วันศุกร์, ตุลาคม 03, 2568

คนที่พูดอยู่นี่คือพระใช่ไหม กิจของสงฆ์?? ออกคลิปด่าคน 🤣🤣

https://www.facebook.com/watch/?v=1110680651226935

อนันต์ อัศวกิตติกวิน
Yesterday
·
คนที่พูดอยู่นี่คือพระใช่ไหม
กิจของสงฆ์?? ออกคลิปด่าคน


ข้อคิดให้เพื่อไทย จากร้านอาหารที่เจ๊งแล้ว

...
Purimbhat Nicompheenanporn
เมนูเดิมไม่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่เสริฟเต็มไปด้วยเศษอาหารบูดเน่าเจนไม่สามารถเรียกได้ว่าอาหารแต่พวกนางแบกกินกันทุกวัน
.....


Pavin Chachavalpongpun 
14 hours ago
·
เป็นพรรคการเมืองที่น่าอนาถและน่ารังเกียจ จน 1 สัปดาห์ผ่านไป พรบ อากาศสะอาดที่ตัวเองเสนอ กลับมาโหวตอีกครั้ง แม่งมาน้อยกว่าเดิมอีก จาก 27% ว่าน้อยแล้ว เมื่อวานมาโหวตแค่ 23% เอาเรื่องความรับผิดชอบในฐานะเป็น สส ก่อน แถมตัวเองคุมตำแหน่งประธาน กมธ นี่คือการดูถูกประชาชนอย่างมาก และความไม่สนใจว่ามลพิษจะฆ่ๅคนไทยได้มากแค่ไหน โถ ยังมีหน้ามาประกาศว่าเพื่อไทยจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง -- ขอเพื่อนๆ อย่าไปเลือกพรรคมันค่ะ

https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/24012269335114837
....



"ท่าทีของสังคม" ที่มีต่อความสำเร็จของเพื่อไทย 2 ปีที่ผ่านมา

https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/1397646611730984

Pakinai Chomsinsubmun 
13 hours ago
·
เมื่อวานเพจพรรคเพื่อไทยโพสต์รายการความสำเร็จของนโยบายที่ผ่านมา 2 ปีในฐานะรัฐบาล ไล่เป็นข้อๆเลย เรียงเป็นตับว่าทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง
พรรคพยายามนำเสนอสิ่งที่มันเป็น fact ให้คนเห็นว่า เฮ้ย กูมีผลงานนะโว้ย
-------
แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่รายการความสำเร็จของนโยบายเพื่อไทย (และเอาจริงๆทุกรัฐบาลที่ผ่านมาสามารถเรียงรายการที่ตัวเองทำสำเร็จได้เหมือนกัน จะมากหรือน้อยคงอีกเรื่อง แต่มันมีที่ทำสำเร็จแน่ๆ)
สิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือ "ท่าทีของสังคม" ที่มีต่อความสำเร็จของเพื่อไทย 2 ปีที่ผ่านมาต่างหาก
-------
ผมขอเอามาพูดอีกรอบว่า "รัฐบาลเพื่อไทยมีผลงาน ไม่ได้เท่ากับ ประชาชนรู้สึกว่ามีผลงาน" ครับ
สองเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
--------
รัฐบาลเพื่อไทยมีความสำเร็จเชิงนโยบายแน่ๆ ดูจากรายการความสำเร็จก็น่าจะยืนยันได้ไม่ยาก พูดภาษาชาวบ้านคือเพื่อไทยเอาหลักฐานมากางให้ดูตรงหน้าเลยว่ากูทำสำเร็จนะ ผลงานกูเยอะแยะไปหมด เอาอะไรมาพูดว่ากูไม่มีผลงาน ?
แต่อีกด้านหนึ่งมีคำถามที่น่าสนใจ หากพิจารณาท่าทีของสังคมที่มีต่อความสำเร็จของเพื่อไทย หากตัดกองเชียร์สีแดงออกไปทั้งหมด เราจะพบว่า "คนไม่ได้รู้สึกว่าเพื่อไทยมีผลงงานอะไร"
แม้กระทั่งตัวผมเองก็ยังรุ้สึกแบบนั้นเหมือนกันทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่ารัฐบาลเพื่อไทยทำอะไรตั้งหลายอย่างสำเร็จแล้ว
ความรู้สึกเหล่านี้มาจากไหน ?
---------
ผมขอยกข้อความจากโพสต์เดิมมาวางตรงนี้ละกัน
เคยบอกไปแล้วว่า "รัฐบาลมีผลงาน" ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกันกับ "ประชาชน "รู้สึกว่า" รัฐบาลมีผลงาน"
รัฐบาลเพื่อไทยมาตายในข้อหลัง คือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ "รู้สึกว่า" รัฐบาลมีผลงานอะไรจับต้องได้แม้ว่าจะทำอะไรหลายอย่างสำเร็จไปแล้วก็ตาม
กองเชียร์แดงจะมองแค่ว่ารัฐบาลทำงานอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง ไล่ได้เป็นสิบๆข้อ ทำออกมาได้เป็นรายการความสำเร็จเรียงได้เป็นหน้ากระดาษ A4 ซึ่งก็ไม่ได้ผิดนะ เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เป็นกองเชียร์แดงเขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ปัญหาเกิดจากปัจจัยพวกนี้
1. เพื่อไทยติดอยู่ในบ่วงวาทกรรมตระบัตย์สัตย์ที่โดนกระหน่ำมาตั้งแต่หลังเลือกตั้ง เพราะการข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายรัฐบาลประยุดเดิม เรื่องนี้สร้างกระแสความไม่พอใจเยอะมาก มีผลให้ไม่ว่าพรรคหรือรัฐบาลจะทำอะไรก็จะโดนวาทกรรมนี้เล่นงาน จนกลบความสำเร็จทางนโยบายของรัฐบาล
2. สังคมให้ความสนใจและโฟกัสกับนโยบายเรือธงของรัฐบาล เช่น เงินดิจิตัล หรือ ซอฟเพาเวอร์ มากกว่าสนใจนโยบายเล็กๆน้อยๆอื่น พอนโยบายเรือธงติดขัด ไปไม่รอด ครึ่งกลางๆ จึงนำไปสู่การสรุปแบบเหมารวมว่า "รัฐบาลไม่มีผลงาน" ซึ่งการเหมารวมนี้ผสมกับอารมณ์ขุ่นมัวของข้อแรกด้วย มันเลยไปกันใหญ่
3. นโยบายคาสิโนของรัฐบาลถูกโจมตีมากกว่าเห็นด้วยจากสังคม ยิ่งตอกฝาโลงคำว่า "ไม่มีผลงาน" ให้แน่นกว่าเดิม แถมโดนด่าสวนกลับมานโยบายที่ดีอื่นๆไม่ทำ แต่จะทำนโยบายคาสิโน (แต่ผมเห็นด้วยกับนโยบายคาสิโนนะ เคยอธิบายไปแล้วว่าทำไมเห็นด้วย)
4. พอรัฐบาลเจอมรสุมคลิปอังเคิล อันนี้จบข่าวเลย คำว่ารัฐบาลไม่มีผลงานกลายเป็นป้ายยี่ห้อของรัฐบาลเพื่อไทยยุคนี้ไปล่ะ
---------
ผมเห็นว่าปัญหาเรื่องความชอบธรรมของเพื่อไทยมีส่วนสำคัญทำให้สังคมไม่รู้สึกว่ารัฐบาลมีผลงานครับ
ตัวอย่างเรื่องนี้ คือ เมื่อสังคมไม่ยอมรับการตัดสินใจทางการเมืองของเพื่อไทย เช่น การข้ามขั้วไปจับมือพรรคฝ่ายลุงหลังเลือกตั้ง 2566 ทั้งๆที่ตอนหาเสียงพูดว่าไม่เอาลุง แม้การตัดสินใจของเพื่อไทยถูกต้องตามระบบรัฐสภา แต่สังคมไม่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด เพราะคาดหวังว่าเพื่อไทยจะต้องทำตามสัญญาไม่เอาลุงด้วยการตั้งรัฐบาลร่วมกับส้มให้สำเร็จ ไม่ข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายลุง
พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น รัฐบาลเพื่อไทยโดนคนด่ามาตลอดทาง (อย่าลืมว่าให้ตัดกองเชียร์แดงออกไปก่อน) ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรสำเร็จคนก็ "ไม่เห็นความสำเร็จนั้น" ซึ่งปรากฎการณ์นี้มีผลทางลบต่อเพื่อไทยมากๆ
------
พี่อ้วนภูมิธรรมเคยพูดว่าเพื่อไทยต้องจ่ายต้นทุนเยอะ ใช่ครับ เพื่อไทยจ่ายต้นทุนเยอะมากจริงๆ จ่ายออกไปจนหมดตัวแถมติดลบด้วย แค่เรื่องข้ามขัั้วนี่แหละ
ความชอบธรรมของเพื่อไทยติดลบหนักเข้าไปอีกกรณีคลิปหลุด อันนี้บ๊ายบายจ้า เอาความสำเร็จนโยบายอะไรมาพูดคนก็ไม่สนใจแล้ว เพราะคนจำได้แค่เรื่องข้ามขั้วกับเรื่องคลิปหลุด
(ส่วนเรื่องนโยบายเรือธง เช่น เงินดิจิตัล อันนี้เพื่อไทย deliver ไม่ได้ทั้งหมดตามสัญญา คนก็มองว่าไม่สำเร็จ)
-------
ดังนั้น วิธีการง่ายที่สุดที่จะทำให้สังคมจดจำความสำเร็จของเพื่อไทยยุคใหม่และยุคต่อไปให้ได้ คือ
1. อย่าตัดสินใจทางการเมืองที่ฝืนความคิดและความคาดหวังของสังคมอีก ให้ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของเพื่อไทย คุณรู้แล้วนี่ว่าต้องจ่ายราคาอะไรบ้าง
2. ต้องเปลี่ยนยกเครื่องเรื่องการสื่อสารทางการเมืองของพรรคที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาโดยตลอด เอาพวกนายแบกนางแบกออกไปจากกระบวนการทำงานของพรรคให้หมดเพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าพรรคไม่สามารถควบคุมปากคนพวกนี้ได้ ทำให้พรรคเสียเครดิตสะสมไปเรื่อยๆ
2.1 หากนักการเมืองในพรรคหรือคนในพรรคดันชอบใจนายแบกนางแบกเพราะ "พูดถูกใจตัวเอง" อันนี้พรรคก็ต้องเรียกมาคุยเคลียร์ความคิดกันให้ชัดเจนว่าต่อไปนี้ทำไม่ได้แล้ว เพราะมีแต่เสียกับเสียต่อพรรค ชอบนายแบกนางแบกยังไงก็ให้เก็บเอาไว้ในใจ เพราะมีผลเสียต่อการสื่อสารของพรรคโดยตรง
3. ให้พึงระลึกเอาไว้เสมอว่า "ตัดสินใจถูกต้องตามหลักการรัฐสภา ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่าทำให้สังคมยอมรับได้เสมอไป" ที่ผ่านมาจุดนี้ทำคุณพังเต็มๆ
4. คำว่า realpolitics ที่ไม่อยู่บนฐานของความคาดหวังของสังคม มันจะกลายเป็น realpolitics ที่ย้อนกลับมาแทงคุณทีหลังโดยไม่มีใครช่วยลดแรงกระแทกให้ (กระแสสังคมช่วยดีเฟนด์)

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10161548191566610&id=539526609




เธอเดินผ่านป่าอย่างแผ่วเบา แต่เสียงของเธอสามารถดังข้ามทวีปต่างๆ ได้ - RIP - นักวานรวิทยา เจน กูดอลล์ ผู้ใช้ชีวิตเพื่อ ชิมแปนซี “What you do makes a difference, and you have to decide what kind of difference you want to make.”

 
https://youtu.be/RX6wo8L7rnY


Sacred Sisters Full Moon Circle
17 hours ago
·
She walked softly through the forest, yet her voice carried across continents.

Jane Goodall was not merely a scientist; she was a soul entwined with nature’s breath.

With patience as her compass and compassion as her creed, she listened to the whispers of chimpanzees and taught humanity to hear.

Her legacy is etched not in stone, but in the living pulse of every creature she defended.

She stood against extinction, against indifference, against despair; undaunted, unyielding.

Her eyes saw not just animals, but kin.

Her hands planted hope where others saw ruin.

And now, though she walks in flesh no more among the trees, her spirit rustles in every leaf, echoes in every call of the wild.

Let us carry her torch; not as mourners, but as stewards.

For Jane Goodall did not vanish.

She became the forest.

~ unknown author
Photo: Twin Cities Public Television

Apr 3, 1934
Hampstead, London
Oct 1, 2025
Los Angeles, CA

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1177981177695997&set=a.542211034606351
.....


Pinkaew Laungaramsri
12 hours ago
·
Jane Goodall เป็นหนึ่งใน Trimates หรือผู้หญิงนักวานรศึกษา สามคน ที่นักบรรพมานุษยวิทยา ผู้ทรงอิทธิพลอย่าง Louis Leakey เลือก เพื่อทำงานศึกษาลิงใหญ่ (great apes) โดยเจน กูดัลล์ ศึกษาชิมแปนซี Dian Fossey ศึกษากอริลลา และ Birutė Galdikas ศึกษาอุรังอุตัง หนึ่งในเหตุผลที่ Leakey เลือกนักไพรเมตศึกษาผู้หญิง ก็เพราะว่า เพศหญิงนั้นมีคุณลักษณะตามธรรมชาติของการกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู อันจะทำให้พวกเธอมีความอดทนและเข้าอกเข้าใจสิ่งมีชีวิตที่พวกเธอต้องใช้เวลายาวนานในการสังเกตและใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้อย่างดี แต่นักไพรเมตศึกษาหญิงทั้งสามคนนั้น ทำได้มากกว่าเพียงความอดทน แต่พวกเธอกลับมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนมุมมองเชิงทฤษฎีเกี่ยวกับไพรเมตศึกษาและท้าทายวิธีคิดแบบชายเป็นศูนย์กลางที่ครองอิทธิพลในการศึกษาไพรเมตมาเป็นเวลานาน
เจน กูดัลล์นั้น ไม่เพียงท้าทายทฤษฎี ชายนักล่า (Man the hunter) ที่ให้ความสำคัญต่อวานรเพศชายในทฤษฎีวิวัฒนาการนิยม ด้วยการชี้ให้เห็นถึงบทบาทของชิมแปนซีเพศหญิงในการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นเป็นนักล่าที่เก่งกาจ เธอยังตั้งคำถามต่อการแบ่งแยก มนุษย์​กับสัตว์ ออกจากกันในไพรเมตศึกษา และการถือมนุษย์เป็นศูนย์กลาง อีกด้วย โดยเห็นว่า ชิมแปนซีนั้น มีความเป็นบุคคล ไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์ กูดัลล์ เล่าให้ฟังว่า เธอเคยส่งบทความไปตีพิมพ์ในวารสารแห่งหนึ่ง แต่กลับถูกส่งคืนกลับมา ให้ไปแก้ไขถ้อยความต่างๆให้ถูกต้อง เช่น ที่เขียนว่า เขา (He) เธอ (She) หรือ ใคร (Who) ได้ถูกขีดฆ่า และแทนที่ด้วย มัน (it) หรือ สิ่งไหน (which) แน่นอนที่ว่าบก.ของวารสารไพรเมตอันมีชื่อเสียงนั้น ย่อมเป็นเพศชาย

กูดัลล์ นั้น ถือว่าเป็นนักไพรเมตศึกษาที่ท้าทายภววิทยาในวิธีคิดของชีววิทยาในโลกตะวันตกที่แบ่งแยกมนุษย์กับสัตว์ และเหยียดสัตว์ลงเป็นสิ่งของ คนแรกๆ ก่อนทีแนวคิดเกี่ยวกับ post-human ทั้งหลายจะถือกำเนิดขึ้นเสียอีก แต่สิ่งที่เธอท้าทาย ไม่ใช่เพียงแนวคิดมนุษย์เป็นศูนย์กลางเท่านั้น หากแต่เป็น มนุษย์เพศชายเป็นศูนย์กลาง หรือปิตาธิปไตยในโลกแห่งไพรเมตศึกษา ที่น้อยคนนักจะพูดถึง

RIP ค่ะ Jane Goodall

หมายเหตุ สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องปิตาธิปไตยในไพรเมตศึกษา ดิฉันได้เขียนบทความไว้ชิ้นหนึ่งเรื่อง เพศ เพศภาวะ และไพรเมตวิทยา ตีพิมพ์ในหนังสือเรื่อง วานรศึกษา ซึ่งมีอ.สุดแดน วิสุทธิลักษณ์ และวรวิทย์ บุญไทย เป็นบก. สามารถหาอ่านได้ในห้องสมุดทั่วไป

https://www.facebook.com/photo/?fbid=24747379904882404&set=a.288638307849904


Wounda's Journey - Jane Goodall Witnesses Release of Chimpanzee Into New Island Sanctuary Site

Feb 5, 2015

For more information, visit www.janegoodall.org, and to support the care of chimpanzees like Wounda become a Chimpanzee Guardian: bit.ly/chimpguardian1 

This amazing video documents the story of Wounda, one of the more than 160 chimpanzees living at the Jane Goodall Institute's Tchimpounga Chimpanzee Rehabilitation Center in the Republic of Congo.

Thanks to the expert care provided at Tchimpounga, Wounda overcame significant adversity and illness and was recently relocated to Tchindzoulou Island, one of three islands that are part of the newly expanded sanctuary. Dr. Jane Goodall was on hand to witness Wounda's emotional release, and now you can too.

Disclaimer: Please note, that Dr. Goodall and the Jane Goodall Institute do not endorse handling or interfering with wild chimpanzees.

https://www.youtube.com/watch?v=ClOMa_GufsA


กิจกรรมรำลึก “ชุมพร ทุมไมย” อดีตช่างไฟฟ้าชาวอุบลราชธานี เป็นครั้งแรกในรอบ 49 ปี หลังจากเสียชีวิตด้วยการถูกแขวนคอ พบศพที่ จ.นครปฐม ขณะออกติดโปสเตอร์ต่อต้านจอมพลถนอม กิตติขจร พี่ชายถึงกับเอ่ยปาก “ควรจัดกิจกรรมแบบนี้มานานแล้ว



ทำบุญรำลึก “ชุมพร ทุมไมย” อดีตช่างไฟฟ้า วีรชน 6 ตุลาฯ 2519 พี่ชายเอ่ยปาก “รอวันนี้มานาน”

ตุลาคม 1, 2025
Isaan Record

กิจกรรมรำลึก “ชุมพร ทุมไมย” อดีตช่างไฟฟ้าชาวอุบลราชธานี เป็นครั้งแรกในรอบ 49 ปี หลังจากเสียชีวิตด้วยการถูกแขวนคอพบศพที่ จ.นครปฐม ขณะออกติดโปสเตอร์ต่อต้านจอมพลถนอม กิตติขจร

พี่ชายถึงกับเอ่ยปาก “ควรจัดกิจกรรมแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาครอบครัวเสียใจกับการจากไปของชุมพรมาก ทำให้แม่ต้องตรอมใจ”
 


คณะทำงาน 50 ปี 6 ตุลา 2519 ได้จัดกิจกรรมการจากไปของ “ชุมพร ทุมไมย” หนึ่งในสองช่างไฟฟ้าที่เสียชีวิตก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ที่บ้านผักแว่น ตำบลยางขี้นก อำภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ภายในงานมีการสวดมาติกาบังสุกุลและถวายเพล จากนั้นมีกิจกรรมอ่านบทกวีรำลึกวีรชน ชุมพร ทุมไมย และวีรชนผู้เสียสละชีพในเหตุการณ์ทางการเมือง

จากนั้นมีกิจกรรมชมภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “สองพี่น้อง The Two Brothers” และ “Last 6 OCT สารคดีสั้น 6 ตุลา ความทรงจำของผู้รอดชีวิต และมุมมองจากคนรุ่นหลัง” และมีการเสวนาหัวข้อ “ชีวิตและความใฝ่ฝันของวีรชนกับความเป็นจริง”

จำ “ชุมพร-วิชัย” ได้เป็นอย่างดี

ปรีดา ข้าวบ่อ อดีตนักกิจกรรมในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ และบรรณาธิการอำนวยการนิตยสารทางอีศาน กล่าวว่า ชุมพร ทุมไมย คนบ้านผักแว่น อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี และ วิชัย เกศศรีพงษ์ศา จากบ้านเมืองแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นวีรชนผู้กล้าแห่งแผ่นดินอีสานที่เสียชีวิตก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 พบศพวันที่ 24 กันยายน 2519

“พวกเราคิดถึงเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคน ตอนนั้นมีการข่มขู่ทำร้ายและเข่นฆ่านักศึกษาประชาชน ชาวไร่ ชาวนา เมื่อครั้งที่จอมพลถนอม กิตติขจร กลับมาประเทศไทย ทุกคนได้ช่วยกันติดโปสเตอร์ต่อต้านเผด็จการ แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก พวกเราถูกล้อมปราบและนักศึกษาส่วนใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หนีเข้าป่า ซึ่งต้องเผชิญปัญหามากมาย เช่น การกินอยู่ การเดินทาง ไข้ป่า ฯลฯ”อดีตนักกิจกรรม 6 ตุลาฯ กล่าว
 

ปรีดา ข้าวบ่อ อดีตนักกิจกรรม 6 ตุลาฯ 2516 และบรรณาธิการอำนวยการนิตยสารทางอีศาน

เขากล่าวอีกว่า เมื่อมีการสืบค้นประวัติเพื่อทำสารคดีเรื่อง “สองพี่น้อง” จึงรู้สึกดีใจมาก เพราะรู้ว่า สองคนนี้เป็นใคร โดยเฉพาะตัวเองที่ทำนิตยสารทางอีศานและอยู่ร่วมในเหตุการณ์คืนออกติดโปสเตอร์ด้วย จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรำลึกถึงเพื่อนทั้ง 2 คนด้วยการทำบุญ

“จากที่ได้พูดคุยกับพี่ชายของชุมพรก็ทำให้รู้ว่า เขารอวันนี้มานานแล้ว ปีนี้ที่รอบครบ 49 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ จึงเป็นการจัดงานเกริ่นไปสู่การจัดงานโอกาสครบ 50 ปี”อดีตนักกิจกรรม 6 ตุลาฯ กล่าว

ในฐานะคนทำหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวอีสาน ปรีดา กล่าวว่า ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอีสานถือเป็นการกล่าวถึงเลือดเนื้อ ชีวิตและจิตวิญญาณ ส่วนตัวพยายามชวนให้สังคมมองเห็นชีวิตของคนในพื้นที่อีสาน ซึ่งถือเป็นพลังให้ทั้งคนรุ่นเดียวกันและคนรุ่นใหม่ได้ทบทวน รำลึก มีความฝันและความหวัง

“อีสานถือเป็นดินแดงแห่งการต่อสู้ แม้คนอีสานจะถูกกดทับทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่รุ่นพ่อ แม่ หรือรุ่น 4 สส.อีสาน ตั้งแต่พรรคสังคมนิคม แนวร่วมสังคมนิยมหรือบุคลากรอีสานหลายคนต่างดีเด่นในการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองและสร้างความเป็นธรรมและความยุติธรรมมาโดยตลอด ถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสายเลือดคนอีศาน”ปรีดา กล่าว
 

รศ.ประจักษ์ บุญอารีย์ อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ ม.ราชภัฏอุบลราชธานี

ขณะที่ รศ.ประจักษ์ บุญอารีย์ อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวว่า ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ได้มีการนำคนไปยิงทิ้งอยู่ที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความขัดแย้งและทำให้เกิดความรู้สึกว่า คนอีสานเป็นคอมมิวนิสต์ โดยบริบทบ้านผักแว่น จ.อุบลราชธานี แต่เดิมเป็นหมู่บ้านที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ผู้เฒ่าผู้แก่มักมีกล่าวว่า “บ้านของข่อยดินดำน้ำชุม ปลาข่อบ้อนคือแข้แก่งหาง ปลานางบ้อนคือขางฟ้าหลั่น จักจั่นฮ้องคือฆ้องลั่นยาว บ้านของข่อยบ่อึกบ่อยาก ปลาปากโตทอหัวเฮือ ปลาขี้ก้างโตสำขา”

อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ ม.ราชภัฏอุบลราชธานี กล่าวอีกว่า จากผญาที่กล่าวไปข้างต้นสะท้อนถึงความผูกพัน จินตนาการและความอารมณ์ขันของคนอีสานกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งอัตลักษณ์ของคนอีสานผูกพันกับธรรมชาติและแหล่งน้ำอย่างแนบแน่น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพ คนอีสานรุ่นนั้นจำนวนหนึ่งต้องการเห็นภาพลักษณ์อีสานและประเทศพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการเป็นสังคมประชาธิปไตย เราได้ทำกิจกรรมหลายอย่างกระทั่งมีการปราบปรามอย่างหนัก

“ตอนนั้นต้องหนี เพราะเป็นคนหนึ่งที่นำนักศึกษาไปฝึกสอนและลงภาคสนามต่าง ๆ จึงถูกเพ่งเล็ง ตอนนั้นหลายคนถูกจับขังไว้ที่สถานีตำรวจ 90 กว่าวัน บางคนหายตัวไปและยังหากระดูกไม่เจอจนถึงทุกวันนี้ ความเสียสละของนักศึกษาในยุคนั้นทำให้เกิดสำนึกและอุดมการณ์ความคิดทางประชาธิปไตยกระทั่งปัจจุบัน”
 

ชุมพล ทุมไมย อดีตข้าราชการตำรวจ พี่ชายของชุมพร ทุมไมย

จากนั้นชุมพล ทุมไมย อดีตข้าราชการตำรวจ พี่ชายของชุมพร ทุมไมย กล่าวว่า ควรจัดกิจกรรมแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมาครอบครัวเสียใจกับการจากไปของชุมพรมาก ซึ่งทำให้แม่ต้องตรอมใจ

“เคยคิดจะทำบุญรำลึกถึงน้องชายตลอดมาดีใจมากที่มีงานในครั้งนี้”ชุมพล กล่าว

การจัดงานรำลึก 2 วีรชน 6 ตุลาฯ 2519 เป็นความร่วมือจากคณะรัฐศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, ญาติวีรชน, คณะทำงาน 50 ปี ตุลา และมูลนิธิทางอีศาน โดยจัดกิจกรรมครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 กันยายน ที่คณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลราชธานี และจัดอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ณ วัดสว่างอารมณ์ ตำบลเมืองแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อรำลึกถึง วิชัย เกศศรีพงษ์ศา อดีตช่างไฟฟ้าที่เสียชีวิตก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ







https://theisaanrecord.co/2025/10/01/the-6-october-event/

The Isaan Record
September 24
·
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2519 หรือ 49 ปีที่แล้ว เป็นวันพบศพ “วิชัย เกศศรีพงษ์ศา” และ “ชุมพร ทุมไมย” อดีตช่างไฟฟ้าชาวอีสานที่ประตูแดง จ.นครปฐม เสียชีวิตหลังจากออกติดโปสเตอร์รณรงค์ทางการเมือง ก่อนเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ
“ผมเชื่อว่า เพื่อนทุกคนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ จะคิดถึง วิชัย (เกศศรีพงษ์ศา) และ “ชุมพร (ทุมไมย)”
ปรีดา ข้าวบ่อ
อดีตนักกิจกรรมในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519
กล่าวในกิจกรรมรำลึก “2 วีรชน 6 ตุลาฯ 19 / 49 ปี 6 ตุลาคม 2519: ประวัติศาสตร์ ความทรงจำ วีรชน และบทเรียนท้องถิ่น” ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา
วันที่ 27 กันยายน เวลา 09.30 น.นี้ ญาติและเพื่อนของวิชัย เกศศรีพงษ์ศา จะจัดกิจกรรมรำลึกการจากไปของเขาที่วัดสว่างอารมณ์ ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์



บ้านเมืองกรูไม่แปลก แต่บ้านเมืองอื่น เค้าทำกันแบบนี้หรือเปล่า⁉️


Suwagee Klampaiboon
September 29
·
...สำหรับประเทศนี้ จบแฟชั่นดีไซน์เป็นดีไซเนอร์ยังติดยศนายพลได้
การมอบปริญญาเอกวิศวกรรมศาสตร์กับทหาร ที่ไม่ได้เรียนในสถาบันนั้น แปลกตรงไหน 
...


Suwagee Klampaiboon
5 hours ago
·
...หนึ่งนาง ผู้เปี่ยมบุญญาวาสนาแม้ไม่ปรารถนา แต่หน้าที่การงานขั้นขึ้นตามแรงเสน่หาและเบ้าหน้า
...หนึ่งนาย แม้นเสาะแสวงหาบุญญาวาสนา แต่ไม่เกิดมาพร้อมกี บารมีไม่เกิด

https://www.facebook.com/suwagee.klampaiboon



คนทำไม่ได้แก้ คนแก้ไม่ได้ทำ ขออภัย อย่ามาโยนขี้ให้ประชาชน


Thanapol Eawsakul
5 hours ago
·
น่าสนใจทั้งๆที่หลายคนเชื่อว่า ถ้ามีประชามติ ยกเลิกหรือไม่ยกเลิก MOU 2543 2544 คนจะ ไปลง ยกเลิก

เพราะเชื่อว่า จะแก้ปัญหา ชายแดนไทยกัมพูชาได้

แต่เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่ จะให้ทำประชามติ ในประเด็นดังกล่าว การสำรวจความคิดเห็นในเพจสรยุทธ ซึ่งถือว่าเป็นเพจที่มากที่สุด และมีทิศทาง เชียร์กองทัพ ใน ปัญหาชายแดนไทย -กัมพูชา

กลับไม่เห็นด้วย

https://www.facebook.com/share/1CvmrAGwrm/

https://www.facebook.com/photo?fbid=24972026552437515&set=a.640340859366090
.....





บทสัมภาษณ์สุรเชษฐ์ หักพาล อันนี้น่าสนใจ เล่าเบื้องหลังการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในสมัยที่เศรษฐา ทวีสินเป็นนายกรัฐมนตรี "ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง" คือ สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขาธิการ ?


Thanapol Eawsakul
3 hours ago
·
บทสัมภาษณ์สุรเชษฐ์. หักพาล อันนี้น่าสนใจ
เล่าเบื้องหลังการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในสมัยที่เศรษฐา. ทวีสินเป็นนายกรัฐมนตรี
ที่ทักษิณขณะนั้นยังอยู่ที่ชั้น 14 แต่เป็นคนบัญชาการเรียก candidate ผบ. ตรทุกคนมาพบและเจรจา เพื่อไม่ให้มีการฟ้องร้องกัน
จนเป็นเหตุที่ทำให้ต่อศักดิ์. สุขวิมล ที่มีอาวุโสอันดับ 4 ได้ขึ้นมาเป็นผบ. ตรในวันที่ 1 ตุลาคม 2567
เนื่องจาก ต้องเกรงใจ "ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง"
ซึ่งสุรเชษฐ์ก็บอกว่าเป็นญาติกับต่อศักดิ์สุวิมล
แล้วจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเป็นสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขาธิการ
จนเป็นเหตุให้ สุรเชษฐ์หักพาล ต้องยอม ให้ต่อศักดิ์แซงไปก่อน 1 ปี
และก็ไม่ได้ตำแหน่งผบ. ตรมาจนถึงปัจจุบันนี้
แต่สุรเชษฐ์ก็กำชับด้วยว่า งานนี้ในหลวงไม่เกี่ยว
https://www.facebook.com/share/r/1FA3uNVHaF/



https://www.facebook.com/photo?fbid=24973455265627977&set=a.640340859366090
https://www.facebook.com/reel/2181418772334209/


"ทักษิณ" ยื่นทูลเกล้าฯ ขออภัยโทษรอบ 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งเรื่องกลับ "กระทรวงยุติธรรม" อ.ปวิน ให้ความเห็น จะพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ เจ้าก็ชนะ คนแพ้ยังเป็นทักษิณเหมือนเดิน



"ทักษิณ" ยื่นทูลเกล้าฯ ขออภัยโทษรอบ 2 สลค. ส่งเรื่องกลับ "กระทรวงยุติธรรม"

2 ต.ค. 2568
ไทยรัฐออนไลน์

"รมว.ยุติธรรม" เผย "สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี" ส่งกลับ "ทักษิณ" ยื่นขออภัยโทษรอบ 2 พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการดูเรื่องข้อกฎหมายค่อยประมวลอีกครั้ง

วันที่ 2 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 กระทรวงยุติธรรมมีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาอนุมัติอย่างไรบ้างนั้น

พล.ต.ท.รุทธพล เผยว่า เรื่องนี้ทราบว่า รมว.ยุติธรรม คนเก่าได้มีการเสนอไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่ตอนนี้เรื่องได้กลับมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว ซึ่งตนก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณา โดยมอบหมายให้ นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ไปตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย และคอยให้ประมวลเรื่องเสนอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนจะสรุปว่าสามารถขอได้หรือไม่นั้น ตนขอให้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาดำเนินการอีกครั้งหนึ่งก่อน ซึ่งตนให้เวลา 3 วัน ก็น่าจะประมาณวันศุกร์ที่ 3 ต.ค. หรือวันจันทร์ที่ 6 ต.ค. จึงจะมีการรายงานมาให้ตนทราบอีกครั้ง แล้วค่อยนำเสนอกลับไปใหม่ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

สำหรับเหตุผลที่เรื่องกลับมากระทรวงฯ ทราบว่าให้เรื่องกลับมาที่ รมว.ยธ. คนใหม่ เพื่อให้ รมว.ยธ. คนใหม่มีความเห็นแล้วค่อยเสนอกลับขึ้นไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง.

https://www.thairath.co.th/news/politic/2886602
.....

Pavin Chachavalpongpun 
 6 hours ago
·
ทักษิณขอพระราชทานอภัยโทษเป็นครั้งที่ 2 แต่ครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกแน่นอน เพราะบริบททางการเมืองมันเปลี่ยนไปแล้ว การขอครั้งแรกนั่นคือช่วงแรกของการทำดีลที่สำเร็จไปแล้ว แต่การขอรอบนี้คือทำหลังจากดีลล่ม ดังนั้น พลังต่อรองของทักษิณแทบไม่เหลือ ไม่มีไพ่หน้าตักอีกแล้ว ทีนี้ การจะพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ จึงเป็นดัชนีชี้วัดตำแหน่งแห่งหนของทักษิณหลังออกจากคุก ถ้าไม่ให้พระราชทานอภัยโทษ นั่นหมายถึงทักษิณหมดความหมายแล้วร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าต้องอยู่ครบปี ทักษิณก็ควรต้องคิดหนักแล้วว่า ออกจากคุกจะทำอะไรได้บ้าง ส่วนตัวคิดว่า หนทางการเมืองของทักษิณมันจบลงแล้ว ทีนี้ถ้าสมมติได้รับพระราชทานอภัยโทษหละ นั่นก็ต้องตีความอีกหลายตลบ อาจตีความได้ว่า เจ้ายังพอเห็นคุณค่าได้บ้าง เอาไว้เป็นตัวสำรองต่อจากอนุทิน หรือเจ้าอาจจะยังเห็นภัยที่มาจากส้ม ดังนั้น การเก็บทักษิณไว้เป็นทาสในเรือนเบี้ยอาจจะยังมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ถ้าทักษิณได้รับอภัยโทษ แม้จะได้อิสรภาพเร็ว แต่นั่นอาจนำไปสู่การเสียฐานเสียงมากขึ้น เพราะคนต้องตีความว่า ทักษิณยังได้ดีลกับเจ้าอีก ยังเป็นพวกเจ้าอีก ยังตอบสนองต่อผลประโยชน์เจ้า สมมติฐานเหล่านี้จะเป็นตัวลดศรัทธาของคนสนับสนุนทักษิณ มองในแง่นี้ จะพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ เจ้าก็ชนะ คนแพ้ยังเป็นทักษิณเหมือนเดิน ที่แพ้กว่านั้น ในกระบวนการขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ ครอบครัวชินวัตรต้องถวายเงินให้เจ้าเพื่อใช้จ่าย "ตามพระราชอัธยาศัย" อีกเท่าใด?

https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/24016659688009135
https://www.thairath.co.th/news/politic/2886602




ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรมคนก่อน ลงนามเห็นว่าไม่ควรให้อภัยทักษิณก่อนกำหนด เพราะทักษิณ "ได้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยยินยอมเดินทางกลับมารับโทษ"



เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรม โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ลงนามเอกสารลับที่ ยธ 0703.4/1204 เรื่อง นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ถึงนายกรัฐมนตรี

โดยสาระสำคัญคือ กระทรวงยุติธรรม พิจารณาแล้วขอเรียนว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ได้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยยินยอมเดินทางกลับมารับโทษ และมีคุณงามความดีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหลายโครงการ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ บค 1/2568 ลงวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้จำคุก นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ 1 ปี จึงเห็นควรยกฎีการายนี้เสีย ตามที่กรมราชทัณฑ์เสนอ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในโอกาสอันควร

https://www.naewna.com/politic/918356









https://www.naewna.com/politic/918356
https://x.com/thestandardth/status/1973714924875768280



เรือรบอิสราเอลสกัดกั้นกองเรือช่วยเหลือมนุษยธรรมที่มุ่งหน้าสู่กาซา พร้อมคุมตัว เกรียตา ทุนแบรย์ และเพื่อน ประชาชนรวมตัวกันที่ประเทศกรีซ อิตาลี ตูนิเซีย และตุรกี เพื่อประท้วงการสกัดกั้นกองเรือของอิสราเอล


Israeli forces board Gaza flotilla, detain Greta Thunberg, other activists

Al Jazeera English

Oct 1, 2025 

The Israeli navy is arresting activists on board an international aid flotilla, sailing to the coast of Gaza. The activists, are among campaigners on more than 40 boats, aiming to break Israel's maritime blockade of Gaza.
 
So far, 13 boats have been stopped and more than 178 people arrested. Israel’s Ministry of Foreign Affairs said in a post on X on Wednesday that “several vessels” of the flotilla were “safely stopped and their passengers are being transferred to an Israeli port”. It wrote that Swedish activist Greta Thunberg, who had been on board the lead ship Alma, “and her friends are safe and healthy”. The ministry also shared a video showing Thunberg. Several ships were targeted by acts of “active aggression”, it said. “Florida vessel has been deliberately rammed at sea. Yulara, Meteque and others have been targeted with water cannons,” it said on Telegram.

Al Jazeera’s Felix Nyawara reports.

Al Jazeera’s Nida Ibrahim explains what will come next for the activists, who have been arrested. Huwaida Arraf is an activist, who's part of the Freedom Flotilla, which is currently sailing for Gaza. She says the international community is failing in its legal obligations, not just towards the flotilla, but also the Palestinian victims of Israel's genocide

https://www.youtube.com/watch?v=zhqCTBKW2B8
.....

เรือรบอิสราเอลสกัดกั้นกองเรือช่วยเหลือมนุษยธรรมที่มุ่งหน้าสู่กาซา พร้อมคุมตัว เกรียตา ทุนแบรย์ และเพื่อน

2 ตุลาคม 2025
บีบีซีไทย

กองทัพเรืออิสราเอลสกัดกั้นเรือบรรทุกความช่วยเหลือที่มุ่งหน้าไปยังฉนวนกาซา และควบคุมตัวนักเคลื่อนไหวบนเรือ รวมถึงเกรียตา ทุนแบรย์ นักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศชาวสวีเดนด้วย

กระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลกล่าวว่า เรือหลายลำที่เป็นส่วนหนึ่งของกองเรือซูมุดโลก (Global Sumud Flotilla - GSF) ถูก "หยุดอย่างปลอดภัย" และกลุ่มบุคคลที่อยู่บนเรือกำลังถูกนำตัวไปยังท่าเรือของอิสราเอล

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า กองทัพเรือได้สั่งให้เรือเปลี่ยนเส้นทาง เนื่องจาก "กำลังเข้าใกล้เขตที่มีการสู้รบ"

เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น กองเรือซูมุดโลกรายงานว่า เรือ 30 ลำยังคง "แล่นมุ่งหน้าไปยังกาซา" และอยู่ห่างจากจุดหมายปลายทาง 46 ไมล์ทะเล

กลุ่มนักเคลื่อนไหวกลุ่มนี้กล่าวหาว่า เรือลำหนึ่งในกองเรือถูก "พุ่งชนในทะเลโดยเจตนา" และยังกล่าวอีกว่าเรือลำอื่น ๆ ถูกยิงด้วยปืนฉีดน้ำขนาดใหญ่

"เรื่องนี้เผยให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความพยายามอย่างสุดโต่งที่ผู้ยึดครองจะต้องทำเพื่อให้แน่ใจว่าฉนวนกาซาจะยังคงอดอาหารและถูกโดดเดี่ยว" กองเรือช่วยเหลือกาซา GSF ระบุบนโซเชียลมีเดีย

"พวกเขาจะโจมตีภารกิจพลเรือนที่สันติ เพราะความสำเร็จของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หมายถึงความล้มเหลวของการปิดล้อมพวกเขา"

กระทรวงต่างประเทศอิสราเอลกล่าวว่า กองเรือ GSF ได้รับแจ้งว่า "กำลังมีการละเมิดการปิดล้อมทางทะเลที่ถูกกฎหมาย" ซึ่งครอบคลุมน่านน้ำใกล้ฉนวนกาซา ถึงแม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเรือเหล่านี้เข้าไปในเขตปิดล้อมหรือไม่

มีการโพสต์ภาพเหตุการณ์สกัดกั้นที่แสดงให้เห็นภาพของเกรียตา ทุนแบรย์ กำลังนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือ โดยมีทหารอิสราเอลส่งน้ำและเสื้อแจ็กเก็ตให้เธอ

การถ่ายทอดสดจากเรือแสดงให้เห็นว่า เรือทั้ง 44 ลำไม่ได้ถูกนำขึ้นฝั่งและขนย้ายไปทั้งหมด

รัฐบาลอิสราเอลประณามความพยายามของกองเรือ GSF ในการส่งผ่านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังฉนวนกาซาที่กำลังถูกสงครามทำลายล้างว่าเป็น "การยั่วยุ" และกล่าวว่า "เกรียตาและเพื่อน ๆ ของเธอปลอดภัย และมีสุขภาพแข็งแรง"

กองเรือ GSF กล่าวว่า เรือหลายลำ รวมถึงอัลมา (Alma) ซึ่งเป็นเรือหลักลำหนึ่ง ตลอดจนเรือซูรีซัส (Surius) และแอดารา (Adara) ถูกสกัดกั้นและย้ายเรือออกไป

ก่อนหน้านี้ กองทัพอิสราเอลถูกกล่าวหาว่า "จงใจทำลายระบบสื่อสารของเรือ เพื่อพยายามปิดกั้นสัญญาณขอความช่วยเหลือ และหยุดการถ่ายทอดสดการนำเรือขึ้นบกอย่างผิดกฎหมาย"

มีรายงานว่า กองเรืออยู่ห่างจากชายฝั่งกาซา 70 ไมล์ทะเลในขณะที่เกิดการแทรกแซง ทางกลุ่มหวังว่าเรือจะมาถึงกาซาในเช้าวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.)


กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลเผยแพร่ภาพขณะควบคุมตัว เกรียตา ทุนแบร์ย นักเคลื่อนไหวชาวสวีเดน จากเรือลำหนึ่ง

ประชาชนรวมตัวกันที่ประเทศกรีซ อิตาลี ตูนิเซีย และตุรกี เพื่อประท้วงการสกัดกั้นกองเรือของอิสราเอล

ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร แห่งโคลอมเบีย ขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตอิสราเอลที่เหลือทั้งหมดออกจากประเทศเพื่อตอบสนองต่อการสกัดกั้นดังกล่าว และประณามว่าเป็น "อาชญากรรมระหว่างประเทศของเนทันยาฮู"

เปโตรยังได้ยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างโคลอมเบีย-อิสราเอล ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2020 และเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวโคลอมเบีย 2 คนที่อยู่บนกองเรือด้วย

ไซมอน แฮร์ริส รองนายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์ กล่าวถึงรายงานดังกล่าวว่า "น่ากังวล" และคาดหวังว่าอิสราเอลจะยึดมั่นตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยมีพลเมืองไอร์แลนด์อย่างน้อย 7 คนอยู่ในกลุ่มผู้ถูกควบคุมตัว รวมถึงคริส แอนดรูว์ส วุฒิสมาชิกจากพรรคซินน์เฟน (Sinn Fein) ด้วย

อิสราเอลได้ขัดขวางความพยายาม 2 ครั้งของกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่จะส่งความช่วยเหลือทางเรือไปยังฉนวนกาซาในเดือน มิ.ย. และ ก.ค.

ในขณะที่รัฐบาลอิสราเอลได้ระบุว่า เรือยอชต์ลำดังกล่าวเป็น "เรือยอชต์สำหรับเซลฟี่" แต่ทุนแบรย์ออกมาโต้แย้งทันควันในการให้สัมภาษณ์กับบีบีซีเมื่อ 28 ก.ย. ว่า "ฉันไม่คิดว่าใครจะเสี่ยงชีวิตเพื่อการแสดงโฆษณาชวนเชื่อ"

หน่วยงานบรรเทาทุกข์ระหว่างประเทศพยายามส่งอาหารและยาเข้าไปในดินแดนปาเลสไตน์ แต่เป็นที่สังเกตว่าอิสราเอลกำลังจำกัดการจัดส่งเสบียง

อิสราเอลอ้างว่ากำลังพยายามป้องกันไม่ให้สิ่งของเหล่านั้นตกไปอยู่ในมือของกลุ่มฮามาส อิสราเอลและสหรัฐฯ ได้สนับสนุนระบบแจกจ่ายอาหารทางเลือกคือ มูลนิธิด้านมนุษยธรรมกาซา (Gaza Humanitarian Foundation - GHF) ทว่าสหประชาชาติปฏิเสธจะร่วมมือด้วย โดยระบุว่าระบบดังกล่าวไร้จริยธรรม

กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติยืนยันเมื่อเดือนที่แล้วว่าเกิดภาวะขาดแคลนอาหารในฉนวนกาซา และหัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมของสหประชาชาติกล่าวว่า เป็นผลโดยตรงจากการ "ขัดขวางอย่างเป็นระบบ" ของอิสราเอลในการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ดินแดนดังกล่าว


ประชาชนรวมตัวกันสนับสนุนชาวปาเลสไตน์และกองเรือ GSF ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.

นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "เรื่องโกหกโดยสิ้นเชิง"

ด้านนายฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ระบุในแถลงการณ์ว่า ฝรั่งเศสได้รับรองว่า "ปฏิบัติการขึ้นเรือใด ๆ ก็ตามจะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

ส่วนทางด้านนายอันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลีกล่าวว่า เขาได้รับคำยืนยันจากอิสราเอลว่ากองกำลังติดอาวุธของอิสราเอลจะไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้คนบนเรือทั้ง 500 คน รวมถึงนักการเมืองฝรั่งเศสและอิตาลีด้วย

"การขึ้นเรือมีการวางแผนไว้แล้ว เรากำลังพูดคุยเรื่องนี้กับ [รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล กิเดียน] ซาร์ เพื่อที่จะไม่มีการใช้ความรุนแรงใด ๆ โดยกองทัพอิสราเอลในเทลอาวีฟ และผมก็ได้รับรองเรื่องนี้กับพวกเขาแล้ว" รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี กล่าว

นายไซมอน แฮร์ริส รองนายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์ กล่าวว่า ไอร์แลนด์ "คาดหวังว่ากฎหมายระหว่างประเทศจะได้รับการยึดถือ และทุกคนที่อยู่บนเรือจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามกฎหมายระหว่างประเทศนั้น"

ในฉนวนกาซา อิสราเอลกำลังเพิ่มกำลังการโจมตีเมืองกาซา ซิตี ขณะที่กลุ่มฮามาสกำลังพิจารณาแนวทางรับมือกับแผนการใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะยุติสงคราม เป็นที่เข้าใจกันว่าผู้ไกล่เกลี่ยจากชาติอาหรับและตุรกีกำลังกดดันให้ฮามาสมีการตอบสนองเชิงบวก แต่ผู้นำระดับสูงของฮามาสกล่าวว่าฮามาสมีแนวโน้มที่จะปฏิเสธ

นายอิสราเอล แคตซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล ออกคำเตือนครั้งสุดท้ายแก่ชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนในเมืองให้อพยพลงใต้ โดยกล่าวว่าผู้ที่ยังคงอยู่ระหว่างการรุกคืบต่อต้านกลุ่มฮามาสจะเป็น "ผู้ก่อการร้ายและผู้สนับสนุนการก่อการร้าย"

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศกล่าวว่า "ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ พลเรือนจะต้องได้รับการคุ้มครองไม่ว่าจะอยู่หรือออกจากเมืองกาซา ซิตี"


https://www.bbc.com/thai/articles/c20z2eqepqlo
https://www.youtube.com/watch?v=zhqCTBKW2B8




"เขมรเหลี่ยมทุกดอก-กัมพูชาการละคร" สำรวจบทบาทสื่อไทยในการกระพือความขัดแย้งไทย-กัมพูชา



"เขมรเหลี่ยมทุกดอก-กัมพูชาการละคร" สำรวจบทบาทสื่อไทยในการกระพือความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

เมื่อ 5 ชั่วโมงที่แล้ว
บีบีซีไทย

ในความขัดแย้งไทย-กัมพูชาครั้งล่าสุด ทำให้เห็นความท้าทายของบทบาทสื่อไทย เมื่อพวกเขาต้องรายงานสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีผลประโยชน์ของชาติเป็นศูนย์กลาง และบางครั้งมันยากที่จะแยกตัวเองออกมาจาก "ความอิน" ได้

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา สรยุทธ สุทัศนะจินดา กล่าวขอโทษสาธารณชนผ่านรายการกรรมการข่าวคุยนอกจอ กรณีขอให้ ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ผู้ดำเนินรายการร่วม อ่านข่าวความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ด้วยสำเนียงกัมพูชาในเชิงล้อเลียน

"มีบางเพจ หรือบางความคิดความเห็นของบางอินฟลูเอนเซอร์ ประณามผมกับน้องไบรท์ ประเด็น [ให้ไบรท์] ล้อเลียนใช้สำเนียงกัมพูชาในเนื้อหาที่เกี่ยวกับข่าว เรื่องนี้รับทราบ ด่าได้ และผมขออภัยจริงๆ

"พอมาย้อนดูแล้ว ยังไงก็ผิด ผิดพลาด" โดยชี้แจงว่าในช่วงที่ผ่านมานำเสนอกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ต่อเนื่องมาจึงมีความรู้สึกร่วมว่า ชาวกัมพูชาที่อพยพเข้ามาในฝั่งไทย "ไม่รู้จักบุญคุณ"

"คือมันอิน ความรู้สึกมันอิน พอมานึกย้อนดู มันมาจบที่หลักการสำคัญของสื่อก็คือเราจะต้องไม่ล้อเลียนอัตลักษณ์ของชนชาติอื่น เพราะฉะนั้นพอมาตกแค่นี้ ไม่มีข้อแก้ตัว" นายสรยุทธ กล่าว พร้อมกับบอกว่าได้ลบคลิปที่มีปัญหาออกทั้งหมดแล้ว

"ทัศนะ" ในรายการเล่าข่าว

ทว่า จากการสำรวจโดยบีบีซีไทย การใช้ภาษา ถ้อยคำ น้ำเสียง ข้อความ และคำพาดหัวต่าง ๆ "ความอิน" ที่นายสรยุทธอธิบายนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเท่านั้น แต่ยังเกิดกับผู้ดำเนินการรายการเล่าข่าวคนอื่น ๆ ด้วย
  • "เขมรเหลี่ยมทุกดอก"
ผู้ประกาศชายในรายการเช้านี้ขยี้ข่าวช่อง 8 กล่าวกับผู้ชมทางรายการขณะรายงานเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (JBC) ระหว่างไทย-กัมพูชา ในวันที่ 16 มิ.ย. ว่า "คุณผู้ชมครับ เดี๋ยวพอตัดเป็นข่าวออนไลน์ ขึ้นบนหน้าจอตรงหัวข้อข่าวไปเลยนะ ต้องบอกแบบนี้ครับ 'เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกเพื่อนกัน' ปากบอกเพื่อนนะฮะ แต่หักเหลี่ยมทุกช็อตจริง ๆ" พร้อมกับแสดงความผิดหวังที่การประชุมดูเหมือนจะล่มไม่เป็นท่า

ในวันที่ 23 ส.ค. รายการทุบโต๊ะข่าวของช่องอมรินทร์ทีวีพาดหัวคลิปในช่องยูทิวบ์ว่า "เหลี่ยมทุกดอกบอกอยากสันติ! เขมรเสริมกำลัง-บิดผล RBC ซุ่มวางบึ้มโจมตีไทย" ขณะที่ผู้ประกาศกล่าวเข้าข่าวโดยพูดว่า "เปิดหลักฐานสำคัญว่า ตอนนี้ เราตั้งเวทีคุยกับกัมพูชา มันได้ประโยชน์จริงหรือเปล่า ที่กัมพูชาบอกกับประชาคมโลกว่าต้องการสันติภาพ แต่ไทยแลนด์รุกรานฉันจังเลย เปิดภาพล่าสุดวันนี้ขึ้นมาเห็นว่า ทหารฝั่งกัมพูชาเคลื่อนกำลังพลต่อเนื่อง..."
  • "กัมพูชาการละคร"
"เราว่ากันด้วยเรื่องของซีรีส์บิดเบือน การละครของกัมพูชาดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้เราจะเห็นนะว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทางฝั่งกัมพูชาเสนอในมุมที่ว่าทหารไทยเอารั้วลวดหนามไปวางตลอดแนว..." ผู้ดำเนินรายการเข้มข่าวค่ำของช่องพีพีทีวี (PPTV) กล่าวเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะเล่าข่าวเกี่ยวกับกรณีความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว

ทั้งนี้ พื้นที่นี้มีปักหลักเขตแดนแล้ว แต่มีหลักเขตที่สองประเทศเห็นไม่ตรงกัน ส่งผลให้เกิดพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ในแนวพื้นที่ทับซ้อน และมีหมู่บ้านชาวกัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย



คำพูดของผู้ประกาศที่ด้อยค่าว่ากัมพูชานั้นเชื่อใจไม่ได้ ยังถูกนำเสนอต่อเนื่องในสื่อต่าง ๆ เมื่อเกิดเหตุที่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชากล่าวหาว่า อีกฝ่ายเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อนในบริเวณพื้นที่แถวช่องบก ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีเขตติดต่อกับพื้นที่ อ.จวมกสาน จ.พระวิหาร ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา

ในวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ผู้ประกาศหญิงในรายการข่าวอรุณอมรินทร์ ทางช่อง 34 HD พูดว่า "ทางเขมรการละครตั้งแต่แนวหน้ายันแนวหลังเลยคุณผู้ชม..." โดยมีผู้ประกาศชายให้เสียงสนับสนุน ขณะที่ฉากหลังขึ้นข้อความว่า "เขมรเปิดก่อน ตั้งกล้องถ่าย ยิง-ระเบิดยั่วยุไทยช่องอานม้า"

"คุณผู้ชม ช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องบอกว่าเราดูละครกันจนอิ่มเลยนะ กัมพูชาการละคร คือตัวเองก็ยิงแท้ ๆ เลยแต่มาบอกว่าทางฝั่งเรายิง ไม่พอ ทุกอย่างมันดูโบ๊ะบ๊ะ จังหวะเหมือนจัดตั้งกันมา..." ผู้ประกาศพูดเข้าข่าวเหตุที่การยิงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ในรายการเช้านี้ที่หมอชิต วันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา

วานนี้ (30 ก.ย.) มีรายงานเกี่ยวกับการฝึกซ้อมของกองทัพอากาศไทยในรายการข่าวเที่ยงไทยรัฐ และหนึ่งในผู้ดำเนินรายการ กล่าวในรายการข่าวว่า "ขออนุญาตฝากบอกทางฝั่งเขมรหน่อยนะ ซ้อมวงรอบปกติ อย่าไปปั่นข่าวหรือปล่อยข่าวเฟคนิวส์ว่าไทยยุแหย่อย่างที่คุณทำกับเราเด็ดขาด"

ขณะเดียวกัน ในรายการก็ขึ้นภาพที่สำนักข่าวดังกล่าวระบุว่า เป็นทหารเขมรที่กำลังหวาดกลัวเมื่อได้ยินเสียงเครื่องบินของไทย และทางผู้ดำเนินรายการก็พูดต่อว่า "ส่วนภาพที่คุณขวัญหนีดีฝ่อ ทหารของคุณตกใจ มา [นั่ง] กองรวมกัน อันนี้ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะมันสะท้อนถึงความในใจและความรู้สึกลึก ๆ ของพวกคุณ"
  • ใช้ถ้อยคำที่ด้อยค่าฝ่ายกัมพูชา
"น่าสงสาร สิ่งที่ควรมี...ไม่มี สิ่งที่ไม่ควรมี...มี ผีที่ไม่ควรมี..มี ข้าวปลาอาหารที่ควรมี...ไม่มี รอบนี้ทหารแขมร์มีเนื้อเศษอยู่สองส่วน และกินกับข้าวเปล่า ข้าวสวย ไอ้สิ่งแบบนี้ควรมีเยอะ ๆ เข้าไว้ แต่เขาก็ไม่มี..." ผู้ดำเนินรายการข่าวอรุณอมรินทร์ กล่าวเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา ในคลิปข่าวที่พาดหัวว่า "คนละโลก! ทหารไทยจัดเมนูอาหารสุดฟิน เขมรกินข้าวกับมด" โดยคลิปดังกล่าวล้อเลียนว่าทหารกัมพูชาทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ต่างจากทหารไทยที่มีเสบียงเหลือเฟือ แถมทหารกัมพูชาต้องทนกินข้าวที่มีมดขึ้นแล้ว

ขณะเดียวกัน ผู้ดำเนินรายการหญิงก็กล่าวเสริมต่อว่า "เป็นแบบนี้มันจะน่าเป็นห่วงนะ เพราะเขาจะกลายเป็นปุ๋ยไม่มีคุณภาพ"

"คุณผู้ชมเชื่อเรื่องเวรกรรมไหม" ผู้ประกาศข่าวรายการข่าวเที่ยงไทยรัฐพูดเมื่อวันที่ 2 ต.ค. "ทหารกัมพูชา ตอนนี้ไม่รู้ว่ากรรมกำลังทำงานหรือเปล่า ป่วยกลางป่า ไม่รู้ว่าไข้ป่าหรือเปล่านะ รถส่งเสบียงเสียกลางทาง น้ำท่วมฐานทหาร ของกินเสบียงก็หมด..."


คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) จาก 8 ประเทศ เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานในพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 (กองกำลังบูรพา) เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงปัญหาในพื้นที่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ตามบันทึกข้อตกลงจากผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68

ด้าน น.ส.กุลธิดา สามะพุทธิ หัวหน้ากองบรรณาธิการโคแฟค (COFACT) ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบข่าวลวงโดยภาคประชาสังคมในประเทศไทยหัวหน้ากองบรรณาธิการโคแฟค และมีหน้าที่มอนิเตอร์ข่าวต่าง ๆ รายวันเพื่อตรวจสอบข่าวลวง บอกกับบีบีซีไทย ว่าพวกเขาเห็นแนวโน้มข่าวที่สื่อหลักนำเสนอในทิศทางปลุกความรู้สึกชาตินิยมหรือสร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจมาจากการที่สำนักข่าวให้พื้นที่กับข่าวเรื่องนี้มากขึ้นตามพัฒนาการของสถานการณ์ แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วปัญหาไม่ได้อยู่ในเนื้อหาข่าว แต่กลับอยู่ในคำพูดของผู้ดำเนินรายการเล่าข่าวมากกว่า

"มันจะนับเป็นข่าวได้ไหมไม่รู้ แต่มันอยู่ในคำพูดของผู้ประกาศที่มันพ่วงมา ที่มันสร้อยเข้ามา" น.ส.กุลธิดา กล่าว

ขณะที่ รศ.รุจน์ โกมลบุตร อาจารย์จากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นกับบีบีซีไทยว่า การแสดงความเห็นในรายการเล่าข่าวไม่ใช่ปัญหาใหม่

เขาบอกว่า การใส่ทัศนคติและความรู้สึกของผู้ดำเนินการเล่าข่าวเป็นปัญหาเรื้อรังยาวนานของการทำงานสื่อไทย นับตั้งแต่เกิดรายการข่าวประเภทนี้ขึ้น ซึ่งเป็นประเภทรายการได้รับความนิยมจากผู้ชม จากการใช้ภาษาเล่าข่าวที่เข้าใจง่าย

"พอผู้ประกาศข่าวเป็นคนเล่าข่าว ก็เริ่มมีเป็นผู้เชี่ยวชาญ เริ่มมีทัศนะลงไปในข่าว ซึ่งมันเป็นปัญหาจนถึงทุกวันนี้ แล้วทัศนะที่ว่าเนี่ย ที่ใส่เข้าไประหว่างดำเนินรายการ ผมคิดว่ามันเป็นผลต่อผู้ฟังนะ เมื่อเปรียบเทียบกับ information (ข้อมูลข่าวสาร) ที่ตรงไปตรงมา แต่วงเล็บด้วยยังไม่นับว่า information นั้น 'ดีหรือเปล่า' ดังนั้นเมื่อ information บวกกับทัศนะเข้าไป มันก็ทำให้ information ไม่ไปในทางที่มันควรจะเป็น" เขากล่าว

นักวิชาการรายนี้บอกว่า การใช้ถ้อยคำเป็นเรื่องที่สื่อต้องระมัดระวัง ควรหลีกเลี่ยงภาษาที่เหยียดหยาม ยั่วยุ แบ่งเขา แบ่งเรา แบ่งดำ-ดี-ชั่ว

"อย่างเช่น คำว่าเขมรการละคร ก็เป็นคำที่ตีตราเขา" รศ.รุจน์ กล่าว "อย่างบางช่องก็พูดถ้อยคำกระตุ้นอารมณ์ เช่น เขมรเอาเด็กมาเป็นโล่มนุษย์ หรือล้อเลียนทหารเขมรกินข้าวเปล่า"

"เวลาอ่านข่าวเขมร นักข่าวไทยก็จะชักสีหน้าว่าไม่เชื่อ อะไรแบบนี้" เขาสะท้อนถึงการแสดงออกด้านอวัจนภาษาของผู้ดำเนินรายการข่าวบางรายการในช่วงนี้

สื่อไทยมีปัญหาใดบ้าง ในการรายงานสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

นักวิชาการด้านสื่อจาก ม.ธรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตว่า หากดูเนื้อข่าวที่มีอยู่ในขณะนี้ ก็พบว่าไม่มีอะไรใหม่ในเชิงประเด็นข่าว แต่เป็นความคืบหน้าจากสถานการณ์เดิมที่ทราบกันอยู่แล้ว

"มันเริ่มวนแล้วนะครับ ถ้าหากเป็นข่าวน้ำท่วมหรือถนนยุบ มันก็แทบจะไปต่อไม่ได้แล้ว"

"แต่ว่าเขาพยายามทำให้มันไปต่อให้ได้ เพราะว่าคนชอบดูมั้ง อันนี้ผมเดานะ เขาเลยพยายามไปต่อให้ได้เรื่อย ๆ ด้วยการใช้มุกเรื่องความเป็นชาติ เรื่องไทยต้องชนะ เขมรต้องแพ้ เราเป็นคนดี เขา (หมายถึงกัมพูชา) เป็นคนเลว เขมรบิดเบือนอีกแล้ว เมื่อใดพวกกัมพูชาจะตาสว่าง"

"แต่ถ้าคนดูไม่เอา เขาก็คงไม่ไปต่อไง แต่ว่าพอทำข่าวแบบนี้ คนดูก็เอา" รศ.รุจน์ กล่าว

นักวิชาการผู้นี้มองว่าเพื่อให้ข่าวรายวันที่ไม่มีประเด็นใหม่มากนักสามารถไปต่อได้และยังครองพื้นที่ข่าวส่วนใหญ่ที่น่าจะถูกใจผู้ชมต่อไปได้ สำนักข่าวจึงใช้ "ท่าง่าย" นั่นคือนำโพสต์ตามสื่อสังคมออนไลน์มาขยายเล่าในข่าว

"มันก็เป็นท่าง่ายกว่าไปทำข่าวสืบสวนสอบสวน ซึ่งยากเย็นแสนเข็ญ ต้นทุนก็แพง งั้นก็ทำข่าวต่อจากอินฟลูเอนเซอร์นี่แหละ ง่ายดี แถมยังได้ตังด้วย"

ทว่า อีกหนึ่งปัญหาที่ตามมาคือ การตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นกับเนื้อหาสื่อสังคมออนไลน์ที่สื่อหลักหยิบยกมาเล่นเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากแหล่งข่าวทางการด้วย

รศ.รุจน์ หยิบยกตัวอย่างเหตุการณ์วันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาต่างแสดงไทม์ไลน์เพื่อโต้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ยิงอาวุธเข้ามาในพื้นที่ก่อน ซึ่งในความเห็นของเขากองบรรณาธิการ (บ.ก.) ปักใจเชื่อได้อย่างไรว่าข้อมูลไทม์ไลน์ของฝ่ายไทยนั้นถูกต้อง

"หรือแม้แต่เหตุทหารเหยียบกับระเบิด โอเค ข้อมูลมันดูน่าจะเป็นไปได้มากว่าเราอาจโดนวางระเบิด แต่ว่าในเชิงการตรวจสอบข้อเท็จจริง คำถามง่าย ๆ ถึงกอง บ.ก. เลยก็คือ ซอร์ส (source -แหล่งข่าว) ของกอง บ.ก. คือใคร เท่าที่ดูซอร์สก็มาจากกองทัพ ซึ่งจะบอกว่าน่าเชื่อถือเสียทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะว่าก่อนหน้าที่เราจะมีปัญหากับเขมร เรายังตั้งคำถามสารพัดกับกองทัพอยู่เลย" ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเสียชีวิตของทหารเกณฑ์ในค่ายทหาร งบประมาณมหาศาลที่นำไปซื้ออาวุธ ไปจนถึงความโปร่งใสของกองทัพ

"แต่ทำไมพอยิงกันตู้มเดียว เราก็กระโดดเชื่อทุกอย่างที่กองทัพพูด อันนี้ผมว่าเป็นเรื่องการตรวจสอบ fact (ข้อเท็จจริง) นะ คือแนวโน้มสื่อตอนนี้ทำหน้าที่เป็นไปรษณีย์ ไม่ได้ตรวจสอบเลยว่า fact มันคืออะไร ซึ่งผมก็ประหลาดใจว่าเขมรพูดอีกอย่าง กองทัพบกของไทยพูดอีกอย่าง มันจะขนาดนั้นได้อย่างไร"

รศ.รุจน์ ติงว่าสื่อมวลชนไม่ควรถือว่าข้อมูลจากหน่วยงานทางการนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้เสมอไป เพราะสุดท้ายตัวสื่อเองจะกลายเป็นเรื่องมือขยายการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐได้ และแท้จริงแล้วสื่อมวลชนไม่ได้มีหน้าที่ขยายสารของกองทัพ


ทุ่นระเบิด PMN-2

เช่นเดียวกัน น.ส.กุลธิดา หัวหน้ากองบรรณาธิการโคแฟค เสริมว่าสื่อมักจะรู้สึกปลอดภัยเมื่ออ้างข้อมูลจากรัฐ แต่ก็ต้องระมัดระวังด้วยว่าอาจกำลังขยายการสื่อสารที่ทางกองทัพพยายามสร้างขึ้นมาด้วย

"คิดว่าต้องติดไว้หน่อยว่า กองทัพบกเองก็สื่อสารในทิศทางสร้างความรู้สึก พอสื่อรายงานแถลงหรือสิ่งที่กองทัพพูด ก็ช่วยกันขยายแฮชแท็กที่กองทัพบกสร้างขึ้นมาด้วย"

พร้อมกันนี้ ทั้งคู่ยังตั้งข้อสังเกตการทำงานของเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า "กองทัพบก ทันกระแส" ที่เหมือนทำหน้าที่สื่อสารเกี่ยวกับกรณีไทย-กัมพูชา ด้วยบทบาทที่ รศ.รุจน์ อธิบายว่า "แบบพับแขนเสื้อเป็นนักเลงเล็กน้อย" คู่ขนานไปกับสื่อทางการของกองทัพ ขณะที่ทาง น.ส.กุลธิดาก็เห็นว่า มีสื่อหลักนำเนื้อหาต่าง ๆ ของเพจนี้ไปเล่าต่อในข่าว

จากการสำรวจโดยบีบีซีไทยพบว่า หลายครั้งที่เพจนี้ใช้ภาษาที่ตีตราและลดทอนความน่าเชื่อถืออีกฝ่าย

ก่อนหน้านี้ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) จ.ฉะเชิงเทรา จากพรรคประชาชน เคยแสดงความกังวลว่า เพจดังกล่าวอาจบ่มเพาะให้เกิดความขัดแย้งซึ่งมีผลต่อบรรยากาศการหยุดยิงระหว่างสองฝ่าย

ทว่า พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกเคยชี้แจงแล้วว่า เพจดังกล่าวไม่ใช่เพจทางการของกองทัพ แต่มีบทบาทในการสื่อสารข่าวสารให้ทันต่อสถานการณ์ เน้นภาษาเข้าใจง่าย เข้าถึงคนรุ่นใหม่ "และป้องกันการบิดเบือนข้อมูลทำให้คลาดเคลื่อนในเบื้องต้น ก่อนที่เพจทางการจะเผยแพร่ข้อมูลอย่างเป็นทางการตามกระบวนการที่ถูกต้อง เหมาะสม ซึ่งย่อมต้องใช้เวลาในการกลั่นกรองถ้อยคำที่มากกว่า อาจส่งผลทำให้ข้อมูลที่ถูกต้องสื่อสารได้ล่าช้า ไม่ทันท่วงที"

นอกจากนี้ โฆษกกองทัพบกยังเน้นย้ำว่า การสื่อสารรูปแบบนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ไม่ใช่การปลุกปั่นหรือยั่วยุตามที่ถูกตั้งข้อสังเกต

สื่อหลักเป็นส่วนหนึ่งในการขยายข่าวลวงที่กระพือความเกลียดชังกัมพูชาอย่างไร

น.ส.กุลธิดาบอกกับบีบีซีไทยว่า นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. เป็นต้นมา หรือวันที่เกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทางโคแฟคพบว่า มีข่าวลวงทุกรูปแบบเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกุโควตคำพูดทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พูด การนำคลิปเก่าที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยมาอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา การใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอมาตัดต่อภาพ หรือปลอมแปลงเป็นบุคคลอื่นในลักษณะดีพเฟค (Deepfake) เป็นต้น ซึ่งเธอเห็นว่า แนวโน้มเนื้อหาข่าวลวงที่ผลิตโดยเอไอมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

"อย่างที่เห็นคอมเมนท์ในโคแฟค หลายคนจะคิดว่าคุณไป fact check (ตรวจสอบข้อเท็จจริง) ทำไม คือบางคนเขาก็รู้ว่ามันปลอม แต่มันป่วนเขมรดี" เธอกล่าว

เมื่อสอบถามว่าเนื้อหาข่าวลวงส่วนใหญ่มีที่มาจากแหล่งใด ทางหัวหน้ากอง บ.ก. ของโคแฟค ตอบว่า เนื้อหาดังกล่าวมักเกิดขึ้นโดยผู้ใช้ (user) สื่อโซเชียลมีเดียหรือสื่อสังคมออนไลน์ทั่วไป เนื่องจากปัจจุบันเจ้าของแพลตฟอร์มต่าง ๆ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถทำรายได้จากเนื้อหาที่โพสต์ จึงทำให้เกิดการผลิตเนื้อหาที่เป็นข่าวลวงจำนวนมากตามมา ซึ่งสนใจเพียงยอดเข้าถึง (reach) และจำนวนการมีส่วนร่วม (engagement) เป็นหลัก

"ที่เจอคือเป็นผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั่วไป บางคนยอดติดตามไม่ได้เยอะ แต่ว่าโพสต์ของเขาที่เกี่ยวกับกัมพูชายอดวิว ยอดแชร์ ทะลุหลักล้าน ทั้งที่โพสต์อื่น ๆ มีแค่หลักร้อย ก็ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั่วไปที่หารายได้จากเนื้อหาจริง ๆ" น.ส.กุลธิดา กล่าว



ส่วนวัตถุประสงค์ของเนื้อหาข่าวลวงต่าง ๆ เธอเห็นว่ามักอยู่ในประเด็นล้อเลียน ล้อเล่น ด้อยค่าฝ่ายกัมพูชา หรือแสดงความเหนือกว่าของฝ่ายไทย เช่น กรณีการสร้างภาพด้วยเอไอบิดเบือนว่าสมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชามีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา หรือกรณีที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์พากันแชร์คลิปการซ้อมปฐมพยาบาลของบุคลากรสาธารณสุขของกัมพูชา โดยระบุว่าเป็นคลิปซ้อมห่อศพและเคลื่อนย้ายร่างทหารที่เสียชีวิต

"อันนี้พีพีทีวีนำไปรายงานข่าวค่ำ ผู้ประกาศก็คุยกันสนุกสนานว่ายังไม่จะรบเลย ซ้อมตายเสียแล้ว ในเชิงล้อเล่นขำ ๆ แม้ผู้ประกาศออกตัวว่าไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้คืออะไรกันแน่ มันก็กลับไปสู่คำถามว่าถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วคุณนำมาเสนอได้อย่างไร" เธอกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่นำคลิปอดีตทหารกัมพูชาซึ่งเป็นคนแก่มาเผยแพร่ต่อว่ากำลังร่ำลาลูกสาวเพื่อไปรบที่ชายแดน แต่ทางโคแฟคตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ชายชราคนดังกล่าวมาซื้อยาใน จ.มณฑลคีรี และชาวกัมพูชารายหนึ่งได้ถ่ายคลิปไว้เพราะเห็นว่าน่าสงสาร โดยจุดเริ่มต้นมาจากเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า Army Military Force ซึ่งนำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ในวันที่ 5 ส.ค. และเขียนคำบรรยายว่า "พลทหารวัย 87 ปี กำลังรอเพื่อลาลูกสาว (ลูกสาวเป็นเภสัชชุมชน) เพื่อไปเสริมกำลังที่แนวหน้า" โดยคลิปนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 2.9 ล้านครั้ง

ทั้งนี้ บีบีซีไทยพบว่าเพจ Army Military Force เป็นสื่อนำเสนอข่าวเกี่ยวกับทหารและยุทโธปกรณ์ โดยทางเพจออกตัวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพ

ต่อมา ทางโคแฟคพบว่าคลิปดังกล่าวถูกเพจเฟซบุ๊กไทยรัฐนิวส์โชว์ นำไปเผยแพร่ต่อในวันที่ 6 ส.ค. 2568 ต่อ โดยพาดหัวว่า "พลทหารกัมพูชาวัย 87 บอกลาลูก เตรียมตัวไปเสริมกำลังที่แนวหน้า" ก่อนจะลบโพสต์ในเวลาต่อมา เมื่อทางโคแฟคเฉลยว่า ข้อเท็จจริงของคลิปดังกล่าวเป็นเช่นไร

"แต่เราก็พบว่าแม้ไทยรัฐลบคลิปไปแล้ว หลายวันผ่านไป ข่าวนี้ก็ยังถูกเล่าในรายการวิทยุของ MCOT คลื่น FM 100.5 ซึ่งเป็นคลื่นข่าว" น.ส.กุลธิดา กล่าว และเสริมว่า กรณีเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าข่าวลวงถูกนำไปขยายโดยสื่อหลักได้อย่างไร



เธอยกตัวอย่างย้อนกลับไปวันที่ 25 ก.ค. หรือหนึ่งวันหลังเกิดการปะทะ ทางโคแฟคพบว่า เพจกรรมกรข่าวของสรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 5 ล้านราย ก็รายงานเนื้อหาจากเพจ Army Military Force ที่ระบุว่าทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งต่อมาทางกองทัพระบุว่า ไม่เป็นความจริง

"แม้ข่าวนี้ไม่ได้อยู่ในช่อง 3 แต่มันเผยแพร่ผ่านช่องกรรมกรข่าวทางยูทิวบ์ ประมาณหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปก็พบว่า คลิปดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกลบออก แล้วคลิปของสรยุทธที่เล่าข่าวนี้มันถูก [ผู้ใช้] ตัดไปลงติ๊กตอก (TikTok) จำนวนมาก แล้วคนทั่วไปเวลาเขาได้ยินเสียงสรยุทธ เขาก็เชื่อไปแล้วว่า 50-60% ว่า ข่าวนี้มันจริง มันถูกตรวจสอบมาแล้ว" หัวหน้ากอง บ.ก.โคแฟค กล่าว

น.ส.กุลธิดาเห็นว่า การทำงานในลักษณะนี้ ยิ่งทำให้เกิดคำถามต่อกระบวนการบรรณาธิกรข่าวของกอง บ.ก. ข่าวแต่ละสำนักอย่างปฏิเสธไม่ได้ และทำให้เห็นว่าสื่อหลักมีแนวโน้มนำเนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์มาเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้ตรวจสอบที่มาและข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน ทั้งที่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นช่องทางให้สื่อหลักได้ส่งผู้สื่อข่าวไปทำงานในพื้นที่จริงอย่างมืออาชีพ

"สื่อที่ดี โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ มันควรเป็นจะเป็นการนำเสนอข่าวด้วยนักข่าวที่ไปเห็นด้วยตาจริง ๆ ซึ่งคิดว่าสื่อก็มีทีมงานจำนวนมากอยู่แล้ว และผู้สื่อข่าวก็พร้อมมากที่จะนำเสนอสิ่งที่เขาเห็น มันเสียโอกาสที่เขาจะได้รายงานจากพื้นที่จริง แต่ต้องมานั่งรายงานเนื้อหาจากโซเชียลแทน"

เธอเสริมด้วยว่า ปัจจุบันเนื้อหาของสื่อต่าง ๆ นำเสนอข้ามแพลตฟอร์มเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ชมมากขึ้น และอัลกอรึทึมของแพลตฟอร์มต่างๆ ก็มีแนวโน้มแสดงเนื้อหาตามความ "ถูกใจ" ของผู้ใช้งาน และนั่นยิ่งทำให้ข่าวลวงเดินทางออกไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น

ในฐานะผู้คลุกคลีกับข่าวลวง น.ส.กุลธิดาบอกว่า ผู้คนไม่ควรประเมินอันตรายจากข่าวลวงต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะข่าวลวงเหล่านี้สามารถนำมาซึ่งความรุนแรงทางกายภาพได้

อย่างปัจจุบัน ทุกวันที่เธอนั่งมอนิเตอร์ข่าวและเนื้อหาต่าง ๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ ก็ยังเห็นบัญชีจำนวนหนึ่งที่ออกไล่ล่าทำร้ายแรงงานชาวกัมพูชาในไทย พร้อมกับอัดคลิปในทำนองว่า ตนเอง "จัดการให้แล้ว"

"เราไม่รู้หรอกว่า [ข่าวลวง] มันกำลังบ่มเพาะอะไรในใจคน หรือมันกำลังสร้าง mindset (ชุดความคิด) แบบไหนในประชาชนของเรา พูดง่าย ๆ คือสักวันหนึ่งถ้ามันกลายเป็นความรุนแรงต่อกันจริง ๆ ในเชิงกายภาพ เราจะอยู่กันแบบไม่สงบสุขเลย มันจะทำลายสันติสุขในสังคมระยะยาว ต่อให้ไม่มีปัญหาเรื่องชายแดน"


ข้อสรุปโคแฟค คือ ภาพนิ่งที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า "เดชา นฤนารท" นำมาอ้างเท็จว่าเป็นการเคลื่อนพลของทหารเขมรนั้น เป็นภาพที่นำมาจากคลิปที่ถ่ายในเมืองชเวโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ไม่ใช่ภาพ "ทหารเขมร" ตามที่ผู้โพสต์อ้าง อย่างไรก็ตาม โคแฟคยังไม่สามารถระบุที่มา เหตุการณ์และวัน-เวลาที่ถ่ายคลิปได้

หัวหน้ากอง บ.ก. ของโคแฟค บอกกับบีบีซีไทยด้วยว่า ในช่วงหลัง ๆ ยังพบข่าวลวงที่ "ทำให้เห็นความพยายามอยากให้มีการรบ" เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย

กรณีล่าสุด ในห้วงวันที่ 22-25 ก.ย. ที่ผ่านมา โคแฟคตรวจสอบพบว่า ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในไทยจำนวนมากนำคลิปงานสถาปนากองอาวุธราชหัตถ์ของกัมพูชาที่เกิดขึ้นในเดือน ก.ค. ปีที่แล้วมาอ้างว่า เป็นคลิปทหารกัมพูชากำลังเติมกำลังในแนวหน้า หรืออ้างว่าเป็นกองกองบัญชาการองครักษ์ (BHQ) กำลังเคลื่อนพล รวมถึงนำภาพทหารในเมืองชเวโก๊กโก่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยงของเมียนมา มาอ้างว่าเป็นทหารกัมพูชาหลายพันนายกำลังเคลื่อนพลสู่ชายแดนไทย เป็นต้น

"ในแง่วัตถุประสงค์ เราอาจไม่ได้ทำวิจัยชัดเจน แต่อย่างกรณีเสริมกำลัง คิดว่าในนัยหนึ่งมันอาจจะเป็นเหมือนกับความพยายามอยากให้มีการรบ ส่วนความรู้สึกว่าอยากให้ทหารปิดจ๊อบ ปิดจบสักที มันมีอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นเนื้อหาที่บอกว่ากัมพูชาเอาอีกแล้ว เสริมกำลังอีกแล้ว มันอาจเป็นการกระตุ้นให้กองทัพทำอะไรสักอย่าง สร้างแรงกดดันให้ประชาชนรู้สึกว่ากัมพูชายังไม่นิ่ง ทหารควรทำอะไรได้แล้ว" น.ส.กุลธิดากล่าว

"วงเกลียวแห่งความเงียบ" ปัญหาเมื่อสื่อพูดเหมือนกันหมด

รศ.รุจน์ กล่าวเสริมว่า เมื่อพิจารณาจากปัญหาของการทำงานสื่อข้างต้น อีกปัญหาหนึ่งที่จะตามมา และเขาค่อนข้างเป็นกังวล คือ ภาวะ "วงเกลียวแห่งความเงียบ (Spiral of Silence)" ซึ่งทำให้เสียงที่แตกต่างหรือผู้ที่คิดว่า ตนเองเป็นเสียงข้างน้อยไม่กล้าแสดงความเห็น หรืออาจจะกล่าวได้ว่าแทบไม่มีพื้นที่ให้คนเหล่านี้

"พอเห็นสื่อพูดเหมือนกันหมด mood and tone (อารมณ์และโทน) เดียวกัน ใช้ซอร์สแหล่งเดียวกัน ในที่สุดมันจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ 2 อย่าง อันที่หนึ่ง คือ คนที่มีความเห็นต่างจะคิดว่าเราเป็นเสียงส่วนน้อย เราไม่น่าจะถูก อันที่สอง คือ คนที่กล้าพูด ใจแข็งหน่อย ก็ต้องเจอปัญหาทัวร์ลง ซึ่งก็ต้องนับถือเขานะครับ ไม่ว่าสิ่งที่เขาออกมาพูดมันจะถูกหรือผิด ชอบหรือไม่ก็ตาม"

รศ.รุจน์ ยกตัวอย่างผู้ที่ถูกทัวร์ลงล่าสุด คือ ศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ออกมาแสดงความเห็น ว่าคนไทยกำลังเชื่อผิด ๆ จากการคิดว่า ประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากการปิดด่านชายแดน เพราะมองว่าเป็นการลงโทษกัมพูชาให้เกิดความย่อยยับทางเศรษฐกิจ ทั้งที่ฝ่ายที่เจ็บหนักกว่าคือไทย

เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยที่ถูกกระแสตีกลับในสื่อสังคมออนไลน์ หลังสื่อกัมพูชารายงานว่าการปิดด่านชายแดนกระทบกับบริษัทญี่ปุ่น และ อูเอโนะ อาสึชิ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกัมพูชา ขอให้ทั้งสองประเทศเปิดด่าน เนื่องจากนี้การลงทุนของญี่ปุ่นในประเทศไทยเกิดขึ้นภายใต้นโยบายไทยแลนด์พลัสวัน (Thailand Plus One) ซึ่งเป็นการลงทุนในประเทศไทยพ่วงการขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV)

"เขาไม่ได้เข้าข้างใครเลยนะครับ เขากำลังทวงสัญญาจากเราที่ไปดึงให้เขาเข้ามาลงทุน" รศ.รุจน์ กล่าว และเสริมว่าหากเกิดปัญหาภาวะวงเกลียวแห่งความเงียบขึ้น จะยิ่งทำให้สังคมไม่เห็นความเป็นไปได้อื่นในการหาทางออกจากวิกฤตความขัดแย้งครั้งนี้

"ผมเห็นว่าเราต้องการเสียงแบบนี้ แม้ว่าเสียงเหล่านั้นมันจะถูกมองว่า 'ผิด' แต่เราต้องส่งเสริมให้เสียงอื่น ๆ มันออกมา เพราะในสถานการณ์แบบนี้เสียงที่แตกต่าง มันมีแนวโน้มจะเงียบตัวเอง" เขากล่าว

เป้าหมายการทำงานของสื่อควรเป็นอย่างไร

นักวิชาการด้านสื่อจาก ม.ธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นต่อว่า ในเวลานี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันหมดว่าประเทศกำลังอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้ง ดังนั้นสื่อเอง รวมถึงผู้ชม ก็ควรตั้งสติแล้วว่า เป้าหมายการสื่อสารควรดำเนินไปในทิศทางใด และมีเป้าหมายพาสังคมไปในทางไหน

"คือพวกคุณจะเล่นยอดรีชแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใช่ไหม ซึ่งผมก็จะบอกว่าข่าวมันเริ่ม out (เก่า) แล้วนะ โดยตามเนื้อผ้ามันแทบจะไปต่อไม่ได้แล้ว แต่ว่ามันยังเอ็นจอย (enjoy) อยู่ใช่ไหม ผมก็จะบอกว่าไม่น่าใช่ ดังนั้น ผมคิดว่าเราควรหาทางออกร่วมกันในปัญหานี้ ในฐานะที่เราต้องอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุข เป็นเพื่อนบ้านมันโกรธกันได้ แต่ว่ามันควรเป็นเพื่อนบ้านที่คุยกันได้มากกว่า มันควรสื่อสารให้กลับไปค้าขายกันได้ เที่ยวเล่นกันได้ ทะเลาะกันบ้างก็ได้ ผมคิดว่าตั้งเป้าแบบนี้ดีกว่าไหม มันไม่ใช่เรื่องแพ้-ชนะ มันไม่ควรมีใครแพ้-ชนะ" รศ.รุจน์ กล่าว

เขาเสนอว่า สำหรับการรายงานสถานการณ์รายวัน สื่อควรเลิกรายงานข่าวในลักษณะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเล่นบทเหยื่อหรือเป็นผู้ถูกกระทำ ระมัดระวังทั้งเรื่องการใช้น้ำเสียง ถ้อยคำ และหลีกเลี่ยงการแสดงทัศนคติลงไปในการเล่าข่าว โดยเฉพาะถ้อยคำที่ปลุกเร้ากระแสชาตินิยม เกลียดชัง ด้อยค่าประเทศเพื่อนบ้าน

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญ คือ เขาเสนอว่าสื่อควรรายงานสถานการณ์ให้สมสัดส่วนกับขนาดของเหตุการณ์ เพื่อไม่ให้ความเข้าใจของประชาชนเกิดความคลาดเคลื่อน

"วันก่อนที่เกิดการยิงกัน (27 ก.ย.) มันยิงกันชั่วโมงเดียวเอง แต่บางช่องรายงานเหมือนยิงกันราวกับชาติหนึ่ง จริง ๆ ก็รายงานข่าวนี้ได้ แต่ต้องให้น้ำหนักน้อยกว่านี้ ในความเห็นของผมนะ"

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา นักวิชาการผู้นี้ยังเห็นว่า สื่อไทยกลับไม่ขยายให้เห็นปัญหาเชิงโครงสร้างเท่าที่ควร แต่เน้นไปที่ความเคลื่อนไหวรายวันและหยิบเนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์มาอ่าน

"มันควรจะรายงานให้มากขึ้นว่า สิ่งที่เราเห็นอยู่ข้างหน้าในตอนนี้ เบื้องหลังมันคืออะไรกันแน่" รศ.รุจน์ กล่าว



ปัญหาเชิงโครงสร้างในทัศนะของเขา หมายถึงนโยบายรัฐที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งครั้งนี้ ไปจนถึงกติการะหว่างประเทศที่ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายเกิดข้อพิพาท


กองทัพบกนำสื่อมวลชนลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยนำเข้าสำรวจพื้นที่ปฏิบัติการบ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2568

อีกข้อเสนอแนะหนึ่ง คือ สื่อควรสร้างความสมดุลพื้นที่ข่าวให้หลากหลายมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่เน้นการสัมภาษณ์ผู้มีตำแหน่งสูง ๆ แต่ควรเพิ่มน้ำเสียงที่หลากหลายเข้าไป โดยเฉพาะเสียงของประชาชนที่กำลังได้รับผลกระทบ

"คนเล็กคนน้อยคือเจ้าของประเทศนะครับ แต่ทำไมเราแทบไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเลย มันมีคำพูดหนึ่งที่อธิบายว่า สงครามและความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้น มันคือความขัดแย้งของคนเป็นผู้นำไม่กี่คน แล้วก็ส่งคนตัวเล็กตัวน้อยไปฆ่า นี่เป็นคำพูดที่แทงใจมาก แต่สื่อมันไม่ค่อยทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ค่อยพยายามให้เสียงคนเล็กคนน้อย"

สุดท้ายเขาเน้นย้ำว่าอีกสิ่งหนึ่งที่สื่อควรระวัง คือ การนำเสนอสารจากหน่วยราชการของรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์คำโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda)

"ผมคิดว่าเรายังสามารถใช้คำว่าโฆษณาชวนเชื่อจากรัฐได้ เพราะว่าเขาพูดอยู่ฝ่ายเดียว แล้วก็ไม่อยากให้คนอื่นได้พูดด้วย นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญว่า ทำไมผมต้องการเห็นสื่อนำเสนอข้อมูลที่หลากหลาย"

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าท่ามกลางเนื้อข่าวที่วน ๆ อยู่ในตอนนี้ รวมถึงปัญหาการรายงานข่าวที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น สุดท้ายแล้วเขาก็หวังว่าสุดท้ายแล้ว "ความเบื่อของคนดูจะเข้ามาจัดการ" จนทำให้สำนักข่าวต่าง ๆ หยิบยกเนื้อหาจากสื่อสังคมออนไลน์มาเล่นน้อยลง และขยับไปทำเรื่องอื่นที่ผู้คนให้ความสนใจมากกว่า

"ถ้ามองอย่างสุดติ่ง มันก็น่ากลัว หากทำข่าวเพื่อเอาแพ้ เอาชนะกันอย่างนี้ สักวันก็คงเอาปืนขึ้นมายิงกันอีกรอบ แต่ผมก็ยังมีความหวังมากกว่าว่า เดี๋ยวให้ความรู้สึกเบื่อ [ของคนดู] มันเกิดขึ้นมาก่อน สื่อก็คงเลิกนำเสนอสักที"

"แต่ผมก็ยังเชียร์ให้กลับไปทำข่าวปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่พอเบื่อเรื่องนี้ ก็ไปหาประเด็น sensational (เร้าอารมณ์) เรื่องใหม่มาทำ ซึ่งแบบนั้นไม่น่าจะดี" รศ.รุจน์ กล่าวทิ้งท้าย

https://www.bbc.com/thai/articles/czx02z3047ko



วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 02, 2568

‘เพื่อไทย’ ฮึดใหม่ ออกแคมเปญ “จะกลับมา” รุกหนักทางการเมือง รวบรวม สส.๕๐ คน เข้าชื่อสอบคุณสมบัติ อนุทิน ชาญวีรกูล ๔ ข้อกล่าวหา

ระหว่าง ทักษิณ รอสำนักเลขาฯ ครม.บรรจุเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษรอบสอง พรรคเพื่อไทยก็ออกแคมเปญ “จะกลับมา” มิใย สิตานัน พี่สาว วันเฉลิมสัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แซะ “จะกลับมาเพื่อ..(ไร)” ซึ่งที่จริงแล้วก็ล้วนขายของเก่า แม้อ้าง “ผลงานใหญ่”

ไม่ว่าจะเป็น ทลายยาเสพติด Cell Broadcast เตือนภัย ผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปกป้อง SMEs เสริมการท่องเที่ยว สร้าง Soft Power เศรษฐกิจสีเขียว Medical Hub ระดับโลก ขายสลากส่งลูกหลานเรียนเมืองนอก และ ๓๐ บาทรักษาทุกที่

ล้วนกะพร่องกะแพร่ง ไปถึงลืมแล้ว (ไม่สำเร็จ) ไม่ต้องพูดถึงที่ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ จี้ “ละเลยประเด็นการปฏิรูปสถาบันหลักของรัฐ (รวมถึงกองทัพ) โดยสิ้นเชิง...ขาดความกล้าหาญและความจริงใจในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน”

รวมถึงการ รุก ทางการเมือง เมื่อหมอเชิดชัย (ตันติศิรินทร์) ตัวตึงเพื่อไทยประกาศรับคำร้อง ทนายอั๋นบุรีรัมย์ ภัทรพงศ์ ศุภักษร รวบรวม สส.๕๐ คน เข้าชื่อสอบคุณสมบัติ อนุทิน ชาญวีรกูล ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน

ว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่ จากกรณี ๔ ข้อกล่าวหา ได้แก่ บ้านพักที่บุรีรัมย์ อยู่บนที่ดินของการรถไฟฯ -ถูกกล่าวหาว่าพัวพันการเลือก สว.ที่ไม่โปร่งใส -แต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีประวัติสีเทา และเคยใช้ถนนหลวงทำเป็นรันเวย์เครื่องบินส่วนตัว

นัยว่าที่พรรคประชาชน ฝ่ายค้านทางการตรวจสอบอยู่นั้นไม่เพียงพอ เหมือนชงใส่ถ้วยประเคน เช่นเรื่องแผ่นดินยุบถนนสามเสน หนึ่งในผู้รับเหมาคือ ชิโน-ไทยนักข่าวถามแล้วอนุทินเดินหนี แต่ไปตอบในสภาว่า “ลาออกจากทุกตำแหน่งมากกว่า ๒๐ ปีแล้ว”

ด้าน ก่อแก้ว พิกุลทอง บ่นผิดหวัง วิโรจน์ ลักขณาอดิสร คุยไว้เยอะว่าจะอภิปราย รมว.ยุติธรรม นายตำรวจใหญ่ที่พรรคภูมิใจไทยนำมาจากบุรีรัมย์ ไหงไม่เห็นแตะเลยแม้แต่นิด แต่ว่า พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ มาออกแถลงข่าวบ่ายวันนี้ (๒ ตุลา)

เรื่องที่คำร้องกราบบังคมทูลฯ ขออภัยโทษหนที่สองของ ทักษิณ ชินวัตร ตีกลับไปกระทรวงยุติธรรม ว่าเป็นไปตามระเบียบปกติเมื่อมี รมว.คนใหม่ สลค.ก็ต้องส่งเรื่องกลับไปให้รัฐมนตรีว่าการทบทวนใหม่ เสียก่อนพิจารณาดำเนินการต่อไป

รมว.รุทธพลบอกว่าตนส่งเรื่องให้คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้ว อีกสามวันรู้ผล อาจเป็นวันศุกรที่ ๓ หรือจันทร์ที่ ๖ ตุลา น่าจะมีรายงานออกมา แล้วจะเสนอกลับไปที่ สลค.อีกที ไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาจะมีก็แต่ว่าจะเอาอะไรไปใช้คว่ำรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย

ก็ กัปตันคนเนิร์ด เพิ่งทำคอนเท้นต์เรื่อง สส.เพื่อไทยโดดประชุมสภา ไม่ไปโหวตร่าง พรบ.อากาศสะอาด สองครั้งสองครา คราวแรกมาแค่ ๒๗% พอมาอาทิตย์นี้เหลือ ๒๓% แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรไปเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอนุทิน

(https://x.com/captainnerd23/status/1973388823213253015, https://www.matichon.co.th/politics/news_5393549 และ https://x.com/VoiceTVOfficial/status/1973366742098555162) 

ประเทศกูมี ... กฎหมายยืดได้ยิ่งกว่าแขนลูฟี่ ... การประกันตัวระหว่างสู้คดี สิทธิขั้นพื้นฐานที่กลายเป็นของหายาก ในคดีการเมืองปัจจุบัน


Thanapol Eawsakul
Yesterday
·
การประกันตัวระหว่างสู้คดี
สิทธิขั้นพื้นฐานที่กลายเป็นของหายาก ในคดีการเมืองปัจจุบัน
....

(1)
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในมาตรา 29 กำหนดไว้ว่า

"บุคคลไม่ต้องรับโทษอาญา เว้นแต่ได้กระทําการอันกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทํานั้นบัญญัติเป็นความผิดและกําหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่บุคคลนั้นจะหนักกว่าโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่กระทําความผิดมิได้

ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษา

อันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้

การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจําเลยให้กระทําได้เพียงเท่าที่จําเป็น เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี

ในคดีอาญา จะบังคับให้บุคคลให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองมิได้
คําขอประกันผู้ต้องหาหรือจําเลยในคดีอาญาต้องได้รับการพิจารณาและจะเรียกหลักประกัน

จนเกินควรแก่กรณีมิได้ การไม่ให้ประกันต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ"

แต่เรื่องดังกล่าวกลับเป็นสิ่งหายากสำหรับคดีการเมืองในปัจจุบัน

(2)

ผมมีความผูกพันกับศาลธัญบุรี เนื่องจากเคยมาให้การเป็นพยานโจทก์ ของชลธิชา แจ้งเร็ว ส.สพรรคก้าวไกลในตอนนั้น และพรรคประชาชนในปัจจุบัน ในคดี 112

เนื้อหาในการให้การเรื่องพ.ร.บทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ที่มีการออกในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาที่เปลี่ยนสถานะของทรัพย์สิน จากการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยตรง

อย่างที่ทราบคือการไปให้การในครั้งนั้นไม่ได้มีผลอะไร เพราะ 27 พฤษภคม 2567 ศาลธัญบุรีก็ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือ 2 ปี มีโทษจำคุกไม่รอลงอาญา

https://www.pptvhd36.com/.../%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0.../224769

ถ้าจะมีสิ่งที่พอจะชุบชูใจก็คือ ผู้พิพากษาให้ประกันโดยไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมาก เพราะเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานในการสู้คดีอยู่แล้ว

ซึ่งแตกต่างจาก คดี 112ที่ศาลอาญารัชดา เมื่อ8 กันยายน 2568 ศาลอาญา รัชดา พิพากษาสั่งจำคุก ลูกเกด-ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.จังหวัดปทุมธานี พรรคประชาชน จำคุก 4 ปี แต่ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 4 (3)

ซึ่งในวันนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาตอนเช้าแล้ว ก็ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าจะให้ประกันหรือไม่ ต้องรอจนบ่าย 3 ขึงมีคำสั่งให้ประกันตัว
https://www.facebook.com/themomentumco/posts/pfbid04E4Xo3rfQytrvZssAEVRRE57ZVC9pdC5wrxZZRFNLK7xwbZAwYx1tah9N1P54TX5l

(3)

ล่าสุดวันนี้ 30 กันยายน 2568 ที่ศาลธัฯบุรี คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ออกมาในทิศทางเดียวกัน ก็คือ พิพากษายืนว่า ชลธิชามีความผิด ตามมาตรา 112 และลงโทษ ตามเดิมโดยไม่มีเหตุให้รอลงอาญา
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1214043267435957&set=a.625664036273886

ในฐานะคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ ผมไม่วิจารณ์คำพิพากษา แต่ที่น่าประทับใจคือ ผู้พิพากษาหลังจากอ่านเสร็จแล้ว ก็พูดโดย คือว่า อนุญาตให้ประกันเพื่อไปสู้คดีต่อในชั้นฎีกา

ซึ่งทำให้ กระบวนการการประกันตัว ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว น่าจะเสร็จประมาณ 10 โมง โดยที่ชลธิชาไม่ต้องลงไปในห้องรอประกันตัว

ด้านหนื่งก็ดีใจกับชลธิชา แจ้งเร็ว ที่ได้ทำหน้าที่ สส.ต่อไปเพราะหลังจากนั้นเธอก็ได้เดินทางกลับไปสภาเพื่อทำหน้าที่ สส. ในการแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทินต่อ

แต่อีกด้านหนึ่งก็อดที่จะเศร้าเสียใจไม่ได้ที่สิทธิการประกันตัว ที่ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานกลับเป็นสิ่งที่ไม่เกิดเป็นปกติ ซึ่งทำให้หลายคนต้องตัดสินใจ "ลี้ภัย" จากคดีการเมือง
 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=24951009881205849&set=a.188049254595255
.....






“Game of Thrones” พรรคภูมิใจไทย ตัวแทนของฝ่ายอนุรัษ์นิยม หรือ พวกปฏิบัตินิยม ?


Thanapol Eawsakul 
4 hours ago
·
"ฝ่ายอนุรักษ์นิยม" แน่ใจแล้วหรือที่จะฝากผีฝากไข้ไว้กับพรรคภูมิใจไทย โดยเนวิน-อนุทิน
..........
เวลาเห็นกูรูนักวิเคราะห์การเมืองไทยที่บอกว่า พรรคภูมิใจไทย โดยเนวิน-อนุทิน จะมาเป็นตัวแทนของ "ฝ่ายอนุรักษ์นิยม" หรือนัยหนึ่งมาสู้กับพรรคประชาชน เพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์ที่ถูกคุกคามนั้น
ฟังแล้วก็อดหนักใจแทนชนชั้นนำไม่ได้
ถ้าจะฝากผีฝากไข้ไว้กับพรรคภูมิใจไทย โดยเนวิน-อนุทิน
พรรคภูมิใจไทย โดยเนวิน-อนุทิน นี่คือตัวแทนของพวกปฏิบัตินิยมโดยแท้
อยู่ที่ไหน ใครให้ประโยชน์ ก็จะไปที่นั่น โดยไม่ต้องเขินอาย
(ถ้านึกไม่ออก ลองฟังคลิป เนวิน ตอนพูดเรื่อง "มันจบแล้วครับนาย" ปี 2551 กับบทสัมภาษณ์ในปี 2566 เมื่อต้องร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ที่มีทักษิณ บงการ)
ดัชนีที่วัดง่าย ๆ อีกอย่างคือ สื่อในเครือผู้จัดการ โดยสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงแม้จะเกลียดพรรคประชาชน หรือธนาธร เพียงใด
ก็ยังไม่เห็นจะเชียร์ พรรคภูมิใจไทย โดยเนวิน-อนุทิน เลย
เพราะทุกคนก็รู้เช่นเห็นชาติกันทั้งนั้น

https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/24960620226911481