วันอาทิตย์, กันยายน 30, 2561

ปู่จิ๋วเสนอ ‘ยุทธศาสตร์ราชวงศ์ ๑๐ ปี’ ถวาย ร.๑๐ ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล


ฟังดีๆ ว่าที่จริงข้อเสนอเรื่องน้อมเกล้าฯ รับพระราชอำนาจสูงสุดรัชกาลที่ ๑๐ ทรงตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ นี่เป็น ยุทธศาสตร์ราชวงศ์ ๑๐ ปี เสียมากกว่า

“พูดกันง่ายๆ ว่าเปลี่ยนระบบปัจจุบันนิดๆ หน่อยๆ ภายใต้กรอบของอำนาจอธิปไตยสูงสุด ซึ่งผู้ถืออำนาจอธิปไตยสูงสุดนี้ (ยกมือไหว้) ก็คือองค์รัฏฐาธิปัตย์สูงสุด (ชี้นิ้วขึ้นเหนือหัว)” คือเปลี่ยนจากมือ คสช. ไปสู่พระมหากษัตริย์

บิ๊กจิ๋ว บอกว่ามีแผนงานเตรียมไว้แล้วเรียบร้อย ๗ หมวด ๔๑ โครงการ แถมมีเงินทุนผลักดันเตรียมไว้ด้วยเช่นกัน ๑๙๑ ล้านบาท “หากว่ามีการเปลี่ยนแปลง เรามีแผนงานที่จะเสนอพระองค์ท่าน เพื่อที่จะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร”

การเปลี่ยนแปลงที่ว่าก็คือ “แทนที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งอย่างนี้ อย่าให้มีเลย” เพราะว่า “เวลานี้เรามีพรรคการเมืองหลายพรรคมาก อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้ง ฉะนั้นเรื่องการเลือกตั้งจะต้องคิดให้ดี

เพราะถ้าเรายังใช้รูปแบบนี้อยู่ก็จะนำไปสู่การทะเลาะกันไม่มีที่สิ้นสุด” พล.อ.ชวลิตเสนอให้ให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลมาแทนการเลือกตั้ง และแทน คสช.

“พล.อ.ชวลิตระบุต่อว่าต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น หากใช้วิธีตามรัฐธรรมนูญประเทศไทยจะไปไม่รอด โดยเสนอให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ แล้วกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ แก้ไขบางมาตราเพื่อทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

พร้อมทั้งยกเลิก คสช. แต่ไม่ได้ยกเลิกไปไหน แค่ให้กลับมาร่วมกันทำงานสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา” โดยที่ “จะมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่พระองค์ท่านทรงเลือกเองทุกอย่าง ใครเลือกไม่ได้ พระองค์ท่านทรงเลือกเอง แม้กระทั่ง สนช. ท่านทรงเลือกของท่านเอง”

และดูจากกรอบโครงการคร่าวๆ ที่ปู่จิ๋วแจ้งว่าจะกราบบังคมทูลฯ พระองค์ท่านนั้น เป็นโครงการ “เพื่อสุขภาพ และมนุษยชาติ เพื่อเศรษฐกิจโลก เพื่อเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อความั่นคงของชุมชน อาหาร พลังงาน การขนส่ง เพื่อสันติภาพ และเพื่อความเป็นสมาชิกของนานาชาติ”

ล้วนแล้วแต่เป็นวาทกรรมลอยๆ ทำนองเดียวกับยุทศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีของ คสช. ที่ขอเวลาทำเองสี่ซ้าห้าปี (ในฐานะ คนใน หรือ คนนอก ก็สุดแล้วแต่) จะได้อยู่ในร่องในรอยที่ต้องการ จนมั่นใจว่าไม่เฉออกนอกลู่แล้วค่อยปล่อย

โครงการของบิ๊กจิ๋วก็ทำนองเดียวกัน ต่างแต่ว่าขอวงกรอบเวลาแค่ ๑๐ ปี เชื่อว่ากำกับควบคุมตามกำหนดไปสัก ๒ ปีเท่านั้นจะเห็นผล และทั้งหมดถวายให้อยู่ภายใต้พระราชอำนาจเด็ดขาดของพระเจ้าอยู่หัวฯ แทนที่จะเป็น คสช.เป็นผู้กำกับควบคุมอย่างยุทศาสตร์ชาติ
 
งานนี้มี เผด็จ ภูรีปฏิภาณ หรือ พญาไม้ ร่วมวงทำหน้าที่ ‘moderator’ คอยตั้งคำถามนำ และ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย แต่จตุพรพูดเฉพาะประเด็นให้ คสช.ออกไป “หากพล.อ.ประยุทธ์ประสงค์จะเล่นการเมือง จะต้องลาออกทั้งทีม แล้วหากรรมการที่เป็นคนกลาง”

(อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้จาก ประชาไทhttps://prachatai.com/journal/2018/09/78900)

แม้นว่าจะมีบางคอมเม้นต์เล่นงานจตุพรอยู่บ้าง รวมทั้งอะลุ่มอล่วย เช่น ‘bamboo network’ให้ “รอดูก่อน ว่า พี่น้องเอาด้วยไหม” และ นก แลชี้แนะ “อาจจะมีเบื้องบนสั่งให้ปรองดอง” แต่แกนนำสำคัญคนหนึ่งของ นปช. ก็มีปฏิกิริยาออกมาทันที

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดชัด “รัฐบาลเฉพาะกาล นอกจากไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย และอาจถูกมองเป็นเจตนาล้มการเลือกตั้งแล้ว ยังไม่มีหลักประกันว่าจะแก้ปัญหาได้” เขาเชื่อว่า “ผู้มีอำนาจไม่ลาออกแน่นอน แผนสืบทอดอำนาจก็ปรากฏชัด”

ถึงกระนั้น “รัฐบาลชุดนี้ใช้เวลาเกือบ ๕ ปี บอกว่ารวบรวมคนดี คนรักชาติไว้เต็มลำ ก็ยังเป็นแค่เรือแป๊ะ ไม่เป็นสับปะรด จึงเชื่อว่าการฟังเสียงประชาชนเป็นสิ่งที่ใกล้ความจริงมากกว่า” ณัฐวุฒิยืนกรานว่า “สนับสนุนอย่างที่สุดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ ๒๔ ก.พ. ๒๕๖๒”

“แม้กติกาและสิ่งแวดล้อมทางอำนาจขาดความชอบธรรม” ก็ยังจะ “ต้องยึดกุมสถานการณ์ที่อำนาจกลับมาสู่มือประชาชนไว้ให้ได้”

เปิดหน้าซะทีพรรครัฐมนตรี คสช. แถมสองเสือ กปปส. อีกหน่อ 'จึงรุ่งเรืองกิจ' และลูกชาย 'ไอ้ก้านยาว'

เปิดหน้าซะทีพรรครัฐมนตรี คสช. แต่ก็ยังมัดมือคู่แข่งชก หัวหน้า พลังประชารัฐบอกไม่ต้องลาออก ถึงเวลาเมื่อไหร่ได้เห็นเองสวมหมวกใบเดียว รับรองไม่ใช้ตำแหน่งเอาเปรียบคู่แข่งแน่นอน คงต้องเชื่อเขาละ

๒๙ กันยา ที่อิมแพ็คเมืองทองธานีมีการเปิดหน้าบรรดาผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่ตัวหัวหน้า อุตตม สาวนายน และเลขาธิการ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ทั้งคู่ยังเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ที่จะควบคุมดูแลทั้งการเลือกตั้งและกระทั่งเมื่อมีการตั้งรัฐบาล

เช่นเดียวกับผู้บริหารพรรคคนอื่นๆ ลงไปอย่าง สุวิทย์ เมษินทรีย์ และณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้า กอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิก วิเชียร ชวลิต นายทะเบียน แม้กระทั่ง อิทธิพล คุณปลื้ม และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการ

ดูรายชื่อผู้บริหารทั้ง ๒๕ คนได้ที่ http://www.komchadluek.net/news/politic/345895?re= แต่ถ้าอยากรู้เบื้องลึกเล็กน้อยของบางคนต้องไปที่ https://prachatai.com/journal/2018/09/78912 ดังเช่น

อิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา ลูกชายกำนันเป๊าะ น้องชายสนธยา ที่ คสช. ถึงกับใช้ ม.๔๔ ตั้งให้เป็นนายกเมืองพัทยาหมาดๆ หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเดือนพฤษภาคมนี้เอง อิทธิพลยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งได้รับแต่งตั้งเมื่อ ๑๗ พ.ค. พร้อมพี่ชายด้วย

ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งในคณะผู้บริหารชุดนี้ นอกจากมีรัฐมนตรีสายธุรกิจในรัฐบาลประยุทธ์เต็มพรืดแล้ว รวมทั้งวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) แล้ว
 
ยังมีหัวโจก กปปส. ที่เรียกกันว่า สี่เสืออยู่ในนั้น ๒ คน คือณัฏฐพลและพุทธิพงษ์ ทั้งคู่มีคดีความในข้อหากบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร และขัดขวางการเลือกตั้ง ติดตัวกันอยู่ ซึ่งทั้งเจ้าตัวและ คสช.ผู้เป็นนายไม่แคร์

เป็นที่น่าสังเกตุ ดังทวี้ตของ Dhiravath Suantan @ARMdhiravath ว่า “แสบ!! พลังประชารัฐ เปิดตัว นายก อบจ. ๑๒ จังหวัดภาคอีสาน อดีตหัวคะแนนเพื่อไทย อาทิ นายก อบจ. อุบลราชธานี /มหาสารคาม/สกลนคร/นครพนม/มุกดาหาร/ หนองคาย/บึงกาฬ /ร้อยเอ็ด /ศรีสะเกษ/อำนาจเจริญ/หนองบัวลำภู ร่วมพลังประชารัฐ”

แสดงว่าพลังดูดนั้นไปทั่วถึงระดับหัวคะแนนด้วยไม่เพียงพวกอดีต ส.ส. ดังเช่น สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ และอนุชา นาคาศัย สรวุฒินั้นเป็นอดีต ส.ส.ชลบุรี พรรค ปชป. มาก่อนถูกดูดเมื่อ ๑๙ กันยา

ด้านอนุชาเป็นอดีต ส.ส.ชัยนาทพรรคไทยรักไทย ที่มี (พรทิวา) ภรรยาเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ตนเองเป็นเรี่ยวแรงช่วย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (ไทยรักไทยเดิม) และสมศักดิ์ เทพสุทิน (มัชฌิมา) เที่ยวดูดพรรคโน้นพรรคนี้
 
ถึงแม้สุริยะจะไม่มีชื่ออยู่ในกรรมการพลังประชารัฐ ก็ยังมี จึงรุ่งเรืองกิจ อีกคนเป็นกรรมการ คือ พงศ์กวิน ลูกชายคนโตของ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ถึงแม้พงศ์กวินได้ลาออกจากประธานกรรมการบริษัท อินเตอร์แน้ทชั่นแนลเอ็นจีเนียริ่ง แล้ว ประชาไทบอกว่าเขาคง “ยังทำหน้าที่บริหารงาน และดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เช่นเดิม”

อดีต ส.ส.พรรคใหญ่ที่มาร่วมพลังประชารัฐจากการถูกดูด ยังมี สุรพร ดนัยตั้งตระกูล เคยเป็นที่ปรึกษา รมว.คลังสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อดีตรมว.ศึกษาสมัยรัฐบาลชวลิต เคยสังกัดหลายพรรค ความหวังใหม่ รวมใจไทยชาติพัฒนา และประชาธิปัตย์ สุรพร “ไปกินกาแฟ” ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อปลายมิถุนา แล้วบอกนักข่าวว่า “เดี๋ยวคงได้เจอกันบ่อยๆ”

ด้าน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นอดีต ส.ส.สิงห์บุรี และกรรมการบริหารพรรคชาติไทยที่ถูกยุบไปและตัดสิทธิทางการเมือง ๕ ปี ชัยวุฒิเดินทางไปพบ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลพร้อมกับ สกลธี ภัททิยกุล และณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เมื่อต้นเดือนเมษายน

สำหรับสมคิดที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเริ่มต้นก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีชื่อติดอยู่ในรายนามผู้บริหารพรรค ทำให้เป็นที่คาดหมายกันลอยๆ ว่า คงจะเป็น ๑ ใน ๓ รายชื่อผู้ที่พรรคเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมกับหัวหน้าพรรค และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
 
อีกคนที่ถูกเอ่ยถึง พ่ออย่างมากก็คือ องอาจ ปัญญาชาติรักษ์ ลูกชายของ ไอ้ก้านยาวประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตนักต่อสู้เผด็จการยุค ๑๔ ตุลา ๑๖ ซึ่งออกไปอยู่พรรคชาติไทย หลังจากไม่มีชื่อในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ไทยรักไทยตอนเลือกตั้ง ๒ เมษา จากนั้นร่วมมือ พธม. ไล่ทักษิณ (ชินวัตร) แล้วมาได้ตำแหน่งกรรมการยุทธศาสตร์ชาติของ คสช.

อธึกกิตต์ แสวงสุข ท้าวความถึงการลาออกพรรคไทยรักไทยของประพัฒน์ว่า “อันที่จริงหลายคนตอนนั้น ยกตัวอย่างพี่อ๋อย จาตุรนต์ (ฉายแสง) ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับทักษิณนัก ตั้งแต่เรื่องภาคใต้และอีกหลายเรื่อง

แต่ที่เขาไม่ลาออกกันตอนนั้น เพราะเห็นสัญญาณว่ามันไม่ใช่แค่การไล่ทักษิณ แต่ต้องการล้มประชาธิปไตย”

"อยากได้ราคายางหรือเศรษฐกิจเหมือนตอนนี้ โปรดเลือกพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล" อ่านบทความของ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ : การเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐคือยุทธวิธีรีแบรนด์พรรคทหาร โดยเอาทีมเศรษฐกิจของคุณสมคิดเป็นจุดขาย




การเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐคือยุทธวิธีรีแบรนด์พรรคทหารโดยสี่รัฐมนตรีที่ีี่รับหน้าเสื่อแทนก๊วนนายพล แต่ยิ่งกว่านั้นคือสัญญาณว่าการสืบทอดอำนาจจะดำเนินการโดยเอาทีมเศรษฐกิจของคุณสมคิดเป็นจุดขาย สรุปสั้นๆ คือยุทธศาสตร์สืบทอดอำนาจครั้งนี้ดำเนินงานคู่ขนานระหว่างทหารกับพลเรือน นันคือทหารตั้งวุฒิสมาชิก 250 คน ส่วนทีมสมคิดก็รับหน้าที่จัดฉากพรรคพลเรือนเก๊ๆ ให้ประชาชนเลือกเข้าสภา

แปลกแต่จริงที่รัฐบาลทหารกล้าขายทีมสมคิดเรื่องเศรษฐกิจดี เพราะเศรษฐกิจไทยห้าปีใต้ทีมนี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด เรื่อง "รวยกระจุก จนกระจาย" เป็นปัญหาซ้ำซากที่แก้ไม่ตก มิหนำซ้ำแม้แต่คนรวยก็เสียโอกาสที่จะร่ำรวยขึ้นภายใต้การบริหารของนายกและทีมเศรษฐกิจที่เล่นละครเป็นพลังประชารัฐกัน

มองย้อนไปห้าปีของรัฐบาลนี้เห็นชัดว่าตัวเลขส่งออก, การขยายตัวของดัชนีตลาดหุ้น , การเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้นในตลาด หรือแม้แต่เงินรวมของประเทศ ฯลฯ เติบโตในอัตราที่ต่ำกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้งทั้งหมด ผลงานของทีมเศรษฐกิจที่เป็นหัวหน้าพลังประชารัฐคือทำคนจนให้จนลง ส่วนคนรวยก็เสียโอกาสที่จะรำ่รวย

อ่านบทความผมเรื่อง "เศรษฐศาสตร์รัฐประหาร: เศรษฐกิจแห่งการเสียโอกาสของส่วนรวม" ใน The Momentum ได้เลยครับ


"มาฟังกัน" ระบบคิด วิธีการพูด ของทรราชในคราบเผด็จการทหารปกครองประเทศ จะมีวิธีพูดคล้ายกันไปหมด





บันทึกไว้ คน(หลักๆ)ที่ยืนยันว่า GT200 ใช้ได้




คน(หลักๆ)ที่ยืนยันว่า GT200 ใช้ได้ ประกอบด้วย

- พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนนท์
- พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด (ยศขณะนั้น 2010)
- พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
- พลเอกประยุทธ์ จันทร์ดอชา
- พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

บุคคลเหล่านี้ ยังมีความน่าเชื่อถือเหลืออีกไหม

วานคิดดูสักนิดครับ

...

GT200 หมอพรทิพย์ ฉบับเต็ม




https://www.youtube.com/watch?v=VDU5ZH0iTPY&app=desktop&persist_app=1


โอ้ เดอะ อินเทอร์เน็ท ทำเรื่อง !









การลงมติของคณะกรรมาธิการยุติธรรมวุฒิสภา (Senate judiciary committee) ให้ #FBI สอบสวน และต่อมาปธน.เห็นชอบสั่งให้ FBI สอบสวนในกรอบประเด็นที่จำกัด ภายในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อหาความจริงเกี่ยวข้อกล่าวหาว่า ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นผู้พิพากษาศาลสูง #SCOTUS #ละเมิดทางเพศ เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว เป็นชัยชนะเล็ก ๆ ของประชาธิปไตยทางตรง

หลังการรับฟัง “he said, she said” เมื่อวาน ซึ่งมีเรตติ้งสูงถึง 5 ล้านกว่าวิวตลอดทั้งวัน (ต่อเนื่องเป็นเวลา 9 ชม. https://goo.gl/Jd136u) บรรดาสว.รีพับลิกันประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจว่า วันศุกร์จะลงมติรับรองผู้ได้รับเสนอชื่อจากทรัมป์ เช่นเดียวกับ สว. Jeff Flake รัฐแอริโซนา ซึ่งประกาศตอน 9.25 น. ของวันศุกร์ว่าโหวตรับรอง Brett Kavanaugh แน่นอน แต่ระหว่างเดินไปเข้าลิฟต์ เจอผู้หญิง 2 คนเข้ามาขวางประตูลิฟต์ไม่ให้ปิด คุณ Ana Maria Archila 39 ปี และ คุณ Maria Gallagher 23 ปี #ElevatorWomen ซึ่งบอกว่าเป็นเหยื่อการกระทำทางเพศมาทั้งคู่ ร่ำไห้วิงวอนให้สว.เจฟคิดถึงอนาคตของลูกหลาน อย่าเพิ่งยกมือโหวตรับรองนายคาวานาเลย (วิดีโอ https://youtu.be/39PxdDw9IJ0 ต้องดูครับ)



มันจะเกี่ยวกันหรือไม่ ตอนบ่ายก่อนการโหวตของกรรมาธิการจะเริ่มขึ้น สว.เจฟ เฟลประกาศว่า จะยังไม่โหวตรับรองนายแควานา จนกว่าจะให้ FBI สอบสวนเรื่องนี้ก่อน ถือเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรซ์มาก ๆ ดีที่ทรัมป์ก็ไม่ขัด และยอมให้ FBI สอบเรื่องนี้ (อำนาจสั่งการ FBI อยู่ที่ทำเนียบขาว ไม่ใช่สภา)

ความจริงอาจไม่ได้เป็นผลจากการประท้วงของสุภาพสตรีแค่สองคนนี้ เพราะมีผู้หญิง (และผู้ชาย) อีกเพียบที่เดินทางมารัฐสภา เพื่อประท้วงเรื่องนี้ บางคนเดินทางมาไกลจากชิคาโกก็มี การประท้วงและการชุมนุมเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบอบประชาธิปไตย เราไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้เลย รัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวก ไม่ใช่ขัดขวาง แล้วให้ศาลรับรองเหมือนบ้านเรา กรณี #PeopleGo น่าอายมาก

https://www.theguardian.com/…/jeff-flake-elevator-rape-surv…




The Moment that may change History!


น่าอายจริงๆ อึ้ง ทีมงาน พล.อ.ประยุทธ์ เสิร์ชกูเกิลหา “ข้อเสียของบัตรทอง” เอาไปพูดในรายการวันศุกร์ แต่ข้อมูลกลับมั่วทั้งหมด





อึ้ง ทีมงาน พล.อ.ประยุทธ์ เสิร์ชกูเกิลหา “ข้อเสียของบัตรทอง” เอาไปพูดในรายการวันศุกร์ แต่ข้อมูลกลับมั่วทั้งหมด

ตารางที่เห็น คือข้อความที่ออกอากาศในรายการ “ศาสตร์พระราชา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดถึง “ความไม่สมบูรณ์” ของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค

น่าสนใจก็ตรงที่ว่า ข้อมูลดังกล่าว แทบจะเป็นข้อมูลที่ “มั่ว” ทั้งหมด ซึ่ง Gossip สาสุข พยายามสืบหาว่า “ต้นทาง” มาจากไหน

จนไปพบว่า ข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงจากเว็บเพจhttps://www.honestdocs.co/30-baht-cure-all-diseasesซึ่งไม่ใช่งานวิชาการ ไม่ใช่งานวิจัย ไม่ใช่แม้แต่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่าง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

แต่เป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ “ขายยา” และให้คำแนะนำด้านสุขภาพออนไลน์ ซึ่งจะขึ้นมาเป็นเว็บแรก หากเสิร์ชใน Google ว่า “ข้อเสียของบัตรทอง”

สันนิษฐานได้ว่าเมื่อทีมงานของหัวหน้าคสช. เจอข้อมูลในเว็บ ก็ดึงมาทำสคริปต์รายการ “ศาสตร์พระราชาฯ” ทันที ไม่ได้ตรวจทานข้อมูล ว่าจริงเท็จแค่ไหน

เรื่องยิ่งมั่วไปกว่านั้นก็ตรงที่พอได้รับข้อมูลมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็เลือกอ่านออกรายการไปตามนั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลและความถูกต้องใดๆ ก่อนจะออกอากาศในรายการซึ่งเผยแพร่ในทีวี-วิทยุทุกช่อง

ไม่ว่าเจตนาของ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. จะเป็นไปเพื่อหาเสียง หรือเป็นไปเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลก่อน แต่ข้อมูลที่ออกมา ได้สะท้อนถึงความ “มั่ว” และความไม่เป็นมืออาชีพของรัฐบาลชุดนี้ได้ชัดเจน

ทีมงาน Gossip สาสุข ถือโอกาสนี้ชี้แจงข้อมูลที่พล.อ.ประยุทธ์ อ่านออกรายการ ในแต่ละข้อ

(1) ระบบ “30 บาท” ไม่ได้รักษาได้เฉพาะโรงพยาบาลรัฐเท่านั้น - ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เกิดขึ้นโดยมีแนวคิดให้ประชาชน สามารถเข้ารับการรักษาได้ในหน่วยบริการที่ใกล้ที่สุด โดยสำนักงานหลักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เหมาจ่ายลงไปยังทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน เพื่อดูแลผู้ใช้สิทธิ์บัตรทอง

เรื่องนี้ในต่างจังหวัด จะมีปัญหาน้อยกว่าในกรุงเทพฯ เพราะในเขตภูมิภาค มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลอำเภอ และโรงพยาบาลจังหวัดค่อนข้างครบ ต่างจากในกรุงเทพฯ โดยในกรุงเทพฯ สปสช. พยายามดึงโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง เข้ามาช่วยบริการในระบบ เช่น โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ ฯลฯ ตลอดจนคลินิกเอกชนในชื่อของคลินิกชุมชนอบอุ่น

โรงพยาบาลเอกชน อาจหายไปบ้างจากระบบ เนื่องจากเม็ดเงินในระบบไม่พอ แต่ก็ไม่ได้ใช้ได้แต่ “โรงพยาบาลรัฐ”อย่างเดียว อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดแน่นอน

ล่าสุด ตัวเลขหน่วยบริการที่ขึ้นในระบบบัตรทอง มีทั้งสิ้น 12,109 แห่ง มีหน่วยบริการเอกชนถึง 509 แห่ง นอกนั้น เป็นหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (รัฐ) 11,054 แห่ง หน่วยบริการรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 134 แห่ง หน่วยบริการรัฐสังกัดกทม.เทศบาลเมือง และเมืองพัทยา 22 แห่ง และหน่วยงานรัฐสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่น 390 แห่ง

(2) ไม่คุ้มครองการรักษาเกินความจำเป็นพื้นฐาน- พล.อ.ประยุทธ์ ยกตัวอย่างในรายการว่า ปัจจุบัน “30 บาท” ไม่คุ้มครองการผสมเทียมเพื่อมีบุตร การรักษากรณีมีบุตรยาก การผ่าตัดแปลงเพศ

แน่นอนว่านี่คือข้อเท็จจริง เพราะการรักษาเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง และไม่ได้เป็นเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพขั้นพื้นฐาน
น่าเสียดายที่ หัวหน้าคสช. ไม่ได้บอกว่าควรแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร หรือหาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นรัฐบาลต่อ อาจเพิ่มการทำกิฟท์ หรือผ่าตัดแปลงเพศ ไปอยู่ในระบบบัตรทอง?

(3) ไม่คุ้มครองการรักษาที่มีงบจัดสรรเฉพาะ เช่น อาการป่วยทางจิต - ปัจจุบัน ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้ตั้งงบเพื่อการบริการผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน แยกออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว และมีการรักษาผู้ป่วยจิตเวชเรื่อยมานับตั้งแต่มีนโยบายนี้

ผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถ– แน่นอนว่าต้องใช้สิทธิ์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ก่อน เป็นอันดับแรก แต่หลังจากนั้น ก็สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ตามปกติ

(4) ไม่คุ้มครองกรณีโรคเรื้อรัง– ข้อนี้คือสาระสำคัญที่ผิดมหันต์ ปัจจุบันหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมโรคเรื้อรัง มีกองทุนเฉพาะทั้งโรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง รวมถึงโรคไต สปสช.ก็สนับสนุนให้มีการล้างไตทางช่องท้อง โดยแนวทางการรักษาแต่ละโรคเรื้อรัง ก็มีราชวิทยาลัยแพทย์ฯ เป็นผู้กำหนดแนวทางการรักษา และตรวจสอบมาตรฐาน-คุณภาพ การรักษาอย่างใกล้ชิด

เรื่องความมักง่ายแบบนี้ ไม่น่าจะอยู่ในวิสัยของผู้ที่จะกำหนด “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” และผู้ที่กำลังสนใจ “งานการเมือง” เป็นอย่างยิ่ง

ท่านผู้อ่านว่าจริงไหม?

#30บาทรักษาทุกโรค #คสช.


Gossipสาสุข

...



ภาพงาน การประชุมเอเชีย​-ยุโรป​ ภาคประชาชน (Asia-Europe People’s Forum) ณ เมือง Gent,ประเทศ​เบลเยี่ยม​ มี อ.จรัลและ สมยศ พฤกษาเกษมสุข เข้าร่วม #AEPF12



ภาพจาก Thailand Human Rights Campaign UK










...



...

น่าติดตาม





งามหน้า ฉาวอีก! คลิปแชร์ว่อน จนท.ดอนเมืองตบนักท่องเที่ยวจีนหัวทิ่ม!!!




https://www.youtube.com/watch?v=Y4XH9OJyMWQ


ฉาวอีก! จนท.ดอนเมืองทำร้ายนักท่องเที่ยวจีนคาสนามบิน คลิปแชร์ว่อน




ฉาวอีก! จนท.ดอนเมืองทำร้ายนักท่องเที่ยวจีนคาสนามบิน คลิปแชร์ว่อน


เป็นอีกเหตุการณ์ที่กำลังแชร์กันในโลกออนไลน์ สำหรับคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสนามบินดอนเมือง โดยในคลิปเห็นภาพเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของท่าอากาศยานดอนเมือง กำลังพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวจีนคนหนึ่ง แต่จังหวะที่กำลังโต้เถียงกันนั้น เจ้าหน้าที่ได้เหวี่ยงแขนใส่นักท่องเที่ยว แต่โชคดีที่ไม่โดน สร้างความไม่พอใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างมาก ก่อนมีเจ้าหน้าที่อีกคนเข้ามาห้ามปรามไว้

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกคนบันทึกคลิปเหตุการณ์ไว้ได้ ก่อนเผยแพร่กันในโลกออนไลน์

ล่าสุดท่าอากาศยานดอนเมือง เตรียมจัดแถลงกรณีผู้โดยสารชาวจีนโพสต์ข้อความและคลิปถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานดอนเมือง ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมต่อนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยนาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง จะเป็นผู้แถลงข่าว ในวันนี้ (29 ก.ย.) เวลา 14.00 น ณ ห้องพักรอบุคคลสำคัญ บริเวณห้องรับรองพิเศษ (MJET เก่า) ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่มา ข่าวสดออนไลน์

https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1620334


ต่อมา
สนามบินดอนเมืองแจง รับจนท.ทำเกินกว่าเหตุ ตบนักท่องเที่ยวจีน




https://www.youtube.com/watch?v=-oE-x_5LoQE


วันเสาร์, กันยายน 29, 2561

‘คนละยำ’ สองยำ เรื่องลูกกำนันเป๊าะน้องเลขาฯ นายกฯ ตู่ 'จ่ายแล้วยัง' ค่าเสียหายเมืองพัทยา ๑๐๐ ล้าน


พวกลิ่วล้อ คสช.เดี๋ยวนี้เลียนแบบนายทุกระเบียดนิ้ว รวมทั้งเถียงข้างๆ คูๆ เหมือนไม่รู้ข้อมูล ไม่แยแสข้อเท็จจริง วิษณุ เครืองาม คนหนึ่งละ นั่นขนาดระดับ ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายเชียวนะ

เมื่อวาน (๒๘ ก.ย.) ตอนเช้า แนวหน้าเจ้าประจำ ยำ ข่าวว่า “วีระหน้าแหก วิษณุระบุยึดที่ดินกำนันเป๊าะรอขายแล้ว” ดังนั้น “การตั้งสนธยาไม่ขัดคุณสมบัติ”


วันเดียวกัน คมชัดลึกตีข่าวบ้างตอนบ่าย “เมืองพัทยายังไม่เริ่มต้นสืบทรัพย์กำนันเป๊าะ...เมืองพัทยายังไม่ได้ติดต่อยื่นคำร้องกับกรมบังคับคดี จึงยังไม่มีการเริ่มต้นสืบทรัพย์เพื่อนำเงินมาชำระคืนความเสียหายตามคำพิพากษา”


อย่างนี้ ที่หน้าแหกเห็นจะเป็นพวกสื่อด้วยกันละมัง รวมทั้งทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายและนายกเมืองพัทยาคนใหม่ที่ คสช.เพิ่งแต่งตั้งด้วย ม.๔๔

ลองมาลำดับความกันดู เริ่มจาก วีระ สมความคิด โพสต์เรื่องการใช้ ม.๔๔ ตั้งนายสนธยา คุณปลื้มเป็นนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา อ้างว่าเพื่อให้ไปช่วยงานโครงการอีอีซี (แต๋ทั่นรองฯ อีกคน ที่ชอบผูกนาฬิการาคาแพงยืมเพื่อนมา บอกก็เพราะพรรคพลังชลของตระกูลคุณปลื้มเข้าไปร่วมงาน คสช.แล้ว)

นั่นคงหมายถึงการที่นายสนธยาได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ คสช. เมื่อ ๑๗ เมษา “และให้นายอิทธิพล คุณปลื้ม (นายกเมืองพัทยาคนก่อน พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ที่ถูก ม.๔๔ ดีดออกไป) เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี” ด้วย

วีระเตือนให้ระวังคนตั้งจะ ตายน้ำตื้น ในเมื่อนายสนธยาเป็นลูกชายกำนันเป๊าะ (สมชาย คุณปลื้ม) ที่ต้องคำพิพากษาทำความเสียหายแก่เมืองพัทยา ในคดีทุจริตที่ดินถมขยะเขาไม้แก้ว โทษจำคุก ๕ ปี ๔ เดือน กับคดีอาญาจ้างวานฆ่า นายประยูร สิทธิโชติ หรือ กำนันยูร โทษจำคุก ๒๕ ปี (แล้วหนีประกัน เพิ่งกลับมาเมื่อธันวา ๖๐ เมื่อถูกจับได้ แต่ คสช.ก็พักโทษให้)

นอกนั้นยังถูกสั่งให้ชดใช้ความเสียหายแก่เมืองพัทยาเป็นมูลค่า ๑๐๐ ล้านบาท ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้อย่างนั้นแล้วยังขืนตั้งก็เท่ากับมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือถ้าอ้างว่าไม่รู้สีรู้สามาก่อนก็ต้องเร่งจัดการแก้ไข ไม่งั้นเป็นความผิดมาตรา ๑๕๗


จึงทำให้ทั้งนายสนธยาและนายวิษณุ สองลูกน้อง คสช. ออกมาแก้ต่างกันพัลวัน นายสนธยาอ้างว่านายอิทธิพล น้องชายซึ่งเป็นนายกเมืองพัทยาขณะนั้นได้แจ้งแก่กรมบังคับคดีแล้วว่า บิดามีที่ดิน ๔๐ แปลง ให้ไปจัดการยึดมาขายทอดตลาดเพื่อชดใช้

แต่นายสนธยา (ดัน) จำไม่ได้ว่าที่ ๔๐ แปลงนั้นเนื้อที่จริงๆ เท่าไร และมีมูลค่าเท่าไร เชื่อว่ามากโขอยู่เพราะที่ดินเมืองชลฯ นั้น ของแพง

ส่วนทั่นรองฯ วิษณุก็ไปจ้อกับสื่อแบบเดียวกัน โดยเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้มีการขายไปแล้วบางส่วน และกำลังจะทยอยขายต่อไป จึงไม่มีเรื่องที่ตกมาถึงนายสนธยาในขณะนี้ แต่ถ้าขายทั้งหมดแล้วได้มูลค่าไม่ถึงตามจำนวนหนี้ ก็เป็นหน้าที่ของเมืองพัทยา ที่จะต้องนำยึดทรัพย์บังคับคดีให้ครบถ้วน ซึ่งมีอายุความบังคับคดี ๑๐ ปี”

ทางนายสนธยานั้นอวดว่าไม่ต้องห่วง ทรัพย์สินของตระกูลคุณปลื้มเป็น กงสีถ้าที่ ๔๐ แปลงขายแล้วไม่พอก็จะเติมให้ครบ นั่นคงไม่ใช่ปัญหาจริงๆ ละ ตัวปัญหาอยู่ที่กรมบังคับคดีบอก “กรณีที่ระบุว่ามีการสืบทรัพย์เป็นที่ดินจำนวน ๔๐ แปลง จึงยังไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่นำมาประกอบในสำนวนคดี”

เรื่องของเรื่องจึงอยู่ที่ว่าข่าวของใครถูกต้องกว่ากัน ระหว่างคมชัดลึกกับแนวหน้า (ไทยรัฐด้วย) และ/หรือ คนที่ให้ข่าวใครน่าเชื่อถือกว่ากัน นายกเมืองพัทยาที่ คสช.ตั้ง หรือว่ากรมบังคับคดีที่มาตามสายงานราชการ

อีกรายตำแหน่งเยี่ยมกว่า ลิ่วล้อขึ้นชั้น ลูกกะเป๋งคสช.โน่นเชียว รองเลขาธิการนายกฯ พยายามทำคะแนนให้ไล่ทัน ห่านอูเสาะช่องซัด อนาคตใหม่ ได้ตอนที่พรรคสายก้าวหน้านี้ได้รับการรับรองจาก กกต. แล้วพอดี
 
ข่าวว่า พุทธิพงษ์ ปุณณกัณต์ จวกธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคที่ไปพูดปาฐกถาถึงแคนาดา ว่า “เอาการเมืองในประเทศไปพูดให้เกิดความเสียหายในเวทีต่างประเทศ” อดีตแกนนำ กปปส. ที่ได้ดิบได้ดีจาก คสช. โจมตีนายธนาธรอีกว่า

“รู้สึกเสียดายและแปลกใจ ที่เอาการเมืองในประเทศไปพูดให้เกิดความเสียหายในเวทีต่างประเทศ ทั้งที่นายธนาธรพูดอยู่ตลอดว่า หมดเวลาสร้างความขัดแย้ง”


ขณะเขียนนี่ยังไม่เห็นธนาธรหรือคนในอนาคตใหม่ตอบอย่างไร แต่สื่อมือเก่าที่อยู่ระหว่างถูก กสทช. กดดันให้ถูกพักงานไวกว่า ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ออกมาชี้อย่างนุ่มๆ ว่าการทำหน้าที่กัดแทนนายของพุทธิพงษ์นั้น

“รอบนี้คุณพุทธิพงษ์ชกใต้เข็มขัดไปนิดนึง” เพราะเขาเห็นว่าการไปพูดของครั้งนี้ พูดถึงปัญหาของผู้บริหารประเทศ “คือคุณธนาธรเขาไม่ได้ว่าประเทศ... และคุณพุทธิพงษ์น่าจะโตพอที่จะรู้ว่า ด่า กับพูดถึงปัญหานั้นต่างกัน”
 
นอกจากนั้น “การที่ธนาธรวิจารณ์นายกถือเป็นการใช้สิทธิธรรมดาๆ ของพลเมืองที่เป็นเจ้าของประเทศ คนมีตำแหน่งการเมืองที่กินเงินเดือนหลายแสนควรฟัง 


ก็นั่นละ สิ่งที่ศิโรตม์เห็นว่าเป็นการชกใต้เข็มขัด ชาวบ้านทั่วไปเขาอาจเรียกกันว่า ยำเหมือนเช่นบรรดานักยำทั้งหลายที่ Tar @Talearm ย้ำไว้บนทวิตเตอร์

อภิสิทธิ์ยำกระสุนจริง อนุพงษ์ยำเรือเหาะผสม GT200 ประวิตรยำใหญ่ใส่เรือดำน้ำและนาฬิกาเพื่อน สรรเสริญยำผังล้มเจ้าใส่พลังงานฟิสิกส์ สุเทพยำปฏิรูป แต่ละคนนี่ คนละยำ สองยำจริงๆ เนาะครับ”

การเข้าถึงสวัสดิการสังคมระหว่างข้าราชการ vs ประชาชน








การบริหารงานในยุคสมัยของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือว่าการขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการเป็นเรื่องสำคัญ อันจะเห็นได้จากการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ของคณะรัฐมนตรีที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 ที่ระบุถึงการจัดระบบอัตราและปรับปรุงค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐให้เหมาะสมและเป็นธรรม ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การบริหารจัดการภาครัฐแบบใหม่ ดังนั้น ในช่วงที่ คสช. เข้ามาบริหารประเทศจึงมีกฎหมายขึ้นเงินเดือนให้กับข้าราชการไปแล้วอย่างน้อย 12 ฉบับ

อย่างไรก็ดี การขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบได้นำไปสู่คำถามถึงความเหมาะสม เนื่องจากเงินเดือนข้าราชการถูกปรับสูงขึ้นในขณะที่ข้อเรียกร้องเรื่องค่าแรงขั้นต่ำของผู้ใช้แรงงานกลับไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล อีกทั้ง การขึ้นเงินเดือนดังกล่าวยังมีข้อกังวลถึงผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากระบบราชการเป็นกลไกหลักที่ คสช. ใช้ในการสนองตอบนโยบายมาตลอดสี่ปี นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า ในขณะที่งบประมาณด้านบุคลากรภาครัฐสูงขึ้นจากปี 2557 ถึงสี่แสนล้านบาท ผลการจัดอันดับประสิทธิภาพของรัฐบาลและความโปร่งใสกลับไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด

https://ilaw.or.th/node/4961

สังคมดัดจริต ทำไมกีดกันคนเพียงเพราะ “ชื่อ” และ “การแต่งกาย” ?!?





กกต.ไม่รับจดทะเบียนชื่อ #พรรคเกรียน เพราะ “ขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม” ไม่ให้เช้าประชุมเพราะ “แต่งกายไม่สุภาพ +ผู้ใหญ่ไม่อนุญาตให้เข้า”

ส่วนที่อังกฤษ ผู้สมัครสส.มีทั้ง Darth Vader, Lord Buckethead (เคยลงสมัครในเขตเดียวกับนายกฯ สามคน), Elmo ฯลฯ

กกต.อังกฤษไม่สามารถห้ามพรรคประหลาดเหล่านี้ลงสมัครสส.ได้ ตราบที่สามารถจ่ายค่าสมัคร 500 ปอนด์ และมีคนในพื้นที่อย่างน้อย 10 คนลงชื่อสนับสนุน

ประชาธิปไตยควรเป็นของ “คนทุกคน” โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะไม่ใช่หรือ? ทำไมกีดกันคนเพียงเพราะ “ชื่อ” และ “การแต่งกาย” ชะรอยประชาธิปไตยของเราจะดีกว่ามั้ง https://goo.gl/puidP8

ขออภัย ลืมเครดิตรูป https://www.khaosod.co.th/politics/news_1615306


Pipob Udomittipong







บก. ลายจุด ใส่หมวกโจรสลัดร่วมประชุมกับ กกต.

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ “บก.ลายจุด” เดินทางมาร่วมประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการแก่พรรคการเมืองและผู้ขอแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

เขาอยู่ในชุดพนักงานดับเพลิง ซึ่งเขาเรียกว่า “ชุดซ่อมแซมประเทศ” พร้อมสวมหมวกโจรสลัด

ทว่าเจ้าหน้าที่ กกต. ไม่อนญาตให้เขาเข้าไปภายในห้องประชุมโดยอ้างว่า “ผู้ใหญ่ไม่อนุญาต” เพราะแต่งกายไม่สุภาพ จนเกิดการโต้เถียงกันราว 10 นาที สุดท้ายนายสมบัติกับพวกก็ไม่ได้เข้าไปในห้องประชุม

“ผมยอมรับว่ารูปลักษณ์ภายนอกของผมอาจดูแปลก แต่สิ่งที่ผมเสนอคือหลักการ ไม่ใช่เรื่องแปลก” นายสมบัติกล่าว

นอกจากนี้เขายังโชว์ลีลา “แจกใบแดง กกต.” บริเวณหน้าห้องประชุม หลังไม่ยอมรับรองการยื่นขอจัดจัดตั้งพรรคการเมืองของเขา

แรกเริ่ม นายสมบัติได้ยื่นขอจดจัดตั้ง "พรรคเกรียน" แต่ไม่ได้รับอนุญาตจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "พรรคเกียน" ซึ่งขณะนี้ กกต. ก็ยังไม่รับรอง ขณะนี้เขาอยู่ระหว่างการร้องศาลปกครอง ซึ่งถ้าใช้ชื่อดังกล่าวไม่ได้อีก เขาก็อาจเปลี่ยนไปใช้ชื่อ "พรรคพลังประชาลาก" เพราะโดนลากการตั้งพรรคมากว่า 5 เดือนแล้ว

พรรคการเมือง 59 พรรค และ 83 กลุ่มการเมือง ได้เข้าร่วมประชุมวันนี้ ซึ่ง กกต. จะชี้แจงหลักเกณฑ์การเลือกตั้งและการทำกิจกรรมทางการเมือง หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่ง "คลายล็อก" พรรคการเมืองเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา บีบีซีไทยจะรายงานจากการประชุมครั้งนี้อีกครั้ง

This senator says if Republicans truly respected Christine Blasey Ford, they would open an FBI investigation into Kavanaugh. Finally Trump gave in!


Protesters confront Sen. Flake in elevator amid Kavanaugh vote: 'Don't look away from me'


...

President Trump on Friday ordered the FBI to conduct a limited "supplemental" background investigation into the allegations of sexual assault against Supreme Court nominee Brett Kavanaugh, as Senate Majority Leader Mitch McConnell said Republicans are "moving" forward with plans to vote.

“I’ve ordered the FBI to conduct a supplemental investigation to update Judge Kavanaugh’s file," Trump said in a statement. "As the Senate has requested, this update must be limited in scope and completed in less than one week.”

Trump's order came after after several undecided senators whose votes are needed to confirm Kavanaugh called for a weeklong FBI probe before a floor vote.

The Senate had been expected to begin debate on Kavanaugh's nomination this weekend, but after Trump's order, McConnell adjourned the body until Monday. A potential confirmation vote may not come until late next week, next weekend or perhaps the week of Oct. 7.


Source: Fox News

(http://www.foxnews.com/politics/2018/09/28/senate-gop-leaders-agree-to-seek-additional-fbi-background-investigation-into-brett-kavanaugh-before-final-vote.html)

ooo


สวัสดีเช้าวันเสารคับ
เอาเรื่องสนุกๆเกี่ยวกับศาล-เซ็กส์มาเล่าเบาๆพร้อมจิบกาเฟยามเช้าดีไหมเอ่ย
1. ดร.เบลซี่ ฟอร์ด ผู้ฟ้องว่านายแควานอหรือคาวานอ หมายข่มขืนเธอ ได้พยายามส่งข่าวหลายทางไปหาปธน. ทรัมพ์ อย่าเลือกแควานอ หาคนอื่นดีกว่า แต่ฝ่ายรีปับลิกัน ไม่ฟัง 2. ดังนั้น ที่แควานอบอกว่าพวกเดโมแครตวางแผนมานานจะหาเรื่องถล่มแควานอและทรัมพ์ ไม่ใช่เรื่องจริง ดร. ฟอร์ดเปนเดโมแครตอิส ระ เธอไม่ใช่เครื่องมือหรือเบี้ยของพรรคเดโม ดังที่แควานอกล่าวหา

3. ข่าวบอกว่าคนเมกันตั้งใจฟังเรื่องนี้มาก นั่งหน้าจอทีวีทั้งวัน ผู้หญิงจำนวนมากเข้าใจฟอร์ดที่พูดปากคอสั่น น้ำตาซึมเปนช่วงๆ

4. ผู้หญิงหลายล้านโดนชายเอาเปรียบ มีคนสู้กี่คน ร้องออกมากี่คน เปิดโปงภายหลังกี่คน ฯลฯ สังคมชายเปนใหญ่มีทุกหนแห่ง ฟอร์ดกล้าหาญลุกขึ้นมาพูด แม้จะผ่านไป 30 กว่าปี ก้อยังดีกว่าไม่พูดไปจนตาย

5. ฟอร์ดออกมาเปิดเผยครั้งนี้ สะเทือนใจหญิงกี่ล้าน พ่อล่ะที่มีลูกสาวถูกรังแก ลูกสาวกล้าบอกไหมล่ะครับ

6. ฟอร์ดระบุว่าตอนแควานอปลุกปล้ำเธอ นายMark Judge เพื่อนรักของแควานอก้อยืนอยู่ในห้องนอนนั้น พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้สภาสูงเรียกหรือเชิญ mark judge มาให้การ สภาสูงที่พรรครีปับคุมอยู่ก้อไม่ยอมเรียกให้เขามาให้การ...เอ๊ะ มันยังไง

7. ฟอร์ดพูดดี นิ่งมาก ดูจริงใจ น่าเสียดาย ใช้คำสูงบางคำไปนิด ชาวบ้านต้องเปิดดิคหาความหมาย hippocompus ใช่ไหมครับ เอ้า เปิดดิคกันเล้ย. ทีหลัง ต้องสนใจนะจ๊ะ ดร. ฟอร์ด

คัดมาจาก FB
Tanet Na Lanna

...





'ชวลิต' เสนอคืนพระราชอำนาจตั้ง รบ.เฉพาะกาล - 'อานนท์ นำภา' โต้... ข้อเสนอของพลเอกชวลิตที่ให้พระมหากษัตริย์ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขัดกับหลักประชาธิปไตย พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยไม่มีอำนาจแต่งรัฐบาลโดยตนเอง การได้มาซึ่งรัฐบาลต้องมาจากประชาชน...






...



ไอลอว์ทำแผนผังอธิบายว่า ลุงตู่จะกลับมาเป็นนายกฯ ได้อย่างไร - รู้ไม๊ใครเป็นพรรค 'กองหนุน' พล.อ.ประยุทธ์





เลือก(ตั้งเข้ม)ข้น (แต่ได้นายกฯ)คนกลาง
#เลือกข้นคนกลาง #ใครเลือกประยุทธ์
.
สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ใกล้จะลงจากอำนาจและเปิดทางให้เกิดการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า (24 กุมภาพันธ์ 2562) ขณะที่พรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่า เริ่มทยอยจัดประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค ผู้บริหารพรรค และเตรียมตัวเพื่อไปสู่การเลือกตั้ง
.
ตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” อันทรงอำนาจ เกียรติยศ และผลประโยชน์ ผู้นำฝ่ายบริหารของรัฐไทย กำลังจะว่างลงอีกครั้ง พรรคการเมืองทั้งหลายที่เตรียมลงชิงชัยก็จ้องกวาดเสียงในสนามเลือกตั้งเพื่อชิงเก้าอี้ตัวนี้กันอย่างเต็มที่ หลังอดทนรอกันมานานกว่า 4 ปี
.
แต่ถ้าใครยังไม่รู้ ลุงตู่ และ คสช. ได้วางแผนเพื่อสืบทอดอำนาจไว้หมดแล้วในรัฐธรรมมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่ออกตามมา ไม่ว่าประชาชนจะเข้าคูกาหาเบอร์อะไร พรรคการเมืองจะแข่งขันกันในสนามเลือกตั้งเข้มข้นกันขนาดไหน ไม่ว่าตัวลุงตู่เองจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่และมีคนออกเสียงให้สักกี่เปอร์เซ็นต์ ลุงตู่ก็ยังมีโอกาสจะกลับมารับตำแหน่งนายกฯ รอบ 2 ได้ จนอาจมีคนเสิร์ชในพันทิปหาคนรับผิดชอบว่า “ใครเลือกประยุทธ์” มาอีก
.
○ ไอลอว์ทำแผนผังอธิบายว่า ลุงตู่จะกลับมาเป็นนายกฯ ได้อย่างไร ○
.
เริ่มแรก รัฐธรรนูญฉบับปัจจุบันซึ่งร่างโดยคนของ คสช. กำหนดให้รัฐสภามี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 500 คน และ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน รวม 750 คน และคำถามพ่วงที่ผ่านประชามติก็ให้ ส.ว. ร่วมเลือกนายกฯ ได้ด้วย (ปกติเป็นหน้าที่ส.ส.เท่านั้น) โดยนายกฯ จะต้องได้รับเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของรัฐสภาหรือ 376 เสียง
.
จุดพีคของแผนนี้ก็คือ ส.ว. ชุดแรก 250 คน ประกอบด้วย ผบ. เหล่าทัพเป็น ส.ว. โดยตำแหน่ง 6 คนและที่เหลืออีก 244 คน คัดเลือกมาโดยคสช. แค่นี้ก็เป็น 2 ใน 3 ของเสียงที่ใช้เลือกนายกฯ แล้ว และเหลืออีกเพียงแค่ 126 เสียงจาก ส.ส. เท่านั้น

ถ้าหาก "ลุงตู่" สนใจที่จะเล่นการเมืองตามที่ประกาศไว้และลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย พรรคการเมืองของลุงตู่ก็ต้องหา ส.ส. อีกไม่มากนัก และชวนพรรคการเมืองที่สนับสนุนแนวทางเดียวกันมารวมกันอีกไม่กี่พรรค จัดสรรผลประโยชน์ตำแหน่งรัฐมนตรีให้ดี ส.ส. 126 คนที่จะลงคะแนนเสียง เลือกลุงตู่กลับมาเป็นนายรัฐมนตรี ให้นั่งเก้าอี้ต่อเนื่องยาวนานไปเรื่อยๆ คงไม่ไกลเกินฝัน
.
ซึ่งไม่ต้องห่วงเลย เพราะถึงช่วงกลางปี 2561 ก็มีอย่างน้อย 9 พรรคการเมืองและ 1 กลุ่มการเมืองแล้วที่ประกาศกร้าวพร้อมสนับสนุนลุงตู่ให้กลับเป็นนายกฯ อีกรอบ เช่น พรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งมีสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำคนสำคัญ พรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่ง ไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นแกนนำพรรค และกลุ่มสามมิตร ซึ่งประกอบด้วย 3 ส. ได้แก่ สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สองอดีตนักการเมือง และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.
.
(ใครเป็นพรรค 'กองหนุน' พลเอกประยุทธ์อีกบ้าง อ่านเพิ่ม :https://ilaw.or.th/node/4874)
.
แต่ถ้าหาก ลุงตู่ สงวนท่าทีไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเสียเอง ก็ไม่ได้หมายความว่า จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญยังเปิดช่องสำหรับ "นายกฯ คนนอก" ที่ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งก็ได้ แต่กระบวนการอาจจะซับซ้อนเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพราะต้องอาศัย ส.ส. ถึงครึ่งสภาที่เห็นด้วยว่าจะให้มีนายกฯ คนนอกได้
.
(ดูเรื่องที่มาของ นายกฯ คนนอก ต่อได้ที่ :https://www.ilaw.or.th/node/4068)
.
แค่นั้นยังไม่พอ คสช. ยังได้ออกแบบระบบการนับจำนวนที่นั่ง ส.ส. อันพิสดารที่เรียกว่าระบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือ MMA สร้างวิธีการคำนวนที่นั่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่พรรคการเมืองใดจะชนะและมี ส.ส. ครองเสียงได้เกินครึ่งสภา ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาหรือ 376 เสียงเอาไว้ใช้เลือกนายกฯ ระบบนี้จึงทำให้ผู้สนับสนุนลุงตู่หายห่วงไปได้ว่า "อำนาจเก่า" จะไม่มีทางกลับมาเป็น "เผด็จการรัฐสภา" และโหวตเอาลุงตู่กับพรรคพวกออกไปจากอำนาจได้
.
ระบบ MMA ที่ว่านี้ นอกจากจะตัดโอกาสของพรรคขนาดใหญ่ที่จะครองที่นั่งจำนวนมากในสภาได้แล้ว ยังเกลี่ยคะแนนเสียงไปคิดคำนวนเป็นจำนวนที่นั่งเพิ่มให้กับพรรคขนาดกลางๆ และพรรคขนาดเล็ก ที่มีโอกาสจะได้ ส.ส. จากระบบแบ่งเขตเลือกตั้งระหว่าง 10-30 คน ให้ได้ที่นั่ง ส.ส. จากระบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีกโดยไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย เช่น พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคพลังชล พรรคภูมิใจไทย และถึงวันนี้พรรคการเมืองเหล่านี้ก็ยังไม่มีพรรคไหนที่ประกาศว่า จะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.
.
เมื่อมีองค์ประกอบทั้งพรรคการเมืองที่จะมาเป็นกองหนุน และระบบกลไกที่เอื้อประโยชน์ให้พร้อมเสร็จสรรพแบบนี้แล้ว ไม่ว่า สนามเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคการเมืองจะต่อสู้แย่งชิงความนิยมกันอย่างเข้มข้นเพียงใด เส้นทางการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง ของคนที่อ้างตัวว่า "เป็นกลาง" อย่างลุงตู่ ก็คงไม่ได้ยากเย็นเกินที่จะไปให้ถึง

...

มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 9 พรรค ที่เปิดตัวแสดงจุดยืนเป็นกองหนุนให้กับ พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ได้แก่

พรรคพลังประชารัฐ: พรรคสามมิตร (อดีตนักการเมืองเก่า)
พรรครวมพลังประชาชาติไทย: พรรครวมพล กปปส.
พรรคประชาชนปฏิรูป: พรรครวมพลทหาร
พรรคพลังชาติไทย
พรรคเห็นแก่ตัว-พรรคเห็นแก่ชาติ
พรรคพลังธรรมใหม่
พรรคทางเลือกใหม่
พรรคไทยธรรม
พรรคพลังพลเมืองไทย

ที่มา 


น.ส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ อดีตพนักงานวิเคราะห์สินเชื่อ ระดับ 7 ธกส.ให้สัมภาษณ์ Thai Voice หลังจากได้รับจดหมายเลิกจ้างจากผู้บริหาร ธนาคาร ธกส.กรณีที่เธอได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ผิดปกติในโครงการรับจำนำข้าว




https://www.youtube.com/watch?v=K6K4AqE5ilM

เลิกจ้าง “พนักงานสาว”ฐานแฉข้อมูล“รับจำนำข้าว”ส่อเค้าโกงในธกส.
jom voice
Published on Sep 28, 2018

น.ส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ อดีตพนักงานวิเคราะห์สินเชื่อ ระดับ 7 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.ให้สัมภาษณ์ Thai Voice หลังจากได้รับจดหมายเลิกจ้างจากผู้บริหาร ธนาคาร ธกส.กรณีที่เธอได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ผิดปกติในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเพื่อไทยที่ผ่านมาว่า ตนได้รับมอบหมายให้วิเคราะห์สินเชื่อโครงการรับจำนำข้าวเมื่อปี 58 และพบว่ามีความผิดปกติการจ่ายเงินซ้ำซ้อนแก่เกษตรกรหลายรายรวมเป็นเงินนับ 100 ล้านบาท และมีการนำเอาหนี้จากโครงการสินเชื่ออื่นเช่น มันสำปะหลังมาหักลบหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว เพื่อที่จะทำให้ยอดหนี้ในโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ตนจึงเรียกร้องให้ผู้บริหารตรวจสอบถึงความผิดปกติดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ถูกกลั่นแกล้งกดดัน และกล่าวหาว่าเป็นบ้า ส่งตนไป รพ.จิตเวช แต่ตนยืนยันว่าจะไม่รับรองในสิ่งผิดปกติดังกล่าวหากไม่มีการตรวจสอบให้แน่ชัดเพราะเป็นความเสียหายงบประมาณแผ่นดิน แต่สุดดท้ายก็ถูกผู้บริหารเลิกจ้างในที่สุดหลังจากที่ต่อสู้เรื่องนี้มานานเกือบ 3 ปี อย่างไรก็ตามตนจะเดินหน้าเรียกร้องความถูกต้องในเรื่องนี้ต่อไป

วันศุกร์, กันยายน 28, 2561

“ใจร้อนห่านไร" ไม่ใช่ 'ธนาธร' ตอบไอทู้บเรื่อง "ศัตรูของเราทุกคนคือระบอบเผด็จการ” นะ

เที่ยวแซะเขาไปทั่ว ไอทู้บ เนี่ย เห็นใครเด่นกว่า เก่งกว่า เป็นต้องท้าดวลในเกมของตัว ที่ตนได้เปรียบหรือเป็นผู้คุมเกม แต่กรณีท้า อนาคตใหม่พูดแข่งกันนี่ไร้สาระสิ้นดี

พูดเรื่องยุทธศาสตร์ ๒๐ ปี เขียนเองไว้บังคับคนอื่นทำ นั่นเขาเรียก พล่าม ใครจะบ้าจี้ไปแข่งด้วย

เมื่อ ๒๗ ก.ย. ข่าวมติชนแจ้งว่า ๑๖.๕๐ น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นักการเมืองรุ่นใหม่ที่กำลังถูกจับตา ได้เขียนข้อความบนหน้าทวิตเตอร์ชื่อบัญชี Thanathorn Juangroongruangkit @Thanathorn_FWP ว่า

“ผมประกาศมาแต่แรกว่าจะทำการเมืองใหม่ที่สร้างสรรค์ ร่วมกันทำให้ประเทศไทยมีอนาคตที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ขอเสนอว่าควรถึงเวลาที่เราจะหยุดไปท้าแข่งใครพูดยาวๆ แต่มาทำงาน ออกนโยบายแข่งกัน น่าจะมีอนาคตกว่าครับ”

อันเนื่องมาจากตอนเช้าวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปพูดยาวมาก ๒ ชั่วโมง น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรงที่เมืองทองธานี หัวข้อ ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา

คงเห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคต ไม่รู้จัก หรือมองไม่ค่อยเห็น มันพร่าพราง ก็เลยอดเฉไฉไปพูดแขวะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งกำลังไปเด่นดังอยู่ที่แคนาดา ได้พบปะ พับแขนเสื้อคุยกันเป็นส่วนตัวกับจัสติน ทรูโดนายกรัฐมนตรีคนดังที่นั่น

โอเค มาดูสิไอทู้บพูดอะไร เรื่องยุทธศาสตร์นี่คิดจะคุยว่าเขียนเอง “ใครเป็นคนเขียน ก็นายกฯ...” หารู้ไม่ว่านั่นฟ้องชาวโลกว่าตนเป็นเผด็จการ สามานย์เพราะออกกฏข่มเขาโคกินหญ้าเข้าไปในอนาคตนานถึง ๒๐ ปี

แล้วยังมีหน้าอ้างอย่างมั่วซั่วอีกว่า “วันนี้ต่างประเทศยอมรับ” ไม่รู้ต่างประเทศไหน เท่าที่เห็น เช่นนายกลิน ที เดวี่ส์ เอกอัครราชทูตสหรับประจำประเทศไทยที่กำลังหมดวาระ เดินทางไปลาพรรคเพื่อไทย แล้วฝากคำอวยชัยให้ประเทศไทยได้กลับสู่ประชาธิปไตยโดยไว
 
ส่วนการพูดคุยระหว่างธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับจัสติน ทรูโด หลังจากการสัมมนา Global Progress Summit ที่กรุงมอนทรีโอล “นายทรูโดได้กล่าวว่าเขาสนับสนุนการตั้งพรรคอนาคตใหม่ และขอเป็นกำลังใจให้ นายธนาธรประสบความสำเร็จในภารกิจการสร้างประชาธิปไตยในไทย”

(จากโพสต์ของธนาธร :Met with @JustinTrudeau at the @globalprogress18 Thanks for your support on our mission to bring Thailand back on democratic path!”)

ในงานนี้ธนาธรได้ขึ้นพูดปาฐกถา หัวข้อ “Progress Under Threat: Authoritarianism and Populism in Global Perspective” หรือ “ฝ่ายก้าวหน้าถูกคุกคาม: เผด็จการและประชานิยมในการเมืองโลก” ด้วย เนื้อหาประมาณว่า

“ไทยก็เหมือนอีกหลายประเทศทั่วโลก ฝ่ายซ้ายสร้างการเมืองความหวัง ในขณะที่ฝ่ายขวาสร้างการเมืองแห่งความกลัว ช่วง ปี ค.ศ.๑๙๙๐ ไทยเป็นทั้งประทีปแห่งประชาธิปไตยและแบบอย่างด้านความเจริญทางเศรษฐกิจ แต่เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตยกลับไม่ถูกปลูกฝังหยั่งรากในสังคม” และ

ประชาชนถูกหลอกให้แตกแยกกัน ให้คิดว่านักการเมืองเลว การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจเงิน ให้ชนชั้นกลางคิดว่าการให้รัฐสวัสดิการแก่คนรากหญ้า ทำลายความมั่นคงทางการคลัง...เหตุที่เราตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาก็เพื่อจะบอกว่าพอกันที ประชาชนไม่ควรต้องต่อสู้กัน 

ธนาธรกล่าวในปาฐกถาของเขาอีกว่าเป้าหมายของพวกเขา “คือการสร้างการเมืองแห่งความหวัง บนฐานของความเชื่อมั่นว่าอนาคตที่ดีกว่าเกิดขึ้นได้ ถ้าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง...

ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในไทย ที่ที่คุณอาจถูกตั้งข้อหา ถูกจับเข้าคุกเพียงเพราะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหาร ไม่ใช่บรรยากาศที่เราจะทำงานได้อย่างสะดวก แต่ต้องทำ”

 
ทางด้านเผด็จการที่พูดนานจนเหนียงยานแล้วยังไม่ขึ้นจากปลัก บอก “วันนี้จะเห็นว่ามีปัญหาสังคมคือความใจร้อน ใจร้อนที่สุดก็คืออยากจะเลือกตั้ง หวังว่ามันจะดีขึ้น”

แว่วว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคของสำนักข่าวแห่งหนึ่งรำพึงออกมาเบาๆ ว่า “ใจร้อนห่านไร ลากมาตั้งสี่ปีกว่าแล้วยังจะเอาอีกห้าปี”

(สำหรับรายละเอียดเรื่องการไปพูดที่เมืองทอง ซึ่งคนพูดถามคนฟังว่าเหนื่อยไหม “ฟังนานแล้วจะเบื่อ ผมพูดเองก็เบื่อเหมือนกัน” นั้น ขอไม่เอามาลง เพราะมันโหรงเหรง 

เกรงจะทำให้ผู้อ่านที่นี่รำคาญ แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าเขาถุยอะไรบ้างเชิญที่ https://www.matichon.co.th/politics/news_1150376)