วันเสาร์, ตุลาคม 31, 2563

บันทึกการคุกคาม “บัณฑิตธรรมศาสตร์ของราษฎร” หลังจากรณรงค์ให้คนไม่เข้ารับปริญญา และการกระทำอันน่าขยะแขยงของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


iLaw
9h ·

บันทึกการคุกคาม “บัณฑิตธรรมศาสตร์ของราษฎร” หลังจากรณรงค์ให้คนไม่เข้ารับปริญญา
.

หลังจากเริ่มก่อตั้งกลุ่ม #บัณฑิตธรรมศาสตร์ของราษฎร กับเพื่อนๆ เพื่อรณรงค์ให้บัณฑิตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่เข้ารับปริญญา และจัดกิจกรรมตั้งสแตนดี้คนมีชื่อเสียงในฝ่ายประชาธิปไตย เช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ให้บัณฑิตถ่ายภาพและจัดกิจกรรมปราศรัยเรื่องการไม่เข้ารับปริญญาในวันซ้อมรับปริญญา เมื่อวันที่ 23-24 ตุลาคม 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์

‘เนย’บัณฑิตจากวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกตำรวจโทรคุกคามและพยายามส่งเจ้าหน้าที่ไปที่บ้านของเขาที่ต่างจังหวัด และต่อมาเมื่อถึงวันรับปริญญาจริงเนยก็พบว่าเมื่อเขาถูกตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ก็มีข้อมูลว่า "มีการรณรงค์ไม่รับพระราชทานปริญญาบัตร" ขึ้นในระบบของเจ้าหน้าที่คล้ายกับว่าเจ้าหน้าที่ทำได้การสืบค้นประวัติส่วนตัวเขามาแล้ว โดยเนยได้เล่าเรื่องราวการถูกคุกคามโดยเจ้าหน้าที่ให้ไอลอว์ฟังทั้งหมดดังนี้
.
เนยเล่าว่าเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 13.00 น. พ่อของเขาโทรมาบอกว่ามีตำรวจท้องที่พยายามเข้าไปที่บ้านของเขาซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี แต่เมื่อตำรวจเข้าไปในหมู่บ้านไม่ได้เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านไม่ให้เข้า จึงได้พยายามติดต่อกับหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อขอข้อมูลของเนย และแจ้งกับหัวหน้าหมู่บ้านว่าเนย ทำการปราศรัยหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ อาจจะถูกออกหมายได้ จึงอยากจะฝากให้หัวหน้าหมู่บ้านแจ้งกับเนยว่าให้ติดต่อกลับกับทางตำรวจที่มาหาด้วย
.
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านคุยกับทางตำรวจเสร็จจึงโทรไปหาพ่อของเขา เพื่อให้เขาติดต่อกลับไปหาตำรวจ แต่เขาปฏิเสธที่จะโทรกลับไป แล้วฝากพ่อบอกหัวหน้าหมู่บ้านว่าให้เอาเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปให้หัวหน้าหมู่บ้านส่งต่อให้ตำรวจ แล้วให้ตำรวจโทรมาหาเขาเอง แล้วให้ตำรวจติดต่อเขาโดยตรงไม่ต้องติดต่อผ่านทางพ่อของเขา
.
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 16.00 น. มีตำรวจคนหนึ่งโทรมาหาเขา อ้างว่ายศพันตำรวจโท จาก สภ.สัตหีบ แจ้งกับเขาว่าทราบมาว่าเขาได้ทำกิจกรรม และปราศรัยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงอยากจะขอรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติเพิ่มเติม เช่น ชื่อ ที่อยู่ ทำงานอะไร สถานที่ทำงานอยู่ที่ไหน แต่เขาไม่ได้ให้ข้อมูลกับทางตำรวจ โดยตอบไปว่า “ผมไม่มีนโยบายแจ้งประวัติส่วนตัวกับทางเจ้าหน้าที่รัฐ หากอยากได้ต้องหาตัวเขาให้เจอเอง” ซึ่งตำรวจแจ้งว่า เขามีที่อยู่ที่สัตหีบหมดแล้ว แล้วถามว่าอยู่ที่สัตหีบเป็นหลักหรือไม่ เมื่อเขาบอกตำรวจว่าไม่ได้อยู่ที่สัตหีบเป็นหลัก ตำรวจจึงขอที่อยู่ที่กรุงเทพ และถามถึงสถานที่ทำงาน แต่เขาไม่ไตอบ ตำรวจ คนดังกล่าวจึงได้แต่บอกว่าหากกลับมาที่สัตหีบขอให้ติดต่อมาด้วยแล้ววางสายไป
.
เนื้อหาการพูดคุยเท่าที่จำได้ ‘เนย’ เล่าว่า ตำรวจโทรหาเขาโดยไม่มีการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ตำรวจเน้นไปที่การขอข้อมูลส่วนตัว และแจ้งกับเขาว่าหากจะทำกิจกรรมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำไป แต่อย่าพูดถึงหรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้ว่าตอนที่ตำรวจคุยกับเขาโดยตรงจะไม่มีการข่มขู่ แต่ตอนพูดกับประธานหมู่บ้านตำรวจได้พูดทำนองว่าเขามีโอกาสถูกออกหมายจับจากการปราศรัย
.
หัวหน้าหมู่บ้านบอกเขาด้วยว่า ก่อนหน้าที่ตำรวจจาก สภ.สัตหีบ จะมาขอข้อมูลส่วนตัวของเขา ยังมีหน่วยงานความมั่นคง ไม่แจ้งสังกัดติดต่อมาที่หมู่บ้านเพื่อขอข้อมูลของเขา แต่หน่วยงานนั้นไม่ได้แจ้งชื่อ ชั้น ยศ หรือแสดงตัวว่าเป็นหน่วยงานใด แจ้งเพียงว่าเป็นฝ่ายความมั่นคง หัวหน้าหมู่บ้านจึงไม่ได้ให้ข้อมูล และไม่ได้ดำเนินการติดต่อใดใดให้

หลังจากนั้นยังไม่มีการโทรหาหรือคุกคามใดๆเพิ่มเติมจนถึงขณะนี้
.
ต่อมาในวันนี้ (30 ตุลาคม 2563) ‘เนย’ แจ้งว่าในช่วงเช้าเขาไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อนำของไปให้เพื่อนในคณะของเขาที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร โดยเข้ามหาวิทยาลัยทางประตูท่าพระอาทิตย์ เมื่อถึงจุดตรวจตำรวจนั่งประจำอยู่ขอบัตรประชาชนของเขาไปเสียบกับเครื่องตรวจ ปรากฎว่าบนจอมีข้อความสีแดงๆขึ้น ตำรวจนายนั้นจึงแจ้งให้เขาไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามก่อนเพราะบัตรประชาชนมีปัญหา เนยจึงบอกตำรวจว่าจะไม่เข้าไปในมหาวิทยาลัยแล้วและขอบัตรประชาชนคืน แต่ตำรวจไม่คืนบัตรประชาชนให้เขาและนำไปส่งให้กับตำรวจที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามแทน
.
เมื่อตำรวจที่นั่งฝั่งตรงข้ามได้รับบัตรประชาชนก็นำไปเสียบกับเครื่องอ่านบัตร และคุยกับคนที่น่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา แต่เนยไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน เมื่อเกิดความสงสัยเนยจึงถามตำรวจว่า บัตรของเขามีปัญหาอะไร ตำรวจแจ้งว่า บัตรใบนี้มีชื่อซ้ำ เขาจึงขอดูจอคอมพิวเตอร์ตำรวจ เห็นว่า บนจอตรงชื่อของเขามีตารางขึ้นเป็นช่องๆประมาณ 3-4 ช่อง ช่องหนึ่งปรากฎข้อความ "มีการรณรงค์ไม่รับพระราชทานปริญญาบัตร" อีกช่องเห็นไม่ชัดแต่ข้อความยาวประมาณสองถึงสามบรรทัด ว่า "มีทัศนคติทางการเมือง..."
ทั้งนี้ตรงจุดตรวจไม่มีกระดาษติดรายชื่อลักษณะ "บุคคลต้องห้าม" แต่อย่างใด ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
.
หลังจากนั้นตำรวจยึดบัตรประชาชนของเขาไป เนยจึงสอบถามตำรวจว่าใช้อำนาจอะไรในการยึดบัตรประชาชนของเขา ตำรวจไม่ตอบแต่บอกว่าจะนำบัตรประชาชนไปตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมแล้วจะคืนให้ จากนั้นก็เดินจากไปโทรคุยกับผู้บังคับบัญชาประมาณ 5 นาที เมื่อตำรวจกลับมาเนยจึงถามว่า จะคืนบัตรประชาชนให้หรือยัง ตำรวจแจ้งว่ายังคืนให้ไม่ได้แล้วแต่นายจะให้คืนตอนไหน และขอให้เนยไปคุยด้านหลังจุดตรวจได้หรือไม่ แต่เนยปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะถูกจับเพราะเขามาคนเดียว เนยยืนยันว่าเขาจะนั่งคุยตรงจุดตรวจเท่านั้น เพราะเป็นจุดที่มีคนพลุกพล่าน
.
ในเวลาต่อมาเพื่อนของเนยเดินมาหาเขาที่จุดตรวจและได้ถ่ายวีดีโอว่าเนยจะมางานรับปริญญาของเพื่อนแล้วถูกกักตัวอยู่ที่จุดตรวจหน้าประตูพระอาทิตย์ เนยพูดในคลิปวิดีโอด้วยว่าตำรวจพยายามกักขังหน่วงเหนี่ยวเขา พอตำรวจได้ยินเช่นนั้นก็นำบัตรประชาชนมาคืนให้เขา และออกสติ๊กเกอร์เข้างานให้ ขณะที่ถูกกักตัวอยู่เนยพยายามโทรหาอาจารย์ในคณะเพื่อขอให้คุยกับตำรวจ แต่ตำรวจไม่ยอมคุยโทรศัพท์กับอาจารย์ของเขา รวมเวลาที่เนยถูกกักตัวไว้ที่ด่านทั้งหมดประมาณ 10-15 นาที ก่อนที่เขาจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ตามปกติ จากการสอบถามเพิ่มเติมไม่ทราบว่าตำรวจที่มาตั้งจุดตรวจนั้นมาจากพื้นที่ใดบ้าง 

https://www.facebook.com/iLawClub/photos/a.10150540436460551/10164580161530551/
...


สุขุม สมหวัง ยังวัน
9h ·

ผมเคยภาคภูมิใจมาก ที่จบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มี อ.ปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้ประศาสน์การ
แต่วันนี้ เมื่อทางมหาวิทยาลัย ส่งข้อมูลส่วนตัวของบัณฑิต ทั้งข้อมูลว่าจะเข้ารับปริญญาหรือไม่ รวมถึงข้อมูลการเจ็บป่วยทางจิต ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อใช้คัดกรอง ทั้งที่เป็นข้อมูลลับส่วนตัว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบัณฑิต
ความภูมิใจในเกียรติภูมิของมหาวิทยาลัยนี้ ก็มีอันต้องสูญสลายลง
ขอเรียกร้องให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยชุดนี้ โดยเฉพาะอธิการบดี พิจารณาตัวเอง เพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำอันน่าขยะแขยงนี้โดยทันที!

https://www.facebook.com/photo?fbid=10217469625001260&set=a.1904046089588