วันพุธ, กรกฎาคม 31, 2567

เมื่อ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล พูดถึง ม.๑๑๒

จะว่าเธอแก้ต่าง แก้ตัว แก้ข้อกล่าวหา ล้มเจ้าก็ว่าไป ลองอ่าน ‘between the lines’ ในคำสนทนาเรื่อง ๑๑๒ ของเธอ อาจพบอะไรหลายอย่างแฝงในนั้น ที่ทำให้ผู้กล่าวหา ว่าร้าย หน้าชาได้

อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล @AmaratJeab

“สิ่งที่ อันตราย ที่สุดคือพวกที่ได้รับผลประโยชน์จากการอ้างความจงรักภักดี ว่าตัวเองรักเทิดทูนมากกว่าอีกฝ่ายนึง แล้วก็ไปโหนหากินกับเรื่องความจงรักภักดีนี่แหละ”

“พรรคไม่เคยคิดล้มล้าง ถ้ามองให้ลึกซึ้ง การเสนอแก้ไขกม. #มาตรา112 คือการปกป้องไม่ให้ดึงฟ้าต่ำ ดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือทำลายฝั่งตรงข้ามทางการเมือง แค่ใส่เสื้อบางสีและพูดคำไม่กี่คำก็กลายเป็นคนดีย์ ดีแบบมี ย.ยักษ์การันต์”

“ก็นี่ไงถึงบอกว่ามันวนเวียนซ้ำซาก แล้วก็ยังนำเครื่องมือแบบนี้มาใช้ได้ผล แล้วก็ได้ผลทุกครั้งตั้งแต่เหตุการณ์ ๖ ตุลา”

“คนที่จริงใจ คนที่รักเคารพ เราอาจจะไม่ได้บอกรักพ่อแม่เราทุกวันก็ได้ ลูกที่รักพ่อแม่ปกป้องพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องบอกรักพ่อแม่ทุกวันก็ได้ การแสดงอะไรที่มันโอเว่อร์มันไม่จริง มันไม่จริง”

คลิปเต็ม >> https://youtube.com/live/_m6e1acuilQ?si=Nn8fRn3xlcaNJUPf 

สภา กทม.ดังใหญ่ พบดาวดวงใหม่ ทั่นประธานฯ ‘บัง’ ดร.จอน ภูมิฐาน ดุสมาชิกก้าวไกลซะไม่มี

โอ๊ย สนุกใหญ๋วิวาทะเรื่องตั้งกรรมาธิการงบประมาณ กทม.ปี ๖๘ เรื่องไปถึงทั่นประธานฯ บัง ดร.จอน แล้วนะ ชี้แจงอย่างลำหักลำโค่นเสียจน สก.เนอส ก้าวไกลเก็บอาการไม่อยู่ แทบปิดหน้าไม่ทันก้มหัวเราะคิกๆๆๆ เนื่องเพราะ

ประธานสภา กทม.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา บอกว่า “เรายึดหัวใจประชาชนเป็นที่ตั้ง” ตอนที่ไปออกรายการ สรยุทธ กรรมกรข่าวด้วยกันกับ ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย สก.ก้าวไกล เขตบางซื่อ เรื่องเป็นอย่างนี้

@joydaynapas สรุปไว้ให้ นับแต่ วิโรจน์ ลักขณาอดิสร ตัวตึง กก. “โพสต์ X ว่า มีผู้ใหญ่ของเพื่อไทย ไม่ยอมให้ก้าวไกลตั้งคนนอกดูงบฯ กทม ๖๘” ตามด้วย สก.วิรัตน์ มีนชัยนันท์ อดีตประธานฯ ซัดกลับว่ายังไม่มีมติพรรคเรื่องนี้

แต่ในรายการสรยุทธ สก.เนอส ยันว่าวิปฯ กทม.ประชุมกันแล้ว สก.ปิยะนุช กับ สก.วิพุธ (พท.) แจ้งเป็นวาระเพื่อรับทราบว่า จะไม่มีคนนอกร่วม อนุฯ งบฯ (ตัดจำนวนอนุกรรมการเหลือ ๕ คน) ก็ถูก สก.ก้าวไกลคัดค้าน ว่าที่ผ่านมามีได้นี่

พอมาถึงที สก.จอน (ทั่นบอกว่าพูดในฐานะประมุขนิติบัญญัติ) ย้ำอีกคนว่าไม่มี้ไม่มีพรรคเพื่อไทยออกมาห้าม ให้ยึดข้อบังคับการประชุมสภาฯ เป็นที่ตั้ง สามารถเสนอคนนอกมาร่วมอนุกรรมาธิการได้ แต่ สก.อื่นมีสิทธิเห็นต่าง

เห็นต่างแล้วใช้เสียงค้าน ซึ่งจะตัดสินได้ด้วยการโหวตกันในที่ประชุมสภาฯ ทั่นจอนบอกว่า นี่ไง ประชาธิปไตยสมบูรณ์ อันเป็นสารตั้งต้นของคำว่า “ยึดหัวใจประชาชนเป็นที่ตั้ง” ในบริบทต่อมา ตานี้ สก.เนอส พูดบ้าง

เธอว่าสมาชิกสภา กทม.มี ๕๐ คน จาก ๕๐ เขต เพื่อไทยเสียงข้างมาก ๒๕ เขตเข้าไปแล้ว ดร.จอนแย้งว่าผมกับรองประธานฯ ไม่โหวต ก็เหลือ ๒๓ เท่านั้นนะ ที่เหลือมีตั้ง ๒๕ ถึงแม้จะไม่ได้โหวตหนึ่งคน ๒๔ เสียงก็ยังมากกว่าเพื่อไทยนี่

สก.เนอส ก็แจงว่าก้าวไกลมีแค่ ๑๑ เสียง นอกนั้นเป็นกลุ่มอื่นๆ พรรคอื่น ด็อกเต้อจอนเลยสอนแท้คติคการเมืองเมืองว่า ก้าวไกลก็ต้องไปโน้มน้าวพรรคอื่นๆ จนครบ ๒๔ ให้มาร่วมโหวตกับเธอว์สิ “ทุกอย่างเป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์”

ทั่นประธานคนนี้ท่าทีภูมิฐาน ตอนอภิปรายกันในสภา พอดีเวลาที่ สก.เนอสจะลุกขึ้นอภิปราย ทั่นกล่าวตักเตือนเรื่องการอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก “ที่สำคัญอีกเรื่องคือการเสียดสี ท่านต้องระวังตรงนี้นะครับ”

สก.เนอสก็เลย อ่า “แหม มาเตือนตรงดิฉันจะพูดพอดีเลยนะคะเนี่ย สุดๆ เลยนะคะ” เท่านั้นไม่พอ อีกตอนทั่นประธานเตือน “ท่านภัทราภรณ์ครับ ผมอยากให้ท่านเลี่ยงคำพูดพรรคนะฮะ...เพื่อการประชุมที่มันราบเรียบครับ”

แต่พวกด้อมส้มที่ติดตามการประชุมสภา กทม.บอกว่า สก.อื่นๆ ที่ขึ้นอภิปรายก่อนหน้านี้ ทั้งของเพื่อไทยและ ปชป.ต่างก็เอ่ยชื่อพรรคตนทั้งนั้น ไม่เห็นประธานเตือนบ้างเลยล่ะ

(https://x.com/R_artisty/status/1818145497137435088 และ https://x.com/joydaynapas/status/1818506553462604224)

ศึกใหญ่มาถึงไทยแล้ว


Shakrit Chanrungsakul
19 hours ago
·
ศึกใหญ่มาถึงไทยแล้วครับ
ตั้งแต่พูดถึงและเขียนถึงเมื่อไม่นานมานี้ว่าอเมริกากำลังหาทางต้าน TEMU ที่เป็นอีคอมเมิร์ซเปิดมาแค่ปีสองปีแต่ทะลุไปหมื่นกว่าล้านเหรียญแล้วด้วยการ "ประกบแล้วบี้" ... อธิบายสั้น ๆ คือสินค้าทุกตัวที่อเมริกันขาย จีนจะส่งตัวประกบมาขายในราคาที่ต่ำกว่ามาก ๆ (บางไอเท็มขายในราคาแค่หนึ่งในสามของคู่ต่อสู้, ส่งฟรี, และส่งคืนฟรีถ้ามีปัญหา - พบว่าอัตราการส่งสินค้าคืนสูงแต่คนซื้อก็ยังช็อปกันอย่างบ้าระห่ำ)
.
กลยุทธ์สุดโหดนี้ทำให้พวกเขาโตพรวดพราดไปทั่วโลก เสนอของถูก ๆ ให้ผู้บริโภคที่เช็คราคาของชิ้นไหนก็ตาม ในครัว, ในห้องน้ำ, ในบ้าน, ในออฟฟิศ, ในสวน ... จะซื้อกล่องใส่ทิชชู่เหรอ? ฉันรู้ว่าคนอื่นขายสิบบาท ฉันขายสามบาท ... ถ้าส่งไปแล้วแตกหักเสียหายก็ส่งคืนมาเดี๋ยวฉันส่งชิ้นใหม่ไปให้ ... มีงานวิจัยที่หน่วยงานรัฐในอเมริกาจ้างทำสำรวจ พบว่าสินค้าใน Walmart, Target, และ Amazon เป็นสามเป้าหมายที่ถูกประกบเกิน 80% ... Dollar Tree, Dollar General, Etsy, Sam's Club เจอประกบเกิน 50%
.
งานวิจัยพบว่าแพล็ตฟอร์มที่โดนประกบน้อยคือ Aliexpress โดนประกบราว 5%, TikTok Shop ประมาณ 20% ... มีความหมายแน่นอนฮะ
.
มันซัดกันเดือดขนาดนี้ ผมเคยระแวงอยู่ว่าวันนึงมันจะเข้ามาสู่ประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทยนี่แหละ ... TEMU มีแบ็กอัพรายใหญ่คืออีคอมเมิร์ซอันดับต้น ๆ ของจีนอย่าง PinDuaDua ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เหมาซื้อสินค้าในจีนที่ว่าถูกอยู่แล้ว พอซื้อเยอะก็ถูกกว่าเดิมอีกแล้วเอามาขายผ่าน PDD ของเขาเองมาหลายปีจนโตมาก ๆ ในจีน ... ตอนนี้ก็ส่ง TEMU ไปทั่วโลกละฮะ
.
ไบเดนเคยแถลงเลยว่าไม่แฟร์ที่จีนผลิตไม่หยุดทั้งที่ในประเทศก็ไม่สามารถรับได้จนล้นแล้วล้นอีก แล้วจีนก็ส่งมาขายตัดราคาคนอื่นหน้าตาเฉย ... เราก็ต้องเตรียมรับมือกันเองละฮะ ตอนนี้ประกาศแล้วว่ามาเมืองไทย (ตัวอย่างรีวิวยังเป็น Mockup อยู่ลย) ... ถ้าผู้บริโภคของเราได้เห็นราคาก็เดาได้ไม่ยากว่าจะต้องกระหน่ำซื้อกันแน่นอนฮะ ไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภค แต่คนที่ต้องแก้ปัญหาคือคนที่ต้องเห็นก่อนและตั้งโจทย์ใหม่ให้ผู้บุกรุกทันทีก่อนที่จะแก้ยากกว่าเดิม

https://www.facebook.com/shakrit/posts/10233981022324632?ref=embed_post


การล้อเลียนศาสนา ต้องทำได้ สำหรับใครที่คิดว่าต้องเต้น ต้องหัวร้อน ต้องปกป้องศาสนา ปกป้องพระเจ้าจากอิพวกลูกช่างล้อ ลองดูภาพนี้ค่ะ


Prim Maneechot
a day ago
·
การล้อเลียนศาสนา ต้องทำได้
การอดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่าง ต้องมี
สิ่งที่คนในสังคมต้องทำร่วมกัน คือเพิ่มความอดทนอดกลั้น เพิ่มพื้นที่พูดคุย ดันวัฒนธรรมที่ต่อให้ใครวิพากษ์วิจารณ์ชุดความคิดความเชื่อไหน อย่างมากที่สุดก็แค่ด่ากันไปมา ไม่ใช่ไปไล่ให้ใครหุบปาก แจ้งความ หรือถูกทำร้ายร่างกาย
จะต้องให้มีเคสแบบชาลีเอปโด หรือเคสแบบ 6 ตุลา อีกกี่ครั้ง ใจเย็น อดทนอดกลั้นกันหน่อยได้มั้ย หรือถ้าไม่พอใจก็แค่ด่าออกมา ด่าออกม้าาาา
ศาสนาเป็นแค่ชุดความคิด แค่ไอเดีย การล้อเลียน การวิพากษ์ การตั้งคำถามกับสิ่งสมมติพวกนี้จะต้องทำได้ เหมือนชุดความคิดอื่นๆ ระบอบอื่นๆก็ต้องถูกตั้งคำถาม ล้อเลียน วิพากษ์ได้
หากเขาล้อเลียนศาสนา ไม่ได้ล้อเลียนคนที่นับถือศาสนานั้น เหล่าศาสนิกไม่ได้ถูกลบหลู่ดูหมิ่น ไม่ได้ถูกด้อยค่า ไม่มีใครไปละเมิดหรือห้ามไม่ให้คุณเชื่อทั้งนั้น
แล้วในบริบทแบบที่คิดไปเองว่าเขาล้อเลียน ศาสนาที่มีประชากรนับถือหลักพันล้าน มันไม่ใช่ชนกลุ่มน้อย ไม่ใช่กลุ่มเปราะบางด้วยซ้ำ โคตรจะทรงอำนาจ
ใครที่บอกว่าล้อเลียนศาสนาไม่ได้ เพราะผิดหลักเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนา ทำไมถึงตื้นเขินขนาดเอาสองเรื่องนี้มาปนกันได้ ไม่มีใครห้ามใครนับถืออะไรเลยในข้อถกเถียงนี้ เป็นอะไร
อะไรที่มันวิพากษ์ไม่ได้ วิจารณ์ไม่ได้ มันลุแก่อำนาจมากเลยนะ มันดูถูกสติปัญญากันมากๆ
สำหรับใครที่คิดว่าต้องเต้น ต้องหัวร้อน ต้องปกป้องศาสนา ปกป้องพระเจ้าจากอิพวกลูกช่างล้อ ลองดูภาพนี้ค่ะ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10228666445997541&set=a.1715697223738


ไม่ค่อยอยากยุ่งกับเงินหมื่นเท่าไหร่ แต่คิดว่าเงื่อนไขหลายข้อไม่ค่อยเข้าท่า

ภาพจากอินเตอร์เน็ต.....

Panote Saechiew
10 hours ago
·
ไม่ค่อยอยากยุ่งกับเงินหมื่นเท่าไหร่ แต่คิดว่าเงื่อนไขหลายข้อไม่ค่อยเข้าท่า
เช่น การจำกัดห้ามใช้จ่ายบางอย่าง แนวคิดหลักๆของการอัดเงินเข้าระบบก็เพื่อเพิ่ม disposable income ให้ครัวเรือน การเพิ่มข้อจำกัดพวกนี้ไม่ช่วยอะไร
ยกตัวอย่างค่าไฟก็แล้วกัน ครอบครัวมีเงินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ได้เงินหมื่นดิจิตอลมาหนึ่งหมื่นบาท ค่าไฟห้าพันบาท
เราจะพบว่า ไม่ว่าจะห้ามเอาเงินหมื่นมาจ่ายค่าไฟหรือไม่ ครอบครัวนี้จะมีเงินเหลือหลังจ่ายค่าไฟ = 15000+10000-5000 = 20000 บาทอยู่ดี การห้ามเอาเงินหมื่นมาจ่ายโน่นจ่ายนี่ ทำให้อรรถประโยชน์ของเงินหมื่นลดลง ใช้ลำบากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าหลายๆข้อก็เมกเซนส์ เช่นทองคำ(เพราะเป็นการออม) แต่คิดว่าข้อจำกัดโดยมากไม่เข้าท่า
ทีนี้เมื่อเงินมันลื่นไหลได้ (คือจะเงินดิจิตอล/เงินสดก็จ่ายได้เหมือนกัน) การกำหนดนโยบายว่าเงินต้องหมุนสองรอบถึงขึ้นเงินสดได้ ก็เลยไม่เข้าท่าด้วย การกำหนดแบบนี้น่าจะทำให้ รายย่อยไม่ค่อยอยากรับเงินดิจิตอลเท่าไหร่ ถ้าซัพพลายเออร์ไม่รับเงินดิจิตอลก็จบ โทเค่นค้างคามือ การบังคับว่าต้องหมุนสองรอบทำให้ต้องตามแทร็ก ต้องขึ้นทะเบียนโน่นนี่นั่น ผมว่าเงินก้อนนี้ซื้อขนมครกปากซอยไม่ได้อะ คอยดู
ด้วยความลำบากแบบนี้ ดังนั้นสุดท้ายเงินนี้จะหมุนได้ "เต็มที่" สองรอบ โดยรอบสองเป็นร้านค้าส่งขนาดใหญ่ และรอบแรกน่าจะมีแต่ร้านแฟรนไชน์ (อันนี้เดี๋ยวมาดูกันว่าทำนายถูกไหม) ซึ่งทำให้พายุน่าจะหมุนฝืดๆ
ทายไว้ก่อน ปีหน้าก็รู้แล้วว่าทายถูกหรือผิด
.....

ภาพจากอินเตอร์เน็ต


หากประชาชนทุกคนคือเจ้าของประเทศ พรรคการเมืองจะอยู่ หรือ จะไป อยู่ในมือประชาชนทุกคน แต่...

https://www.facebook.com/watch/?v=1295635984745662&t=0

พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
18 hours ago
·
หากพรรคการเมืองเกิดขึ้นมาได้ด้วยการสนับสนุนจากประชาชน ก็ย่อมตายด้วยประชาชน และเรื่องราวต่อไปนี้คือการพิจารณาพรรค #ก้าวไกล ว่าประชาชนจะสนับสนุนต่อไปหรือไม่...
.....

พรรคก้าวไกล - Move Forward Party
a day ago
·
Exclusive Lecture: ปิยบุตร แสงกนกกุล
.
7 สิงหาคมนี้ เวลา 13.30 น. ก่อนรับฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษ จากปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ "ศาลรัฐธรรมนูญกับการยุบพรรคการเมือง"
.
เจอกันที่พรรคก้าวไกล พร้อมกิจกรรมต่อเนื่องยาวไปถึงหลังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
.
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะก้าวต่อไปด้วยกัน




ความเป็นไปได้ "ขั้วอำนาจใหม่" สายสีน้ำเงิน

30 ก.ค. 67
Thai PBS

คำร้องยุบพรรคก้าวไกล ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย-ชี้ขาด 7 ส.ค.นี้ และถัดจากนั้นไป 1 สัปดาห์ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย-ชี้ขาด คำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรี หรือวันที่ 14 ส.ค.นี้

ตามกระแสการเมือง ชี้ว่า คำวินิจฉัย 2 คำร้องนี้ คือเส้นกำหนดทิศทางการเมืองไทย โดยเฉพาะกับประเด็นเรื่อง "ขั้วอำนาจใหม่" จากค่ายสีน้ำเงิน เตรียมผลักดันให้โหวตเลือก "อนุทิน ชาญวีรกูล" เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ? เป็นไปตาม "ดีลเขาใหญ่" ไหม

ดีลเขาใหญ่ดีล ที่มีเฉพาะแผนเฉพาะหน้าที่แก้ปัญหาระหว่างดิจิทัลวอลเล็ต กับ กัญชา และวางแผนการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินไว้ด้วย แต่เมื่อใกล้ final คดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี อะไรๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลง มีคนส่งซิก..แจ้งว่า "เกมพลิก" ดีลเขาใหญ่ไม่ได้จบตรงที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 11 พรรคเหมือนเดิม เนื่องจากคนที่ขับเคลื่อนทางการเมือง ระหว่างค่ายสีแดงที่หมายถึงเพื่อไทย และค่ายสีน้ำเงินที่ถูกตีความว่าพรรคภูมิใจไทย มีความเห็นต่างกันเกิดขึ้น ความเห็นต่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะภายในพรรค หรือว่า สส.เท่านั้น แต่หมายถึงผู้นำทางจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร รวมถึงนายเนวิน ชิดชอบด้วย เดิมคิดว่าการเคลียร์กันแล้วมีทีท่าว่าจะจบ แต่กลับเหมือนการคาบลูกคาบดอกกันอยู่ เพราะมีความเห็นต่างกัน ค่ายของเพื่อไทย หรือว่านายทักษิณ อยากจะผลักดัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี หากนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องเผชิญกับปมถอดถอน

เช่นเดียวกับภูมิใจไทยก็อยากจะเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น ดีลเขาใหญ่คิดว่าผู้นำของทั้งสองพรรคคุยกันแล้ว หลังจาก 17 ปีผ่านไป เรื่องพลิกขั้วจับมือตั้งรัฐบาลกับคู่แข่งทางการเมือง กับวลี "มันจบแล้วครับนาย"

แต่ขณะนี้กลับมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น เดิมบอกกันคุยกันแล้ว ผ่านคนกลางที่ชื่อนายเศรษฐา และ อนุทิน แต่นี่เป็นจุดชี้วัดทางการเมือง ว่าไม่ได้เคลียร์กันจริงๆ หรืออาจจะเป็นข้อขัดแย้งรอบใหม่ที่เกิดขึ้น ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย

ส่วนพรรคร่วม 11 พรรค ยังคงอยู่เหมือนเดิมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคำร้องและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

1. วันที่ 7 ส.ค.นี้ คอการเมือง เชื่อว่า "พรรคก้าวไกล" จะถูกยุบ แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ 177 สส.ของพรรคจะไปไหน? ในทางการเมืองช่วงที่พลิกขั้วนี้ แนวโน้มส่วนหนึ่งจะไปพรรคภูมิใจไทย และทันทีที่มีคำวินิจฉัยคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี เกิดขึ้น และถ้าหากต้องพ้นจากตำแหน่ง จะเป็นจุดชี้วัดว่า 11 พรรคร่วมยังคงอยู่เช่นเดิมหรือไม่ หรือทั้งหมดทั้งมวลนี้จะกลายเป็นการเกิดขั้วอำนาจทางการเมืองใหม่

จุดชี้ขาดเกณฑ์ในการตัดสินใจ คนทางการเมืองวัดกันที่เสียงที่กุมอยู่ในมือ นั่นก็คืออำนาจทางการเมือง พรรคเพื่อไทยมี สส. 141 คน และฝากเลี้ยง รวมถึงที่รอเครมจากพรรคก้าวไกล รวมถึงในพรรคพลังประชารัฐอีกส่วนหนึ่งด้วย และเมื่อไปรวมกับ สว. และบอกว่าเป็นค่ายสีแดง ซึ่งรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 200 คน

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้มี สส. 71 คน แต่เมื่อไปดูจำนวน สส.ที่ฝากเลี้ยง ในพรรคพลังประชารัฐ และเมื่อไปบวกกับ สว.ที่หลายคนกล่าวขานว่าค่ายสีน้ำเงินกุมสภาสูง อีก 150 คน รวมแล้วประมาณ 250 คน การพลิกขั้วและเกิดขั้วอำนาจทางการเมืองใหม่ก็มีโอกาสเป็นไปได้

แต่สิ่งที่มองไม่เห็นที่เป็นข้อต่อรองทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอำนาจบารมี ผู้สนับสนุน กลุ่มทุน

ส่วน "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พอมีโอกาส แต่โอกาสนั้นน้อยมาเมื่อเทียบกับสีแดง และสีน้ำเงิน และ 40 สส.ของพรรคประชารัฐเป็นแบบไหน แค่ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าบริหารจัดการค่อนข้างยาก วันนี้นัดเคลียร์ในบ้านป่า แต่ดูเหมือนจะถูกเบรก เพราะต่างฝ่าย ต่างกำลังแรงใส่กัน

สรุปว่า ขั้วอำนาจทางการเมือง จะเกิดขึ้นใหม่ไหม "ค่ายสีน้ำเงิน" จะกุมอำนาจทางการเมืองหรือเปล่า อยู่ที่คำร้องถอดถอนนายกฯ เศรษฐา ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะชี้ออกมา 14 ส.ค.นี้ และโอกาสของ ลุงป้อม ดูจะน้อยเต็มที ต่างกับ "เสี่ยหนู" ดูจะมีออราขึ้นมา

https://www.thaipbs.or.th/news/content/342533


คลั่งต้องคิด ....​ 12 เมตรน่ะ ตึก 3-4 ชั้นนะ


Andrew MacGregor Marshall
9 hours ago
·


Irin Sriklao
2 days ago
·
กษัตริย์พระองค์เดียวบนโลก ที่ทรงกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ด้วยความสูง 12 เมตร แล้ววิ่งหลบฝ่ากระสุนที่ปลิวว่อนอย่างกล้าหาญ เพื่อปกป้องประเทศ และราษฎรที่พระองค์รัก จากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์โจมตีชายแดน!
กษัตริย์พระองค์เดียวบนโลก ที่ทรงขับเครื่องบินส่วนพระองค์ เพื่อไปรับเหล่าราษฎร ที่ต่างประเทศ ยามกำลังมีศึกสงคราม ด้วยพระองค์เอง!
โชคดีหาที่สุดไม่ ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้เกิดมา อยู่ใต้ร่มพระบารมี ของกษัตริย์พระองค์นั้น!
ข้าพระพุทธเจ้า และเหล่าราษฎรผู้จงรักภักดี ขอน้อมกราบถวายพระพรชัยมงคล ขอองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และทรงพระเกษมสำราญ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุยิ่งยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่ปวงชนชาวไทยและขอให้พระองค์ จงทรงมีพลามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นพ่อหลวงที่รักยิ่ง ของปวงชนชาวไทย สืบต่อไปตราบนานเท่านาน
ด้วยกล่าวด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
CR .Pic From Times Square NY
.....
แมว น้ำดี
คลั่งต้องคิด ....​ตรรกะหน่อยสาว ....​ตึก 3-4 ชั้นนะ 12 เมตรน่ะ
.....

1 ชั้นมีกี่เมตร
ความสูงของแต่ละชั้นของอาคารวัดได้จาก ส่วนพื้นของชั้นนั้นถึงเพดาน โดยปกติจะมีความสูงราว 10 ฟุตหรือประมาณ 3 เมตร แต่ก็ยืดหยุ่นกันไป ชั้นอาคารในตึกมักจะมีความสูงเท่า ๆ กัน ซึ่งโดยมากชั้นโถงอาคาร (ล็อบบี้) จะค่อนข้างกว้างขวางกว่า ส่วนชั้นสูงถัด ๆ ไปจะเล็กลงไป
.....


Andrew MacGregor Marshall
9 hours ago
·
What a coincidence that they all brought the same photo
.....
Preeda Phasutha
They gave them out for free at the event.

Andrew MacGregor Marshall
Yeah I know

Khwanrithai Khwansongkrow
มีคุณพี่ื่ท่านนึงที่มีความจงรักภักดีและไปรับเสด็จบ่อยๆเขาทำเเจกเองค่ะ Andrew MacGregor Marshall


BIOTHAI โพสต์ เล่าเรื่องอดีตว่าเคยถูกกดดันมาแล้ว ในปี 61 - รัฐไทยอยู่ภายใต้บังเหียนทุน ? อ่อนแอกับทุน แต่เข้มแข็งกับชาวบ้าน ??


BIOTHAI
ไม่ว่ายุคไหน บอกได้เลยไม่มีทาง นี่เป็นดีเอ็นเอของพวกเรา
.....

เพจ BIOTHAI โพสต์โดนบริษัทสารเคมี กดดันยุติบทบาท "วิฑูรย์" ลั่นไม่กลัว

26 กันยายน พ.ศ. 2561
ไทยโพสต์

26ก.ย.61-วันนี้(26 ก.ย.)เพจBIOTHAI ได้มีการแชร์ข้อความ ใจความสำคัญระบุว่า ระบุว่า บรรษัทข้ามชาติสารพิษกำจัดศัตรูพืช และสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยสมาคมค้าสารพิษกำจัดศัตรูพืช กำลังดำเนินการเพื่อกดดัน BIOTHAI ให้ยุติบทบาทการเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเบื้องหลังการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มเครือข่ายเกษตรและอาหารปลอดภัย” ได้ทำหนังสือถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ใช้อำนาจสั่งการให้ “ยับยั้งการกระทำของ BIOTHAI รวมทั้งให้ BIOTHAI ออกมาแสดงความรับผิดชอบ” ซึ่งเป็นการกระทำแบบเดียวกันกับที่มีการกดดันให้นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนเรศวรยุติบทบาทและให้ลาออกหลังจากได้เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการตกค้างของสารพิษพาราควอตในสิ่งแวดล้อม เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่ามาจากโพสต์ของไบโอไทยที่เปิดเผยหนังสือการคัดค้าน ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน คำชี้แจงของคณะทำงานยกร่างของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อชี้แจงข้อคัดค้านของกลุ่มองค์กรดังกล่าว ตลอดจนการเปิดเผยความจริงที่ระบุว่ากลุ่มที่คัดค้านร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ว่ามีบุคคลใดบ้าง และบุคคลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบริษัทค้าสารพิษ ซึ่งสำเนาหนังสือดังกล่าวยังได้จัดส่งไปยัง นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธาน “คณะกรรมการแก้ปัญหาสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง”

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธีชีววิถี กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการแบนหรือไม่แบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด คือ พาราควอต คอลร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต แต่มีความชัดเจนว่ากลุ่มบริบัทข้ามชาติสารพิษกำจัดศัตรูพืช ที่แต่เดิมเป็นกลุ่มหลักในการขัดขวางไม่ให้มีการแบนสารเคมี ได้มีการขยายแนวร่วมไปยังกลุ่มอื่นเพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ซึ่ง เมื่อดูแล้วก็จะเห็นทั้งเรื่องการแบน และ พ.ร.บ.ฯ นั้นมีความเชื่อมโยงกันอยู่ ซึ่งก็เป็นที่น่ากังวลว่าการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจะไม่สำเร็จ ซึ่งก็จะกระทบกับ พ.ร.บ.ฯ ส่งเสริมฯ ด้วย

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า นอกจากนี้อีกเรื่องที่เป็นกังวลคือมีข่าวว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มที่อยู่ในรัฐบาลต้องการเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน ภาคประชาชนจึงมีการตั้งคำถามว่าหากมีการแบนอาจจะทำให้กระทบกับกลุ่มผู้สนับสนุนหรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาอย่างที่มีการย้ำกันมาตลอดคือรัฐบาลต้องแสดงจุดยืนในเลือกปกป้องสุขภาพประชาชน ซึ่งเชื่อว่ายังสามารถใช้กระบวนการปกติได้ และกลุ่มที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งก็ต้องเลือกระหว่างบริษัทผู้ค้าสารเคมีกับเกษตรกรจำนวนน้อยที่ยังใช้สารเคมีอยู่ หรือจะเลือกสุขภาพประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นส่วนสำคัญในการเลือกตั้ง

“ในการที่กลุ่มบริษัทมีการยื่นหนังสือนั้น เห็นว่าไม่มีหลักฐานในการคัดค้านการแบน เพียงแต่เป็นการใช้อำนาจ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าอำนาจอะไร ที่จะทำให้รัฐบาลทำตามในการปิดปากการเปิดเผยความจริงของ BIOTHAI และนักวิชาการ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นปัญหาและข้อจำกัดของตัวเขาเอง ทาง BIOTHAI ขอยืนยันว่าจะไม่ยอมแพ้และไม่เกรงกลัวอำนาจที่ต้องการลดทอนบทบาทของบริษัทสารเคมีในการต่อสู้เพื่อประชาชน ทั้งในเรื่องการสนับสนุนนโยบายการแบนสารเคมีของกระทรวงสาธารณสุข และการสนับสนุน พ.ร.บ. พ.ร.บ.ฯ ส่งเสริมฯ เพราะเราเชื่อมั่นว่าเราไม่ได้ทำงานต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว เรายังมีภาคประชาชนกลุ่มอื่นๆ มีนักวิชาการอิสระ กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้ง คณะกรรมการปฏิรูประ 3 คณะ คือ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข ด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม ที่ทำงานร่วมกันและคอยสนับสนุนอยู่ และเชื่อว่าประชาชนให้การสนับสนุนเราอยู่“นายวิฑูรย์ กล่าว.

(https://www.thaipost.net/main/detail/18483)
.....



The Isaan Record
12 hours ago
·
"รัฐอยู่ภายใต้บังเหียนทุน รัฐอ่อนแอกับทุน แต่เข้มแข็งกับชาวบ้าน เวลาชาวบ้านไปหาของป่าโดนคดีเอาเป็นเอาตาย แต่พอเป็นทุนใหญ่รัฐกลับไม่ทำอะไรแถมอ่อนแอลงทันที หรือจริงๆ แล้วตอนนี้อำนาจไม่ได้อยู่ที่รัฐ แต่อยู่ที่ทุนไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่รู้ใครบริหารประเทศนะ เป็นรัฐบาลบริหารก็จริงอยู่ แต่เบื้องหลังรัฐบาลนี่คือใคร"
ผศ. ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
อ่าน: จากน้ำมันรั่ว ฝุ่นควัน ถึงปลาคางดำ การลอยนวลพ้นผิดของทุนใหญ่ ในประเทศที่รัฐเออออคนมีตังค์ https://theisaanrecord.co/.../impunity-from-oil-spills.../
---
เรื่อง : กฤษฎิ์ บุญสาร
ภาพ : ฌัลลิกา ทิพย์ฝั้น
---
กรุณาสนับสนุน The Isaan Record เพียงกดลิงก์นี้และบริจาค https://www.zfer.me/theisaanrecord/
#ปลาหมอคางดำ #น้ำมันรั่ว #เผาอ้อย

ครบแล้ว 7 วัน สำหรับผลสอบปลาหมอคางดำ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป อธิบดีกรมประมง ขอเลื่อนส่งผลสอบ จากกำหนดเดิมวันที่ 30 ก.ค. เลื่อนเป็น 1 ส.ค. ทั้งนี้ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้ำว่าขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจนโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรายงานต้องเป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้

https://www.facebook.com/watch/?v=514072894354385&t=0


ไฟเขียว จับ "ปลาหมอคางดำ" หน้าวัด - เขตอภัยทาน..!!

https://www.facebook.com/watch/?v=1395670621103281&t=0

Thai PBS News
9 hours ago
·
ไฟเขียว จับ "ปลาหมอคางดำ" หน้าวัด - เขตอภัยทาน..!!
"เผดิม" ประมงจังหวัดสมุทรสาคร เสนอ อธิบดีกรมประมง ไฟเขียว ให้ ปชช.จับปลาหมอคางดำได้ บริเวณหน้าวัด - เขตอภัยทาน กว่า 140 จุด ใน จ.สมุทรสาคร หลังพบปลาหลบซุกจำนวนมาก หวังลดจำนวนแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ


ซีพีของแทร่ต้องฟ้อง


Atukkit Sawangsuk
13 hours ago
·
ซีพีของแทร่ต้องฟ้อง
ตั้งนานเพิ่งฟ้อง

สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
13 hours ago
·
‘ซีพีเอฟ’ แถลงโต้ ปมปลาหมอคางดำ ระบุ ภาพ-ข้อความเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริง ในโซเชียลฯ-เวทีสาธารณะ เตรียมพิจารณาดำเนินการตามกฏหมาย
วันที่ 30 ก.ค.67 ซีพีเอฟ ระบุว่า พบการใช้ข้อมูลประกอบการสื่อสารในเวทีสาธารณะและสื่อโซเชียลต่างๆ เป็นข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่สังคม และกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรให้ได้รับความเสียหาย เตรียมพิจารณาการดำเนินการขั้นต่อไป พร้อมเตือนประชาชนอย่าเชื่อ อย่าแชร์
นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาและในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 มีการใช้รูปภาพและข้อมูลประกอบการสื่อสารบนเวทีสาธารณะที่เป็นเท็จ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท โดยมีตัวอย่างภาพเท็จและข้อมูลเท็จบางส่วน ดังนี้
ภาพแรกเป็นภาพที่สร้างความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก เป็นการกล่าวอ้างว่าเป็นสภาพบ่อดินของฟาร์มยี่สาร ซึ่งใช้เพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ ปี 2554 ถึง ปี 2557 และกล่าวอ้างว่า “เลี้ยงต่อเนื่องที่ฟาร์มยี่สารตั้งแต่ 2553 ถึง 2560” ซึ่งขอชี้แจงว่า เป็น “การใช้ภาพและข้อมูลเท็จ” เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ฟาร์มยี่สาร และ หลังจากการตัดสินใจไม่เริ่มดำเนินโครงการและยุติการวิจัยเมื่อต้นเดือนมกราคม 2554 และได้ทำลายลูกปลาทั้งหมดแล้ว บริษัทไม่มีกิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับปลานี้อีกเลย ดังนั้น การกล่าวอ้างว่ามีการเลี้ยงต่อเนื่องถึงปี 2560 จึงเป็นข้อมูลเท็จ เสมือนการโกหกที่สร้างความเข้าใจผิดเชิงลบในสังคมต่อองค์กร
ภาพที่สอง เป็นภาพที่กล่าวอ้างว่าเป็นการคัดเลือกไข่ปลาหมอคางดำ เพื่อนำไปขยายพันธุ์/ผสมพันธุ์แล้วนำไปอนุบาลในกระชังในฟาร์มยี่สาร ความเป็นจริงแล้วสถานที่นี้ไม่ใช่ฟาร์มยี่สาร และกิจกรรมดังปรากฎในภาพนี้ ไม่ใช่กระบวนการคัดเลือกไข่ปลาตามวิธีปฏิบัติของบริษัท
สำหรับภาพสุดท้ายเป็นภาพถ่ายทางอากาศของบริเวณฟาร์ม โดยมีการระบุผังของฟาร์ม ซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จ กล่าวคือ กรอบสีแดง ไม่ใช่บ่อเลี้ยงปลาตามที่กล่าวอ้าง ความเป็นจริงคือเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ขณะที่กรอบสีเหลืองที่ระบุว่าเป็นบ่อผสมพันธุ์ปลาและบ่ออนุบาลปลาตามที่กล่าวอ้างนั้น ความจริงคือเป็นบ่อปรับปรุงพันธุ์ปลานิล ปลาทับทิม และปลาทะเล
นอกจากรูปภาพที่บิดเบือนบางส่วนที่นำมาแสดงในวันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อความบิดเบือนอื่นๆ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการทางกฏหมายต่อไป โดยผู้ที่ให้รูปและข้อมูลที่เป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริง ควรต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ร่วมกับผู้ที่ใช้ข้อมูลและรูปภาพดังกล่าวในการสื่อสารในเวทีสาธารณะต่างๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทเห็นด้วยว่า ควรมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางสังคมเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เนื่องจากมีหลายบริษัทที่ซีพีเอฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กลับมีกิจกรรมค้าขายปลาชนิดนี้ในช่วงที่ผ่านมา จึงขอให้สังคมให้ความเป็นธรรมและควรมีการสอบหาเหตุอื่นๆเพิ่มเติมด้วย เพื่อนำข้อเท็จจริงมาร่วมกันพิจารณาหาแนวทางร่วมมือแก้ไขปัญหา ตลอดจนหาแนวทางป้องกันการแพร่กระจายในระยะยาว
สำหรับโครงการความร่วมมือสนับสนุนการแก้ปัญหา 5 โครงการนั้น มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งร่วมมือสนับสนุนกรมประมงที่มีกิจกรรมการจับปลาและปล่อยลูกปลากะพง ซึ่งพบว่าในบางพื้นที่ มีปริมาณปลาลดลงอย่างมาก ล่าสุด ได้เข้าร่วมกิจกรรมจับปลาและมอบปลากะพงเพิ่มเติมกับประมงจังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากนั้นยังได้รับการติดต่อแสดงความจำนงจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอีก 2-3 แห่ง ในการร่วมมือการทำวิจัย ทั้งการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและการวิจัยเพื่อหาแนวทางควบคุมประชากรปลาในระยะยาว
นางกอบบุญทิ้งท้ายอีกว่า บริษัทยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสอบหาข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงอย่างสุจริต ขณะเดียวกันต้องขอปกป้องชื่อเสียงองค์กรจากการใช้ข้อมูลและหรือรูปภาพกล่าวอ้างที่เป็นเท็จ ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเข้าใจผิด ผู้ให้ข้อมูลและหรือรูปภาพเหล่านั้นรวมทั้งผู้ที่ใช้ข้อมูลและรูปภาพดังกล่าว ประกอบความคิดเห็นบนเวทีสาธารณะหรือสื่อต่างๆ ควรรับผิดชอบในการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น โดยจะพิจารณาแนวทางการดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

(https://www.facebook.com/baitongpost/posts/pfbid02gaZNNKvfdcXhQxBwmdu9meS1DedA6vCWGmJNLcCQHudsfKxJXif5dS55S2XrYuM9l?ref=embed_post)


ซีพีเอฟตั้งโต๊ะแถลงโต้ตอบโพสต์ของ Bio Thai ว่ามีการนำภาพที่ไม่ใช่ฟาร์มยี่สารมาระบุว่าเป็นที่เพาะเลี้ยง #ปลาหมอคางดำ มาเผยแพร่ในเฟซบุ๊กและในงานเสวนา โดยภาพดังกล่าวทาง Bio Thai ระบุว่าเป็นภาพที่ได้จากอดีตเจ้าหน้าที่ของฟาร์มและหากมีการดำเนินคดีมาก็พร้อมสู้คดีและเปิดเผยหลักฐานเพิ่ม


MGROnline Live
10 hours ago

·
ซีพีเอฟโต้ปมปลาหมอคางดำ ชี้ข้อมูล-ภาพเท็จบิดเบือน ว่อนโซเชียลฯ-เวทีสาธารณะ #MGROnline #CPF #ปลาหมอคางดำ
อ่านข่าวฉบับเต็ม คลิกที่นี่ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000064413

https://www.facebook.com/watch/?v=809041057992445
.....

@prachatai
ซีพีเอฟตั้งโต๊ะแถลงโต้ตอบโพสต์ของ Bio Thai ว่ามีการนำภาพที่ไม่ใช่ฟาร์มยี่สารมาระบุว่าเป็นที่เพาะเลี้ยง #ปลาหมอคางดำ มาเผยแพร่ในเฟซบุ๊กและในงานเสวนา โดยภาพดังกล่าวทาง Bio Thai ระบุว่าเป็นภาพที่ได้จากอดีตเจ้าหน้าที่ของฟาร์มและหากมีการดำเนินคดีมาก็พร้อมสู้คดีและเปิดเผยหลักฐานเพิ่ม



สังคมไทยไม่พร้อมเกษียณ รายได้ต่ำ ภาระเยอะ เงินเก็บน้อย แก่ก่อนรวย ทำให้ต้องพึ่งพารายได้จากนอกครัวเรือน เช่น เงินช่วยเหลือภาครัฐ


Bank’s Scholarship Students
2 days ago
·
(Jul 28) สังคมไทยไม่พร้อมเกษียณ ภาระเยอะ เงินเก็บน้อย แก่ก่อนรวย : ทุกคนอาจจะไม่รู้ว่า ราว 42% ของครัวเรือนไทยมี ‘หัวหน้าครอบครัว’ ที่มีอายุเกิน 50 ปีและมีรายได้ต่ำ ทำให้ต้องพึ่งพารายได้จากนอกครัวเรือนถึง 1 ใน 3 เช่น เงินช่วยเหลือภาครัฐ เงินช่วยเหลือจากคนนอกครัวเรือน รายได้ไม่เป็นตัวเงิน หรือสิ่งของต่างๆ ที่ได้รับมา นอกจากนั้น ยังมี ‘สินทรัพย์ทางการเงิน’ ติดตัวหลังเกษียณแค่ 9 เท่าของรายจ่ายแต่ละเดือน
หรือพูดง่ายๆ คือ ตอนนี้ประเทศไทยมีบ้านที่พึ่งพา ‘ผู้สูงวัยที่มีรายได้ต่ำ’ มากถึง 42% ของครัวเรือนทั้งหมด โดยรายได้จากการทำงานของผู้สูงวัยเหล่านี้ไม่พอต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือน ทำให้ต้องพึ่งเงินช่วยเหลืออื่นๆ มากถึง 1 ใน 3 และผู้สูงวัยเหล่านี้ยังมีเงินติดตัวสำหรับใช้จ่ายได้แค่ 9 เดือนเท่านั้น แปลว่าถ้าเมื่อไรที่ไม่มีเงินช่วยเหลือเข้ามา หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้เงินเก็บหมด ครัวเรือนเหล่านี้ก็จะประสบปัญหาทันที
ข้อมูลข้างบนนี้กำลังชี้ให้เราเห็นว่า “สังคมไทยอาจจะยังไม่พร้อมต่อการเกษียณ” เมื่อครัวเรือนไทยเปราะบางทางการเงินและสิ่งนี้กำลังจะกลายเป็นความเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจไทยในอนาคต
วัยใกล้เกษียณเงินเก็บน้อย เพราะภาระหนี้-วินัยการออม
ผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey 2023 พบว่า กลุ่มวัยทำงานใกล้เกษียณ (51-60 ปี) ส่วนใหญ่ยังมีสินทรัพย์น้อย โดยเฉพาะคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน เสี่ยงรายได้ไม่พอรายจ่ายหลังเกษียณ โดยจะเห็นได้จาก 45% ของกลุ่มวัยทำงานใกล้เกษียณที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน มีสินทรัพย์สะสมรวมน้อยกว่า 1 ล้านบาทเท่านั้น
ปัญหาสำคัญที่ทำให้คนกลุ่มนี้มีเงินเก็บน้อย มีสินทรัพย์น้อย คือ ภาระหนี้ และ วินัยการออม
กลุ่มวัยทำงานใกล้เกษียณที่มีหนี้ 56% มีสินทรัพย์รวมต่ำกว่า 1 ล้านบาท
กลุ่มวัยทำงานใกล้เกษียณในกลุ่มเก็บออมไม่ค่อยได้มี 57% ที่มีสินทรัพย์รวมไม่ถึง 100,000 บาท
คนวัยทำงานราว 1 ใน 4 ออมไม่ได้เลย ยิ่งรายได้น้อยยิ่งออมไม่ไหว
ลองย้อนมาดูผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey 2023 ตั้งแต่ วัยทำงาน เราจะเห็นชัดขึ้นว่า ปัญหาการออม คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเกษียณในสังคมไทยเป็นเรื่องยาก
คนวัยทำงานที่ออมได้ทุกเดือนมีแค่ 37% เท่านั้น
แบ่งเป็น 18% ออมได้ทุกเดือนตามจำนวนที่ตั้งใจ 19% ออมได้ทุกเดือนจำนวนไม่เท่ากัน
คนวัยทำงานที่ออมได้บางเดือนมี 35%
คนวัยทำงานที่ออมไม่ได้เลยมี 28%
หรือแปลว่าราว 1 ใน 4 ของคนวัยทำงานทั้งหมดไม่สามารถออมได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น คือ ในกลุ่มที่รายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือนมีแค่ 10% เท่านั้นที่ออมได้อย่างสม่ำเสมอ
สาเหตุสำคัญมาจาก ปัญหาภาระรายจ่ายสูงแต่รายได้ต่ำ โดยเฉพาะวัยทำงานอายุ 31 – 50 ปี ที่มีปัญหาภาระหนี้มากกว่ากลุ่มอื่น เพราะได้เริ่มมีหนี้ก้อนใหญ่แล้ว
อายุมาก-รายได้ต่ำ มีวินัยการออมน้อยที่สุด
ด้าน SCB EIC ให้ความเห็นว่า พฤติกรรมการออมจะส่งผลอย่างมากต่อปัญหาแก่ก่อนรวยของคนไทย โดยเฉพาะคนอายุมากและรายได้ต่ำ ที่ผลสำรวจพบว่า มีวินัยการออมน้อยที่สุด ขณะที่ คนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 30 ปี พบว่า สามารถเริ่มออมสม่ำเสมอได้ตั้งแต่ช่วงรายได้ต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ
โดย ภาระค่าใช้จ่าย เป็นอุปสรรคหลักในการออมเงินทุกช่วงวัย ทั้งภาระค่าใช้จ่ากสูงและภาระหนี้ ทั้งหนี้ที่อยู่อาศัยและหนี้รถยนต์ พอเจาะลงลึกไปอีกจะเห็นว่า กลุ่ม 31-50 ปีมีภาระหนี้มากกว่ากลุ่มอื่น คิดเป็นราว 75% ของคนอายุ 31-40 ปีและ 60% ของคนอายุ 41-50 ปี โดยช่วงวัย 31-50 ปีเป็นช่วงที่คนเริ่มก่อหนี้ก้อนใหญ่ ทำให้สัดส่วนผู้มีหนี้เกิน 5 แสนบาทในกลุ่มนี้สูงถึง 30%
อย่างไรก็ตาม สำหรับวัยต่ำกว่า 30 ปีที่พึ่งเริ่มต้นทำงานและเงินเดือนไม่สูงนัก มี รายได้น้อย เป็นอุปสรรคหลักในการออมมากกว่าภาระค่าใช้จ่าย
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่มีผลต่อการออมมากๆ คือ การเก็บก่อนใช้ เพราะคนที่สามารถออมได้สม่ำเสมอทุกเดือน 90% เป็นคนที่ เก็บก่อนใช้ ขณะที่คนกลุ่ม ใช้ก่อนเก็บ บางคนออมไม่ได้เลย จนถึงออมได้ตามที่ตั้งใจไว้
โดย พฤติกรรมเก็บก่อนใช้ ขึ้นอยู่กับ รายได้ เป็นหลัก ส่วนใหญ่พบในกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ คนรุ่นใหม่จะมีพฤติกรรมแตกต่างกันตามกลุ่มรายได้ คือ กลุ่มที่มีรายได้ 30,000 ต่อเดือนขึ้นไปก็เริ่มเก็บก่อนใช้แล้ว (50%) ถือว่าเร็วกว่ากลุ่มอายุเยอะที่จะเริ่มเก็บก่อนใช้ตอนรายได้ 50,000 ขึ้นไป
โดยสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไปสามารถเก็บก่อนใช้ได้มากกว่ากลุ่มอายุอื่น เป็นเพราะว่าภาระค่าใช้จ่ายยังไม่มาก สนใจหาความรู้ทางการเงินมากกว่า และชอบเปรียบเทียบฐานะการเงินกับคนอื่นๆ
แต่ถ้าเป็น คนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน มีคนเก็บก่อนใช้แค่ 25% SCB EIC อธิบายว่า กลุ่มนี้ ยังขาดวินัยการออม ส่วนหนึ่งเพราะใช้จ่ายตามกระแสสังคมมาก ไม่ประหยัดเท่าคนรายได้เท่ากันที่อายุมากกว่า และนำไปใช้จ่ายก่อนเก็บมากกว่าคนรุ่นอื่นๆ ที่มีรายได้พอๆ กัน
คนรุ่นใหม่สนใจลงทุน แต่ขาดแคลนเงินทุน-ความรู้ เลยมีแต่เงินฝาก
สำหรับผลสำรวจด้านการลงทุนของ SCB EIC พบว่า คนอายุน้อยที่มีเงินลงทุนมีสัดส่วนต่ำกว่าคนอายุมากกว่า และยังไม่ค่อยมีสินทรัพย์อื่นนอกจากเงินสดหรือเงินฝาก
แม้ว่าคนรุ่นใหม่ดูจะสนใจและต้องการลงทุนมากกว่ากลุ่มคนอายุมากกว่า แต่ปัญหาขาดแคลนเงินลงทุนและความรู้ความเข้าใจในการลงทุนสินทรัพย์ทางการเงินยังเป็นอุปสรรคสำคัญของคนรุ่นใหม่
กลุ่มรายได้น้อย ต้องดูแลเร่งด่วน ให้เกษียณได้
SCB EIC บอกในช่วงท้ายว่า เพื่อให้คนไทยมีชีวิตหลังเกษียณที่ดีได้ จะต้องมีนโยบายช่วยเหลือและกระตุ้นการออมจึงต้องออกแบบให้เหมาะสมกับคนทำงานต่างวัยในแต่ละกลุ่มรายได้ เพื่อปรับการออมให้เหมาะกับชีวิตของคนไทยแต่ละกลุ่ม โดยแบ่งเป็น
กลุ่มที่ต้องดูแลเร่งด่วน :
กลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐต้องส่งเสริมให้เริ่มออมเร็วที่สุด ผ่านการเพิ่มสัดส่วนการออมตามระดับรายได้ในการออมภาคบังคับ พร้อมส่งเสริมความรู้ทางการเงินการลงทุนด้วยการสอดแทรกเข้าไปในช่องทาง Social media ต่างๆ
กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี รายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐควรช่วยออมและลดภาระผ่านช่องทางภาษีที่จูงใจ เช่น สิทธิลดหย่อนภาษี รวมถึงการต่ออายุเกษียณจาก 60 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาหารายได้นานขึ้น
กลุ่มที่ต้องเพิ่มแรงจูงใจในการออม :
กลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปี รายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐและภาคการเงินควรเพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เพราะมีความเข้าใจการลงทุนสูงกว่าและรับความเสี่ยงได้มากกว่า
กลุ่มอายุมากกว่า 30 ปี รายได้สูงกว่า 50,000 บาทต่อเดือน ภาครัฐควรส่งเสริมพฤติกรรมออมต่อเนื่องได้ถึงเป้าหมาย และเข้าถึงผลิตภัณฑ์การเงินที่ให้ผลตอบแทนเพียงพอกับรายจ่ายที่สูงขึ้น สำหรับวัยใกล้เกษียณ ภาครัฐควรช่วยลดความเสี่ยงฉุกเฉินให้เพิ่มเติม โดยช่วยจ่ายเบี้ยประกันความเสี่ยงที่จำเป็น
โดย Sirarom Techasriamornrat
Source: brandinside
https://brandinside.asia/scb-eic-consumer-survey-2023.../
เพิ่มเติม
งานวิจัยฉบับเต็ม: https://www.scbeic.com/.../In-focus-Consumer-survey-macro...


https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid022kJu4Knrq91DCCTMrYAgzZLL9AK5L14VUrdPu4ZWoHH2T3C6jiKmtwToET9i4DVzl&id=100064623792128


วันอังคาร, กรกฎาคม 30, 2567

‘วิโรจน์’ ก้าวไกล ตอบ ‘วิรัตน์’ เพื่อไทย ‘งบแปร’ กทม.นั่นไง ทำให้ไม่อยากให้คนนอกเข้าไปช่วยกรรมาธิการตรวจสอบ

จะว่าเพราะความเหิมของ สก.รุ่นเก๋าของ กทม. ทำให้กระป๋อง งบแปร ถูกเปิดออกมา แล้วเจอหนอนยั๊วเยี๊ยะในนั้น เดือดร้อน ผู้ว่าฯ จะต้องจัดการชำระล้างงบแปรให้หมดจดได้แล้ว หนุ่มเมืองจันท์ ชี้ ถึงมือสะอาดก็ต้องไม่กลัวเปรอะ

“หลังจากจัดการปัญหา เส้นเลือดฝอยจนเป็นรูปร่างมา ๒ ปี วันนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่คุณชัชชาติต้องกล้าที่จะออกมาชนกับปัญหาเรื้อรังเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจังเสียที” ถ้ากล้าชนจะได้มวลชนหนุนหลัง “ชัชชาติต้องเล่นบทบู๊” แล้วละ

มันเริ่มมาจากพรรคก้าวไกลต้องการตั้งคนนอกสองคน เข้าไปนั่งในกรรมาธิการแปรงบ ๖๘ ของ กทม.แล้วถูก สก.พรรคเพื่อไทยออกมากระแนะกระแหน พยายามคัดค้าน ทั้งที่การแต่งตั้งนั้นเป็นสิทธิ อยู่ในโควต้าของพรรคก้าวไกล

พวก สก.เพื่อไทยเลยถูกฉะว่าเป็นพวก ก้าวก่ายเมื่อวิโรจน์ ลักขณาอดิสร เขียนตอบโต้วิรัตน์ มีนชัยนันท์ สก.มีนบุรี พรรคเพื่อไทย อดีตประธานสภา กทม. ซึ่งเขียนแย้งข้อกล่าวหาของวิโรจน์ก่อนหน้านั้น เรื่องเพื่อไทยค้านตั้งคนนอก

นอกจาก ยันว่าเพื่อไทยยังไม่มีมติใดๆ เกี่ยวกับการตั้งคนนอกของก้าวไกลแล้ว สก.รุ่นเก๋าของเพื่อไทยเลยเถิดไปถึงเรื่อง “เคยมีคนนอกไม่รู้ลึกถึงความต้องการประชาชนแต่ละเขตดีเพียงพอ มีส่วนทำให้เกิดความขัดแย้งในการพิจารณากฎหมาย บางนโยบายไม่สะท้อนความต้องการประชาชน”

แน่ละวิโรจน์จึงท้าให้บอกชื่อมา คนนอกนั้นคือใคร แต่สองคนนอกที่พรรคตนขอตั้งครั้งนี้ อักษรย่อชื่อแรกเป็นตัว อ.ทั้งคู่ “เชื่อว่าหากมีการขานชื่อในที่ประชุมสภา จะได้รับการตอบรับที่ดีจากประขาชน” แล้วก็โพล่งเรื่องงบแปรออกมา

ปัญหามาจากการทุทริตคอรัปชั่นใน กทม.หลายอย่างไม่เฉพาะเรื่องการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย และการจัดซ่อมแอร์ที่อื้อฉาว ล้วนมีกรณีงบแปรเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะงบแปรเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณปกติ ที่แต่ละปีมีประมาณ ๔-๕ พันล้านบาท

ที่จริงอยู่ในอำนาจผู้ว่าฯ สั่งการว่าจะนำไปใช้ในโครงการอะไร แต่ก็ต้องมาจากคำแนะนำของผู้อำนวยการเขต ๕๐ เขต งบแปรในส่วนที่เป็นปัญหา ไม่ดี เกิดจากมีกลุ่ม สก.เข้าไปยุ่งเหยิงเจ้ากี้เจ้าการ มีการล็อคเสป็คบ้าง ล็อคผู้รับเหมาบ้าง

“ซึ่งแต่ละปี มีเงินทอนไปสู่นักการเมืองท้องถิ่น ๔๐๐-๑,๐๐๐ ล้านบาท ต่อปี” วิโรจน์ว่า ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ซึ่งไม่มี สก.อยู่ในสังกัด ก็จะถูกกดดันจากกลุ่ม สก.ให้เป็นไปตามเสป็คของพวกตนอยู่ร่ำไป วิโรจน์ยังว่าถึงเรื่องที่กล่าวหา สก.เพื่อไทยเตรียมฮั้ว

ว่าการคัดค้านตั้งคนนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญ ว่าไปในครรลองปกติก็ไม่จำเป็นต้องค้าน เพราะกรรมาธิการก้าวไกลมี ๖ คน ของผู้ว่าฯ อีก ๙ รวมเป็น ๑๕ ไม่ถึงครึ่งของกรรมาธิการทั้งหมด ๓๖ คน

“หากอยากจะให้งบประมาณของกรุงเทพฯ มีความโปร่งใสสุจริตใช้งานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตนก็มองไม่เห็นว่ามีเหตุผลอะไรที่พรรคเพื่อไทยจะคัดค้านในเรื่องนี้”

(https://www.facebook.com/sorrayuth9115/posts/0kTeAN1hEbQ และ https://www.facebook.com/sorrayuth9115/posts/ztC2eSxsu)

ทำไมชนชั้นนำไทยจึง ‘หน้าด้าน’ เพิ่มมากขึ้น



28 Jul 2024
101 World
เรื่อง: สมชาย ปรีชาศิลปกุล
ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย

ผมเดาเอาเองว่าคนจำนวนไม่น้อยน่าจะมีอารมณ์ความรู้สึกคล้ายๆ กันและมีความสงสัยว่าทำไมบรรดาชนชั้นนำของไทย (ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นนำที่ศูนย์กลางหรือชายขอบ) จึงมีพฤติกรรม ‘หน้าด้าน’ แสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดและบ่อยครั้งมากขึ้น

ตามพจนานุกรมให้ความหมายของคำนี้ไว้ว่า ‘มีสีหน้าไม่สลดทั้งที่ควรจะอายแต่ก็ไม่อาย โดยปริยายหมายความว่าไม่มีความรู้สึกอายในสิ่งที่ควรอาย‘ แต่สำหรับในที่นี้อยากจะให้นิยามคำว่า ‘หน้าด้าน’ ให้มีความหมายครอบคลุมไปถึงการกระทำบางอย่างที่ตรงกันข้ามต่อหลักคุณค่า หลักการ หรือความเป็นจริงที่ตนเองได้ป่าวประกาศหรือแสดงออกต่อผู้คนให้รับรู้ โดยปราศจากความละอายต่อสิ่งที่ได้กระทำลงไป

ลองนึกถึงข่าวต่างๆ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง การกลับกลอกคำพูดของบรรดาแกนนำนักการเมืองภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคลุง, การแสดงตนว่าเป็นชาวพุทธที่เคร่งครัดแต่กลับพัวพันกับการเรียกสินบนจากเว็บไซต์พนัน, การพร่ำด่าผู้อื่นที่ได้ตำแหน่ง สว. ว่าเป็นสภาผัวเมียขณะที่ตนเองก็ทำในทำนองเดียวกัน, การแสร้งเจ็บป่วยปางตายแต่ภายหลังพ้นระยะเวลาหนึ่งก็แข็งแรงเหมือนโคถึก, การลอกผลงานวิชาการเพื่อตำแหน่ง ดร. ของตนเองแล้วยังหาญกล้าไปวิจารณ์วุฒิการศึกษาปริญญาเอกของผู้อื่น เป็นต้น

นี่เป็นตัวอย่างของความหน้าด้านจำนวนหยิบมือหนึ่งจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างถี่ยิบที่ชนชั้นนำไทยได้กระทำให้ประจักษ์ต่อสาธารณะ

หากเปรียบเทียบกับหลายประเทศ เราจะพบว่าชนชั้นนำในบางประเทศ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือนักการเมือง) เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาว ไม่ว่าจะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบน การคุกคามทางเพศต่อลูกน้อง การโกงกินที่เกี่ยวพันกับอำนาจหน้าที่ แม้จะยังไม่มีคำตัดสินของศาลเกิดขึ้น แต่ชนชั้นนำเหล่านั้นก็เลือกจะใช้วิธีการยอมรับผิดและขอลาออกจากตำแหน่งไปเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

แต่สำหรับชนชั้นนำไทย จำนวนมากล้วนแต่จะยืนยันว่าตราบเท่าที่ยังไม่มีคำตัดสินของศาลก็ต้องถือว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ (รวมทั้งศาลที่ทำหน้าที่ตัดสินความผิดนี้ก็ต้องเป็นศาลไทยด้วยนะครับ แม้จะถูกกล่าวหาในการค้ายาและถูกตัดสินว่าผิดในต่างประเทศก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอับอายแต่อย่างใด)

กรณีของ สว. หญิงท่านหนึ่งที่มีคุณวุฒิสูงส่ง แม้จะถูกเปิดโปงเบื้องหลังกระทั่งแทบไม่แน่ใจว่าเหลืออะไรที่เป็นความจริงอยู่ในตัวเธอบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากการลบโปรไฟล์ที่เป็นปัญหาออกไป

การอ้างอิงถึงหลักการทางกฎหมายย่อมเป็นสิ่งที่กระทำได้ แต่ว่าการดำรงอยู่อย่างชอบธรรมของสถาบันการเมืองรวมถึงบุคคลที่อยู่ในสถาบันเหล่านั้น ไม่ใช่อาศัยเพียงการค้ำยันจากความถูกต้องทางกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียวมิใช่หรือ เช่น หากรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนชอบไปจ้าง ‘เด็กเอน’ มาสร้างความบันเทิงเริงโลกีย์ในงานเลี้ยงของตนเองอย่างเปิดเผย เขาก็ไม่ได้กระทำอะไรผิดกฎหมาย ดังนั้น เขาย่อมสามารถกระทำได้ใช่หรือไม่

ถ้าพวกเขากิน ขี้ ปี้ นอน เช่นเดียวคนเดินดินทั่วไป ก็ไม่จำเป็นที่สามัญชนทั้งหลายต้องก้มหัวให้กับบรรดาคนเหล่านี้

แต่การดำรงอยู่ของชนชั้นนำในสังคม ไม่ได้วางอยู่บนอำนาจบังคับอย่างเป็นทางการหรือที่เรียกว่า ‘กฎหมาย’ ในห้วงเวลาปัจจุบันแต่เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องมีการสร้างคุณลักษณะที่สะท้อนให้เห็นว่ามีความแตกต่างอย่างสำคัญ อันจะทำให้ได้รับการยอมรับนับถือโดยไม่จำเป็นต้องใช้ปืนจี้หัว

ทศพิธราชธรรมคือตัวอย่างหนึ่งของการแสดงให้เห็นคุณลักษณะของผู้ปกครองในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (ไม่ว่าคุณลักษณะดังกล่าวจะมีอยู่ในบุคคลนั้นหรือไม่ก็ตาม) อันทำให้ตนเองมีสิทธิธรรม (legitimacy) เหนือกว่าบุคคลอื่น จำเป็นต้องมีการสร้างประเพณีขึ้นมารองรับเพื่อตอกย้ำถึงสิทธิธรรมดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง

ในระบอบประชาธิปไตย คำมั่นสัญญาของนักการเมืองในการป่าวประกาศระหว่างการเลือกตั้งไม่ใช่เพียง ‘คำสัญญา’ ของนักการเมืองและพรรคการเมืองเท่านั้น แต่นั่นคือ ‘พันธสัญญา’ ที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากไม่กระทำตามก็จะต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองแสดงให้ปรากฏ มิใช่นั้นแล้ว การเลือกตั้งครั้งหน้าใครจะยังเชื่อต่อคำโฆษณาที่เกิดขึ้นในการหาเสียงว่ามันไม่ใช่เพียง ‘เทคนิคการหาเสียง’ ที่พร้อมจะคายทิ้งไปได้อย่างสบายปาก

สังคมไทยก็เฉกเช่นกันกับสังคมอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้เฉพาะกฎหมายเป็นกลไกในการกำกับพฤติกรรมของผู้คน มีการสร้างกฎเกณฑ์กติกาแบบที่ไม่เป็นทางการ มีการใช้ความคิดทางศาสนาเข้ามากำกับ หรือการวางบรรทัดฐานต่างๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งอยากจะเรียกรวมๆ ว่า ‘หลักคุณค่า’ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเกรงกลัวและละอายต่อบาป หรือแม้กระทั่งความพอเพียง ก็คือส่วนหนึ่งของความจำเป็นในการกำกับพฤติกรรมในหมู่ชนชั้นนำ หากใครละเมิดต่อหลักคุณค่าเหล่านี้ก็อาจต้องเผชิญกับการลงโทษ ไม่ว่าการขับออกจากตำแหน่ง การติดคุก การตัดออกจากเครือข่าย

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ไม่ใด้มุ่งหมายให้พวกเขาเป็นคนดีขึ้นมาจริงๆ อาจเป็นเพียงแค่ไม่ให้มีการกระทำแบบประเจิดประเจ้อและจะสั่นคลอนต่อความชอบธรรมของชนชั้นไทยให้อ่อนแอลง

คำถามประการหนึ่งที่อยากทำความเข้าใจเป็นอย่างมากก็คือ ทำไม่ชนชั้นไทยจึงมีพฤติกรรมหน้าด้านเพิ่มมากขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแสดงออกซึ่งความหน้าด้านนั้นย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอหรือความไม่สำคัญของหลักคุณค่าในช่วงจังหวะเวลานั้น หากพิจารณาถึงการกระทำที่หน้าด้านในทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็จะพบว่าจำนวนไม่น้อยอยู่ภายใต้ระบอบอำนาจนิยม

เช่น การใช้เฮลิคอปเตอร์ไปล่าสัตว์เพื่อความบันเทิงใจก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516, การโกงกินค่าหัวคิวแบบมโหฬารของผู้นำรัฐประหารในการซื้อเครื่องบินก่อนเหตุการณ์พฤษภาฯ 2535, หรือการเลี่ยงภาษีในการขายหุ้นของนักการเมืองยุคที่มีอำนาจแทบเบ็ดเสร็จ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าปรากฏการณ์หน้าด้านสัมพันธ์กับระบอบอำนาจนิยมอย่างไม่อาจปฏิเสธ

ระบอบอำนาจนิยมไม่มีการถกเถียง ไม่มีการตรวจสอบ ไม่มีสายตาของสาธารณะเข้าไปกำกับ หรือกล่าวได้ว่าภายใต้ระบอบอำนาจนิยม ความคิดเห็นหรือหลักคุณค่าไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดหรืออาจมีก็เบาบางเต็มทน การดำรงอยู่ของระบอบอำนาจนิยมก็คือ การใช้อำนาจบังคับหรืออำนาจทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุมเป็นหลัก ยิ่งยุคสมัยที่สามารถเข้าไปกำกับกระบวนการยุติธรรมได้ก็ยิ่งทำให้ความหน้าด้านสามารถแพร่กระจายออกไปในหมู่ชนชั้นนำอย่างกว้างขวาง ไม่มีอะไรที่จะต้องเกรงกลัว จะเป็น สว. ที่ไม่ต้องไปประชุมเลยก็ได้ จะใช้บ้านพักของราชการเป็นที่ตั้งบริษัทส่วนตัวก็ได้ จะตั้งลูกเมียมาเป็นที่ปรึกษาก็ไม่เป็นไร จะแสดงอากัปกริยาต่ำช้าแบบไหนก็ไม่มีอำนาจใดมาแตะ ฯลฯ

ขณะที่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ความคิดเห็นของผู้คนมีอิทธิพลไม่เพียงในทางสาธารณะแต่ยังรวมไปถึงการเลือกตั้งที่ส่งผลต่อความมั่นคงของชนชั้นสูง

ยิ่งชนชั้นนำในศูนย์กลางไม่ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของสิทธิธรรม ใช้อำนาจในการดำรงอยู่อย่างดิบๆ ก็ยิ่งทำให้ความหน้าด้านแพร่กระจายออกไปสู่ชนชั้นนำชายขอบมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าสถานะในชายขอบอาจทำให้ต้องมีความรับผิดชอบเกิดขึ้นบ้าง แต่ทางรอดของพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่การยึดหลักคุณค่าในวิถีชีวิต แต่กลับเป็นความพยายามขยับเข้าไปให้ใกล้กับศูนย์กลางของอำนาจมากขึ้น

ความหน้าด้านที่เกิดขึ้นในสังคมไทยจึงไม่ใช่เรื่องความชั่วช้าของปัจเจกบุคคล หากแต่สัมพันธ์กับระบอบทางการเมืองอย่างใกล้ชิด นอกจากความพยายามในการลงโทษต่อตัวบุคคลที่หน้าไม่อายแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปก็คือระบอบการเมืองที่เปิดโอกาสให้ความหน้าด้านสามารถเกิดขึ้นและกระจายตัวอออกไปได้กว้างขวางเฉกเช่นที่กำลังดำเนินอยู่ในสังคมไทยในห้วงเวลานี้

https://www.the101.world/why-thai-elites-are-shameless/


ทักษิณ แวน วิงเคิล


Thanapol Eawsakul
17 hours ago
·
ทักษิณ แวน วิงเคิล
.......
ทักษิณ ชินวัตร ในตอนนี้เข้ากับพลอตเรื่องสั้น " Rip Van Winkle " ของวอชิงตันเออร์วิง นักเขียนชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก
เรื่องราวของชาวอเมริกันเชื้อสายดัตช์ในอเมริกาที่เป็นอาณานิคมชื่อริป แวนวิงเคิลซึ่งได้พบกับชาวดัตช์ผู้ลึกลับดื่มสุราและหลับไปในเทือกเขาแคทสกิลล์ . เขาตื่น 20 ปีต่อมาไปสู่โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมีพลาดปฏิวัติอเมริกา
https://hmong.in.th/wiki/Rip_Van_Winkle
ส่วนทักษิณนั้นเข้านอนตอนหัวค่ำวันที่ 19 กันยายน 2549 แล้วตื่นขึ้นมาอีกที วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เมื่อตัวเองออกจากที่ "คุมขัง" ภายหลังจากทำสัญญาปีศาจกับชนชั้นนำ และหวังว่าจะเป็น "ผู้บริสุทธิ์" เมื่อครบกำหนดการรับโทษแล้ว
ทักษิณในปี 2567 กับทักษิณในปี 2549 (ก่อนรัฐประหาร) ก็ยังเป็นคนเดิม กร่างเหมือนเดิม คิดจะกินรวบเหมือนเดิม
ทักษิณ เป่าเค้กชื่นมื่น ลั่นปัญหาบ้านเมือง
ถ้าเพื่อไทยแก้ไม่ได้ ก็ไม่มีใครแก้ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4702318
แต่ทักษิณเมื่อหลับไปยาวนานกว่า 18 ปี ก็ไม่รู้ว่า
พรรคเพื่อไทยไมไ่ด้ชนเหลือตั้ง 377 เหมือนไป 2548 แต่ได้เพียง 141 เสียในปี 2567
วุฒิสภาที่ทักษิณ "ซื้อ" ไว้ครึ่งสภาในปี 2549 น้น ในปี 2567 เนวินและพวกคุมไว้มากกว่า 160 คน จาก 200 คนแล้ว
พรรคการเมืองคู่แข่งไม่ช่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปัจจุบันมี สส.เพียง 23 ที่นั่ง แต่เป็นพรรคก้าวไกลที่ชนะพรรคเพื่อไทยในปี 2566 มาแล้ว
มวลชนเสื้อแดงที่เคยเป็นฐานเสียงที่มั่นคงได้แตกกระจัดกระจายไปหมดแล้วโดยเฉพาะหลังการตั้งรัฐบาลเปลี่ยนขั้วย้ายค่ายทางการเมือง
นี่เป็นรัชสมัยในหลวงรัชกาลที่ 10 แล้ว
ฯลฯ
.....


เดชา ปิยะวัฒน์กูล
3 days ago
·
สุขสันต์วันเกิดครบรอบ 75 ปีนะครับคุณทักษิณ
คงมีความสุขมากที่ได้กลับมาจัดงานวันเกิดในไทยอีกครั้ง อย่างไรก็ยินดีด้วยครับ
แต่ผมไม่ทราบว่าคุณรู้หรือเปล่าว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม
มันคือความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อคุณทักษิณครับ
ศรัทธาที่เราเคยมี ความหวังที่เราเคยให้ ได้สูญสลายไปแล้ว
คุณทักษิณคงจะฉลองวันเกิดพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวในวันนี้อย่างชื่นมื่น แต่มันเป็นความสุขท่ามกลางความทุกข์ระทมแสนสาหัสของประชาชนทั้งประเทศครับ
พวกเรารู้สึกแย่กับรัฐบาลของคุณทักษิณในทุกด้าน ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจที่คุณคุยนักคุยหนาว่าคุณคือตัวจริง แต่ทำไมมันแย่ระดับวิกฤตขนาดนี้ล่ะครับ? วิกฤตครั้งก่อนผมยังไม่รู้สึกว่ามันแย่ขนาดนี้เลยนะ คนตกงานกันเยอะมากเลยนะครับคุณทักษิณ คุณรู้หรือเปล่า แล้วคุณเชื่อจริงๆเหรอว่าไอ้เงินโปเกม่อนหมื่นนึงของคุณจะช่วยได้โดยที่ตั้งเงื่อนไขให้วุ่นวายขายขี้หน้าขนาดนั้น
ในด้านอื่นก็สิ้นหวังพอกัน โดยเฉพาะความยุติธรรมในสังคม คนตัวเล็กตัวน้อยที่พยายามทำมาหากิน ที่พยายามดูแลตัวเองให้อยู่ได้ในประเทศๆนี้กลับโดนระบบยุติธรรมที่ไม่เหลือความเป็นธรรมลงโทษกลั่นแกล้งต่างๆนานา ในขณะที่คุณทักษิณและพรรคพวกทำอะไรก็ไม่มีวันผิด แม้ก่อทุพภิกขภัยให้เกิดทั่วทุกหย่อมหญ้าก็ยังนั่งตีมึนหน้าตาเฉย แล้วได้ดิบได้ดีกันไป
พรรคพวกที่ไปตีกอล์ฟกับคุณทักษิณส่งคนเข้าวุฒิสภามากมายเป็นประวัติการณ์ โดยที่พวกเราได้แต่นั่งมองตาปริบๆทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆที่เห็นกันอยู่ว่าผิดสารพัดจะผิด
คนไทยมีความอดทนสูงมากเลยนะครับคุณทักษิณ ถ้าเป็นประเทศอื่นผมไม่มั่นใจว่าคุณทักษิณกับพรรคพวกยังจะอยู่ดีมีสุขแบบนี้ได้หรือเปล่า
No place like home...
Then why you do these to your home?
.
สุดท้ายนี้ยังไงก็ขออวยพรให้คุณทักษิณสุขภาพแข็งแรง เส้นเอ็นไม่เปื่อยยุ่ยอีกต่อไป ถึงแม้พวกเราจะไม่รักศรัทธาคุณทักษิณเช่นเดิม แต่ผมเชื่อว่าคุณทักษิณคงได้รับความรักจากคนๆนั้นทดแทน ก็ขอให้รักกันไปนานๆแล้วกันครับ
ด้วยความเคารพและเคียดแค้นชิงชัง
เดชา ปิยะวัฒน์กูล


สภาทนายความเตรียมฟ้องคดีแพ่ง CP กรณีปลาคางดำ แทนที่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายฟ้องคดี รัฐบาลมัวทำอะไรอยู่


เอกชัย หงส์กังวาน
12 hours ago
·
สภาทนายความเตรียมฟ้องคดีแพ่ง CP กรณีปลาคางดำ แทนที่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายฟ้องคดี
รัฐบาลมัวทำอะไรอยู่
.....


สภาทนายความฯ เตรียมฟ้องแพ่ง 'เอกชน-รัฐ' ต้นตอ 'ปลาหมอคางดำ' ระบาด นัดเเถลงใหญ่ 31 ก.ค.นี้

เรื่องเล่าเช้านี้

Jul 28, 2024 

จากกรณีที่มีตัวแทน 14 เครือข่ายจากจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาปลาหมอคางดำ เดินทางมายื่นหนังสือต่อสภาทนายความฯ เพื่อร้องเรียนและยกระดับการแก้ไขผลกระทบจากปลาหมอคางดำระบาดในพื้นที่ โดยเร่งรัดให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน และฟ้องเรียกค่าเสียหายกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและบริษัทเอกชนที่นำพันธุ์ปลาเข้ามาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว

และทางสภาทนายฯ จะจัดตั้งคณะทำงานลงตรวจพื้นที่และข้อเท็จจริง เพื่อหาคนมารับผิดชอบกรณีต้นเหตุการนำเข้าปลาหมอคางดำ และการทำลายปลาหมอคางดำว่าเหตุใดจึงมีการแพร่กระจายพันธุ์ได้ จากนั้นจะฟ้องร้องเพื่อหาค่าชดใช้เยียวยาให้ประชาชนที่เดือดร้อน

ล่าสุด วานนี้ (27 ก.ค.67) มีรายงานข่าวว่า ทางสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะมีการจัดแถลงข่าวถึงความคืบหน้า หลังจากได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะดำเนินการฟ้องทางแพ่งบริษัทเอกชนและฟ้องหน่วยงานรัฐเรื่องความผิดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อรับผิดชอบการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ

ส่วนรายละเอียดเรื่องค่าเสียหายและหน่วยงานใดของรัฐที่จะโดนฟันเอาผิด ขอให้รอติดตามในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป

https://www.youtube.com/watch?v=RmDJUGTGcwU
.....




 

ท่อระบายน้ำสูงเบอร์นี้ "ฝนตกวันนี้ จะระบายวันไหน" ?


@Thairath_News

‘สส.ไอซ์’ ปั่นจักรยานลงพื้นที่ สุดงง! เจอท่อระบายน้ำสูงกว่าพื้นบ้านประชาชน

29 กรกฎาคม : น.ส.รักชนก ศรีนอก หรือ ไอซ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพหลังลงพื้นที่ ซอยกำนันแม้น 13 โดยระหว่างทางได้พบการก่อสร้างถนนใหม่ มีการทำท่อระบายน้ำยกสูงกว่าพื้นบ้านประชาชนหลายสิบเซนติเมตร

“ถนนที่จะทำใหม่ VS บ้านประชาชน

ลำบากใจมากจริงๆ พอพูดเรื่องนี้ โดนหาว่าขวางความเจริญ จะไม่เอาถนนใหม่หรือไง คือเอาถนนใหม่แน่นอน อยากให้มีพัฒนา แต่ทำไมสูงเบอร์นี้ ประชาชนห่วงว่าเมื่อเสร็จแล้วถ้าการระบายน้ำไม่ดีขึ้น น้ำจะท่วมทุกวันที่ฝนตกไหมมม

เหตุเกิดที่ ซอยกำนันแม้น 13 ล่าสุดเขตสัญญาว่าจะเอาออก 20 เซนติเมตร” โพสต์ของ สส.ไอซ์

หลังโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ถึงขั้นแซวว่า ต่อไปจะหมดปัญหาน้ำท่วมถนนแล้ว แต่น้ำจะไหลเข้าไปท่วมบ้านประชาชนแทน บางส่วนเข้ามาให้ข้อมูลว่า พอทำถนนเสร็จ ผิวถนนจะเท่ากับฝาท่อ แต่กรณีนี้ก็ยังดูสูงเกินไปอยู่ดี
.....
วิวาทะ V2
7 hours ago
·
"ฝนตกวันนี้ ระบายวันไหน"
- มิตรฯ
(https://www.facebook.com/share/V8T6vbpQ18jpxzbM/?mibextid=oFDknk)
.....

คนอนุรักษ์
9 hours ago
·
มาจากหลักคิดที่ว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน แล้วจะยกถนนให้สูงกว่า เพื่อที่จะใช้ถนนเป็นเขื่อนป้องกันน้ำท่วมไปในตัว
เป็นแบบนี้ทั่วประเทศ
แต่ที่ไม่บอกให้ประชาชนรู้คือ
พื้นบ้านจะกลายเป็นที่ต่ำ รอรับน้ำท่วม หากมีฝนตกหนัก และน้ำอาจขังนานกว่าปกติ เพราะไม่มีทางระบายน้ำ ติดถนนต้องรอจนกว่าจะมีการสูบน้ำออก จนเกิดวลี"น้ำรอการระบาย"
บางบ้านมีเงินก็ถมพื้นบ้านสูงขึ้นตาม ทำให้เพดานเตี้ยลง ไม่มีเงินก็อยู่ตามยถากรรมไป ฝนตกแม้ไม่หนักเท่าไหร่ น้ำก็เข้าบ้านเดือดร้อนวุ่นวาย ทรัพย์สินเสียหาย
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องคิดใหม่
-----
จากเพจ @รักชนก ศรีนอก
ถนนที่จะทำใหม่ vs บ้านประชาชน
ลำบากใจมากจริงๆ พอพูดเรื่องนี้ โดนหาว่าขวางความเจริญ จะไม่เอาถนนใหม่หรือไง คือเอาถนนใหม่แน่นอน อยากให้มีพัฒนา แต่ทำไมสูงเบอร์นี้ ประชาชนห่วงว่าเมื่อเสร็จแล้วถ้าการระบายน้ำไม่ดีขึ้น น้ำจำท่วมทุกวันที่ฝนตกไหมมม
เหตุเกิดที่ ซอยกำนันแม้น 13 ล่าสุดเขตสัญญาว่าจะเอาออก 20cm

ชีวิตคนรอเป็นอย่างไร ในวันที่อานนท์ไร้อิสรภาพ Talk อะ Rights Podcast คุยกับ ครอบครัวอานนท์ นำภา


Amnesty International Thailand
5 days ago
·
ในวันนี้ที่ไร้อิสรภาพ คนข้างในจะเป็นอย่างไรบ้าง
ในวันนี้ที่ต้องรอ คนข้างนอกต้องใช้ชีวิตอย่างไร
.
Talk อะ Rights Podcast Ep. นี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ชวนทุกคนมาคุยกับครอบครัวของทนายอานนท์ นำภา ทนายความนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เขาคนนี้ถูกดำเนินคดีจากการออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ
.
ในวันที่หัวหน้าครอบครัวไร้ซึ่งความอิสระ คนที่อยู่ข้างหลังต้องใช้ชีวิตอย่างไร ภาระหน้าที่ของภรรยาที่เพิ่มมา ความอบอุ่นของการอยู่พร้อมหน้าที่จางหาย ในวันที่พ่อต้องห่างจากลูกๆ และอีกหลายผลกระทบที่ครอบครัวของทนายอานนท์ต้องเผชิญมีอะไรบ้าง
ติดตามทั้งหมดนี้ได้ในรายการ Talk อะ Rights Podcast
.
วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.30 น. ทาง YouTube, Spotify และ Apple Podcast ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
.
มาทำให้เรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องของทุกคน
.
#TalkอะRightsPodcast #Amnestylnternational #AmnestyThailand #FREERATSADON #ปล่อยเพื่อนเรา #นักปกป้องสิทธิมนุษยชน #อานนท์นำภา #HumanRights #สิทธิมนุษยชน


ชีวิตคนรอเป็นอย่างไร ในวันที่อานนท์ไร้อิสรภาพ | Talk อะ Rights Podcast EP.5

Amnesty International

Jul 25, 2024 
#HumanRights #TalkอะRightsPodcast #Amnestylnternational

“เขากลัวว่าลูกจะจำหน้าพ่อไม่ได้”

📌เสียงสะท้อนจากครอบครัวอานนท์ นำภา ทนายความนักปกป้องสิทธิมนุษยชนผู้ถูกพรากอิสรภาพ และต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ
.
💡อานนท์ คือหนึ่งในผู้ก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เขาเป็นหนึ่งในคนที่ให้การช่วยเหลือเรื่องกฎหมายกับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อกระบวนการยุติธรรม รวมถึงเป็นตัวแทนในการต่อสู้คดีให้กับผู้ที่ตกอยู่ในสถานะเปราะบางและผู้ที่มีความอ่อนไหวในทางคดีสูง
🚨แต่...ภายหลังเขาถูกดำเนินคดีจากการออกมาใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ ชีวิตของเขาและครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปมากมาย
.
❗ เมื่อผู้เป็นพ่อต้องกลายเป็นผู้ต้องขังในคดีความทางการเมืองจนต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำที่พรากให้เขาต้องอยู่ห่างไกลจากครอบครัว ตอนนี้เวลาผ่านมาร่วมปีแล้วที่อานนท์ นำภา ไม่ได้อยู่เฝ้าดูการเติบโตของลูกๆ การเลี้ยงดูจึงเป็นหน้าที่ของผู้เป็นแม่เพียงลำพัง ปัจจุบันยังพบว่าคดีของอานนท์มีทั้งหมด 5 คดี รวมโทษจำคุก 14 ปี 2 เดือน 20 วัน และยังมีคดีอื่นๆ ที่เขาต้องรับชะตากรรมจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมประท้วงโดยสงบ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นช่องโหว่อะไรในกระบวนการยุติธรรม ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ Talk อะ Rights Podcast🕯️
.
✨มาทำให้เรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นเรื่องของทุกคน✨

https://www.youtube.com/watch?v=qI25PWikjoU