วันพฤหัสบดี, กันยายน 30, 2564

‘ชัยภูมิเมืองแม่ง’ สำหรับตู่ “ไอเฮียทู มาทำไม ออกไป” แสดงว่า “องคาพยพของการรัฐประหารได้เสื่อมสภาพลงไปมากแล้ว”

ชัยภูมิเมืองแม่งสำหรับตู่ ชาวบ้านส่วนหนึ่งเสียงดัง “ตะโกนด่า มาทำไม ออกไป” ระหว่างขึ้นรถแห่ตรวจน้ำท่วมผ่านย่านธุรกิจตลาดคลองพุดซา บ้างใช้คำต่างด้าว “ไอเฮียทู” แต่ออกสำเนียงไทย นำหน้าวลีลึกประจำยุค “เผด็จการอัปรีย์”

ส่วนกองเชียร์กริ๊ดลุงตู่ทำดี ประยุทธ์อ้อนยังไงก็ไม่ทิ้งชัยภูมิ เป็นเมืองแม่  Voice TV รายงาน “ท่วมตั้งแต่วันเสาร์เพิ่งโผล่มาวันพุธ” โถ ต้องเห็นใจ เพิ่งไปสุโขทัยมาหลัดๆ แม้นว่าจะไปที่ไหนๆ ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น รังแต่จะเพิ่มความลำบากแก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

“ไม่เกิดประโยชน์โภชน์ผลใดๆ เลย คือการลงพื้นที่ของประยุทธ์ที่เต็มไปด้วยพิธีการ ส่วนงานไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทั้งงานแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาระยะยาว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแต่เป็นภาระให้ประชาชน” Thuethan Prasobchoke วิจารณ์แหลก

เขาเล่าเรื่องซึ่งถ้าประยุทธ์ได้รับรู้ ก็ควรจะต้องสะอึกบ้างนะ “ในระหว่างที่รอประยุทธ์เดินทางไปตรวจเยี่ยมน้ำท่วมที่โรงพยาบาลชัยภูมิ มีผู้หญิงรายหนึ่งที่เป็นคนไข้ผ่าคลอด...หมอ discharge ให้กลับบ้าน แต่ออกจากพื้นที่ไม่ได้

เพราะพื้นที่โรงพยาบาลถูกปิดเพื่อรักษาความปลอดภัย...คนอยู่ข้างใน สามีภรรยากับลูกที่เพิ่งจะเกิดก็อยากกลับบ้าน แผลผ่าคลอดก็ยังไม่ปกติ แล้วต้องทนอุ้มลูกรอเป็นชั่วโมง...ออกจากพื้นที่ไม่ได้ อากาศก็ร้อนลูกเล็กๆ ก็ร้อง”

จนมีพระสงฆ์รูปหนึ่งโวยวายกับเจ้าหน้าที่ว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ เจ้าหน้าที่พยายามบอกว่าต้องกักคนไว้ก่อนตามคำสั่งลงมา พระยิ่งขึ้นเสียงดัง ทำให้บรรดาผู้สื่อข่าวพากันมากลุ้มรุมถ่ายคลิป ท้ายสุดเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยินยอมให้ครอบครัวนี้ออกไปได้

ถือแถนสะท้อนให้เห็นเหตุที่เกิดเนื่องเพราะ สภาพสังคมไทย “มันมีทั้งคนที่ถูกละเมิดสิทธิ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกร้องสิทธิ ไม่ต่อสู้เพื่อตัวเอง เอาแต่ก้มหน้าทน หมดความอดทนก็นั่งร้องไห้ แบบสองคนผัวเมีย” ลูกเล็กเพิ่งเกิดได้รับความลำบากโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่

ส่วนพระสงฆ์องค์นั้นเป็นคนอีกจำนวนหนึ่งซึ่ง “ทนไม่ได้กับเรื่องที่เกิดตรงหน้า” แล้วไม่ยอมเป็นไทยเฉย ออกร้อนแทน ผู้ที่ถูกกระทำ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เอาแต่อ้างปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ยอมรับรู้กับทุกข์ร้อนของผู้ถูกเอาเปรียบ

เขาสรุปว่าเหตุการณ์นั้นถ้าไม่มีสื่อเข้าไปแทรกเป็นส่วนหนึ่งของเหตุเกิดละก็ พ่อแม่และเด็กเกิดใหม่จะต้องแจ่วรออย่างนั้นไม่รู้นานเท่าไร “ถ้าสื่อทำหน้าที่อย่างเต็มที่ การตรวจสอบของสื่อก็มีผล” แต่เช่นกันหากพระองค์นั้นไม่โวยวาย สื่อก็อาจไม่ใส่ใจ

ฉะนั้น การเรียกร้องให้เกิดการปรับแก้สภาพที่เป็นอยู่หลายมิติในประเทศ เปลี่ยนแปลงกฎหมาย แก้ไขเศรษฐกิจ และปฏิรูปสถาบันประมุข อันดำเนินมาอย่างไม่ขาดสาย แรงบ้าง แผ่วบ้าง หยุดบ้างแล้วเกิดใหม่ มากกว่า ๗ ปี จำเป็นต้องมี น้ำประสาน แบบพระและนักข่าวนั้น

นอกเหนือจากการตีเหล็กเมื่อกำลังร้อน ภาวะการเมืองการปกครองถึงจุดนี้น่าจะเป็นที่รับรู้ และ/หรือเชื่อได้ว่า องคาพยพของการรัฐประหารได้เสื่อมสภาพลงไปมากแล้ว เหตุจากการทำตัวของตัวเอง พวกนักยึดอำนาจไม่มีความสามารถในการบริหารปกครอง

และคนจำนวนไม่น้อยที่เคยหลงเชื่อและคิดผิด ที่เอื้อให้ทหารกลุ่มหนึ่งใช้อำนาจอิทธิพลของผู้ถืออาวุธเข้ามาครองเมือง ได้เห็นแจ้งชัดกับตาแล้วว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เปิดโปงกะโหลกกะลาแก่นแท้ของคณะประยุทธ์ ว่าคือนักฉวยโอกาสกระจอกดีดีนี่เอง

การที่เพื่อนซี้ของประยุทธ์ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล “อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ ประกาศทิ้ง พปชร. ซบพรรคใหม่ของ ปลัดฉิ่ง (ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ)...เล็งขน ๑๓ ส.ส.ใต้ ติดมือไปด้วย” เป็นสัญญานว่าเหล็กกำลังร้อน

ต้องช่วยกันตี ช่วยกันดัด จึงจะได้รูปแบบออกมาอย่างที่ทุกคนต้องการ จะปล่อยให้ช่างดาบอรัญญิกตีเหล็กตามแบบที่เคยทำมาแต่ครั้งโบราณกาล ก็จะได้ดาบทรงสวยเอาไว้รำเชิดปี่กลองเท่านั้น ไม่ใช่มีดพล้าสารพัดสรรพคุณ แบบมีดญี่ปุ่นอันคมกริบและถนัดมือ

การที่ ไบร๊ท์ชินวัตร จันทร์กระจ่าง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติฐานละเมิดสิทธิ ในการใช้เสรีภาพการชุมนุมที่ท่าน้ำเมืองนนท์ เมื่อ ๑๐ กันยา ปีที่แล้ว เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ๕ แสนบาท ก็เป็นการร่วมตีเหล็ก หรือบ่งบอกให้ช่างรู้ว่าควรตีอย่างไร

เฉกเช่นที่มีการฟ้องร้องประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยกลุ่มทนายความและเจ้าของกิจการค้า ว่านายกฯ บริหารจัดการเรื่องโควิดผิดพลาดมหันต์ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อง ประเทศกำลังจะล่มจม ยังมีการฟ้องลักษณะนี้อีกบางกรณีที่เป็นน้ำพักน้ำแรง ประสาน

ด้วยเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ แม้นว่ากรรมวิธีจะดูเหมือนไร้แรงกระทบ ให้ศัตรูดูแคลนจนชะล่าใจ ได้ยิ่งดี

(https://www.facebook.com/HRLawyersAlliance/posts/230678379038419, https://www.thairath.co.th/news/politic/2206574DYtfYsw และ https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2135873589884296&id=100003850270527) 

เมื่อที่ดินทหารขวาง (การพัฒนา) เมือง : กองทัพบกมีที่ดิน 4,558,481 ไร่ เทียบเท่าสนามฟุตบอล 9 แสนสนาม ... การคืนที่ดินให้ประชาชนเป็นหนทางที่เลี่ยงไม่ได้ หากจะปรับสมดุลประเทศให้ไปสู่ประชาธิปไตย



เมื่อที่ดินทหารขวาง (การพัฒนา) เมือง สู่จินตนาการถึงอำนาจประชาชนที่เหนือกองทัพ

26 ก.ย. 64
โดย ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์
Thairath Plus

Summary
  • กองทัพบกมีที่ดินมากถึง 4,558,481 ไร่ คิดเปรียบเทียบได้ง่ายๆ ว่า เทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 9 แสนสนามเลยทีเดียว
  • บริเวณใกล้โรงพยาบาลสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ มีที่ดินผืนงามของกองบังคับการกองบิน 41 กองทัพอากาศ ขวางกั้นการเดินทางจากย่านสวนดอกไปสนามบิน และมีระบบ “บัตรผ่านกองบิน 41” ที่ประชาชนต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปีเพื่อผ่านทาง
  • เคยมีข้อเรียกร้องให้กองทัพอากาศคืนที่ดินให้กับราชพัสดุเพื่อใช้เป็นที่ดินสาธารณะ แต่คนในกองทัพออกมาตอบโต้ด้วยข้ออ้างต่างๆ เช่น ฐานบินนี้เป็นประตูเข้าเมืองทางอากาศ ควรสำรองไว้ใช้ในกรณี “เกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่และหรือเกิดความขัดแย้งขั้นวิกฤติ
กองทัพไทย นอกจากจะเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองผ่านการรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า กองทัพยังเข้ามามีอิทธิพลเหนือพื้นที่ต่างๆ ในประเทศโดยที่เราไม่รู้ตัว

ปัญหาความมั่นคง มักเป็นข้ออ้างบนฐานคิดของรัฐแบบยุคสงครามเย็น ที่อ้างความอ่อนไหวแบบครอบจักรวาล ทหารยังข้ามห้วยมาทำงานที่ไม่ใช่ความถนัดของตน เพื่อแสดงให้เห็นความจำเป็นของการดำรงอยู่ และก็เป็นหน่วยงานที่ใช้ทรัพยากรสาธารณะของประเทศในสัดส่วนที่มากมาย ทั้งงบประมาณใช้สอย การดูดกำลังคนวัยทำงานในนามของทหารเกณฑ์เข้าไปในระบบทุกปี รวมถึงการมีอำนาจเหนือที่ดินในประเทศอีกจำนวนมหาศา

กองทัพมีที่ดิน 4.5 ล้านไร่ เทียบเท่าสนามฟุตบอล 9 แสนสนาม

ข้อมูลในปี 2558 ระบุว่า เมื่อเทียบกับที่ดินทั่วประเทศ 321 ล้านไร่แล้ว กองทัพบกมีที่ดินในการครอบครองมากถึง 4,558,481 ไร่ นับเป็น 1.41% ของประเทศ อาจคิดเปรียบเทียบได้ง่ายๆ ว่าสนามฟุตบอล 11 คน ขนาดมาตรฐานที่ประมาณ 5 ไร่แล้ว กองทัพบกถือครองที่ดินเทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 9 แสนสนามเลยทีเดียว

ในจำนวนนี้ยังแบ่งเป็นที่ราชพัสดุ 3.96 ล้านไร่ ที่ป่าสงวนแห่งชาติ 525,685 ไร่ ที่สาธารณประโยชน์ 28,778 ไร่ ที่นิคม 23,128 ไร่ และที่ ส.ป.ก.16,814 ไร่

ตัวเลขนี้ ถ้าคำนวณเทียบกับที่ราชพัสดุทั้งประเทศ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐที่เอาไว้ใช้ประโยชน์ ที่มี 12.5 ล้านไร่แล้ว ที่ของกองทัพบกมีอยู่ในสัดส่วนที่สูงมาก นั่นคือ 31.68%

เฉพาะที่ดินของกองทัพบก แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ ที่ดินสงวนไว้ในส่วนราชการ ที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา 12 ฉบับ ที่ดินที่กองทัพบกขอใช้จากส่วนราชการอื่น และที่ดินที่กองทัพบกเช่าใช้ประโยชน์ในกิจการของกองทัพบก

ทหารจำเป็นต้องถือครองที่ดิน แผ่อำนาจมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น

กองทัพสมัยใหม่ในสังคมไทยเกิดขึ้นมาพร้อมกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และหากไม่นับถึงการทำศึกกับชาติตะวันตกแล้ว กองทัพเป็นขุมกำลังสำคัญในการปราบจลาจลที่รัฐเรียกว่า 'กบฏ' ในทศวรรษ 2440 ที่เป็นแรงโต้ต่อการปฏิรูปการปกครองของรัฐบาลสยาม กองทัพได้ถูกจัดตั้งในพื้นที่สำคัญระดับท้องที่ ในนาม 'มณฑลทหารบก' และหน่วยทหารอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กองทัพก็เสื่อมลงไปพร้อมกับระบอบเก่าและสภาพเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ

จนกระทั่งการปฏิวัติสยาม 2475 กองทัพปรับเปลี่ยนรูปโฉมอีกครั้ง โดยเฉพาะทศวรรษ 2480 มีการเวนคืนที่ดินจำนวนมากเพื่อใช้ในราชการทหาร เริ่มด้วยที่มหึมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองลพบุรี ครอบคลุมไปถึง อ.หนองโดน จ.สระบุรี ในปี 2479 ด้วยเหตุว่าต้องการสร้างโรงทหารและสนามฝึกของทหาร เช่นเดียวกับส่วนภูมิภาคอื่นๆ เช่น ปี 2482 พื้นที่บริเวณปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ, พื้นที่ริมทะเลบริเวณ กิ่ง อ.สัตหีบ ชลบุรี ปี 2483 ที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่, อ.หาดใหญ่ สงขลา ฯลฯ

หลังจบสงคราม ไทยเป็นผู้แพ้ร่วมกับฝ่ายอักษะ ความทะเยอทะยานที่จะเป็นประเทศมหาอำนาจได้จบลงไป อย่างไรก็ตาม เหล่าขุนศึกในกองทัพก็พยายามช่วงชิงอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะหลังรัฐประหาร ปี 2490 กองทัพบกขึ้นมามีอำนาจเด็ดขาดหลังจากรัฐประหารของกองทัพเรือล้มเหลว เมื่อปี 2494

การขยายอำนาจของกองทัพเกิดขึ้นอีกในช่วงทศวรรษ 2500 หลังจากสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหารและสามารถสร้างเอกภาพในกองทัพไว้ได้ ทำให้กองทัพบกมีอำนาจเหนือกองทัพต่างๆ อย่างจริงจัง กองทัพบกมีโครงสร้างกำลังระดับภาคที่เรียกว่า 'กองทัพภาค' รวมไปถึงการเกิดขึ้นของหน่วยทหารในจังหวัดต่างๆ เพิ่มเติม และที่ลืมไม่ได้คือ ฐานทัพอเมริกันที่มาพร้อมสงครามเวียดนาม และการสนับสนุนกองทัพและคณะรัฐประหารไทย

กองทัพอเมริกันได้สร้างความเจริญเติบโตของเมืองที่เป็นที่ตั้งฐานทัพออกไปด้วย ที่ดินทหารยังไปสัมพันธ์กับการจัดตั้งสถานีวิทยุและสถานีวิทยุโทรทัศน์ อันเนื่องมาจากข้ออ้างด้านความมั่นคง จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นสถานีดังกล่าวกระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ บางข้อมูลชี้ว่า กองทัพบกมีสถานีวิทยุมากถึง 126 แห่งทั่วประเทศ หากเทียบกับสมัยนี้ โครงข่ายการสื่อสารก็ใช้เพื่อทำสงครามทางจิตวิทยากับฝ่ายตรงข้ามผ่านสื่อของรัฐนั่นเอง ที่ดินของกองทัพจึงมาพร้อมกับอำนาจทหารในยุคสงครามเย็นอย่างเต็มเปี่ยม

ในปี พ.ศ.2518 เพิ่งจะมีการตราพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุขึ้น พื้นที่ของกองทัพก็ตกอยู่ในนิยามนี้ แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐเริ่มให้ความสำคัญกับที่ดินของรัฐมากขึ้น หลังจากที่ประชากรขยายตัวขึ้น คนอพยพเข้ามาในเขตเมืองมากยิ่งขึ้น เกิดการลงทุนบนอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนมากขึ้น หมู่บ้านจัดสรรจึงขยายตัวขึ้นมากในช่วงนี้ หลังจบสงครามกับ พคท. กลางทศวรรษ 2520 ประเทศก็กลับสู่บรรยากาศที่ผ่อนคลายความตึงเครียด กองทัพค่อยๆ มีบทบาทลดน้อยลง

เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ที่คนเริ่มฝันถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ

การรัฐประหาร 2534 เป็นความพยายามแสดงอำนาจครั้งสุดท้ายที่ถูกต่อต้านอย่างมากในปี 2535 นับแต่นั้นมา สังคมไทยก็เดินหน้าไปสู่การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ และฝันเฟื่องว่าจะเป็นเสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชีย เทียบชั้นกับญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวัน ก่อนจะฝันสลายเมื่อฟองสบู่ทางเศรษฐกิจระเบิดเมื่อต้นทศวรรษ 2540 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ คือ ประชาธิปไตยที่มาพร้อมกับสิทธิ เสรีภาพ ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540

รัฐบาลไทยรักไทยได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการทางการเมืองและเชิงพื้นที่ในเมือง และเคยขอข้อมูลที่ดินแปลงว่างจากหน่วยราชการต่างๆ เพื่อมาจัดสรรให้ประชาชนทำกิน แน่นอนว่ามีไปถึงกระทรวงกลาโหมด้วย แต่ก็ไม่พบว่ามีการดำเนินการอะไร เนื่องจากมีรัฐประหาร 2549 เสียก่อน หลังจากนั้นมา ความพยายามจัดการที่ดินก็ไม่เห็นชัดนัก ยกเว้นแต่นโยบายการทวงคืนผืนป่าของคณะรัฐประหาร ปี 2557 ที่พยายามขับไล่ประชาชนและเอกชนออกจากที่ดินของรัฐ (หรือเข้าใจว่าเป็นของรัฐ)

ที่ดินทหารกระจายตัวในหลายใจกลางเมือง

กองทัพเข้าไปถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยึดครองพื้นที่สำคัญๆ ในเขตเมืองที่เคยเป็นยุทธศาสตร์ทางการทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเย็นเมื่อไม่นานมานี้เอง ที่ดินทหารอันน่าหวงแหนจึงเป็นสิ่งที่เพิ่งสร้างขึ้นเท่านั้น

เพื่อให้เห็นภาพ ผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่างการครอบครองพื้นที่กลางเมืองขึ้นมา แบ่งตามการใช้สอยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดว่า ที่ดินทหารนั้นทรงอิทธิพลเพียงใด

กรณีเมืองเชียงใหม่ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้นอกกำแพงเมืองเชียงใหม่ บริเวณใกล้กับโรงพยาบาลสวนดอก สำนักงานทางหลวงที่ 1 เชียงใหม่ และโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ได้กลายเป็นที่ดินผืนงามของกองบังคับการกองบิน 41 กองทัพอากาศ ที่เคยมีบทบาทในช่วงสงครามเย็น

ที่ดินดังกล่าวขวางกั้นการเดินทางจากบริเวณย่านสวนดอกลงไปสู่สนามบิน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็มีระบบ 'บัตรผ่านกองบิน 41' ที่ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมรายปี เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้ผ่านทางดังกล่าว

เรื่องนี้เคยมีความพยายามของกรมทางหลวงที่จะตัดถนนผ่าน โดยเชื่อมโยงถนนนิมมานเหมินท์กับถนนมหิดล แต่ถนนดังกล่าวได้ผ่านกลางพื้นที่ของกองบังคับการกองบิน 41 แต่ด้วยข้ออ้างคลาสสิก นั่นคือ เพราะเหตุด้านความมั่นคง จึงมิได้รับอนุญาตให้สร้างทางเส้นนั้น

แต่ที่น่าสนใจไปกว่าถนนเส้นแคบๆ ดังกล่าวก็คือ สนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์ กองบิน 41 (สนาม 9 หลุม ระยะ 3,350 หลา เปิดให้บริการตั้งแต่ 06.00-22.00 น.) ที่ดินผืนนี้กินบริเวณอันกว้างขวาง เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ประโยชน์สำหรับคนหมู่มาก ไม่ใช่เพียงนายทหาร หรือผู้เป็นสมาชิกสโมสรดังกล่าว ที่ดินผืนดังกล่าวจึงเป็นตัวอย่างพื้นที่สำคัญกลางเมืองที่ถูกยึดครองไป


แนวสันนิษฐานของสนามกอล์ฟ กองบิน 41 เชียงใหม่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง สีแดงคือแนวสนามกอล์ฟ สีเขียวคือแนวถนนภายในกองบิน41 ที่จะเชื่อมกับถ.นิมมานเหมินท์ตอนบน และถ.มหิดลตอนล่างเพื่อไปยังสนามบินเชียงใหม่

ขณะที่ใน จ.เชียงราย สนามบินเก่าทางตอนใต้ของเมือง ก็เป็นกรรมสิทธิ์ที่กองทัพอากาศดูแลอยู่ในนามฝูงบิน 416 สนามบินนี้เคยถูกใช้งานสำหรับเมืองเชียงราย ก่อนที่จะย้ายไปสร้างใหม่ในนามท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เมื่อปี 2562 คล้ายกับกองบิน 41 ตรงที่มีการสร้างสนามกอล์ฟขึ้นในทางทิศตะวันออกของที่ดิน


แนวสันนิษฐานของสนามกอล์ฟ ฝูงบิน 416 เชียงราย ทางทิศใต้ของเมือง (ภาพจาก google map)

เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคอนาคตใหม่ (ในขณะนั้น) เคยเรียกร้องให้กองทัพอากาศคืนที่ดินให้กับราชพัสดุเพื่อใช้เป็นที่ดินสาธารณะ ทำให้คนในกองทัพออกมาตอบโต้ด้วยข้ออ้างต่างๆ โดยเฉพาะเหตุที่ว่า ฐานบินนี้สำคัญตรงที่เป็นประตูเข้าเมืองทางอากาศ และควรสำรองไว้ใช้ในกรณี 'เกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่และหรือเกิดความขัดแย้งขั้นวิกฤติ' โชคยังดีที่สนามบินเก่าเชียงรายไม่ได้ล้อมรั้วหรือเก็บค่าผ่านทางแบบกองบิน 41 จึงยังพบเห็นการสัญจรผ่านและการเข้าไปใช้พื้นที่ชั่วคราวในการออกกำลังกายและกิจกรรมต่างๆ อยู่บ้าง ส่วนสนามบินของกองทัพที่ยังหลงเหลือร่องรอยอยู่ในเมืองอื่นๆ อีกนั้น ยังไม่มีข้อมูลว่าได้ส่งผลต่อการพัฒนาเมืองมากน้อยเพียงใด

เมื่อกล่าวถึงสนามกอล์ฟของหน่วยทหาร ข้อมูลจากเดอะ แมทเทอร์ ชี้ว่า เฉพาะกองทัพบกมีมากถึง 37 แห่ง กระจายอยู่ทุกภูมิภาค จังหวัดที่มีมากกว่า 2 แห่งคือ ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช เมื่อเจาะไปแต่ละแห่งจะเห็นว่า ที่นครราชสีมาตั้งอยู่ที่ค่ายสุรนารี และค่ายสุรธรรมพิทักษ์ตอนใต้ของเมืองที่ไม่ได้ไกลกันเลย ขณะที่ประจวบคีรีขันธ์ สนามกอล์ฟสวนสนบนภูมิประเทศติดริมทะเลอันงดงามในตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามอุทยานราชภักดิ์อันโด่งดัง ที่ขอนแก่น สนามกอล์ฟของค่ายสีหราชเดโชชัยตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองและสนามบิน ส่วนที่นครศรีธรรมราช สนามกอล์ฟของทหารบกนั้นอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสนามบินกองทัพบกตอนเหนือของเมืองริมถนนราชดำเนิน และที่รู้จักกันดีก็คือ สนามกอล์ฟกองทัพบก หลังกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ กรุงเทพฯ พื้นที่นี้คือเป็นพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่กินพื้นที่กว่า 700 ไร่ เป็นพื้นที่มหึมาที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ที่ควรทบทวนว่าผลประโยชน์ของท้องถิ่นและประเทศได้อะไรจากที่ดินมหาศาลผืนนี้


แนวสันนิษฐานของสนามกอล์ฟของกองทัพบก 2 แห่ง ตอนใต้ของเมืองนครราชสีมา


แนวสันนิษฐานของสนามกอล์ฟของกองทัพบก แถบบางเขนที่อยู่ติดกับถนนรามอินทรา มีขนาดใกล้เคียงกับที่ดินของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน (ภาพจาก google map)


แนวสันนิษฐานของสนามกอล์ฟของกองทัพบก บริเวณสวนสน ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ตรงข้ามกับอุทยานราชภักดิ์ (ภาพจาก google map)

ทหารยังได้ก้าวข้ามไปทำในสิ่งที่ไม่น่าจะอยู่ในความเชี่ยวชาญของตัวเอง อย่างเรื่องการท่องเที่ยวอีกด้วย อดีตค่ายรามสูรที่อุดรธานีก็ถูกแปลงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่แหล่งภาพเขียนสีประตูผา จ.ลำปาง ก็เป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของกองพันฝึกรบพิเศษที่ 3 ค่ายประตูผา หรือที่คนเชียงใหม่รู้จักกันดีอย่างห้วยตึงเฒ่า ทางตอนเหนือของตัวเมืองเชียงใหม่ ฯลฯ

ทั้งการเกณฑ์ทหาร และการครอบครองที่ดินที่บริหารจัดการโดยกองทัพ เมื่อประเมินด้วยระบบเศรษฐกิจปัจจุบันแล้วถือว่าทำได้อย่างไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับทั้งตัวกองทัพเองและประชาชนเลย เกราะป้องกันตัวอย่างดีของทหารคือ ข้ออ้างความมั่นคงนั้น ควรจะถูกท้าทายด้วยการตรวจสอบที่เข้มข้นมากขึ้น เช่นเดียวกับการประเมินผลทางด้านเศรษฐกิจอย่างจริงจัง

การคืนที่ดินนั้นให้กับประชาชนเป็นหนทางที่เลี่ยงไม่ได้ หากจะปรับสมดุลประเทศให้ไปสู่ประชาธิปไตย เช่นเดียวกับการปฏิรูปกองทัพ เปลี่ยนระบบการคัดเลือกทหาร ที่ดินจำนวนมากของประเทศสามารถนำไปสู่การสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูกของประชาชน เช่นเดียวกับการสร้างพื้นที่สาธารณะที่เป็นประโยชน์ และการลงทุนเพื่อหวังผลกำไรของรัฐ หรือของเมืองนั้นๆ ในนามของเทศบาลหรือ อบจ.

อ้างอิง:

[1] ธนพัฒน์ โชคดารา, แนวทางการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ดินซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ของกองทัพบก (ม.ป.ท. : กองอสังหาริมทรัพย์ กรมส่งกำลังบำรุงทหารบก, 2558), หน้า 2 http://dlogs.rta.mi.th/wives/download/manual1.pdf

[2] สำนักบริหารที่ราชพัสดุกรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์, การประชุมซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุของส่วนราชการในเขตกรุงเทพมหานคร 27 พฤศจิกายน 2558 ณ ห้องประชุมชั้น 8 อาคาร 72 ปี กรมธนารักษ์

[3] “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่กิ่งอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ พุทธศักราช 2482”, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 56, 27 พฤศจิกายน 2482, หน้า 1863-1865

[4] “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่กิ่งอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พุทธศักราช 2482”, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 56, 1 พฤษภาคม 2482, หน้า 528-530

[5] “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พุทธศักราช 2483”, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 57, 16 กรกฎาคม 2483, หน้า 233-235

[6] “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์ที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พุทธศักราช 2483”, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 57, 22 ตุลาคม 2483, หน้า 578-580

[7] ศิลปวัฒนธรรมออนไลน์. “ปลดเขี้ยวเล็บ “กองทัพเรือ” ผลกระทบจากกบฏแมนฮัตตัน”. สืบค้นเมื่อ 14 กันยายน 2564 จาก https://www.silpa-mag.com/history/article_62702 (29 มิถุนายน 2564)

[8] กานดา นาคน้อย. “กานดา นาคน้อย: เศรษฐศาสตร์สามัญสำนึก 55 ปีทุนกองทัพไทย (ตอนที่ 2)”. ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2564 จาก https://prachatai.com/journal/2012/04/40226 (25 เมษายน 2555)

[9] “พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518”, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 92 ตอนที่ 54, 5 มีนาคม 2518, ฉบับพิเศษ หน้า 1-6 และ กานดา นาคน้อย. “กานดา นาคน้อย ทุนกองทัพไทย (3) : ที่ดินกองทัพบก”. ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2564 จาก https://prachatai.com/journal/2015/06/59565 (1 มิถุนายน 2558)

[10] กานดา นาคน้อย. “กานดา นาคน้อย ทุนกองทัพไทย (3) : ที่ดินกองทัพบก”. ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2564 จาก https://prachatai.com/journal/2015/06/59565 (1 มิถุนายน 2558)

[11] เชียงใหม่นิวส์. “พิธีเปิดกิจการสนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์ กองบิน 41”. สืบค้นเมื่อ 14 กันยายน 2564 จาก https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/1451755/ (9 กันยายน 2563)

[12] ลับลวงพรางแชนแนล. “เมื่อ สส.Futurista รุก ยึดสนามบินทหาร เชียงราย”. สืบค้นเมื่อ 14 กันยายน 2564 จาก https://www.llpch.news/2019/11/22/34043/ (22 พฤศจิกายน 2562)

[13] Pongpiphat Banchanont. “Army’s Wonderland แดนมหัศจรรย์ในกองทัพบก สุขสันต์ไปกับสนามมวย-ม้า-กอล์ฟ และโรงแรม”. The Matter. สืบค้นเมื่อ 14 กันยายน 2564 จาก https://www.llpch.news/2019/11/22/34043/ (22 พฤศจิกายน 2562)

#ม็อบ29กันยา #WhatsHappeningInThailand - มองจาก 6 ตุลาถึงสามนิ้ว... เชื่อ คนรุ่นใหม่ไม่แพ้

 

Atukkit Sawangsuk
21h ·

จาก 6 ตุลาถึงสามนิ้ว
จะถูกปราบถูกกลืนเหมือนกันหรือไม่
.......................................
ว่าโดยบริบท
ขบวนการนักศึกษา ตั้งแต่ก่อน 14 ตุลาถึง 6 ตุลา
เป็นขบวนการรักชาติ รักความเป็นธรรม เรียกร้องประชาธิปไตย
แต่โลกยุคสงครามเย็นไม่มีประชาธิปไตยให้เลือก
ประเทศโลกที่สามมีแต่เผด็จการที่อเมริกาหนุนหลัง ต่อต้านก็ถูกฆ่าถูกจับ
กับกระแสปฏิวัติสังคมนิยม
เป็นอุดมการณ์แห่งความใฝ่ฝัน ตามไอดอลอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ เช กูวารา
หลังถูกเข่นฆ่า ขบวนการนักศึกษาจึงเข้าป่าจับปืน
ใฝ่ฝันว่าจะปลดปล่อยประเทศไทย
........................................
6 ตุลา 2519 เป็นวันเดียวกันที่จีนโค่นแก๊งสี่คน
ยุติการปฏิวัติวัฒนธรรม แล้วอีก 2-3 ปี เติ้งเสี่ยวผิงก็ฟื้นทุนนิยม
เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการล่มสลายของอุดมการณ์สังคมนิยม จีนเปลี่ยนเป็นทุนนิยมโดยรัฐ (แล้วโซเวียตก็ล่มสลายในอีกไม่กี่ปีต่อมา)
2-3 ปีหลังจากนั้นเช่นกัน ที่เกิดความขัดแย้งใน พคท. ระหว่าง "จัดตั้ง" กับนักศึกษา จนป่าแตก ด้วยปัญหาประชาธิปไตยภายใน การไม่รับฟังข้อเสนอให้วิเคราะห์สังคมใหม่ เปลี่ยนยุทธศาสตร์ยุทธวิธี
ตามมาด้วยจีนทำสงคราม "สั่งสอน" เวียดนาม (แต่แพ้จุกตูด)
พคท.เลือกข้างจีนเลยถูก "อ้ายน้องลาว" และเวียดนามตัดแนวหลัง
ขัดแย้งรุนแรงขนาดนายผีถูกลาวจับไปขัง ผู้กองนักรบน่านที่ถูกจับพร้อมนายผีถูกยิงทิ้ง
......................................
อีกด้านหนึ่ง อเมริกาแพ้สงครามเวียดนามปี 2518
ก่อนหน้านั้นก็มีกระแสเสรีนิยม ต่อต้านเหยียดผิวเรียกร้องเสมอภาคทางเพศต่อต้านสงครามเวียดนาม ฯลฯ (ซึ่งส่งผลสะเทือนมาถึงนักศึกษาไทย)
ทำให้เกิดจุดเปลี่ยน จิมมี คาร์เตอร์ พรรคเดโมแครต ชนะเลือกตั้งในปี 2519 (รับตำแหน่ง 20 มกราคม 2520)
หลังจากนั้นอเมริกาก็สรุปบทเรียน เลิกส่งออกรัฐประหารต้านคอมมิวนิสต์
โดยเมื่อโรนัลด์ รีแกน รีพับลิกันชนะอีกครั้ง ก็หันมาเปิดการค้าเสรี
กำหนดกติกาโลกใหม่ให้เปิดประเทศ เป็นประชาธิปไตย มีเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เพื่อสอดคล้องการค้าเสรี
........................................
หลังรัฐประหารตั้งรัฐบาลหอยได้หนึ่งปี
เกรียงศักดิ์ อินทรีบางเขนก็ทำรัฐประหารซ้อนโค่นรัฐบาลหอย
ชนชั้นนำปรับตัว (หรืออิทธิพลอเมริกา?)
ประกาศร่างรัฐธรรมนูญ เลือกตั้ง นิรโทษกรรม 18 ผู้ต้องหา
แล้วต่อมา จปร.7 ก็ดันเปรมเป็นนายกฯ 66/23
ที่ไม่ใช่แค่รับนักศึกษากลับจากป่า แต่เปิดประชาธิปไตยครึ่งใบ
ให้พื้นที่นักการเมือง นักธุรกิจ (ตั้ง กรอ.) เปิดพื้นที่สื่อ ให้ NGO นักวิชาการ มีบทบาท (จนเข้าชื่อไล่เปรมนั่นแหละ)
โดยทางเศรษฐกิจ ก็พอดี ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตมาไทย เศรษฐกิจเฟื่องฟู ขบวนการนักศึกษาก็ล่มสลาย เป็นมหาลัยวัยหวาน ฟื้นโซตัส เรียนจบมีงานดีๆ ทำ มีห้างมีฟาสต์ฟู้ดให้นั่ง รัฐก็อาศัยวัฒนธรรมบริโภค propaganda อำนาจนำ
...................................
ตัดกลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน
ถามว่าสถานการณ์โลก อุดมการณ์ประชาธิปไตยจะล่มสลายหรือ
(สลิ่มย้อนแย้งนิยมจีนคอมมิวนิสต์ เชียร์ระบอบปูติน)
ไม่ใช่นะ เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เป็นความต้องการของมนุษยชาติ
แต่เราอยู่ในโลกยุคเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่กำลัง Disrupted
เป็นโลกยุคตัวใครตััวมันเอาตัวรอดไว้ก่อน ระเบียบโลกอ่อนแอ
ทรัมป์กีดกันการค้า America First ไบเดนก็ต้อง First เหมือนกันนั่นแหละ แม้นโยบายหลายอย่างต่างกัน
แต่ละประเทศมีแนวโน้มต้องการผู้นำเข้มแข็ง รับมือวิกฤติ
โดยประเทศที่ประชาธิปไตยไม่เข้มแข็ง ก็กลายเป็นผู้นำอำนาจนิยม
(แต่ส่วนใหญ่เขาไม่เอาคนโง่)
...........................
ปัจจัยภายใน ชนชั้นนำไทยอยู่ในช่วงอัสดง
จนต้องทำรัฐประหารกระชับอำนาจถอยหลัง
49 เสียของ 57 ยิ่งย้อนยุคกึ่งสมบูรณา ยิ่งอำนาจมากยิ่งเสื่อมศรัทธา
ยึดอำนาจ 7 ปี ไม่สามารถปรับตัวได้ หย่อนคลายอำนาจไม่ได้แม้แต่น้อย
แม้แต่ตัวบุคคลก็หาใครทดแทนประยุทธ์ไม่ได้
หาระบอบที่เหมาะสม ที่จะอยู่ร่วมกับประชาชนได้ ไม่เจอ
(ยุคเกรียงศักดิ์-เปรม ยังสามารถถอยกลับจากสุดโต่งมาเป็นครึ่งใบ)
นี่แตกต่างอย่างสุดขั้วกับสมัยหลัง 6 ตุลา ที่ชนชั้นนำพลิกตัวทันควัน
นี่เหมือนอยู่กับรัฐบาลหอยมา 7 ปีโดยไม่เกิดเกรียงศักดิ์ เปรม
เป็นอำนาจที่แข็งกร้าว ใหญ่โต ปึกแผ่น แต่เปราะ
.............................
ขบวนประชาธิปไตย มีปัญหาที่ความหลากหลาย
(ไม่ใช่แตกแยกทางอุดมการณ์)
ซึ่งเป็นธรรมชาติ เพราะนี่เป็นการยกระดับคุณภาพครั้งใหญ่
ไมใช่แค่ต้องการให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งอีกแล้ว
แต่ไปถึงร่าง รธน.ใหม่ทั้งฉบับ รื้อโครงสร้าง
ปฏิรูปสถาบัน ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปศาล ฯลฯ ไปจนถึงความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ
ซึ่งยังไม่มีใครเห็นภาพชัด ยังไม่สามารถนำเสนอยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่จะไปสู่ชัยชนะทีละขั้น แม้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจระบอบนี้เต็มที
เปรียบเทียบง่ายๆ ว่า พคท.มีแนวทางยุทธศาสตร์ยุทธวิธีชัดเจน แต่ผิดพลาด พ่ายแพ้ ขบวนประชาธิปไตยไม่มี แต่อุดมการณ์นี้ไม่ล่มสลาย สู้ได้ยาว ไม่ชนะแต่ก็ไม่แพ้
..............................
โดยธรรมชาติสังคม ไปถึงจุดหนึ่งจะต้องเกิด Compromise
(ประชาธิปไตยครึ่งใบคือ Compromise กับพลังต่างๆในสังคม)
ต่างฝ่ายต่างไม่ชนะ แต่ต่อรองให้ได้ในสิ่งที่ต้องการให้มากที่สุด
ซึ่งขึ้นกับความเข้มแข็งของพลังต่อรอง
ความเข้มแข็งของคนรุ่นใหม่ การต่อต้านอำนาจอนุรักษ์ทั้งกระบิ สิ้นศรัทธา-เย้ยหยัน แบบยกเจนเนอเรชั่น บวกกับความห่วยโง่ของผู้นำตัวแทน
คืออำนาจต่อรองที่ทำให้แม้แต่ตอนนี้เขาก็ใช้อำนาจไม่ได้เต็มที่
(มันจะจับขังมากกว่าอานนท์ เพนกวิน ไผ่ ไมค์ จับไปเป็นหมื่นก็ได้นะ แต่ไม่กล้าทำ แล้วก็ยังหาทางออกไม่ได้ว่าจะทำไงดี แค่ขังแกนนำไปพลางๆ ก่อน ไล่ดำเนินคดีไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งมา 112 ยิ่งเยอะ)
....................................
สถานการณ์ที่อำนาจนำไม่ยอมหาทาง Compromise หรือหาไม่ได้
ไม่สามารถอยู่ร่วมกับสังคมที่เปลี่ยนไป แตกต่างสิ้นเชิงกับหลัง 6 ตุลา
(อำนาจถอยหลัง สังคมก้าวหน้าไปมหาศาล แล้วยังไม่หาทางประนีประนอม ทั้งที่เสื่อมทุกด้าน)
นี่แหละที่ทำให้เชื่อว่า คนรุ่นใหม่ไม่พ่ายแพ้
โดยเฉพาะในช่วงต่อไปที่วิกฤติโลกวิกฤติประเทศจะยิ่งเลวร้ายลง
ขอแค่เข้มแข็งต่อไป ความเข้มแข็ง หรือกระทั่งแข็งกร้าวคืออำนาจต่อรอง
เชื่อมประเด็นโครงสร้างกับความไม่พอใจของประชาชนวงกว้าง
ในขณะที่มองว่าทางตัน
อีกด้านหนึ่ง ฝ่ายอำนาจก็ตันเช่นกัน

ทะลุฟ้าเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ หยุดใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม เพราะมีเด็กและเยาวชน อายุต่ำกว่า 15 ปี ร่วมชุมนุม


ทะลุฟ้า - thalufah
12h ·

16:53 รถจีโน่เริ่มฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม

ทะลุฟ้าขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ
หยุดใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม

เนื่องจากมีเด็กและเยาวชน
อายุต่ำกว่า 15 ปี ร่วมชุมนุม

ท่านต้องการเข่นฆ่าอนาคต
ของประเทศอย่างนั้นหรือ
โปรดฟังเสียงของพวกเขา !

#ทะลุฟ้า
#thalufah
#ม็อบ29กันยา
#หยุดราชวงศ์ประยุทธ์


🔴Live #ม็อบ29กันยา หยุดราชวงศ์ประยุทธ์ ณ แยกนางเลิ้ง สู่ ทำเนียบรัฐบาลทะลุฟ้า - thalufah

Streamed live 13 hours ago

ก้าวหน้า ผู้คนและการเดินทาง

🔴Live #ม็อบ29กันยา หยุดราชวงศ์ประยุทธ์ ณ แยกนางเลิ้ง สู่ ทำเนียบรัฐบาล 
ทะลุฟ้า - thalufah 
ร่วมสนับสนุนกองทุนทะลุฟ้า บัญชีธนาคาร กสิกรไทย 1073754972 เมยาวัฒน์ ชาลินี รุ่งฤดี ........................................... 
⚡️สั่งซื้อสินค้า PEACE TV โทร. 098-8357920 / 098-8357921 
. . 
⚡️กองทุนราษฎรประสงค์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาศาลยุติธรรม เลขที่บัญชี 086-2-70434-7 ชื่อบัญชี ชลิตา บัณฑุวงศ์ และไอดา อรุณวงศ์ฯ













รถจีโน่ฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม มีสารเคมีอะไร อันตรายอย่างไร...


หากเข้าตาจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตาและแก้วตาดำ หากสารมีความเข้มข้นมากก็จะทำให้เป็นผื่นแดง มีอาการปวด เป็นแผลไหม้ หรือเป็นจุดด่างบนผิวหนัง ทำให้เจ็บตาและทางเดินหายใจ ผิวหนังระคายเคือง กระตุ้นประสาทของต่อมน้ำตาทำให้น้ำตาไหล เลือดออกและตาบอด(2) #ม็อบ29กันยา

ขอเพิ่มตัวอื่น ๆ ด้วยนะคะ ในแก๊สน้ำตามีสารเคมีเป็นส่วนประกอบมากกว่า 12 ชนิด แต่ที่ใช้กันหลัก ๆ มีอยู่ 3 ชนิดได้แก่ 1. Chloroacetophenone หรือ CN gas โดยการใช้งานจะอยู่ในรูปละอองลอยที่บรรจุในภาชนะอัดความดัน เคยเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวแต่ถูกยกเลิกไปแล้วเพราะมีฤทธิ์นาน
#ม็อบ29กันยา

2. Chlorobenzylidenemalonitrile หรือ CS gas เป็นผงผลึกสีขาว เมื่อไหม้ไฟจะก๊าซไม่มีสี 3. Dibenzoxazepine หรือ CR gas มีลักษณะเป็นผลึกสีเหลืองซีดมีกลิ่นคล้ายพริกไทย ในสหรัฐอเมริกาไม่ใช้สารตัวนี้เป็นสารควบคุมจลาจล “เนื่องจากมีสมบัติก่อมะเร็ง”
#ม็อบ29กันยา

คนส่วนใหญ่ที่ถูกแก๊สน้ำตาจะไม่เกิดผลกระทบในระยะยาว แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหรือนำไปสู่การเสียชีวิต #ม็อบ29กันยา
ข้อมูลอาจมีข้อผิดพลาดได้นะคะ เราเอามาแชร์เพื่อเป็นความรู้เฉย ๆ ค่ะ ถ้ามีข้อผิดพลาดเพิ่มเติมช่วยแก้ไขได้เลยค่ะเผื่อมีคนบอกมั่วหรือเปล่า ไปเอาข่าวมาจากไหน เราแปะลิ้งไว้แล้วนะคะ เผื่ออ่านไม่ครบ 1) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ อันนี้เราไปอ่านวิธีการล้างแผลมา

2) หน่วยข้อสนเทศวัตถุอันตรายและความปลอดภัย ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งชาติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียอันตราย

ที่มา https://twitter.com/mds9ty/status/1443195394612088837

ดอกไม้ใด ในแรงลมว่าสมค่า ดอกไม้ใด กาลเวลาว่าหอมชื่น


Duanwad Pimwana
18h ·

ถาม :

ดอกไม้ใด ในแรงลมว่าสมค่า
ดอกไม้ใด กาลเวลาว่าหอมชื่น

ตอบ :

ดอกที่บานเฉิดฉายบนปลายปืน
ดอกที่ยืนฉาดฉานประจานอธรรม!

ขอบคุณภาพจากเพื่อนเฟซบุ๊ก


Waaddao Chumaporn
Yesterday at 10:14 AM ·

สันติที่สุดแล้ว #พระมหาเทวีเป้า
หลังจากป้าเป้าเกาะรถผู้ต้องขังติดตามน้องสาวเมื่อวาน
วันนี้ป้าเป้ามาร่วมชุมนุมอีกครั้งที่ม็อบทะลุฟ้าแยกนางเลิ้ง พร้อมกับป้าหมวย และเพื่อนป้าเป้า เปลือยกาย ท้าทาย คฝ.
.
ในฐานะที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ป้าเป้า วันไหนป้าเป้าวางแผนว่าจะแก้ผ้า หรือ เปิดกี ป้าจะใส่กระโปรงยาวมา ไม่เอาบุหรี่มาขายมาก จะฝากลุงไว้ (อาชีพป้าเป้าคือขายของ หนึ่งในนั้นคือบุหรี่ ถ้ารักมากป้าจะให้ฟรี ถ้ารักพอตัวราคาจะ 40-50 บาท ถ้าความสัมพันธ์ห่างๆ จะ60-70 วาดดาวจะได้ราคา 50 บาท แต่จะไปสูบฟรีจากลูกรักป้าเป้าในกลุ่ม เฟมปลดแอก
.
วันนี้ป้าหมวยและเพื่อน ช่วยกันกอดเสื้อผ้าให้
.
เพื่อนกี พลังกี
.
สุดยอดมากๆ


นักสู้ ผู้ถูกต้องขังทางการเมือง โดยไม่ได้รับการประกันตัว


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
September 27 at 8:35 AM ·

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ณ วันที่ 27 ก.ย. 64 มีผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยไม่ได้รับการประกันตัว จำนวนอย่างน้อย 9 คน โดยการคุมขังบุคคลเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่อุณหภูมิการเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงจากตำแหน่งกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
.
1. อานนท์ นำภา ข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ มาตรา 112 เหตุปราศรัยใน #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์2 เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64 ตำรวจ สน.ปทุมวัน ควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. 64 และศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 64
.
ต่อมา หลังอัยการจากคดีปราศรัยในม็อบแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ 1 ซึ่งอัยการสั่งฟ้องโดยไม่มีตัว และได้มีนัดถามคำให้การในคดีเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 64 ศาลอาญาได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวอานนท์ระหว่างพิจารณาอีกคดีหนึ่ง
.
อานนท์ถูกคุมขังในเรือนจำรวมแล้ว 48 วัน ขณะนี้อยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง
.
2. พริษฐ์ ชิวารักษ์ แม้จะได้รับการประกันตัวในคดีชุมนุมหน้า บก.ตชด. ภาค 1 แต่พริษฐ์ยังถูกออกหมายขังในคดีจากการชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 63 หลังเขาถูกศาลอาญาเพิกถอนประกันโดยไม่มีการไต่สวน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 แม้จะพยายามยื่นประกันตัวในคดีนี้อีกครั้ง แต่ศาลอาญายังคงไม่อนุญาตให้ประกันตัว
.
พริษฐ์ถูกคุมขังในเรือนจำรวมแล้ว 50 วัน ขณะนี้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
3. จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ถูกคุมขังจากกรณีการถูกถอนการประกันตัว โดยไม่มีการไต่สวน ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 63 เช่นเดียวกับพริษฐ์ ส่วนในคดีสาดสีป้ายหน้า สน.ทุ่งสองห้อง และ คดีสาดสีหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งศาลไม่ให้ประกันตัวมาก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนและอัยการไม่สามารถทำสำนวนสั่งฟ้องได้ในระยะเวลาในการขอฝากขัง ทำให้อำนาจในการขอฝากขังสิ้นสุดไปแล้ว
.
จตุภัทร์อยู่ในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. 64 รวมถูกคุมขังมาแล้ว 50 วัน ขณะนี้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
4. เวหา แสนชนชนะศึก ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้ทวิตเตอร์ในนาม “ฟ้าฝน ver.เกรี้ยวกราด” และทวิตเนื้อหาเกี่ยวกับไสยศาสตร์ในพิธีพระบรมศพรัชกาลที่ 9 และเรื่องในคุกวังทวีวัฒนา โดยถูกดำเนินคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ บก.ปอท.
.
เวหาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 64 รวมควบคุมตัวแล้ว 48 วัน ขณะนี้รักษาตัวจากอาการโควิดอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
.
5. นางฮวด (นามสมมติ) หญิงไร้บ้านชาวกัมพูชา ถูกจับกุมบริเวณย่านดินแดงในระหว่าง #ม็อบ11กันยา เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 64 ก่อนถูกแจ้งข้อกล่าวหา 7 ข้อหา ทั้งจัดกิจกรรมฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อกำหนดเรื่องเวลาเคอร์ฟิว, “มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายโดยคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ” ตาม ม.215 ปอ., “ไม่เลิกมั่วสุมตามคำสั่งเจ้าพนักงาน” ม.216 ปอ., “ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานโดยมีอาวุธ หรือร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป” ม.138 และ ม.140 ปอ. และ “เป็นบุคคลต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ศาลไม่ให้ประกันตัวเนื่องจากไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน จึงเกรงว่าจะหลบหนี
.
ฮวดถูกคุมขังในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 64 รวม 15 วัน ขณะนี้อยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
.
6. ทวี เที่ยงวิเศษ หรือ “อาทิตย์ ทะลุฟ้า” ถูกจับกุมตามหมายจับ เมื่อวันที่ 15 ก.ย 64 จากเหตุตำรวจจอดรถปาดหน้าเครื่องเสียงของกลุ่มทะลุฟ้า หลังกิจกรรม #ม็อบ3กันยา และถูกอ้างว่าทำร้ายเจ้าพนักงานและหลบหนีการจับกุม ถูกกล่าวหาในข้อหา ได้แก่ ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ม.138 ม.140 ปอ., ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ม.391, หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของเจ้าพนักงานฯ ม.190, ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ
.
ทวีถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 64 รวมควบคุมตัวแล้ว 13 วัน ขณะนี้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
7. ชิติพัทธ์ (สงวนนามสกุล) ถูกจับกุมจากเหตุชุมนุม #ม็อบ16กันยา เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 64 ที่บริเวณถนนมิตรไมตรี ก่อนถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และข้อกำหนดเรื่องเวลาเคอร์ฟิว, “มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายโดยคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ” ม.215 ปอ., “ไม่เลิกมั่วสุมตามคำสั่งเจ้าพนักงาน” ม.216 ปอ., “ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานโดยมีอาวุธ หรือร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป” ม.138 และ ม.140 ปอ. และข้อหามีกัญชาในครอบครอง
.
ศาลอาญาไม่ให้ประกันตัว โดยระบุว่าเคยถูกจับกุมในการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา และการกระทำใหม่นี้ ผิดเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีเดิม
.
ชิติพัทธ์ถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 64 รวมควบคุมตัวแล้ว 14 วัน ขณะนี้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
8. ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกคุมขังอีกครั้งหลังเพิ่งได้รับการปล่อยตัวในคดีชุมนุมหน้า บก.ตชด.ภาค 1 หลังเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 64 เขาถูกสั่งฟ้องคดีตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เหตุโพสต์จดหมายถึงกษัตริย์ในกิจกรรม “ราษฎรสาส์น” เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 63 ก่อนศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
.
ภาณุพงศ์อยู่ในเรือนจำอีกครั้ง รวมถูกคุมขังรอบใหม่แล้ว 5 วัน ขณะนี้อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
9. “นัท” เยาวชนอายุ 16 ปี ถูกจับกุมเมื่อคืนวันที่ 23 ก.ย. 64 และถูกตำรวจแจ้งข้อหาถึง 8 คดีจากเหตุทุบและเผาตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรในหลายจุด ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้ออกหมายควบคุมตัวไว้ระหว่างสอบสวน เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 64 และศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากไม่มีญาติเดินทางมารับรองการประกันตัว
.
เยาวชนรายนี้ ถูกส่งไปควบคุมตัวที่สถานพินิจฯ แล้ว 4 วัน
.
.
อ่านฉบับเว็บไซต์: https://tlhr2014.com/archives/35679

ข้อมูลกินเนสบุ๊คที่ใครๆก็รู้


Pavin Chachavalpongpun
23h ·

กินเนสบุ๊ค สถิติปี 2022 ระบุว่า วชิราลงกรณ์คือกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก และยังเขียนด้วยว่า ก่อนหน้านี้ทรัพย์สินเป็นของสถาบันกษัตริย์ แต่ตกมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของวชิราลงกรณ์ในปี 2018 นอกจากนี้ วชิราลงกรณ์ยังเป็นเจ้าของเพชรเกือบ 550 กะรัต ซึ่งเป็นเพชรตัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
…When I was a diplomat, I was instructed to refute the report that Bhumibol was the richest monarch in the world citing his adherence to the self sufficiency economy philosophy. Today Vajiralongkorn has taken full control of the crown wealth swallowing up the entire assets supposedly belonging to the institution.
...
Richest monarch


https://www.guinnessworldrecords.com/world-records/richest-monarch



หนังสือน่าอ่าน ในแดนวิปลาส



Duanwad Pimwana
September 24 at 11:46 PM ·

ในแดนวิปลาส
บันทึกบาดแผลสามัญชนบนโลกคู่ขนาน
เขียนโดย รัช
สำนักพิมพ์พารากราฟ
จากมุมมองตั้งต้นในฐานะผู้สื่อข่าว เพื่อเข้าถึงข้อเท็จจริง
สู่ปฏิสัมพันธ์, กระทั่งในหลายกรณีกลายเป็นสัมพันธภาพ รับรู้ฉากหลังอันถักทอเป็นชีวิตคนๆ หนึ่ง ลงลึกถึงเงื่อนปมทางจิตใจ ซึ่งภายใน ‘ห้องพิจารณาคดี’ จะไม่มีวันปรากฏให้เห็น
เรื่องเล่าว่าด้วย ‘เหยื่อ’ ของอำนาจมืด (ซึ่งเราพบว่า อำนาจนั้นมันเผยตน ‘สว่าง’ เพียงไร) ‘เหยื่อ’ ของกฎหมายอันเป็นจักรกลสังหารชีวิตมนุษย์ - ทั้งชีวิต
ผู้ต้องขังและนักโทษคดี 112, ผู้ถูกอุ้มหาย - มีเพียงบางรายถูกพบเป็นศพ, ผู้เป็น ‘ภัยความมั่นคงของรัฐ’ ที่ต้องหนี ‘ภัยความมั่นคงของชีวิต’ ไปเผชิญภยันตราย (ต่อ) ในดินแดนอื่น
กับผู้เป็นที่รัก และญาติมิตรพี่น้องของพวกเขา
จาก ‘นักข่าว’ สู่ ‘นักเขียน’
จาก ‘บุคคลจริง’ ในโลกข้อมูลข่าวสาร สู่ ‘ตัวละคร’ ในนวนิยายขนาดสั้น
จาก ‘ข้อเท็จจริง’ งอกงามสู่ ‘ความลุ่มลึกทางวรรณกรรม’
รัช เล่าเรื่องด้วยภาษาประณีตสละสลวย เสียงและวิธีการเล่ามีจังหวะจะโคน ทว่าเรียบง่ายจริงใจ
อ่านสะทกสะเทือนอารมณ์ไปทุกหน้ากระดาษ
นี่ยังไม่รวมถึง… สัมผัสตัวละครแต่ละตัว เรารู้สึกครามครันว่าได้สบดวงตาแต่ละคู่ของ ‘เหยื่ออธรรม’ ที่มีตัวตนจริงเหล่านั้น
บันทึกบาดแผลสามัญชนบนโลกคู่ขนาน…
โลกใบหนึ่งผู้คนอยู่กันอย่างปกติ สว่างไสว ส่วนโลกอีกใบมืดมิด โหดเหี้ยม และน้อยคนนักจะเหลียวแล
ณ ที่ซึ่งการมีชีวิตอยู่คือการถูกปิดปากและกดหัว อย่างเป็นสามัญ
ดินแดนสามานย์นั้นจะนับเป็นอะไรได้
นอกจากเป็น ‘แดนวิปลาส’ โดยแท้

พวกโจร500 #รัฐบาลประยวยหัวคุด ก่อการร้ายกลางกรุง


ป้าเป้าเอาเนื้อตัวของตนเองมาพูด


ประยุทธ์ เจอประชาชนโห่ไล่ #ไอเหี้ยตู่ ระยะประชิดที่สุดตั้งแต่เป็นนายกมา ระหว่างลงพื้นที่ตรวจ #น้ำท่วม ที่ชัยภูมิ - ชาวบ้าน พาเด็ก ลุยน้ำ ร่ำไห้ ออกมาขอข้าวทางเทศบาล จุดที่กำลังเตรียมรอรับนายกฯ ลงพื้นที่ แต่ทางเทศบาลบอกยังไม่เเจก



กูสวดมนต์ทุกวันมันยังท่วมเลย โพสต์ดัง พวกหมา ดิ้นกันใหญ่ !


วันพุธ, กันยายน 29, 2564

อดีต ตลก.ดัน กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความวินิจฉัย ประยุทธ์ครบ ๘ ปี นายกฯ เมื่อไหร่

ประเด็นที่ สุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทยงัดเอารัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๘ มาเป็นไฟลนก้นประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ จะหมดลงในเดือนสิงหาคมปีหน้า เนื่องจากตัวบทบอกว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน ๘ ปีมิได้” นั้น

ประยุทธ์และพวกยังเก็บไต๋เงียบ ไม่ยอมให้พิกุลร่วงแม้แต่นิด เพราะถ้าเรื่องนี้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ดังที่ เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้ความเห็น แล้วศาลรัฐธรรมนูญเกิด เปลี่ยนไป ประยุทธ์จะไม่สามารถรอเป็นนายกฯ อีกสมัยได้

การตีความตามลายลักษณ์อักษรโดยพ่วงมาตรา ๒๖๔ เข้าไปประกอบมาตรา ๑๕๘ ดังที่เจษฏ์แนะว่า ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเท่านั้น” หากเป็นบรรยากาศของการเหลิงอำนาจก่อนเกิดวิกฤตโควิด อันทำให้เห็นธาตุแท้ความสิ้นไร้ประสิทธิภาพของประยุทธ์ละก็

จะได้เห็นชั้นเชิง นิติสงครามของพวกประยุทธ์ออกมาเสนอหน้ากันสลอนแล้วป่านนี้ แต่นี่มีแต่ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชี้โพลงให้ กกต.เป็นคนชงส่งศาลรัฐธรรมนูญ จะได้สามารถทำได้เลย ไม่ต้องรอกระบวนการรัฐสภา

“ปรากฎอยู่ในมาตรา ๑๗๐ วรรคสาม ที่ระบุว่า ให้นำความในมาตรา ๘๒ มาใช้บังคับแก่การสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตามวรรคสองโดยอนุโลม ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ด้วย” จรัญอ้างศาล รธน.ชงเองไม่ได้

ทั้งที่ตนเองเห็นด้วยกับแนวคิดแย้งที่ว่า ประยุทธ์เพิ่งมีสถานะเป็นนายกฯ ตาม รธน. ๒๕๖๐ เมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้ในวันที่ ๖ เมษา ๖๐ (ตามบทเฉพาะกาล) ดังนั้นการสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่งของประยุทธ์จะไปครบ ๘ ปี ในวันที่ ๕ เมษา ๒๕๖๘

อย่างไรก็ดี ยังมีอีกแนวคิดซึ่งน่าจะมาจากลิ่วล้อของประยุทธ์ ที่เตรียมตัวร่วมหัวจมท้ายกับประยุทธ์อีกสมัย หลังการเลือกตั้งตามปกติครั้งหน้า (ปี ๖๖) ทำให้ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ไปจนถึงปี ๒๕๗๐ จึงจะครบวาระ ๘ ปี โดยถือว่าประยุทธ์เริ่มเป็นนายกฯ เมื่อ ๙ มิถุนา ๖๒

อดีต ตลก.รธน.เร่งให้ ชง เรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญเสียตั้งแต่วันนี้ดีกว่ารอให้ปัญหาเกิดขึ้นในเดือนสิงหา ๖๕ เมื่อครบกำหนดดังที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยผลักดัน เขาอ้างว่าจะทำให้ประเทศวุ่นวายด้วยภาวะเศรษฐกิจ สังคม และ “ความสงบเรียบร้อย”

เป็นข้ออ้างที่ฟังแล้ว เฉิ่ม เอาการอยู่ เพราะมันเป็น cliché วาทกรรมซ้ำซากของศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ ไม่ต่างอะไรกับความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่มักใช้อ้างกันอย่างพร่ำเพรื่อ แต่ก็มีนัยยะของความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ ประมาณว่ารีบๆ ทำซะ ก่อนน้ำลง

อุปมาอุปมัย กับภาวะการณ์อุทกภัยขณะนี้ แทนที่จะเที่ยวไปเยี่ยมที่โน่นที่นี่ แล้วเซ่อซ่าพูดจาไม่อยู่กับร่องรอย สวดมนต์ห้ามฝนบ้างละ คุยกับพวกงัวๆ ทำเป็นนักประชาธิปไตย ให้ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แซะเสียแสบ จากสุโขทัยไปชัยภูมิก็ยังไม่วาย

“นายกรัฐมนตรีและคณะรับฟังรายงานสรุปจากผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย...จากนั้น จะรับฟังรายงานจากนายอำเภอจัตุรัส และผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดชัยภูมิ” โฆษกแถลง

หากแต่ที่อำเภอจตุรัส ittipat pinrarod @ittipat_tv แจ้งว่า “น้ำเริ่มลด ๕๐ เซนติเมตร เร่งหาทีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ให้นายกฯ ที่จะมาที่หนองบัวใหญ่ ยังหาไม่ได้ เพราะน้ำยังท่วมหมด” นี่มิต้องไปเรือท้องแบน ทส.สิบคนลุยน้ำลากเหมือนปีที่แล้ว

ธนกร วังบุญคงชนะ พล่ามอีกว่า “กรมชลประทานได้ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำ พร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อรองรับน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่กำลังจะมาถึง” เนื้อความคล้ายกับที่ปลอดประสพ สุรัสวดี แจงไว้

นอกจากชี้ว่า “ขณะนี้มีน้ำต่ำกว่า ๕๐% เป็นส่วนใหญ่” แล้วยัง “พายุหรือฝนปีนี้ถือว่าธรรมดามากเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ (พูดแบบสนุกขำขันก็คือช้างกับไก่) แต่ที่ท่วมตอนนี้มีลักษณะเป็นจุดๆไม่ได้แผ่ไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ”

นั่นคือฟันธงได้เลย “ปีนี้น้ำไม่ท่วมใหญ่ (เหมือนปี ๕๔ อย่างที่เป็นห่วงกัน) แน่นอน” แล้วยังเอาแนวทางจากเมื่อครั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาสอนสั่ง ๘ ข้อ ได้แก่ “ระหว่างทางน้ำไหลต้องมีแก้มลิง” “ลำน้ำบางจุดต้องมีคัน” และ “ต้องมีระบบระบายน้ำ (ขณะนี้มีแต่ระบบส่งน้ำ)”

เหล่านั้นทั่นโฆษกฯ เอามาแถลงเหมือนกัน ข้อกังขาอยู่ที่พูดแล้ว ได้ทำ หรือ ทำได้ ไหม ที่นายกฯ บอกให้สวดมนต์ไล่พายุนั่น พวกพายุเค้าไม่เชื่อน่ะ ตั้งท่ามาถล่มกันอีก ๓ ระลอก คือ ดีเพรสชั่น มา ๗-๙ ตุลา พายุ หลิ่นฟา มา ๑๑-๑๖ และพายุ ดานัง ๑๗-๒๐

เป็นอันว่าเดือนหน้าต้องสวดมนต์กันทั้งเดือน

(https://www.thairath.co.th/news/politic/2206167, https://www.facebook.com/plodprasop.suraswadi.1/posts/1190597378103950, https://www.matichon.co.th/politics/news_2963684 และ https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_469618CUrnA)