ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน13 hours ago
·
“วชิระ” ผู้ต้องขังคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ: ว่าด้วยการรักษาพยาบาลในเรือนจำ โรคระบาด และยารักษาอาการซึมเศร้า
.
.
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 ทนายความเข้าเยี่ยม “วชิระ” ประชาชนจากอุบลราชธานีวัย 38 ปี ผู้ถูกคุมขังในคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากกรณีที่เขาถูกกล่าวหาว่าแฮ็กเข้าไปเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บไซต์ของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเว็บเป็น ‘Kangaroo Court’ หลังจากศาลมีคำวินิจฉัยว่าการปราศรัยของแกนนำราษฎรเป็นการล้มล้างการปกครองฯ เมื่อปี 2564 วชิระต้องรับโทษตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คือจำคุก 1 ปี 6 เดือน หลังไม่มีผู้พิพากษารับรองให้ฎีกาต่อ
.
.

ตั้งแต่ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา วชิระมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากมีการระบาดในเรือนจำ และอาการค่อนข้างหนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีไข้ขึ้นสูง เจ็บคอ และไอ จนกระทบต่อการนอนหลับ เพราะไอค่อนข้างหนักตอนกลางคืน เมื่อเขาพยายามกินยาพาราฯ ไข้ก็ลดลงบ้าง ก่อนได้ยาแก้ไอ ยาลดเสมหะและน้ำมูก จากหมอมาในตอนหลัง จนอาการเริ่มดีขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
.
แต่แม้ดีขึ้น แต่เขาก็ยังมีอาการไอ มีเสมหะ และมีน้ำมูกอยู่จนถึงปลายเดือนก็ยังไม่หาย ถือได้ว่าอาการค่อนข้างเรื้อรังยาวกว่า 1 เดือนเลย วชิระคิดว่าอาจเพราะปัจจัยเรื่องสภาพอากาศค่อนข้างเปลี่ยนแปลงเร็ว อากาศหนาวขึ้นด้วย ทำให้หายป่วยช้าลง
.
“ผมต้องใส่แมสก์ตอนนอนด้วย เพราะในเรือนนอนคนป่วยเป็นไข้หวัดกันเยอะ ใส่แมสก์ก็ช่วยป้องกันได้ระดับนึง” วชิระเล่าสถานการณ์ พร้อมบอกถึงการรักษาพยาบาลในเรือนจำ ที่ดูตามอาการหนักเบา ถ้าป่วยเป็นไข้และไอเท่านี้ ก็จะได้แค่ยาพาราฯ มาบรรเทาอาการ จะได้เข้าพบแพทย์ก็ต่อเมื่ออาการหนักขึ้นแล้ว
.
วชิระ เล่าถึงการจองคิวพบแพทย์ว่า ทำได้ 1 ครั้ง ต่อ 2 สัปดาห์ นั่นหมายความว่า หากสัปดาห์นี้ได้พบแพทย์แล้ว หมอจ่ายยาให้กินแล้ว แต่อาการยังไม่หาย จะขอพบหมอเพื่อวินิจฉัยและจ่ายยาได้ก็อีก 2 สัปดาห์ถัดไป เขายกตัวอย่างว่า ถ้าเขาหาหมอเพื่อตรวจวินิจฉัยและจ่ายยาเมื่อวันจันทร์ในอาทิตย์ก่อนหน้า จนสัปดาห์นี้ยาหมดแล้ว เขาก็ไม่สามารถจะจองคิวเพื่อขอพบหมอได้ ต้องจองเพื่อขอพบในสัปดาห์หน้า โดยระหว่างที่ยาหมด แต่อาการยังไม่หาย ก็ต้องอดทนกับอาการต่อไป
.
เขาเล่าอีกว่าแม้จะได้พบหมอ ก็ใช่ว่าจะได้ยารับประทานทันที จองคิวพบหมอวันนี้ ได้พบหมอวันพรุ่งนี้ และได้รับยาวันมะรืน กว่าจะได้ยามาทานแต่ละครั้งต้องใช้เวลาถึง 3 วัน นี่แค่เรื่องการเข้าถึงการรักษาทั่วไปของเรือนจำ
.
.

ในเดือนที่ผ่านมา วชิระถูกย้ายแดนกลับไปมาระหว่างแดน 4 กับ 8 โดยเมื่อเขาถูกย้ายมาแดน 4 พบว่าสภาพค่อนข้างแออัดและสกปรกกว่า และมีพื้นที่ให้นั่งน้อย เรือนนอนก็แออัด แม้ที่แดน 8 จะห้องเล็กกว่า แต่จำนวนผู้ต้องขังต่อห้องก็น้อยกว่า คือประมาณ 20 กว่าคน เทียบกับกว่าจำนวน 50 คนในแดน 4 ก็ต่างกันมากกว่าครึ่ง ต้องนอนเบียดกันไหล่ชนไหล่ ก่อนหน้านี้เขาได้ทำงานในห้องสมุดของแดน 8 แต่พอย้ายมา ทำให้ว่างไม่รู้จะทำอะไร เลยค่อนข้างฟุ้งซ่าน เขาจึงทำเรื่องขอย้ายกลับแดน 8 จนได้ย้ายกลับในตอนหลัง
.
แต่เนื่องจากการย้ายแดน ทำให้เขาไม่ได้เยี่ยมญาติใกล้ชิด เนื่องจากแต่ละแดนมีวันเยี่ยมคนละวันกัน และการจองเยี่ยมในตอนแรก ครอบครัวเขาจองเยี่ยมไม่ทัน ทำให้พลาดโอกาสนี้ แต่วชิระก็คิดว่าไม่เป็นไร เนื่องจากยังได้สื่อสารพูดคุยผ่านการเขียนจดหมายโต้ตอบกับแม่และน้องสาวที่อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีอยู่ตลอด
.
.

แม้อาการป่วยทางกายจะดีขึ้น วชิระซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ก็ยังต้องต่อสู้กับเรื่องนี้อยู่ โดยพบปัญหาเรื่องการได้รับยารักษา ในตอนแรก เขาเล่าว่ายังได้รับการจ่ายยาตามปกติ แต่ในระยะหลัง เรือนจำได้เปลี่ยนจากการจ่ายยาเป็นเม็ดที่โต๊ะยา มาเป็นบดยาเป็นผงใส่แก้วให้ผู้ต้องขังแทน
.
“แล้วไม่ใช่กินแก้วใครแก้วมันนะครับ แต่เป็นการกินแบบปากต่อปาก คือใช้แก้วใบเดิมต่อผู้ต้องขังหลายสิบคน” วชิระเล่า
.
เขาพยายามถามคนจ่ายยาว่าทำไมต้องบดยาเป็นผง ได้รับคำตอบว่าตอนนี้เป็นกฎของเรือนจำ ที่กำหนดให้ยาที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์จะต้องบดก่อนให้ผู้ต้องขังกิน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องขังแอบอมยาไว้ใต้ลิ้นหรือเก็บยาไปทิ้งภายหลัง โดยที่แดน 4 เขาพบว่าก็มีการบดยาเหมือนกัน แต่จะบดและละลายน้ำให้ผู้ต้องขังดื่ม
.
วิธีการบดยานี้ ทำให้วชิระกังวลเรื่องประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของยา เนื่องจากยาจิตเวชบางตัวมีฤทธิ์ละลายช้า แต่การบดให้เป็นผง ทำให้ยานั้นละลายได้เร็วขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาได้ อีกทั้งการบดยาและใส่ในแก้วเดียวให้ผู้ต้องขังหลายคนนั้น อาจมีปัญหาเรื่องสุขลักษณะและปริมาณยาที่อาจจะไม่ครบโดส และปนเปื้อนตัวยาอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากแต่ละคนรับตัวยาแตกต่างกัน
.
หลังจากเขาได้ลองพูดคุยปัญหานี้กับเจ้าหน้าที่โต๊ะยา ก็ได้ผลว่าบางวันเขาก็ได้ยาแบบบดเป็นผง บางวันก็ได้แบบเม็ด ไม่มีความแน่นอน พอทักเรื่องไม่ต้องบดยาได้ไหมอีก ก็ได้รับคำตอบว่ามันเป็นกฎ
.
วชิระ ยังย้อนเล่าอีกปัญหาเรื่องยาไว้ด้วยว่า ในช่วงแรกที่เข้ามาในเรือนจำ เจ้าหน้าที่ยังนำยาประจำตัวซึ่งต้องรับประทานก่อนนอน ขึ้นมาให้กินบนเรือนนอน ประมาณสองทุ่ม แต่หลังจากนั้นประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กลับให้เขากินยาก่อนขึ้นเรือนนอน หมายความว่า ให้ทานยาทั้งหมดก่อนบ่าย 3 โมง เพราะเป็นเวลาที่ผู้ต้องขังทุกคนต้องขึ้นเรือนนอนแล้ว พอเขากินยาก่อนนอนในเวลาช่วงบ่าย ซึ่งเร็วมากเกินไป ทำให้ยาออกฤทธิ์ง่วงเร็ว เขาหลับตั้งแต่ช่วงค่ำ ตื่นอีกทีประมาณเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสองแทบทุกวัน และไม่ค่อยหลับอีก ทำให้นอนไม่พอในแต่ละวัน
.
ในภาพรวม หลังถูกจองจำมากว่า 2 เดือน วชิระบอกว่าเขาเริ่มปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการได้ช่วยทำหน้าที่บรรณารักษ์ของห้องสมุด บันทึกการยืม-คืนหนังสือ รวมถึงได้อ่านหนังสือมากขึ้น ทำให้พอมีกิจกรรมผ่านแต่ละวันไปได้
.
.

สำหรับวชิระ ถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2568 รวมระยะเวลา 72 วัน หรือเกือบ 2 เดือนครึ่งแล้ว เขายังเหลือโทษตามคำพิพากษาอีกกว่า 1 ปี 3 เดือนเศษ
.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนร่วมเขียนจดหมายออนไลน์ถึงวชิระ และผู้ต้องขังทางการเมือง ผ่านโครงการ Free Ratsadon โดยแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่ลแนล
https://freeratsadon.amnesty.or.th/list.....
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1259233369380464&set=a.656922399611567
https://tlhr2014.com/archives/80434