชนะครับ อย่างน้อยก็จะชนะใจที่มั่นคงของตนเอง

ถ้าถามผมว่า ผมจะใส่ไหม ผมตอบว่า ผมจะใส่ครับ แต่จะไม่ได้ใส่ไปท้าทายหรือคุกคามใคร ใส่อยู่บ้าน และใช้ชีวิตประจำวันตากปกติครับ เพราะถือว่า เป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ครับ

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ


ooo

คิกออฟอีเวนต์แดง 5 สาย 1พ.ย. แยกกันเดิน ช่วยกันป้อง"ยิ่งลักษณ์"

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
updated: 28 ต.ค. 2558

รายงานพิเศษ

งวดเข้ามาเกือบถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ สำหรับการต่อสู้คดีทั้งแพ่งและอาญา จากโครงการจำนำข้าวที่มี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย

ความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายคดีแพ่ง คณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวของกระทรวงการคลังจะสรุปผลการตรวจสอบเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม

พร้อมกับการตรวจพยานหลักฐานในคดีอาญา กรณีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการจำนำข้าว ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 29 ตุลาคมนี้

คดีแพ่งใกล้ถึงจุดสรุป ในเรื่องค่าเสียหาย ตามที่ "วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายยืนยันว่า กระบวนการเรียกจะทำให้จบภายในสิ้นปีนี้ แม้จะขยายเวลาออกไป 30 วัน ให้ "ยิ่งลักษณ์" สามารถมาชี้แจงเพิ่มเติมได้

ฝั่งคดีอาญาก็จะเริ่มนับหนึ่ง เปิดฉากไต่สวนอดีตนายกฯ อย่างเป็นทางการ นับแต่ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกตั้งแต่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เมื่อถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางคดี ก่อนเข้าสู่โหมดต่อสู้คดีอย่างเต็มตัว "ยิ่งลักษณ์" จึงยกคณะเดินสายทำบุญสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหลายจังหวัดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน กระทั่งบัดนี้

เช่น จ.นครสวรรค์ จ.ราชบุรี จ.หนองคาย จ.สมุทรปราการ เพื่อเช็กกระแสมวลชนคนรักยิ่งลักษณ์เป็นระยะ สื่อนัยการเมืองให้ฝ่ายผู้มีอำนาจเห็นว่าฝ่ายอดีตนายกฯ ยังมีมวลชนหนุนหลังอยู่

ทุกความเคลื่อนไหวต่างๆ ถูกทหารติดตามแบบไม่คลาดสายตา จนอดีตนายกฯ หญิง ต้องหงุดหงิด

ทว่าการเคลื่อนไหวของ "ยิ่งลักษณ์" ถูกนำไปโยงกับการปล่อยข่าวทางโซเชียลมีเดีย นัดไว้ว่า 1 พฤศจิกายน ให้กลุ่มคนเสื้อแดงใส่เสื้อแดง เพื่อให้กำลังใจ "ยิ่งลักษณ์"

แม้ว่า "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธาน นปช.ระบุว่า ไม่ได้นัดให้ นปช.ใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พฤศจิกายน อาจเป็นปฏิบัติการจิตวิทยา - หลุมพรางของฝ่ายทหาร

"ขอให้เสื้อแดงพี่น้องประชาชนขอให้อดทน ถ้าวันไหนจะนัดพี่น้อง ผมจะเป็นคนนัดเอง แล้วจะบอกในที่สาธารณะ แต่ไม่ใช่วันที่ 1 พ.ย. วันนั้นแค่เกมหลอกจึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดโฆษก คสช. โฆษกรัฐบาล จึงต้องเดินตามบทต่อ แต่บังเอิญกระสุนมันด้าน เพราะผมไม่เล่นด้วย"

แต่ยังมีแนวร่วมเสื้อแดงจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อ ประธาน นปช.

นายศิริวัฒน์ จุปะมัตถา ผู้ประสานงาน กลุ่ม นปช.พะเยา ยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อเชียร์และให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จะต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อสู้คดีจำนำข้าว

เช่นเดียวกับ "วัฒนา เมืองสุข" อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า"การใส่เสื้อแดงเสรีภาพ อยากใส่อะไรก็ทำได้ เสื้อของเราไม่ได้เอาของใครมาใส่ ประชาชนจะแสดงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ผิดอะไร ถ้าไม่ได้กระทบผู้อื่น"

วิภูแถลง พัฒนภูมิไท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช. กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการนัดหมายของ นปช. แต่เป็นความรู้สึกของประชาชน ที่อึดอัด คับข้องใจว่าถูกกระทำเกินไปโดยเฉพาะที่กระทำต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์

"การใส่เสื้อแดง แต่ไม่ใช่ใส่ไปชุมนุม แต่ใส่เพื่อประกาศให้สังคมรับรู้ว่า ที่ผ่านมาไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร และทำให้ผู้มีอำนาจที่ไม่เคารพหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม ได้ชะลอเท้าลงในการเล่นงานอดีตนายกฯ"

"การใส่เสื้อแดงครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เขาทำร้ายเฉย ๆ แล้วไม่ตอบกลับ ครั้งนี้จะแสดงให้เห็นว่า อดีตนายกฯ ก็มีคนรักอยู่มากเหมือนกัน"

"ที่ผ่านมาเราปล่อยให้เขากระทำ แต่หลังจากทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นขอความเป็นธรรมเรื่องจำนำข้าวจากนายกฯ ทางฝ่ายรัฐบาลก็เริ่มให้ความเป็นธรรมขึ้นมาบ้าง"

ฟาก "สมคิด เชื้อคง" อดีต ส.ส.อุบลราชธานี เพื่อไทย หัวขบวน นปช. ใน จ.อุบลฯ กล่าวว่า คิดว่า ในวันที่ 1 พ.ย.จะมีคนใส่เสื้อแดงเป็นจำนวนมาก แต่จะไม่มีผลกระทบ หรือแรงกระเพื่อมใด ๆ ทางการเมือง เพราะคนเสื้อแดงไม่ได้นัดกันชุมนุม ทุกอย่างจะดำเนินไปตามปกติ แต่ทั้งนี้ เชื่อว่าการที่นัดกันใส่เสื้อแดง เป็นเพราะปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นที่ จ.หนองคาย ที่อดีตนายกฯ เดินไปทางไหนก็มีแต่ทหารคอยตามถือว่าติดตามใกล้ชิดกันเกินไป

"มีชาวบ้านมาถามผมว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน ต้องใส่เสื้อแดงหรือไม่ ผมก็ตอบไปว่าผมจะใส่ แต่ไม่ได้ใส่ไปชุมนุม ใส่อยู่กับบ้านหรือไปทำธุระเฉย ๆ"

ด้านแหล่งข่าวจากแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่า ในระยะเวลาที่ผ่านมามีการสื่อสารผ่านไลน์กันในเครือข่ายคนเสื้อแดง นัดกันว่าวันที่ 1 พ.ย.ให้ใส่เสื้อแดง เชื่อว่าเสื้อแดงทุกสายคงพร้อมใจกันใส่เสื้อแดงในวันดังกล่าว"

แหล่งข่าวคนเดียวกันระบุว่า หากจำแนกเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวหลักๆ ตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 พ.ค.มีด้วยกันหลายสาย แต่สายที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น เสื้อแดงสายภาคเหนือ ที่นำโดย "พรศักดิ์ ศรีละมุล" หรือ หมูไม่กลัวน้ำร้อน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น และพิธีกรในรายการ พีซทีวี

สายอีสาน นิสิต สินธุไพร มีการรวมกลุ่ม นปช.เป็นกลุ่มใหญ่ นอกจากนั้นยังมี เสื้อแดงในเครือข่ายของอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่กระจายตามจังหวัดต่างๆ ส่วนชมรมคนรักอุดร ของนายขวัญชัย ไพรพนา ที่เป็นเสื้อแดงกลุ่มใหญ่ที่ จ.อุดรฯ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเสื้อแดง และเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง แต่ที่ผ่านมาชมรมคนรักอุดร ก็ไม่ได้เดินร่วมกับ นปช. แต่แยกตัวเป็นอิสระส่วนอดีต ส.ส.เพื่อไทย ที่แตกตัวมาคุมคนเสื้อแดงทำนองเป็นรัฐอิสระก็มีเช่นเดียวกัน

สายภาคกลาง เสื้อแดงส่วนใหญ่เป็นแดงที่ประกาศตัวเป็นรัฐอิสระ แยกกันเดิน โดยมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย สมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นหัวขบวนในการระดมมวลชน เช่น พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ พายัพ ปั้นเกตุ โดยไม่มีแกนนำ นปช. รายใดประกาศเป็นโต้โผใหญ่

สายภาคใต้ จะติดต่อผ่าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และจตุพร ขณะเดียวกัน 2 ซุปตาร์การเมืองยังมีกลุ่มแฟนคลับ แฟนรายการเป็นการเฉพาะซึ่งรวมกับกลุ่มแฟนคลับของทั้งสองคน

นอกจากนี้ ยังเป็นแดงกลุ่มที่แยกตัวเป็นอิสระ เช่น เสื้อแดงที่เคลื่อนไหวช่วยเหลือนักโทษการเมือง ซึ่งประกาศตัวเช่นกันว่าจะใส่เสื้อแดงโชว์พลัง

ซึ่งในวันที่ 1 พ.ย.นี้ คนเสื้อแดงทุกสายซ่อนตัวอยู่หลังฉากการเมือง จะนัดกันใส่เสื้อแดงเพื่อโชว์พลังเป็นกองหนุน แนวร่วมรบให้ "ยิ่งลักษณ์" อีกครั้ง หลังคดีความทั้งทางแพ่ง และอาญาขยับเข้ามาใกล้แทบหายใจรดต้นคอ

แม้ว่าหลังการรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม จะทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยรวมตัวได้เรือนหมื่น เรือนแสนคน

ในการทำสงครามชิงประชาธิปไตยบนท้องถนน แตกตัวกระเด็นกระดอนไปคนละทิศทาง

แต่วันที่ 1 พ.ย.จะเป็นอีเวนต์แรกที่เสื้อแดงปรากฏตัว

ศาลฎีกาฯอนุญาตให้ "ยิ่งลักษณ์" นำพยานสำคัญไต่สวน42ปาก คดีรับจำนำข้าว










...

เมื่อเวลาประมาณ 08.40 น. วันที่ 29 ตุลาคม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่ นายตระกูล วินิจนัยภาค ขณะดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ทักทายกับประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมารอบริเวณหน้าศาลฎีกาฯ เพื่อให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ พร้อมมอบดอกไม้ ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นดอกกล้วยไม้ และดอกกุหลาบสีแดง ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ และตะโกนบอกให้นางสาวยิ่งลักษณ์ สู้ๆ ด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยก่อนให้สัมภาษณ์ว่า ได้เตรียมพยานไว้ประมาณ 60 กว่าปาก โดยมั่นใจในพยานหลักฐานที่นำเสนอต่อศาลว่าเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และสามารถชี้แจงได้ โดยพยานจะแบ่งเป็นสอง คือกลุ่มที่ยื่นให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แล้ว ส่วนอีกกลุ่มคือพยานที่เสนอต่อ ป.ป.ช. แต่ไม่ได้รับการพิจารณา และหวังว่าศาลจะรับพิจารณาพยานกลุ่มนี้ด้วย

 ...




https://www.youtube.com/watch?v=GlT2dFcgQSM

ศาลฎีกาฯอนุญาตให้"ยิ่งลักษณ์"นำพยานสำคัญไต่สวน42ปาก คดีรับจำนำข้าว ขอเป็นกำลัใจท่านชนะหมู่มาร ด้วยบทเพลงนีั !!!!เพลงของเธอ!!!! ให้กำลังใจนายกของคนรากหญ้า...สู้ๆๆๆ


ปิยภัทร อุปนันท์

ooo




ยิ่งลักษณ์ขอบคุณ

ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้ ขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาทั้งไกลและใกล้ด้วยตนเอง และส่งกำลังใจมาให้ดิฉันในวันนี้ค่ะ