วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 29, 2563

ใช้สูตรเดิมโจมตีนักเรียนนักศึกษา เพื่อลดความชอบธรรมในการต่อสู้ 1.จาบจ้วงกษัตริย์ 2.มีคนอยู่เบื้องหลัง คราวนี้จะไม่ได้ผล !!



Jaran Ditapichai
Yesterday at 1:47 AM ·

ตามฟังรัฐบาล การอภิปรายในรัฐสภา และกลุ่มจงรักภักดีแสดงทรรศนะท่าทีต่อการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาประชาชน จะประสานเสียง รวมศูนย์โจมตีการชุมนุมเดินขบวน2 ข้อ 1 จาบจ้วงกษัตริย์ 2 มีคนอยู่เบื้องหลัง
ข้อแรก เป็นยุทธวิธีถาวรของฝ่ายขวา กลุ่มจงรักภักดี อนุรักษ์นิยม ใช้กษัตริย์ หรืออ้างสถาบันเป็นเครื่องมือต่อสู้ทางความคิดการเมือง ซึ่งจะไม่ได้ผลใต้รัชกาลวชิราลงกรณ์
ข้อที่2 เป็นความคิดทรรศนะมือที่3 ที่กลุ่มปกครอง ฝ่ายขวาใช้มาทุกยุคทุกสมัย นอกจากเป็นทรรศนะดูถูกประชาชน ดูถูกนักเรียนนักศึกษาว่า คิดเอง ทำเองไม่ได้ แล้ว ยังอับจนทางปัญญา ไม่รู้ไม่เข้าใจความเป็นไปของสังคมโดยเฉพาะเยาวชนยุคไอที เติบโตภายใต้รัชกาลที่10 ระบอบเผด็จการทหาร และวัฒนธรรมซากเดนศักดินา นอกจากนี้ การโจมตีนักเรียนนักศึกษาว่า ถูกใข้เป็นเครื่องมือ ก็เพื่อลดความชอบธรรมในการต่อสู้ อีกด้วย
ทั้ง2 ข้อ จะไม่ได้ผล
...

...

ประเวศ ประภานุกูล
8h ·

ดูท่าสถานการณ์ตอนนี้ คนต่างโฟกัสไปที่การจัดม๊อบชนม๊อบ โดยลืมอีกประเด็น
อย่างที่ธนาธรพูด เส้นแบ่งในการเผชิญหน้าครั้งนี้ เป็นเรื่องสถาบัน การปลุกม๊อบมาชนกับม๊อบ นศ. ใช้สถาบัน
จะว่าไปนี่เป็นสิ่งที่ผมคิดมาตลอด แต่เรียบเรียงเป็นคำพูดไม่ได้จนกระทั่งฟังคุณธนาธรพูด
การต่อสู้ครั้งนี้ ทั้งรัฐบาลประยุทธ และสถาบัน เอาการดำรงอยู่ของสถาบันลงวางเป็นเดิมพัน แบบ...รัฐบาลชนะ สถาบันคงอยู่แบบเดิม รัฐบาลแพ้....สาธารณะรัฐ
มันเหมือนการทุ่มหมดหน้าตักของรัฐบาลประยุทธ
เงื่อนไขที่รัฐบาลจะปลุกม๊อบมาชนม๊อบ นศ. คือการคงอยู่ของสถาบัน...โดยใช้การกล่าวหาว่าม๊อบ นศ. จาบจ้วง นี่คือสิ่งที่ศิโรฒน์ บอกว่าอันตราย เพราะจากนี้ไปจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร
เดิมพันครั้งนี้ มันคือการเดิมพันด้วยสถาบัน หากรัฐบาลปลุกม๊อบได้ มันคือได้ใบอนุญาตฆ่า นศ. และคงใช้กำลังทหารล้อมยิงด้วยกระสุนจริง...สถาบันจะยังคงอยู่ในระบบแบบนี้ รวมทั้งอาจขยายไปเป็น สมบูรณาญาสิทธิราช

แต่หากปลุกม๊อบไม่ขึ้น มันอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถาบัน