วันจันทร์, ตุลาคม 31, 2565

โพลไหนไม่เท่าซูเปอร์ 'โพลหักมุก' เชิด 'เสี่ยหนู' หัวหน้าพรรค 'ภูมิใจทั่น'

โพลไหนก็ไม่เท่าโพล นพดล กรรณิกา หักมุขได้ตลอด ต้องปิ้งถึงจะกินได้เหมือนกล้วยหักมุก พอ นิด้า ออกมาว่าประชาอยากได้ พิธา เป็น “คนที่รัก” อยากให้ เพื่อไทย เป็น “พรรคที่ชอบ” ก็เอาเชียว เชิด เสี่ยหนู ขนานใหญ่

ซูเปอร์โพล ออกลายใหม่ ลายด่างจุดขาวพื้นดำคล้ำ “ผู้นำการเมืองเหนือความขัดแย้งของสังคม” เขาว่าต้อง อนุทิน ชาญวีรกูล เมื่อก่อนรับเหมาก่อสร้าง เดี๋ยวนี้เป็นหมอ กัญชายาพื้นบ้าน สรรพคุณ “มีฝีมือ มีเงินร่ำรวยและชอบคนรวย”

ได้คะแนนตั้งร้อยละ ๓๕.๘ “ไม่มีประวัติขัดแย้งกับใคร พูดน้อย ใครด่ามาถือเป็นข้อเตือนใจ เป็นคนจิตใจดีมีผลงานช่วยเหลือต่อชีวิตผู้ป่วยผ่าตัดหัวใจ” ประเด็นหลังนี่ไม่รู้เมื่อไหร่ จำไม่ได้ ส่วนที่ว่า “แก้ปัญหาวิกฤตโควิด” นั้นไม่แน่ใจนะ

ส่วนที่ให้ แพทองธาร มาที่สามนั่น เฮ่ย ตามกระแสโพลอื่นอะ ทว่าอันที่เป็นของตัวเอง ไม่มีโพลไหนทำได้อย่างนี้ก็เรื่องที่ว่า “ต้นตอความขัดแย้งของสังคมไทย” จัดให้นักกิจกรรม ภาคประชาชน (ราษฎร) ล้วนๆ ตั้งแต่การ “ลบหลู่ ดูหมิ่น สถาบันหลักของชาติ”

ตามด้วย “รับเงินต่างชาติ มาป่วนเมืองไทย” ไปจนถึง “ขบวนการปฏิรูปสถาบันหลักของชาติ” สามอย่างข้างต้นได้คะแนนติดลบ ๖๖.๑, ๕๓.๔ และ ๔๑.๙ ตามลำดับ ส่วนขบวนการสามนิ้วได้ที่สาม ๔๑.๙% แต่ไม่วายติดปลายนวมไว้บ้าง

สองอันดับท้ายที่ว่าเป็นต้นตอความขัดแย้ง ได้แก่ การยึดอำนาจ (๒๖.๒%) กับการควบรวม ผูกขาดทางธุรกิจ (๒๓.๗%) ซึ่งทั้งหมดดูเหมือนว่ากรรณิกาโพลจะเล่นผิดงาน ไปเล็กน้อย คงเจตนาเล่นเทศกาลฮาโลวีน เย้าหรือยอม แต่ดันเป็นเอพริลฟูล เมษาเงิบ

ฮาโลวีนของแท้ต้องนี่ สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. รวบรวมวิวาทะ “ทำหรือทิ้ง จริงหรือหลอก” ของพวกพ้องประยุทธ์เอาไว้ ไหนจะ เซอร์ไพร้ส์ นโยบายหาเสียงพลังประชารัฐ ทำไม่ได้สักอย่าง จะค่าแรงขั้นต่ำ ๔๒๕ บาท หรือเงินเดือนปริญญาตรี ๒ หมื่น

หรือวจีมะเขือเทศเน่า ‘rotten tomato’ ของ แรมโบ้อีสานเสกสถล อัตถาวงศ์ แต่วาทะ ตอหลดที่สุดในแผ่นดินไทย ต้องยกให้หัวหน้าพรรคภูมิใจทั่น เมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง กุมภา ๖๒ ลวงว่า “ผมจะไม่ยอมรับให้คน ๒๕๐ คนที่ไม่ได้มาจากพี่น้องประชาชน

มาเลือกนายกฯ ของพวกผมเป็นส่วนประกอบได้ แต่ไม่ใช่เป็นคนที่ตัดสินว่า ถ้าไม่มีกลุ่มนี้คนไหนก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ ผมก็ยอมเป็นฝ่ายค้าน” พอถึงเวลาจริงยกมือให้ทีม สืบทอดอำนาจผ่านตลอด จึงได้เป็น รมว.สา’สุข ค้าวัคซีน ขายกัญชา

(https://www.innnews.co.th/news/news_439363/ และ https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/posts/pfbid063wd8) 

ฮาโลวีนปีนี้ คุณคิดถึงใคร ?


Jaran Ditapichai
12h
ฮาโลวีนปีนี้ คิดถึงและยกย่องปีศาจแห่งกาลเวลาที่มาหลอกหลอนกษัตริย์และชนชั้นปกครองไทย


Tewarit Bus Maneechai
May 18, 2019

"..ห้องขังยังมีที่ว่าง ให้เขาแทรกอยู่สักคนหนึ่ง อย่าเอาชีวิตเขา.."

แม่ของ สยาม ธีรวุฒิ กล่าว กับเว็บ prakaifai.com

แม่สยามบอกว่าหลังจากไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรแล้วฝันว่าเจอสยามในฝัน โดยสยามในฝันของแม่นั้นติดคุกอยู่ พร้อมกับบอกด้วยว่า "แม่ไม่ต้องห่วงนะ ผมสบายดี"

ชมบทสัมภาษณ์(มีแปลภาษาอังกฤษด้วย)ได้ที่ : https://prakaifai.com/2019/05/16/please-spare-my-son-life/

สำหรับ สยาม นั้น เขาเป็น 1 ใน 3 ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ภาคีไทยเพื่อสิทธิฯ ออกมาแถลงว่า ถูกส่งตัวจากเวียดนามกลับมาไทย แต่หลายวันที่ผ่านมาครอบครัวและเพื่อนได้ติดตามทวงถามเบาะแสตามสถานที่ต่างๆ ก็ไม่ได้รับคำตอบ ท่ามกลางความกังวลที่ทั้ง 3 จะต้องเผชิญชตากรรมไม่ต่างจากผู้ลี้ภัย 3 คนชุด สุรชัย แช่ด่าน ที่ถูกฆาตรกรรมอย่างโหดเหี้ยมก่อนหน้านี้

เพิ่มเติม : รู้จัก ‘สยาม ธีรวุฒิ’ 1 ใน 3 ผู้ลี้ภัยการเมือง จากเวียดนามสู่หนไหน(ยัง)ไม่มีใครรู้


https://www.facebook.com/photo/?fbid=2604136656338688&set=a.152292684856443
Nithiwat Wannasiri
December 31, 2019

รายแรกที่ถูกอุ้มฆ่าหายไปเมื่อหลายปีก่อนคือดีเจเบียร์
ข่าวการถูกอุ้มหายคนต่อมาคือโกตี๋ กลางปี 60 รายนี้ผมไม่มั่นใจการข่าวว่าหายจริงหรือหลบหายเก็บตัวเหมือนที่เคยทำ ซึ่งปกติผมกับเขาก็ไม่ค่อยถูกกันด้านแนวคิดด้านสักเท่าไหร่

สถานีวิทยุออนไลน์ต่อต้านคสช.นั้นแรกเริ่มก่อตั้งขึ้นเพียงสถานีเดียว คือ Thailef (ไทยเสรีเรดิโอ) ที่รวมทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่ลี้ภัยในประเทศนี้เป็นเเครือข่ายวิทยุเดียว และขยับขยายเป็น 3 สถานีในเวลาถัดมา

3 สถานีดังกล่าว ในช่วงท้ายของการถูกล่าสังหารโดยอำนาจรัฐไทย คือสถานี ปฏิวัติประเทศไทย (กับ อ.สุุรชัย แซ่ด่าน) สถานีองค์กรสหพันธรัฐไทย(นำโดยสนามหลวง-โกตี๋) และสถานีไฟเย็น

ข่าวการหายไปของโกตี๋ยังคงเป็นปริศนา จากความคลุมเครือทางข้อมูลจากคนสนิทของเขาและบริบทแวดล้อมเรื่องภรรยาแยะสัตว์เลี้ยงที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกัน

สถานีไฟเย็นนั้นมีสัมพันธ์อันดีกับสถานีปฏิวัติประเทศไทยแม้จะเดินคนละแนวทางแต่การต่อสู้ร่วมกันมาตลอดบนเวทีในประเทศไทยก่อนรัฐประหารนั้นเป็นดั่งสิ่งผูกโยงจิตใจต่อกันเสมอมา เรามีนัดมีทติ้งกันทุกเดือนหรือสองเดือน ไปตกปลา ทำกับข้าวที่บ้านพักอ.สุรชัยกันเป็นปกติ

แม้กระทั่งวันที่ 12 ธันวาที่ถูกอุ้มหายยกสถานี เราก็มีนัดไปตกปลากันในตอนแรก แต่ฝ่ายการข่าวแจ้งให้พวกเราทุกคนอพยพออกนอกพื้นที่เราจึงต้องเลื่อนออกไป

พี่กาสะลอง ไกรเดช ลือเลิศ เซียนไก่ชน ผู้รักษาความปลอดภัย และพลขับส่วนตัวของอ.สุรชัย แรกเริ่มเดิมทีเขาฝึกฝนวิชาถ่ายทอดสดทางไกลมาจากน้สบังสกุลไทยว้อยซ์ ซึ่งช่วงหลังได้แปรภักตร์กลับไปทำงานกับกลุ่มทวงคืนพลังงาน แต่สหายกาสะลองไม่เคยทิ้งอ.สุรชัยให้อยู่ลำพังอีกหลังจากเวทีสุดท้ายที่อักษะ จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

อ.สุรชัยจะไม่ออกจากบ้านพักหรือเดินทางไปที่ไหนก็ตามภายนอกหากไม่มีคนสนิทที่ไว้ใจที่สุดอย่างพี่กาสะลองเป็นพลขับ

ปีแรกๆในการลี้ภัย อ.สุรชัยพยายามสร้างสถานที่พักที่รองรับผู้หลบภัยทางการเมืองได้จำนวนมากๆ ในรูปแบบคล้ายๆค่ายคอมมิวนิสต์ มีสวนผลไม้ขนาดใหญ่อยู่ภายในและมีผู้หลบภัยคนอื่นๆปลูกบ้านสร้างคอมมูนอยู่ด้านหลัง ซึ่งกฎระเบียบบางอย่างในคอมมูนที่อ.สุรชัยตั้งขึ้นสำหรับดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในคอมมูนได้สร้างความไม่พอใจกับสมาชิกคอมมูนบางส่วนถึงขั้นแช่งชักหักกระดูกกันก่อนย้ายออกจากคอมมูน ซึ่งภายหลังกลุ่มบุคคลเหล่านั้นเองก็อาจจะมีส่วนในการให้ข้อมูลและชี้เป้าอุ้มฆ่าพวกเขาในภายหลัง

ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมเยือนอ.สุรชัย พี่กาสะลองจะเป็นผู้มารับมาส่งพวกเราเสมอบางครั้งก็เป็นไกด์พาเราไปเท่่ยวที่ต่างๆที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียง ความผูกพันธ์ในขบวนการต่อสู้อาจเพราะเราเห็นหน้าค่าตาเขามาตลอดตั้งแต่อยู่ที่ไทย

พี่กาสะลองเป็นคนจริงจังกับการทำงาน ไม่วอกแวก ไม่โกรธใครง่ายๆ ไม่จุกจิกกับเรื่องเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะพูดสิ่งใดก็ต่อเมื่อเป็นเรื่องสำคัญจริงๆเท่านั้น

พี่ภูชนะ ชัชชาญ บุปผาวัลย์ หลบหนีการถูกเชื่อมโยงในคดีอาวุธมาในแผ่นดินใหม่ ก่อนหน้านั้นกว่าสามปี รับหน้าที่สหายพิทักษ์ให้สหายร้อย อยู่ค่ายเขตงานทางภาคเหนือ ก่อนค่ายจะแตกและมาอาศัยช่วยงานที่สถานีอ.สุรชัย

พี่ภูชนะเคยเป็นโรคกระดูกทับเส้นเรื้อรัง แต่หายกลับมาเป็นปกติเมื่อมาพำนักอาศัยกับอ.สุรชัยและได้รับการบำบัดรักษาจากวิชารักษากระดูกทับเส้นที่อ.สุรชัยได้เรียนรู้มาจากการติดคุกกว่า 20 ปี จนหายเป็นปกติ และปวรณาตนเป็นสหายพิทักษ์ติดตามคุ้มครองความปลอดภัยให้อ.สุรชัยหลังจากนั้นมา

หลังจากผมได้เข้าไปทำงานเส้นทางสายกันชารักษาโรค ผมพอจะคัดเลือกเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ไว้ได้จำนวนมาก ก็แบ่งปันกันไปในเหล่าผู้ลี้ภัยกลุ่มต่างๆ จสสุดท้ายได้ทราบว่าในบรรดาผู้ลี้ภัยทั้งหมด ผู้ช่ำชองวิชสเพาะเมล็ดและปลูกกันชามากที่สุดนั้นคือสหายภูชนะนั่นเอง เขาจะมีเทคนิคเคล็ดลับแปลกๆในการปลูกมาสอนผมเสมอๆ เช่นการเลี้ยงไส้เดือนระบบเปิด การใช้ปุ๋ย 16-16-16 รองใต้หลุมปลูก

ช่วงหลังพี่ภูชนะพัฒนาฝีมือปลูกอย่างรวดเร็วและไปมาหาสู่กับผมบ่อยเพราะนำเมล็ดไปเพาะแจกมิตรสหายและชาวบ้านที่สนิทสนมใช้ปรุงอาหาร แม้แต่หลังจากที่เขาถูกอุ้มหายไป ยังมีต้นอ่อนที่เพิ่งเพาะขึ้นอยู่ในบ้านพักกว่า 30 ต้น

อ.สุรชัย สหายเฒ่าผู้เปี่ยมเมตตา ในปีแรกใครที่หนีข้าๆมฝั่งมาไม่มีที่พักหลับนอนอาจารย์ก็รับอาสาให้เข้ามาพักอาศัยร่วมคอมมูนโดยไม่รังเกียจแนวทางฝั่งฝ่าย อ.สุรชัยมีแฟนคลับแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งเราก็แวะเวียนไปร่วมวงอาหารที่บ้านพักโดยที่อาจารย์ไม่เคยรังเกียจเดียดฉันใดใดๆแม้แต่ครั้งเดียว

การอุ้มฆ่าพวกเขาเหล่านั้นในค่ำคืนที่คณะคสช.ประยุทธ์มาเยือนอย่างไม่เป็นทางการพร้อมเงินบริจาคให้เปล่าอีก 75 ล้านบาท ...ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

----
สหายเลือด หรือน้ายังบลัด เป็นอดีตสหายเก่าในแ่าเขตงานบูรพาพิเศษ เศษรอดชีวิตมาหลายสมรภูมิหลายสงคราม ในเขตงานเดียวกับสหายสมชาย หรือ ลุงสนามหลวง เขาผูกพันธ์ชีวิตและอุดมการณ์กันมาตั้งแต่ในป่า

น้าเลือดเป็นคนไม่ค่อยพูด พูดน้อยต่อยหนัก แต่ถ้าได้คุยถูกคอ เขามีเรื่องเล่าโชกโชน สนุดโหดร้ายปนมุกขำขัน มาจากการผ่านหลากหลายสมรภูมิในเขตงานป่าเขามาเล่าได้ไม่หยุด ถ้าเขียนเป็นหนังสือก็คงเป็นหนังสือผจญภัยสู้รบสนุกๆนับสิบเล่ม

ผมเสนอชื่อรายการ"หมายเหตุจากเขตงาน"ให้น้าเลือดได้จัดร่วมกับลุงสนามหลวง เพื่อเล่าเรื่องราวความหลังในป่าและการประยุกต์ใช้สิ่งต่างๆในการต่อสู้ทางการเมืองในปัจจุบัน

เขาถูกจับกุมไปพร้อมกับลุงสนามหลวงและดีเจข้าวเหนียวมะม่วง

ลุงสนามหลวง อดีตหมอป่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเขตงานลับบูรพาพิเศษ ลุงสนามหลวงชอบเล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยชีวิตอันตรายในป่าเสมอๆ เขาบอกว่าที่รอดมาได้เพราะเป็นหมอประจำหน่วย ไปไหนก็ไปคนสุดท้ายไปรักษาคนอื่น จนเพื่อนบางชุดปฏิบัติงานเดียวกันตายเกือบหมดแล้วเขายังรอดอยู่และยืนยันว่าแม้จะจับปืนสู้ แต่ด้วยความเป็นหมอของหน่วยเขาจึงไม่ค่อยได้เป็นหน่วยปะทะ ไม่เคยฆ่าคน เคยแต่รักษาคน

ลุงสนามหลวงเป็นคนมีวาทศิลป์ล้ำลึก และชักนำจิตใจผู้คนได้เก่งฉกาจ ด้วยการศึกษาเปรียบเทียบหนังสือข้อมูลต่างไอย่างกว้างขวาง ความรู้รอบด้านทั้งทางประวัติศาสตร์ และศาสนา สายข่าววงในที่แม่นยำและกว้างไกล บวกกับการใช้จิตวิทยาเสมอในการชี้นำมวลชนให้เห็นถึงแก่นปัญหา เรียกได้ว่าเป็นนักจัดรายการชนิดแม่เหล็ก ดึงดูดผู้คนฝ่ายต่อต้านมาฝังและร่วมขบวนได้มากที่สุดในบรรดานักจัดรายการทั้งหมดก็ว่าได้

ข่าวสุดท้ายที่เราได้ยินคือพวกเขาถูกจับตัวที่เวียดนามจากการใช้พาสปอร์ตปลอม ถูกนำตัวไปขัง และไม่มีใครได้ยินข่าวของพวกเขาอีกเลย บางคนก็บอกว่า ความเคลื่อนไหวสุดท้ายคือเขาถูกย้ายสถานที่คุมขังไปที่แห่งใหม่ไม่รู้ชะตากรรมตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. แต่จ่าวของพวกเขาว่าถูกส่งตัวกลับไทย พร้อมภาพพาสปอร์ตปลอมของพวกเขาถูกนำมาเผยแพร่ในสองสามเดือนให้หลัง

สยาม ธีรวุฒิ - ดีเจข้าวเหนียวมะม่วง หรือ สิแยร์ ประกายไฟ อายุ 35ปี เขาเป็นเพื่อนนักกิจกรรมนักศึกษาในวงการสนนท.กับผมมากว่าสิบปี ตั้งแต่ยุคแรกตั้งคณะละครประกายไฟ และเราก็ร่วมแสดงด้วยกันมิได้ขาด เขาอาจเล่นแข็งๆทื่อๆไปบ้างตามสไตล์ของเขา แต่เขาไม่เคยทำให้ละครมันสะดุดหรือผิดพลาดเท่าใดนัก เพราะเขาตั้งใจทำในงานที่เขาได้รับมอบหมายอย่างสุดจิตสุดใจเสมอ

เมื่อครั้งแม่จ่านิวถูกจับในคดี"จ้า"เพื่อข่มขู่ให้จ่านิวเลิกทำกิจกรรม สยามได้ร้องเพลงฝากผลงานไว้กับวงไฟเย็นเอาไว้เพลงหนึ่ง ชื่อเพลงว่า"จ้า" เขาเป็นนักร้องที่ดีและมีสไตล์การร้องน่าสนใจคนหนึ่ง ในช่วงหลังเขาพยายามฝึกเบสเพื่อมาช่วยเติมมือเบสให้วงไฟเย็นครบเครื่อง แต่เราก็ต้องสูญเสียเขาไปเสียก่อน

สยามได้รับการถ่ายทอดวิชาเกี่ยวกับการคุมเครื่องออกอากาศและประซาวด์ออกอากาศยูทูปจากหัวหน้าวงไฟเย็น และทำหน้าที่เสมือนมือซ้ายให้ลุงสนามหลวง ทั้งเรื่องการเงิน การซื้อกับข้าว การเป็นพิธีกร และการเปิดปิดสถานีของช่องสหพันธรัฐไท ล้วนขาดเขาไม่ได้ทั้งสิ้น

เขาเคยมีรายการเป็นของตนเอง ที่จะสรุปข้อมูลปวศ.มากมายจากหนังสือต่างๆมาทำเป็นคลิปสั้นๆในสไตล์คล้ายรายการกระจกหกด้าน ชื่อรายการ "เกร็ดการเมืองไทย" หากคนหาในยูทูปอาจยังพอเห็นอยู่บ้าง

เขาหายตัวไปและไม่มีใครติดต่อได้อีกเลยพร้อมสหายเลือดและลุงสนามหลวง

ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา คนรู้จัก คนสนิท ทคนแล้วคนเล่า ค่อยๆถูกอุ้มฆ่า อุ้มหายไปทีละ 3 คน
สมาชิกสถานีวิทยุตอบโต้คสช.3สถานีในดินแดนฝั่งซ้าย 8 จาก 13 คน ถูกอำนาจมืดไล่ล่าฆ่าสังหาร

ผมรู้จักคุ้นเคยกับพวกเขาทุกคน
มันเป็นช่วงปีที่หนักมากมายกับความรู้สึกสูญเสีย คับแค้น และต้องคอยเฝ้าระวังตนเองและสมาชิกสถานีที่เหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายตลอดทุกๆคืน เพราะไม่รู้การจู่โจมจะเกิดขึ้นในค่ำคืนไหน

สุดท้ายมีมือเล็กๆหลายๆมือ ยื่นเข้ามาช่วยเหลือเรา จนเราได้มาถึงปารีสกันเป็นทีม เป็นกรณีพิเศษ

และเราจะไม่มีทางลืมเลือนสิางที่เกิดขึ้น รวมถึงดารตามหาข้อเท็จจริงว่าใครกระทำเพื่อนมิตรสหายเรา(แม้จะรู้อยู่แก่ใจ)เพื่อรอวันจะเอาความเป็นธรรมคืนกลับมาให้พวกเขาและญาติได้มากที่สุดเท่าที่มีแรงจะทำได้

#ทำไมอังกฤษยังไม่ล้มเจ้า เพราะราชวงศ์เขาทำแต้มช่วยคน ไม่ใช่เอากม.มาไล่จับคนวิจารณ์เหมือนบ้านเรา


Pipob Udomittipong
18h

“การแก้ปัญหาการเสพติดยา ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ และหาสาเหตุว่าอะไรทำให้เขาเสพติด “การเสพติดไม่ใช่ทางเลือก คนเราไม่ได้เลือกจะเสพติด” “Addiction is not a choice. No one chooses to become an addict.” Princess of Wales พระชายาว่าที่กษัตริย์กล่าว ระหว่างสัปดาห์รณรรงค์เรื่องการติดยา
ช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา เจ้าหญิงเคทเป็นประธานมูลนิธิ Forward Trust ที่ทำงานช่วยเหลือผู้เสพยา มุ่งฟื้นฟูสภาพชีวิตของผู้ใช้ยา มุ่งทำความเข้าใจสภาพจิตใจ และปมปัญหาในชีวิตของผู้ใช้ยา ลองฟังที่ท่านพูดในวิดีโอ ดีมาก ในรูปคือไปออกรายการทีวีกับพิธีกรที่เป็นผู้ใช้ยามาก่อน
#ทำไมอังกฤษยังไม่ล้มเจ้า เพราะราชวงศ์เขาทำแต้มแบบนี้ นึกถึง Princess of Wales องค์ก่อนสิ ท่านก็ทำแบบนี้กับผู้ป่วยเอดส์ ไม่ใช่เอากม.มาไล่จับคนวิจารณ์เหมือนบ้านเรา
https://people.com/.../kate-middleton-shares-poignant.../

นิดาโพล ล่าสุดน่าสนใจ


Thanapol Eawsakul
15h

นิดาโพล ล่าสุดน่าสนใจ หรืออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร อาจจะไม่ใช่แคนดิเตตนายกอันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
.................
ทั้ง ๆ ที่คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับ 1 ในกรุงเทพ
(รวมทั้งความนิยมในระดับประเทศด้วย)
สำหรับพรรคการเมืองที่คนกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มจะเลือกให้เป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต ในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 28.50 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย
อันดับ 2 ร้อยละ 26.45 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล
ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ในวันนี้
อันดับ 1 ร้อยละ 28.60 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย
อันดับ 2 ร้อยละ 26.10 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล
แต่คนกลับเลือกนายกเป็นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อันดับ 1 ร้อยละ 20.40 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนมีความมุ่งมั่น มีความรู้ความสามารถ เป็นคนรุ่นใหม่ และชื่นชอบนโยบายของพรรคก้าวไกล
อันดับ 2 ร้อยละ 15.20 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนมีความซื่อสัตย์ ชื่นชอบผลงาน ทำให้บ้านเมืองสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง
อันดับ 3 ร้อยละ 14.10 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนมีความรู้ความสามารถ และต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
อย่างที่เคยตั้งข้อสังเกตมาก่อนหน้า ว่าคะแนนความนิยมของ แพทองธาร ชินวัตร ยังห่างไกลจากความนิยมในพรรคเพื่อไทยอยู่มาก
ขณะที่คะแนนความนิยมของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ยังเป็นรองคะแนนความนิยมของพรรคก้าวไกลเช่นกัน
https://www.facebook.com/photo?fbid=544713024324310&set=a.496992999096313

เราจะไปทางไหนกัน ท่านที่เคยมาหาความหมายทั้งหลาย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการทำรัฐประหาร 2549 และ 2557 หรือแผ่นดินสยาม คือ "มณฑลไทกั๋ว" ของ "จักรพรรดิสีจิ้นผิง" โดยผ่านทุนผูกขาด "ลูกจีนรักชาติ"

https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/videos/697977344587476

Suchart Sawadsri
17h
เราจะไปทางไหนกัน ท่านที่เคยมาหาความหมายทั้งหลาย
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการทำรัฐประหาร 2549 และ 2557
หรือแผ่นดินสยาม คือ "มณฑลไทกั๋ว" ของ "จักรพรรดิสีจิ้นผิง" โดยผ่านทุนผูกขาดของจำพวก "ลูกจีนรักชาติ ( เจ๊กแดง )" ทั้งหลายที่ส่วนหนึ่งมาพร้อมกับขบวน พธม.และ กปปส.

Voice TV
18h
ผู้ปกครองจีนกำลังมองไทยอย่างไร หลังสถานการณ์โควิดกำลังสงบ ภาพสะท้อนจากย่านท่องเที่ยวที่คนจีนเคยหลั่งไหลเข้ามาอาจตอบข้อสงสัยบางประการ
‘กาย-พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ’ พาไปรู้จักไชน่าทาวน์ 2 ย่านห้วยขวาง ถ.ประชาราษฏร์บำเพ็ญ พร้อมตั้งคำถามว่าไทยจะยังมีศักยภาพดึงดูดชาวจีนให้เข้ามาไทยได้ดั่งอดีตหรือไม่
ติดตามรับชม ‘กายฉายเมือง’ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00 น.
#กายฉายเมือง
#VoiceOnline
ดูย้อนหลัง EP.1 ตอน แรงงานตลาดกีบหมู
https://fb.watch/gtG6ZQX4Y3/?mibextid=Uf0jNW
.....
ประเวศ ประภานุกูลกิจ
12h
ในข่าวที่ตำรวจยศ พตท. ขายข้อมูลประชาชนให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เป็นการสืบขยายผลมาจากการจับแก๊งค์คอลเซ็ฯเตอร์ได้ และแก๊งค์นี้เป็น "คนจีน"
อ่านข่าวนี้กับข่าวเปิดให้คนต่างชาติที่ลงทุน 40 ล้าน ซื้อที่ดืนได้ 1 ไร่แล้ว
มันให้ความรู้สึกเหมือน โจร คสช. ชักชวนโจรหลอกต้มตุ๋น ให้เข้ามาต้มตุ๋นหลอกเอาเงินประชาชนไทย
อีกอย่าง การที่เขาจ่ายเงินค่าซื้อข้อมูลได้ถึง 600,000 บาท/เดือน มันแสดงว่าเขาต้องหลอกต้มเอาเงินประชาชนไทยได้ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท/เดือน

จดหมายจาก "อัญชัน" ถึงแวดวง "น้าอยากกลับบ้าน แก่ลงไปทุกๆวันแล้วลูก"


Suchart Sawadsri
14h
จดหมายจาก "อัญชัน" ถึงแวดวง
"น้าอยากกลับบ้าน แก่ลงไปทุกๆวันแล้วลูก"
#ยกเลิก112
#ปล่อยเพื่อนเรา
#ปล่อยอัญชัน
#FreeAnchan
.....
ในนามของความสงบเรียบร้อย
17h

#จดหมายจากอัญชัญ (9 ก.ค. 65)
....
ถึงหนู ××หลานที่น่ารัก
.
หวัดดีจ้ะหนูได้อ่านจม.น้าอัญชัญที่เขียนไปล่าสุด ล.ว. 28.พ.ค.65 หรือเปล่า ไม่รู้หนูตอบมาหาน้าหรือเปล่า จม.เข้ามาข้างนอกถึงน้าจะได้รับบ้างไม่ได้รับบ้าง #เขาจะเข้มกับนักโทษการเมือง โดยเฉพาะ 112 ถ้าเขาไม่ผ่านเราก็ไม่ได้อ่าน ไม่เป็นไร น้าจะเป็นฝ่ายเขียนหาเอง
.
น้าขอขอบคุณทุกคนนะคะที่ทำอะไรเพื่อน้า แต่ทำแล้วเดือดร้อนพวกหนู น้าไม่อยากเห็นพวกหนูเข้ามาในนี้เลย น้าสงสารพวกหนู
.
#สังคมในคุกมันเครียดในทุกเรื่อง ถ้าเราทำใจไม่ได้ เราจะเครียดมาก ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก
.
#น้าขอขอบคุณทุกๆคนที่ได้พูดถึงเรื่องน้า น้าขอบคุณจริงๆที่ไม่เคยลืมน้า และยังซื้อของให้กินเกือบทุกวัน ขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญนะคะ ขอให้ทุกคนที่ต่อสู้จงมีพลังกายและใจที่แข็งแรง เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
.
We are not makes of history. We are made by history. เรามิใช่ผู้สร้างประวัติศาสตร์ เราถูกสร้างขึ้นโดยประวัติศาสตร์ ในยุคนี้ก็ต้องเป็นพวกหนูนี่แหละ เพื่ออนาคตข้างหน้า
.
ผู้ว่ากทม.ที่ได้รับเลือกตั้ง คือคุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ เป็นคนดีมีความสามารถ น้าดีใจมากๆเลยที่เปลี่ยนได้ซะที การเลือกตั้งส.ส.ต่อไปก็หวังว่าจะได้คนดีรุ่นใหม่ที่ทำเพื่อชาติที่ไม่กอบโกย ถลุงภาษีปชช.อย่างเดียว
.
น้ารออภัยลูกนี้ (ที่ใกล้จะมาถึง) ช่วยติดตามเรื่องที่กรมทัณฑ์ ฝ่ายทัณฑปฏิบัติ ให้น้าได้ออกจากที่นี่เสียที ××× อยู่มาแล้ว 5 ปี 4 ด. แล้วค่ะ ชั้นเยี่ยม ไม่ติดมาตราและไม่ถูกบังคับมาตรา
ไม่มีใครตามเรื่องก็ต้องรอ และก็ไม่รู้จะต้องรอนานแค่ไหน #น้าอยากกลับบ้าน แก่ลงไปทุกวันๆ แล้วลูก
.
#เรื่องเงินกองทุนฯที่ช่วยเหลือในเรื่องซื้อของให้น้า #น้าขอบคุณมากๆเลย ที่ไม่ทิ้งนักโทษสูงวัยคนนี้ ทำให้มีกำลังใจ ไม่ห่อเหี่ยว และไม่โดดเดี่ยว รอเวลาได้รับอิสรภาพค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ
.
อัญชัญ ปรีเลิศ D.3 เพทาย R.9
9 ก.ค. 65

มารู้จัก “อิแทวอน” (Itaewon) ย่านช้อปปิงชื่อดังของเกาหลีใต้ ก่อนเกิดโศกนาฏกรรม คืนวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา


Travel360 เที่ยวรอบทิศ
19h

คืนวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา “อิแทวอน” (Itaewon) ย่านช้อปปิงชื่อดังของเกาหลีใต้ กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมจากปริมาณผู้คนที่ไปเที่ยวงานฮาโลวีนต่างเบียดเสียดกันจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
สำหรับ “อิแทวอน” (Itaewon) เป็นหนึ่งในย่านช้อปปิงชื่อดังของกรุงโซล ตั้งอยู่ในเขตยงซาน เป็นถนนระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ผับบาร์ ที่มีความผสมผสานวัฒนธรรมเกาหลีกับนานาชาติได้อย่างกลมกลืน โดยก่อนหน้านี้ในปี 2020 ย่านอิแทวอน ก็เพิ่งโด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากซีรีส์เกาหลี เรื่อง “Itaewon Class” (ธุรกิจปิดเกมแค้น) ซึ่งใช้ย่านนี้เป็นโลเคชั่นในการเล่าเรื่อง และยังมีฉากเกี่ยวกับเทศกาลฮาโลวีน สื่อถึงความโด่งดังของเทศกาลในย่านนี้
ย้อนกลับไปในอดีตสมัยโชซอน ที่นี่เป็นหนึ่งในสี่ของสถานที่พำนักที่นักเดินทางสามารถเข้ามาพักได้ ซึ่งสถานที่พำนักทั้งหมดสี่แห่ง ได้แก่ ฮงเจวอน โบเจวอน ชอนกวันวอน และอิแทวอน รายล้อมพระราชวังคยองบกและกำแพงเมือง
ภายหลังโชซอนถูกญี่ปุ่นยึดครอง ย่านนี้จึงกลายเป็นสถานที่ทางการทหาร เป็นกองบัญชาการของโชซอน จนกระทั่งเกาหลีได้รับเอกราช หลังจากนั้นก็มีกองทัพของสหรัฐอเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพอยู่ในแถบยงซาน และยังมีสถานทูตของอีกหลายๆ ประเทศเข้ามาตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ทำให้อิแทวอนกลายเป็นชุมชนและแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ เป็นย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม มีร้านค้า ร้านอาหาร และเป็นแหล่งช้อปปิ้งของชาวต่างชาติ ซึ่งในปี ค.ศ.1997 อิแทวอนถูกประกาศให้เป็นเขตท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ
หากเปรียบเทียบ อิแทวอน กับกรุงเทพฯ อาจมีบรรยากาศคล้ายๆ ย่านสีลมผสมกับย่านเอกมัย บริเวณถนนเส้นหลักของอิแทวอน เต็มไปด้วยร้านค้าตั้งแต่แบรนด์ชั้นนำไปจนถึงร้านค้าท้องถิ่น ร้านอาหารนานาชนิดที่หลากหลายเชื้อชาติ
อิแทวอน ยังเป็นแหล่งร้านขายของเก่า โดยเฉพาะของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ซึ่งมีดีไซน์เก๋ไก๋ ของเก่าเหล่านี้เป็นของชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในย่านอิแทวอนในระยะหนึ่ง เมื่อต้องย้ายกลับบ้านเกิดของตัวเองก็เลยนำของที่เคยใช้มาขายต่อ เกิดเป็นแหล่งขายของเก่าสุดฮิตที่ Itaewon Antique Furniture Street ที่สามารถไปเดินเลือกซื้อหาของเก่าสวยๆ ได้แบบเพลิดเพลิน
อีกหนึ่งไฮไลท์ของอิแทวอน คือ การเป็นแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันความหลากหลายไม่เพียงเฉพาะคนเกาหลีที่มาเที่ยว เนื่องจากมีความเป็นย่านนักท่องเที่ยวและคนต่างชาติ ทำให้คลับและบาร์ในย่านนี้มีทุกแนว ซึ่งในเทศกาลฮาโลวีนปลายเดือนตุลาคม จึงทำให้อิแทวอนขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวรับเทศกาลฮาโวลีนในกรุงโซลที่มีชื่อเสียง จะมีผู้คนนับหมื่นนับแสนแห่แหนกันมาในคอสตูมผีๆสุดสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม จากเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 29 ตุลาคม 2022 ก็อาจทำให้ย่านที่เคยสนุกสนานด้วยเทศกาลฮาโลวีนเปลี่ยนไปตลอดกาล โดยเฉพาะการจำกัดหรือเพิ่มมาตรการความรัดกุมเรื่องความปลอดภัย
การเดินทางไปอิแทวอน
รถใต้ดิน
Itaewon Station, Noksapyeong Station และ Hangangjin Station (Seoul Subway Line 6)
รถบัสโดยสาร
Green Bus: 0013, 0015 และ Blue Bus: 110, 730
https://mgronline.com/travel/detail/9650000103562




บทเรียนที่เจ็บปวดของฝ่ายซ้ายอิหร่าน


Pipob Udomittipong
1d

บทสัมภาษณ์ Chahla Chafiq นักสังคมนิยม แกนนำฝ่ายซ้ายชาว #อิหร่าน เธอมีอายุ 25 ปีตอนเข้าร่วมการปฏิวัติโค่นล้มระบอบกษัตริย์ปี 1979 ซึ่งลำพังผู้นำศาสนาอย่างโคมัยนีไม่มีทางทำได้สำเร็จ ฝ่ายซ้าย (Leftists) ทั้งในและนอกปท.มีบทบาทสำคัญมากในการเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มศาสนา (Islamists) จนนำไปสู่การปฏิวัติในปี 1979 โค่นล้มระบอบกษัตริย์ สถาปนาระบอบสาธารณรัฐได้สำเร็จ แต่ต่อมากลับถูกฝ่ายศาสนาหักหลัง ปราบปรามจนเสียชีวิต ลี้ภัยจำนวนมาก กลายร่างเป็นเป็นทรราชที่เลวร้ายยิ่งกว่าระบอบชาห์
ชาฟิกบอกว่า หลังการปฏิวัติ อิหร่านได้ประธานาธิบดีจากการเลือกตั้งคนแรกที่เป็นฝ่ายซ้าย เพราะโคมัยนีไม่เห็นด้วยกับการให้ผู้นำศาสนาลงเล่นการเมือง แต่เพราะความรังเกียจและต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตก และความไร้เดียงสาทางการเมือง ทำให้ฝ่ายซ้ายในอิหร่านยอมทำตามข้อเสนอของฝ่ายศาสนาทุกอย่าง แต่ตอนหลังถูกปราบปราม จนฝ่ายเทวาธิปไตย Theocrats เข้าควบคุมยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมเสรีภาพของประชาชน เริ่มจากการกดหัวผู้หญิงด้วยการบังคับให้สวมฮิญาบ และกดขี่สิทธิผู้หญิงมากมายจนถึงปัจจุบัน
ตอนแรกฝ่ายซ้ายในอิหร่านไม่เชื่อว่ากลุ่มศาสนาจะมีพลังมากมาย และหวังจะใช้โคมัยนีเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างรัฐสังคมนิยมขึ้นมา พันธมิตรฝ่ายซ้ายต่างจับมือสนับสนุนโคมัยนีทั้งหมด เพราะเห็นว่าเขาเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกาและตะวันตก และเชื่อว่าเขาจะอยู่ในอำนาจไม่นาน จากนั้นก็จะวางมือ ฝ่ายซ้ายเชื่อว่าเป็นแค่ระยะเปลี่ยนผ่าน หลังจากนั้นพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ เหมือนกับการปฏิวัติรัสเซีย ชาฟิกบอกว่า ตอนนั้นไม่ว่าฝ่ายซ้ายหรือลิเบอร์รัล ต่างไม่แคร์กับแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือสตรีนิยม เพราะเห็นว่าเป็นคุณค่าของฝรั่ง ไม่ได้เป็นเรื่องเร่งด่วน เมื่อสร้างรัฐสังคมนิยมขึ้นมาได้ ปัญหานี้จะหมดไปเอง
ชาฟิกเห็นว่า มันเป็นความผิดพลาดใหญ่สุดของฝ่ายซ้ายในตอนนั้น เพราะตั้งแต่ต้น พวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับสถานะของผู้หญิง ไม่สนใจ #feminism ซึ่งถูกมองว่าเป็นคุณค่าแบบตะวันตก แบบจักรวรรดินิยม เพราะฝ่ายซ้ายต่อต้านตะวันตก เราจะไปรับเอาความคิดเรื่องสตรีนิยมมาได้อย่างไร “It was an idea that came from the West. Since the left groups were all, across the board, anti-Western, feminism was something that they did not consider putting forward. This was a big error.”
ขนาดตอนหลังปฏิวัติสำเร็จในปี 1979 Kate Millet เฟมินิสต์อเมริกันเดินทางไปอิหร่าน เพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้หญิงให้ประท้วงต่อต้านการบังคับสวมฮิญาบ แต่ปรากฏว่ามิลเลตกลับถูกโจมตีจากฝ่ายซ้ายทั้งในอิหร่านและสหรัฐฯ ซึ่งตอนนั้นเห็นว่าต้องวางหลักการทุกอย่างไว้ เพื่อให้การโค่นล้มจักรพรรดินิยมอย่างสมบูรณ์ก่อน พวกเขาด่าเฟมินิสต์ที่มายุให้ผญ.อิหร่านต่อต้านการบังคับสวมฮิญาบว่า “คุณมีสิทธิอะไรมายุ่งเรื่องนี้ พวกเรากำลังต่อต้านจักวรรดินิยม” “What right do you have, from what position are you speaking? We’re anti-imperialists.”
แต่ปรากฏว่าโคมัยนีหักหลังฝ่ายซ้ายทีละน้อย ในปี 1981 เขายึดอำนาจจาก Abolhassan Banisadr ประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เข่นฆ่าสังหาร จับกุมคุมขังฝ่ายซ้ายที่กระด้างกระเดื่องทุกคน บังคับกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด รวมทั้งการบังคับให้ผญ.ต้องสวมฮิญาบเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เพราะฝ่ายซ้ายยอมวางหลักการไว้ก่อน เพราะความไร้เดียงสาแบบนี้เอง
https://jacobin.com/.../chahla-chafiq-iranian-left...

โพสต์นี้ต้องขอคาราวะ🙏🏻🙏🏻🙏🏻ทนาย(ไม่)น้อย…3จอก🥃🥃🥃


ยิ่งการต่อสู้ของคณะราษฎร 2563 ผ่านกาลเวลามาสักระยะ เปิดโอกาสให้มีการถกเถียงและขบคิด ให้เห็นภาพจริง ยิ่งพิสูจน์ว่าข้อเสนอทั้ง 10 ข้อที่ประกาศที่ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น และยากที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะโต้แย้งได้
เอาเฉพาะข้อเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 ของกฎหมายอาญาและ ม.6 ของรัฐธรรมนูญที่ห้ามฟ้องร้องกษัตริย์
ขออนุญาตยกตัวอย่าง สมมุติว่ากษัตริย์ขับรถไปชนคนตายกลางสีแยกราชประสงค์แล้วหนีไป ถ้าเอาตามกฎหมายและการตีความปัจจุบัน พอตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถามพยานในที่เกิดเหตุว่าใครเป็นคนขับรถชนคนตาย หากคนเห็นเหตุการณ์ตอบว่ากษัตริย์ ก็ต้องโดนฟ้องด้วย ม.112 เพราะปัจบันแม้พูดความจริงก็เป็นความผิด และถ้าคนที่เห็นเหตุการณ์โดนฟ้องต่อศาลด้วย ม.112 หากคนที่โดนฟ้องจะขอให้ศาลเรียกกล้องวงจรปิดที่สี่แยกราชประสงค์มาพิสูจน์ความจริงก็จะถูกศาลปฏิเสธไม่ออกหมายเรียกให้ โดยศาลจะให้เหตุผลว่าเป็นหลักฐานที่ไม่เกี่ยวกับคดีและจะทำให้สถาบันกษัตริย์เสียหาย คนเห็นเหตุการณ์ก็ต้องติดคุกไป 3-15 ปี ส่วนญาติคนตายจะไม่สามารถฟ้องร้องกษัตริย์ได้เลยทั้งทางแพ่งและทางอาญาเพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้ตามมาตรา 6
ในทางกลับกัน ถ้าเรายกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 คนที่เห็นเหตุการณ์และบอกกับตำรวจไปก็ไม่มีความผิด และถึงแม้โดนกษัตริย์ฟ้องว่าหมิ่นประมาท เขาก็มีสิทธิพิสูจน์ความจริงว่าพูดไปโดยสุจริตและเพื่อประโยชน์สาธารณะ ส่วนญาติผู้ตายเอาผิดกษัตริย์ได้เพื่อความยุติธรรม
ทุกการต่อสู้และทุกข้อเรียกร้องของพวกเรา มันมีเหตุมีผลเป็นการสร้างความเสมอภาคและความยุติธรรมทางกฎหมาย สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย ติดตรงที่ชนชั้นนำไทยและคนที่มีอำนาจไม่ยอมให้คนรุ่นใหม่คิด และกลับขังคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเสนอแนวทางการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องของ “หาวเจ๋อตู้” และภรรยา พ.ต.อ.หญิง ไม่ธรรมดาเลย !


Atukkit Sawangsuk
1d

“หาวเจ๋อตู้” ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ที่ถูกระบุว่า เชื่อมโยงกับผับศูนย์เหรียญ และบริจาคเงิน 3 ล้าน ให้พรรคพลังประชารัฐนั้น
ไม่ใช่เพิ่งจะมีข่าวพัวพันอาชญากรรมในครั้งนี้เป็นครั้งแรก
:
รายงานพิเศษของไทยพีบีเอส
https://www.thaipbs.or.th/news/content/320909
และค้นข่าวย้อนหลังจาก manager
https://mgronline.com/crime/detail/9600000116068
ระบุว่า เขากับภรรยาตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานเผา “สวนงู” ของบริษัทภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเมนท์ ซึ่งเป็นคู่แข่งธุรกิจทัวร์จีนของ “หาวเจ๋อตู้” เหตุเกิดเมื่อ 23 เมษายน 2555 คนร้ายทำร้าย รปภ.บาดเจ็บสาหัสจนพิการตลอดชีวิต
:
คดีไม่มีความคืบหน้า จนผู้เสียหายไปร้องกองปราบ จับผู้ต้องหาได้ 1 คนเมื่อปี 59 แล้วมีหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ เข้ามาให้การว่า อดีตสารวัตรหญิงสังกัดตำรวจท่องเที่ยวและสามีเป็นคนบงการ
กองปราบส่งเรื่องไปให้ สภ.ฉลอง ภูเก็ต
แล้วเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2560 นายชัยณัฐร์ กับภรรยา อดีต พ.ต.ท.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ให้การปฏิเสธ ใช้เช็ค 1 ล้านบาทประกันตัว
:
ข้อสังเกต ตำรวจกองปราบที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้คือ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช (คดีนี้ไม่ใช่ย่อยๆ นะ)
:
แต่ปรากฏว่า หลังจากตำรวจทำสำนวนสั่งฟ้อง
อัยการกลับใช้เวลาวันเดียว สั่งไม่ฟ้องทันที
Manager ลงข่าวว่า ลือหึ่ง 30 ล้านสะพัดภูเก็ต
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9610000004968
พร้อมกับขึงขัง นายกฯ ออกโรงสั่งจี้คดี
(เพราะแม่ รปภ.ไปร้องจนสำนักปลัดสำนักนายกฯ มีหนังสือไปที่ตำรวจ)
ปรากฏว่า ประยุทธ์สั่งขี้มูก
คดียังเงียบจนทุกวันนี้
:
ในข่าวบอกด้วยว่า “ที่แท้สารวัตรหนูนาขับรถเบนซ์พาชี้เป้าทุบหัวยามเผาสวนงูวอด”
:
ภรรยาชัยณัฐร์ ที่ข่าวปี 60 บอกว่าเป็นอดีต พ.ต.ท.หญิง ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นลาออกจากราชการหรือเปล่า
แต่ถ้าลาออก ตอนนี้ก็กลับเข้ามาแล้ว
ไทยพีบีเอสบอกว่าเป็น พ.ต.อ.หญิง
ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ
:
เพจบิ๊กเกรียน 17 พย 60 ระบุว่า
“สารวัตรหนูนา” ได้รับเลือกมาอยู่ในทีมเฉพาะกิจปราบยาเสพติด ที่มี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ขณะนั้น (ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก) เป็นประธาน
https://www.facebook.com/.../a.282794.../335278740277389/...
แต่เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เพจ cops magazine
ก็บอกว่า เธออยู่ในทีมประชาสัมพันธ์ ช่วยขับเคลื่อนภาพบวกให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ที่เพิ่งเกษียณ
https://www.cops-magazine.com/topic/50551/
:
คือไม่ว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาหรือตกเป็นข่าวอย่างไร
ก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ในศูนย์บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ข่าวโยงกับ 2 พล.ต.อ.ว่าเป็นหลาน
แต่ก็เกษียณแล้วหมดอำนาจไปหลายปีแล้วทั้งคู่
8 ปีที่ผ่านมาก็อยู่ในยุคประยุทธ์ ไม่เห็นทำอะไร
ไปบริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐอีกต่างหาก

Atukkit Sawangsuk
1d

เรื่องของ “หาวเจ๋อตู้” และภรรยา พ.ต.อ.หญิง
อาจซับซ้อนยิ่งกว่าที่เห็น เมื่อพบว่า
“สวนงู” บริษัทภูเก็ตเฮลตี้นูทรีเมนต์ ที่ถูกเผา
เป็นของกลุ่มโอเอทรานสปอร์ต หนึ่งใน 5 ยักษ์ทัวร์จีน ที่เป็นคู่แข่งกัน
:
ทายาทกลุ่มโอเอร้องมือมืดบุกเผาสวนงูภูเก็ต 55 คดี ไม่คืบ คาดอาจเชื่อมโยงกับคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ
https://mgronline.com/crime/detail/9600000103176
"ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ ได้ให้การซัดทอดไปถึงอดีตตำรวจหญิงยศ พ.ต.ท. สังกัดตำรวจท่องเที่ยว และนักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งนักธุรกิจชาวจีนคนนี้ อดีตเคยเป็นไกด์มาก่อนและได้ขอเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทเรา แต่ทางเราได้ปฏิเสธ ต่อมาทราบว่าได้ไปแต่งงานกับอดีตตำรวจหญิงคนดังกล่าวซึ่งเป็นหลานสาวของ อดีตนายตำรวจยศ พล.ต.อ. ท่านหนึ่ง จากนั้นก็ได้เปิดธุรกิจแข่งขันกับทางเรา"
“หลังบริษัทถูกเผาครอบครัวของฉันเองถูกข่มขู่คุกคามมาตลอด จนกระทั่งถูกดำเนินคดีฐานอั้งยี่และฟอกเงินแต่สุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้อง จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองปราบปรามให้เร่งติดตาม รวมถึงตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีที่บริษัทถูกเผาว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่"
:
โอเอทรานสปอร์ต ประสบชะตากรรมอย่างไร น่าจะจำกันได้
ปี 59 บริษัทนี้โดนตำรวจบุกจับฐาน “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”
โดนยัดข้อหา อั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน
ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ นับหมื่นล้าน ทั้งเงินสดเงินฝาก รถทัวร์ จนเจ๊งทั้งยืน
ไม่เท่านั้น สรรพากรยังเรียกภาษีอีกเป็นหมื่นล้าน
https://www.thansettakij.com/business/365754
https://www.isranews.org/isranews-news/64239-news-64239.html
https://www.komchadluek.net/news/311813
:
ปรากฏว่าศาลยกฟ้อง ทั้งชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา
คดีภาษีสู้ถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก็ชนะ
https://mgronline.com/crime/detail/9650000021318
https://www.isranews.org/.../isr.../99380-invewsisra-33.html
ถือเป็นคดีอัปลักษณ์ของตำรวจและ ปปง.
สะท้อนให้เห็นว่า กฎหมายฟอกเงินนั้นอันตรายมาก
ใช้กลั่นแกล้งกันได้ อย่างเลวร้ายที่สุด
เพราะยึดอายัดทรัพย์ไ้ด้ก่อนที่จะส่งฟ้องศาลเสียอีก
แม้ต้องคืนทรัพย์สินที่ยึดไป หลังศาลยกฟ้อง
แต่กิจการของเขาก็ฉิบหายวายวอดหมด
:
ที่จริงมันเป็นคดีอัปลักษณ์ในมุมของสื่อและสังคมด้วย
ที่แห่ตามตำรวจ ปปง. โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา
ข่าวอาชญากรรมไทย ตำรวจชี้ใครเป็นผู้ร้ายก็แห่ตามกัน เห็นตำรวจเป็นพระเอกยังกับหนังไทยยุค 2500

จีนครองแชมป์ ต่างชาติซื้ออสังหาฯ ไทยมากที่สุด

#workpointtoday
จีนครองแชมป์ ต่างชาติซื้ออสังหาฯ ไทยมากที่สุด | TODAY Bizview

Jul 6, 2022
workpointTODAY

ทำไมคนจีน นิยมซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย


ชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทยมากที่สุด คือประเทศไหน? เชื่อว่าน่าจะเดากันไม่ยาก คำตอบคือชาวจีนนั่นเอง

จีนครองแชมป์ซื้ออสังหาฯ ไทยมานานหลายปี ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จะระบาด ลากยาวมาถึงปัจจุบัน จีนก็ยังคงเครองแชมป์อยู่ แม้จีนยังมีมาตรการคุมเข้มเรื่องการเดินทาง ยังไม่ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เต็มที่ แต่ยอดโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ ของชาวจีนก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ทำไมอสังหาฯ ไทยถึงได้รับความนิยมจากผู้ซื้อชาวจีน แนวโน้มหลังเปิดประเทศจะเป็นอย่างไร จะฟื้นจากกำลังซื้อของต่างชาติหรือไม่? TODAYBizview สรุปจบในโพสต์นี้

เปิดเหตุผล ทำไมจีนนิยมซื้ออสังหาฯ ไทย

เปิดสถิติชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทยมากที่สุด ในปี 2564 อันดับหนึ่งคือชาวจีน ยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดอยู่ที่ 4,867 หน่วย หรือ 59.4% ของหน่วยที่ขายให้ชาวต่างชาติทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 22,874 ล้านบาท

รองลงมาคือ ชาวรัสเซีย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดอยู่ที่ 306 หน่วย (3.7%) ตามมาด้วย สหราชอาณาจักร 280 หน่วย (3.4%) และสหรัฐอเมริกา 279 หน่วย (3.4%)

แม้จะเป็นช่วงเวลาที่โควิด-19 ระบาดหนัก แต่ชาวจีนก็กระเป๋าหนักไม่แพ้กัน ยังโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในไทยได้เกินกว่าครึ่งของหน่วยโอนของชาวต่างชาติทั้งหมด

พาย้อนไปในช่วงก่อนที่โควิด-19 จะระบาด สถิติยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวจีนในไทย พุ่งสูงกว่านี้มาก อย่างในปี 2018 อยู่ที่ 7,916 หน่วย ส่วนในปี 2019 อยู่ที่ 7,626 หน่วย

ปัจจุบันอสังหาฯ ที่เปิดให้ชาวต่างชาติซื้อได้ในไทย คือคอนโดมิเนียมหรือห้องชุด โดยชาวจีนมักจับจองซื้อเป็นเจ้าของจำนวนมาก โซนยอดนิยมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เช่น รัชดาภิเษก สุขุมวิท สมุทรปราการ รวมถึงต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น พัทยา หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่

ทำไมประเทศไทย จึงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวจีน ที่นิยมเข้ามาซื้ออสังหาฯ เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เราสรุปเหตุผลได้ 4 ข้อดังนี้
 
1.) การขยายตัวของธุรกิจจีน ชาวจีนเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

หลายปีที่ผ่านมานี้ ธุรกิจจีนเข้ามาดำเนินการในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจ E-Commerce, ค้าปลีก, เทคโนโลยี ฯลฯ เนื่องจากไทยเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ และยังสามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาได้คล่องตัวและรวดเร็ว ชาวจีนจำนวนไม่น้อย ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในไทยมากขึ้นตามไปด้วย

ส่วนทางฝั่งท่องเที่ยวก็คึกคักไม่แพ้กัน คนจีนหลายคนพอมาเที่ยวไทยแล้ว มักอยากจะกลับมาอีก จึงตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ในไทยไว้เป็นบ้านหลังที่สอง ด้วยความที่คุ้นเคยประเทศไทยอยู่แล้ว ผู้คนเป็นมิตร ค่าครองชีพไม่แพง อาหารอร่อยและสะดวกสบาย

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเอื้อต่อการอยู่อาศัยของครอบครัวชาวจีนด้วย อย่างโรงเรียนนานาชาติในไทย ราคาค่อนข้างถูกกว่าในจีน อย่างในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ราคาค่าเล่าเรียนโรงเรียนนานาชาติแพงติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ปกครองชาวจีนเป็นจำนวนมาก จึงย้ายครอบครัว พาบุตรหลานมาเรียนที่ไทย เพราะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า

จากเหตุผลข้างต้น ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ และยังทำให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องตัวตัวแทน นายหน้าอสังหาฯ ที่จัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ชาวจีนก็เกิดขึ้นอย่างมากมายด้วยเช่นกัน
 
2.) ราคาอสังหาฯ ไทย เฉลี่ยถูกกว่าในหลายประเทศ

ถ้าเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือกระทั่งทางฝั่งอเมริกาและยุโรป ราคาที่อยู่อาศัยมักมีราคาสูงมาก หรือแม้แต่ในประเทศจีนเอง อย่างกรุงปักกิ่ง ราคาห้องชุดเฉลี่ยอยู่ที่ 6 หมื่นหยวนต่อตารางเมตร หรือตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 3 แสนกว่าบาทเลยทีเดียว

เช่นเดียวกับเมืองเซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น หางโจว ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 หมื่นหยวนต่อตารางเมตรเช่นกัน ยิ่งเป็นโซนในใจกลางเมือง ราคาอาจสูงกว่านี้โดยอาจไปแตะถึงหลักแสนหยวนต่อตารางเมตรในบางทำเล

อีกทั้งการซื้ออสังหาฯ ในจีน ประชาชนจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะเป็นของรัฐบาล โดยแบ่งให้ประชาชนเช่าเพื่ออยู่อาศัยระยะยาว และสามารถต่อสัญญาได้เรื่อยๆ อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเรียกคืนกรรมสิทธิ์ได้อยู่ดี

ทางด้านของระดับราคาค่าเช่าก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน ยกตัวอย่างเมืองหลวง กรุงปักกิ่ง ค่าเช่าอะพาร์ตเมนต์ ขนาด 30 ตารางเมตร ใจกลางเมือง ราคาค่าเช่าอาจสูงถึง 3,000 หยวน หรือราว 15,000 บาท ผู้ที่มีรายได้น้อยอาจต้องเสียค่าที่อยู่อาศัยเช่ารายเดือนไปมากกว่าครึ่งของเงินเดือน

นอกจากนี้ จีนยังมีกฏระเบียบเกี่ยวกับการซื้ออสังหาฯ ควบคุมค่อนข้างเข้มงวด โดยกฎระเบียบขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่น มีความซับซ้อน และหลายปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลจีนได้ดำเนินนโยบาย ‘ให้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อเก็งกำไร’

นโยบายนี้สำคัญมาก จุดประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาที่ดินและบ้าน ป้องกันวิกฤตฟองสบู่ จากตอนนี้สถานการณ์อสังหาฯ ในจีนก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ยิ่งทำให้รัฐยิ่งต้องเข้ามาควบคุมมากยิ่งขึ้น

จากอุปสรรคด้านราคา และกฎระเบียบมากมาย ทำให้ชาวจีนยุคใหม่จำนวนไม่น้อย ตัดสินใจอพยพโยกย้ายประเทศ รวมถึงบรรดานักลงทุนจีนก็ไหลออกไปลงทุนนอกประเทศด้วยเช่นกัน

3.) ประเทศไทยเหมาะแก่การลงทุนอสังหาฯ

ชาวจีนมองว่าลงทุนอสังหาฯ ไทยได้ผลตอบแทนดี บางโครงการมีการันตี Rental Yield ให้ด้วย หรือจะซื้อเก็งกำไระยะสั้นก็ทำได้ บรรดานักลงทุนรายย่อย บริษัทหรือเอเจนท์ชาวจีน เข้ามาลงทุนซื้อคอนโดในไทย ปล่อยเช่าแก่ลูกค้าชาวต่างชาติ บ้างก็ปล่อยเช่าให้ลูกค้าชาวไทยเองก็มี

มากไปกว่านั้นคือบริษัทอสังหาฯ จีนเข้ามาร่วมทุนกับผู้พัฒนาไทย สร้างคอนโดมิเนียมขายโดยกันโควตาส่วนนึงให้ชาวจีนโดยเฉพาะ แยกชั้นแยกตึกไปเลยก็มีเช่นกัน

แต่ขณะเดียวกัน กฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุนอสังหาฯ ในไทยกลับมีช่องว่าง ที่ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น กลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ เก็งกำไรแบบระยะสั้น มีส่วนดันราคาอสังหาฯ ขึ้นไปสูงเกินจริง เร่งให้เกิดภาวะฟองสบู่ได้

นอกจากนี้ยังพบในลักษณะของนอมินี ทำผิดกฎหมาย อย่างการสวมรอยใช้ชื่อคนไทย เพื่อถือครองอสังหาฯ หรือลงทุนทำโครงการขาย บางครั้งพบโครงการที่อยู่อาศัยบางแห่ง ทุนจีนแอบสร้างเอง ทำสัญญาและขายให้ลูกค้าคนจีนทั้งหมด การกระทำแบบนี้เข้าข่ายลักษณะ อสังหาฯ ศูนย์เหรียญ คล้ายที่เคยเกิดขึ้นกับภาคการท่องเที่ยว

4.) กฏหมายเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ไทย เอื้อให้ชาวต่างชาติเข้าถึงได้ง่ายกว่าประเทศอื่นๆ

หากเราดูตัวอย่างประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย รวมถึงอเมริกา หรือจะเป็นฝั่งเอเชียเราอย่างญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ ชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาฯ ในประเทศเหล่านี้ ต้องจ่ายภาษีหลายรายการ

นอกเหนือจากภาษีบำรุงท้องที่หรือภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องจ่ายปี ยังมีภาษีเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ เวลาซื้อขายอสังหาฯ หรือที่เรียกว่า Real Estate Transfer Tax ภาษีผลได้จากทุน รวมถึงภาษีมรดกด้วย ส่วนบังคับใช้กฎหมายก็ค่อนข้างเข้มงวด

นอกจากนี้ บางประเทศยังกำหนดประเภทอสังหาฯ ที่ต่างชาติสามารถซื้อได้ไว้อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยราคาแพง ยิ่งราคาบ้านแพง ยิ่งต้องจ่ายภาษีแพง ดังนั้นในประเทศเหล่านี้ การจะซื้ออสังหาฯ เพื่อเก็งกำไร หรือเพื่อลงทุนจึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดแล้วคิดอีก สาเหตุที่เค้าตั้งภาษีสูงๆ เหล่านี้ ส่วนนึงก็เพื่อป้องกันการเก็งกำไรในธุรกิจอสังหาฯ พร้อมสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น นำเงินภาษีไปพัฒนาท้องถิ่น

แน่นอนว่าแตกต่างจากประเทศไทยพอสมควร เพราะไทยราคาอสังหาฯ ค่อนข้างถูกกว่าในหลายประเทศ ชาวต่างชาติซื้อได้ง่าย ไม่ได้กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำของราคาไว้ เช่น คอนโดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาพบว่า ชาวต่างชาตินิยมซื้อมาก และไม่มีการกำหนดระยะเวลาขายต่อ ทำให้เกิดการเก็งกำไร ขายต่อในระยะสั้น

และถึงแม้ไทยจะมีให้จ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้ว แต่ก็เพิ่งเริ่มจริงจังปีนี้ ในภาพรวมเรทภาษีที่ชาวต่างชาติต้องจ่ายไม่ได้สูงมากนัก การจัดเก็บภาษีมีช่องโหว่มากมาย อีกทั้งชาวต่างชาติไม่ต้องเสียภาษีซื้อขายแพงๆ เหมือนประเทศอื่น คำถามคือเหมาะสมแล้วหรือไม่?

โควิด-19 ทำยอดซื้อ ชาวต่างชาติหดหาย

เมื่อเกิดโควิดระบาด มีการล็อกดาวน์ปิดประเทศและงดการเดินทางไปช่วงเวลาหนึ่ง จำนวนชาวต่างชาติในไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยอดโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อชาวจีนในปี 2020 ลดลงมาอยู่ที่ 5,254 หน่วย จากปกติจะอยู่ที่เกือบๆ 8 พันหน่วยต่อปี

ภาพความคึกคักของผู้ซื้ออสังหาฯ ชาวจีนลดไปพอสมควร กระทบภาคธุรกิจอสังหาฯ ไทย ยอดขายชะลอตัวลง จากที่เคยขายห้องชุดให้ชาวต่างชาติได้จำนวนมาก พอกำลังซื้อหดหาย ห้องที่เคยจองหรือดาวน์ไว้ ก็ถูกทิ้งไปเยอะ หวังจะพึ่งแต่กำลังซื้อชาวไทยก็ไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันเริ่มกลับมาดีขึ้น ไทยเปิดประเทศแล้ว เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีการเดินทางกันคึกคักมากขึ้น ความหวังที่ภาคอสังหาฯ ไทย จะกลับมาฟื้นตัวด้วยกำลังซื้อต่างชาติ ก็พอจะเห็นแสงสว่างอยู่บ้าง

แม้ประเทศจีนจะยังคลายมาตรการล็อกดาวน์ไม่เต็มที่ คนจีนยังติดข้อจำกัดเรื่องการเดินทาง แต่ผลสำรวจล่าสุด ยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดไทยในไตรมาส 1 ปี 2565 ชาวจีนยังคงครองแชมป์อันดับ 1 โดยอยู่ที่ 949 หน่วย หรือประมาณ 45%

ส่วนมูลค่าการโอนอยู่ที่ 4,570 ล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับช่วงเดียวของปีที่แล้ว พบว่าชะลอตัวลง ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไปว่าประเทศจีนจะผ่อนคลายมาตรการอย่างเต็มรูปแบบเมื่อไหร่ สิ้นปีนี้ชาวจีนจะบินมาไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่

ท่ามกลางความท้าทายอีกอย่าง นั่นก็คือรัฐบาลจีนกำลังควบคุมเงินทุนของคนจีนเองไม่ให้ไหลออกนอกประเทศมากจนเกินไป เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่ เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบหนักจากการล็อกดาวน์ ทำให้จีนกระตุ้นการบริโภค เน้นให้ประชาชนใช้จ่ายภายในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้มาตรการจำกัดเงินออกนอกประเทศ อาจมีความเข้มงวดกว่าเดิม

อัปเดตมาตรการดึงดูดต่างชาติ ซื้ออสังหาฯ ไทย

กำลังซื้ออสังหาฯ ของชาวต่างชาติยังไม่ฟื้นกลับคืนมา คาดกันว่าต้องใช้เวลามากกว่านี้ ที่ผ่านมาทางด้านรัฐบาลไทยเองก็แง้มนโยบายกระตุ้นแรงซื้ออสังหาฯ ชาวต่างชาติ ผ่านการปรับกฏเกณฑ์ซื้ออสังหาฯ

ทั้งการขยายระยะเวลาถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุด รวมถึงอนุญาตให้ซื้อที่ดินและบ้านแนวราบได้ อย่างที่เคยเป็นข่าวใหญ่เมื่อช่วงปีที่แล้ว ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนจำนวนมาก และแล้วกฎเกณฑ์นี้ กลับถูกเบรกไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แต่ดูเหมือนมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติผู้มีศักยภาพสูงเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในไทย จะยังเดินหน้าต่อ อัปเดตล่าสุด กระทรวงมหาดไทย เตรียมประกาศเงื่อนไขให้นักลงทุนต่างชาติที่มีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม ได้แก่ ผู้มีความมั่งคั่งสูง, ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ, ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ สามารถซื้ออสังหาฯ ในไทยได้มากขึ้น

โดยจะอนุญาตให้ซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ 1 ไร่ ภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องเข้ามาลงทุนในไทย มูลค่า 40 ล้านบาท เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งกำลังจะเตรียมเข้าเสนอที่ประชุม ค.ร.ม. เร็วๆ นี้

ประเด็นนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป ท่ามกลางกระแสความคิดเห็นของประชาชนที่มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย จริงอยู่ที่กำลังซื้อของชาวต่างชาติเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และช่วยภาคอสังหาฯ ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หลังจากที่ซบเซามากว่า 2 ปี

แต่สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่กับไปด้วยคือ ความเหมาะสมของนโยบาย มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ใครได้ประโยชน์มากที่สุด ก็ต้องดูให้รอบด้าน ทั้งเรื่องประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความพึงพอใจของประชาชนทุกฝ่าย รวมถึงผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

อ้างอิงข้อมูล :

https://www.prachachat.net/politics/news-978479
https://www.thansettakij.com/property/519190

Writer
Pat Phanunan
13 ก.ค. 2565

เขาหากินอย่างอื่นเป็น ไม่ใช่แค่รอคนมาเที่ยว เวียดนาม ส่งออกกาแฟ ‘สูงสุดรอบ 4 ปี’ โกยรายได้ 3 พันล้านดอลลาร์ รั้งเบอร์ 2 ผู้ส่งออกกาแฟของโลก



เวียดนาม ส่งออกกาแฟ ‘สูงสุดรอบ 4 ปี’ โกยรายได้ 3 พันล้านดอลลาร์ รั้งเบอร์ 2 ผู้ส่งออกกาแฟของโลก

โดย สกุลชัย เก่งอนันตานนท์
09.10.2022
The Standard

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ตุลาคม) เวียดนาม รายงานตัวเลขการส่งออกกาแฟสำหรับ 12 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา (2021-2022) ด้วยปริมาณการส่งออก 1.73 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13.1% จากปีก่อน และมากที่สุดนับแต่ปี 2017-2018 และช่วยสร้างรายได้ราว 3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 37%

ขณะที่ผลผลิตกาแฟของเวียดนามอยู่ที่ 1.794 ล้านตัน จากการคำนวณค่าเฉลี่ยจากผู้ค้าและส่งออก 10 ราย อย่างไรก็ตาม Nguyen Nam Hai ประธานสมาคมกาแฟและโกโก้ของเวียดนาม ประเมินว่า การผลิตกาแฟในปี 2023 อาจจะลดลง 10% หลังจากที่ผู้ปลูกกาแฟเริ่มมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตในสัปดาห์ที่ผ่านมา และการปลูกจะถึงจุดพีคช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

อย่างไรก็ตาม หากประเมินเฉพาะเดือนกันยายนที่ผ่านมา จะเห็นว่าตัวเลขการส่งออกลดลง 17.8% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 92,550 ตัน

ข้อมูลจาก Statista.com ระบุว่า ณ เดือนมกราคม 2022 เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกกาแฟอันดับ 2 ของโลก อิงจากปริมาณการส่งออก เป็นรองเพียงบราซิลที่ครองอันดับหนึ่งของโลก

อ้างอิง:

https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-10-07/vietnam-s-2021-22-coffee-exports-at-1-73m-tons-a-4-year-high?srnd=premium-asia&sref=CVqPBMVg
https://www.reuters.com/article/vietnam-coffee-idAFL4N3181R5

ถ้าต้องขายที่ดิน นั่นคือหมดตัวแล้ว !




วันอาทิตย์, ตุลาคม 30, 2565

ประยุทธ์ ‘เดี่ยวแบไต๋’ ไปต่อด้วยกลยุทธ์ ‘๓ แกน’ ชาวเน็ตสับ “สักแต่ว่าสร้างเพื่อให้ได้ใช้งบประมาณ”

ไหนนะ ประยุทธ์ออกคลิปใหม่ เดี่ยวแบไต๋อ่านโพยแผ่นป้ายหลังกล้อง ทำ เรื่องใหญ่ไปต่อด้วยกลยุทธ์ ๓ แกน’ อ้างว่าบอกชาวต่างชาติ น่าจะเป็นซาดลาวเพราะเพิ่งไปเปิดสพานมิตรภาพข้ามโขงแห่งใหม่มาหมาดๆ

หนึ่งใน ๓ เรื่องใหญ่ที่ว่า มี ‘infrastructures’ โครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทางชั้นดี แฟนคลับช่วยเสริมว่ายกตัวอย่างเช่น “ถนน ๖ เลน บ้านบึง-แยกหนองปรือ ทล.ทุ่มสร้างให้ ๑,๑๙๖ ล้าน วิ่งฉิวยาว ๑๒.๓ กิโลเมตร” ที่ ตู่ คุยอวดเทียบอดีต

ว่า “ต้องใช้เวลา ๓๐-๔๐-๕๐ ปีถึงจะทำเสร็จ แต่ตอนนี้เราใช้เวลา ๕-๑๐ ปีก็ทำเสร็จได้” ก็พอดีมีทวี้ตของ ถือแถน @pran2844 พูดถึงการสร้างอย่างที่ประยุทธ์คุยนี่ละ นั่นคือสนามบินเบตง มูลค่า ๑,๙๐๐ ล้านบาท สร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้

แต่น่าเศร้า นกแอร์ บินไปลงได้ไม่กี่เที่ยวต้อง “ยกเลิกเส้นทาง” เสียแล้ว ขายตั๋วโดยสารเที่ยวบินสุดท้าย ๒๘ ตุลา เมื่อวาน “ต่อไปสนามบินเบตงก็จะกลับไปเป็นสถานที่เช็คอินถ่ายรูป...นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานอัปยศของประยุทธ์” เขาว่า

“ทำโครงการโดยไม่ศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุน ไม่มีการต่อยอด สักแต่ว่าสร้างเพื่อให้ได้ใช้งบประมาณ” เสียงวิจารณ์พ่วงอีกพรึ่บ อย่างหนึ่งก็คือเลือกทำเล ไม่สมกับคำอ้าง กลยุทธ์เอาไปซุกไว้ในหุบเขา ผู้โดยสารจังหวัดรอบข้างไม่สะดวก

มีคนแนะว่าทำไมไม่ไปสร้างที่ปัตตานีซึ่งจะเป็นศูนย์กลางของ ๓ จังหวัดแถบนั้น นั่นแหละ ถ้าประยุทธ์ก็ต้องแบบนี้ เหมือนกับที่ราชกิจจาฯ เพิ่งออกประกาศแต่งตั้งกรรมการโทรคมนาคม (กสทช.) คนใหม่ ๑ ใน ๒ ตำแหน่งที่ยังตั้งไม่ครบ ๕

เป็น พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร เขียนคำประกาศเสียยืดยาว แต่ไม่ได้บอกสีกนิดว่าสรรพคุณนายพลตำรวจคนนี้มีดีอะไรสำหรับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และเทคโนโลยี่สมัยใหม่ ไม่รู้ว่าจะทำงานได้สอดรับกับกลยุทธ์สามขาของประยุทธ์ไหม

ประยุทธ์พูดเดี่ยวก็รวบรัดเสียเหลือเกิน ขาที่สองเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า กับขาที่สามการธนาคารทันสมัย  ล้วนเกี่ยวข้องเทคโนโลยี่ล้ำหน้า เช่นเดียวกับกิจการโทรคมนาคม ซึ่งในระดับผู้ประกอบการและช่างเทคนิคในบ้านเราก้าวหน้ามาก

แล้วถ้าเอาแต่พวกที่มีดาวบนไหล่ หรือมีแต่ใจรักชาติรักสถาบันและชำนาญด้านยึดอำนาจ ไปกำกับดูแล และกำหนดนโยบายในระดับชาติ อาจจะสร้างความปวดหัวเวียนเกล้าแก่คนในวงการธุรกิจไฮเทค หรือกระทั่งเหนี่ยวรั้งความเจริญก็ได้

(https://www.matichon.co.th/economy/news_3644531 และ https://www.facebook.com/watch/?v=1290272351537474)

เธรดสรุป #อิแทวอน #Itaewon




คนจะยิ่งเบียดเสียดกันหนัก จนหายใจไม่ออก ขาดออกซิเจนหมดสติ หรือพอมีคนล้ม คนที่วิ่งหนี ก็จะเหยียบกัน ล้มกันต่อเป็นทอดๆ ส่วนมากคนที่บาดเจ็บเสียชีวิต จะบาดเจ็บจากการถูกเหยียบ (2)

ส่วนเหยียบกันตาย ไม่ได้จากการเหยียบกันด้วยเท้า แต่เป็นการขาดอากาศหายใจ เมื่อเบียดกันเยอะ ระยะห่างแต่ละคนน้อยมาก ลำตัวชิดๆ กันจนหายใจเข้าไม่ได้ พอหายใจไม่ได้ ก็เลยหมดสติ พอขาดอากาศเกิน 3-5 นาทีหัวใจก็อาจหยุดเต้น ล้มทับถมกัน จึงมีคนเจ็บคนตายเยอะ (3)

https://twitter.com/NxngKhul/status/1586420569645338624

#SouthKorea #Halloween #News
WARNING: GRAPHIC CONTENT – At least 120 killed in stampede in South Korea

Oct 29, 2022

A stampede in South Korea left at least 120 people dead after a crowd poured into an alley in a night-life area of Seoul for Halloween festivities.

[LIVE] The Reporters คุยกับคนไทยที่อยู่ในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่อิแทวอน เกาหลีใต้

https://www.facebook.com/TheReportersTH/videos/428632669248319


โศกนาฏกรรม ‘อิแทวอน’ หนุ่ม-สาวเกาหลี เสียชีวิตจำนวนมาก ในงานปาร์ตี้ฮาโลวีน

ACTUAL FOOTAGE ITAEWON SOUTH KOREA STAMPEDE TRAGEDY #southkoreastampede #stampede #itaewonstampede


 


ก่อนหน้านี้ มีคนโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่ามีคนเบียดเสียดกันมากที่ย่านอิแทวอนจนรู้สึกไม่ปลอดภัย
29 ตุลาคม 202223:24 +07

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 120 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 100 ราย จากเหตุเหยียบกันตายหลังคนจำนวนมากออกมาเฉลิมฉลองงานเทศกาลฮาโลวีนในกรุงโซล

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินระบุว่า มีคนหลายสิบคนหัวใจหยุดเต้น วิดีโอที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์แสดงภาพคนนอนหมดสติขณะได้รับการช่วยเหลือจากทีมเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน โดยมีคนจำนวนมากยืนรายล้อมอยู่

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่อิแทวอน ย่านเที่ยวกลางคืนในเมืองหลวงของเกาหลี ขณะนี้ ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ ได้สั่งให้ทีมรับมือภัยพิบัติไปยังที่เกิดเหตุแล้ว

ทางการรายงานว่าคนมี “อาการหายใจลำบาก” 81 ราย แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุนี้กี่ราย

ในเกาหลีใต้ มีแนวโน้มว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในพื้นที่จะพูดแค่ว่าคน "หัวใจหยุดเต้น" จนกว่าจะได้รับการยืนยันอย่างทางการโดยแพทย์ว่าเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ มีคนโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่ามีคนเบียดเสียดกันมากที่ย่านอิแทวอนจนรู้สึกไม่ปลอดภัย

มีรายงานว่ามีคนออกมาในย่านนี้นับแสนคนโดยเป็นการฉลองเทศกาลฮาโลวีนครั้งแรกที่ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตั้งแต่โควิดระบาด

ที่มา บีบีซีทไทย

ทำไมจึงต้องยกเลิก ม.112 ทำไมเราจะเลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนเรื่อง "ยกเลิก ม.112"

https://www.facebook.com/watch?v=678572996991491
Suchart Sawadsri
9h
ทำไมจึงต้องยกเลิก ม.112
เราจะเลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนเรื่อง "ยกเลิก ม.112"
#ปล่อยเพื่อนเรา

มาตรา 112 : อนาคตก้าวไกล กลางดงต้านนโยบายแก้กฎหมายหมิ่นสถาบันฯ


พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงเหตุผลที่เลือกเปิดนโยบายการเมืองเป็นอันดับแรกว่า หากการเมืองไม่ดี ยากที่เศรษฐกิจ สังคม ปัญหาอื่น ๆ จะถูกแก้ไขได้

มาตรา 112 : อนาคตก้าวไกล กลางดงต้านนโยบายแก้กฎหมายหมิ่นสถาบันฯ

24 ตุลาคม 2022
หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย

แกนนำพรรคก้าวไกลวิจารณ์กลับนักการเมืองต่างค่าย “รู้ว่ามีปัญหา แต่ขาดความกล้าหาญทางการเมือง” หลังหลายพรรคประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทว่าพรรคสีส้มเองอาจไม่ใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง 2566

พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เปิดตัวนโยบายชุดแรก “การเมืองไทยก้าวหน้า” เมื่อ 15 ต.ค. หนึ่งในนั้นคือการผลักดันให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังมีประชาชนนับร้อยคนถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์

ชาวก้าวไกลมองว่าเป็น “กฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน” และยืนยันว่า “การแก้มาตรา 112 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กระทบต่อพระราชสถานะองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของประเทศ”

ขณะที่แกนนำพรรคการเมืองอื่น ๆ ต่างออกมาประกาศจุดยืน “ไม่เห็นด้วย” “ไม่เอาด้วย” และ “จะคัดค้านขัดขวางอย่างถึงที่สุด” โดยบางพรรคถึงขึ้นประกาศล่วงหน้าว่า “ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย”

“ถ้าคิดแบบนักการเมืองดั้งเดิม ก้าวไกลอาจดูเหมือนนักการเมืองนอกขนบ ไม่มีกลยุทธ์การเมือง ไม่ฉลาด แต่เราเชื่อว่านี่คือวิถีการเมืองของเรา” ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวกับบีบีซีไทย

ท่ามกลางเสียงต่อต้านจากรอบด้าน ชัยธวัชมองในแง่ดีว่าภายหลังพรรคเปิดนโยบายการเมืองชุดแรก ได้ทำให้เกิดข้อถกเถียงในสังคม นั่นหมายความว่าการทำงานทางความคิดเริ่มขึ้นแล้ว

“เราไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นการหาเสียงนะ เพราะไม่ใช่เพิ่งมาทำตอนจะมีเลือกตั้ง แต่เรานำเสนอไว้นานแล้ว” เลขาธิการพรรคอันดับ 4 ในสภาผู้แทนราษฎร ระบุ


ในระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อ 22 ก.ค. 2565 เรื่องการดำเนินคดี 112 แก่ผู้ต้องขังทางการเมือง ส.ส. พรรคก้าวไกลพร้อมใจกันชูภาพของ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ "บุ้ง" และ ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ "ใบปอ" ผู้ต้องหาคดี 112 ที่ถูกคุมขังอยู่ในเวลานั้น เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัว

ย้อนกลับไปเมื่อ ก.พ. 2564 ก.ก. เสนอชุดร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จำนวน 5 ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยมี ส.ส.ก้าวไกล 9 คนที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อสนับสนุนญัตตินี้

ผลปรากฏว่า ร่างกฎหมาย 4 ฉบับ ได้รับการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาแล้ว แต่สำหรับฉบับที่ 5 คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งเป็นการแก้ไขความผิดฐานหมิ่นประมาททั้งหมด ตั้งแต่หมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป, ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน, ดูหมิ่นศาล และหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่ถูกบรรจุเป็นวาระพิจารณา โดย ก.ก. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สภาว่า สำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โต้แย้งว่ามีบทบัญญัติที่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ที่ว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

ก่อนบรรจุเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เป็นหนึ่งในนโยบายการเมืองของพรรค ชัยธวัชเล่าว่า ชาวก้าวไกลคิดกันหนัก-คุยกันนาน เพราะรู้ว่าการโยนประเด็นนี้ออกสู่สาธารณะอาจนำมาสู่การสูญเสียคะแนนนิยมของพรรค แต่เมื่อมาตรา 112 กลายเป็นประเด็นทางสังคม มีการแจ้งความดำเนินคดีด้วยข้อหานี้และข้อหาอื่น ๆ อย่างกว้างขวางรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และเห็นได้ชัดว่ากระบวนการบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำมีการบังคับใช้อย่างผิดปกติ ส่งผลต่อระบบนิติรัฐนิติธรรม และทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคม พรรคจะทำเหมือนไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมได้อย่างไร

“ถ้าเรานิ่งเฉยแล้วเงียบ เราจะเป็น ส.ส. ไปทำไม หรือจะมีพรรคนี้ไปทำไม อันนี้คือจุดเริ่มต้นในการนำเสนอเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นปี 2564 รู้เลยว่าถ้าเสนอออกไปต้องเสียคะแนนนิยมแน่ เช่นเดียวกับการประกาศเป็นนโยบายการเมืองของพรรคในครั้งนี้” ชัยธวัชบอก


ประชาชนบางส่วนรวมตัวกันหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ถ.แจ้งวัฒะ เมื่อ 10 พ.ย. 2564 เพื่อฟังคำวินิจฉัยคดีชุมนุม 10 ส.ค. 2563 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

นับจากมีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบัน มีนักกิจกรรมการเมืองและประชาชนถูกดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 112 อย่างน้อย 216 คน ใน 235 คดี ในจำนวนนี้เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 17 คน ใน 20 คดี ตามการรวบรวมข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

“คนที่เลือกก้าวไกลก็อาจไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้”

การยืนยันผลักดันแก้ไขมาตรา 112 ผ่านนโยบายชุดแรกของพรรค ก.ก. คล้ายเป็นการหยั่งเสียง-รวมเสียงแนวร่วมนอกสภา เพื่อกดดันกลับมาที่คนในสภาภายหลังเลือกตั้ง 2566 หรือไม่

ชัยธวัชชี้ว่า ประชาชนที่โหวตให้พรรคใดพรรคหนึ่งคงไม่ได้มีเหตุผลเดียว และเป็นเรื่องปกติมากที่คนอาจไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอทั้งหมด แต่เห็นด้วยบางส่วน

“ดังนั้นคนที่เลือกก้าวไกลก็อาจไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ แต่เมื่อเรื่องนี้เป็นหนึ่งในข้อเสนอของเรา หากเราได้รับความไว้วางใจก็จะผลักอย่างเต็มที่ ซึ่งรูปธรรมก็คือการเสนอร่างกฎหมาย”

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีแกนนำอย่างน้อย 8 พรรคการเมืองที่มีเสียงในสภาล่างชุดปัจจุบัน ออกมาประกาศไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นั่นทำให้นโยบายทางการเมืองของก้าวไกลยากจะเห็นผลในทางปฏิบัติหรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เลขาธิการพรรค ก.ก. เห็นว่า เป็นหน้าที่ของพรรคที่ต้องอธิบายกับสังคมและสภา จนกว่าเสียงส่วนใหญ่จะเห็นด้วย ถ้าเกิดไม่สำเร็จ พรรคก็ต้องทำงานความคิดกับสังคมต่อไป ซึ่งบางเรื่องอาจต้องใช้เวลา 3 ปี 5 ปี 10 ปี

ซัดนักการเมือง “อาศัยเสื้อคลุมความจงรักภักดีหาประโยชน์ส่วนตัว”

กว่าจะถึงวันนั้น นโยบายรื้อมาตรา 112 อาจเป็นจุดสกัดกั้นโอกาสพลิกบทบาทจากฝ่ายค้าน 4 ปี ไปทำหน้าที่ฝ่ายบริหารหรือไม่ หลังบางพรรคการเมือง เช่น พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ประกาศไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่มีแนวคิดแก้ไขมาตรา 112

“ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ เราก็ไม่คิดจะร่วมรัฐบาลกับภูมิใจไทยอยู่แล้ว” ชัยธวัชตอบทันควัน ก่อนขยายความว่า ถ้าฟังสิ่งที่ ก.ก. ตรวจสอบรัฐบาล และพรรค ภท. ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีแนวคิดในการดำเนินนโยบายและแนวทางทำงานการเมืองแตกต่างกันมาก


อนุทิน ชาญวีรกูล และ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อ ส.ค.-ก.ย. 2564

เช่นเดียวกับบางพรรคการเมือง รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ชัยธวัชใช้คำว่า “อยากหาเสียงด้วยการประกาศจุดยืนเรื่องนี้” แต่อย่าลืมว่ากรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่ตั้งขึ้นโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. หลังสลายการชุมนุมการเมืองปี 2553 ก็เสนอให้แก้ไขมาตรา 112 เหมือนกัน โดยให้ลดอัตราโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 7 ปี พร้อมเสนอให้การสอบสวนเป็นคดีได้ก็ต่อเมื่อได้รับอำนาจจากเลขาธิการพระราชวัง ประเด็นนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหม่

“นักการเมืองจำนวนมากรู้ว่ามีปัญหา แต่ขาดความกล้าหาญทางการเมือง ขาดจริยธรรมทางการเมืองที่จะนำเสนอสิ่งที่ถูกต้อง อาศัยเสื้อคลุมความจงรักภักดีหาประโยชน์ส่วนตัว แสวงหาอำนาจทางการเมือง โดยอาศัยสถาบันฯ บังหน้า ตั้งแต่เรื่องการใช้งบประมาณ ผลักดันโครงการ อ้างสถาบันฯ เพื่อรัฐประหารให้ตัวเองมีอำนาจ หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์จากเครือข่ายที่แวดล้อมสถาบันฯ โดยไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่ดำรงอยู่ส่งผลเสียต่อสถาบันฯ อย่างไร” ชัยธวัชกล่าว

เขาคิดว่า สังคมอาจไม่ต้องการนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ประกาศตัวว่าจงรักภักดีเพื่อจะรักษาอำนาจและผลประโยชน์ตัวเอง แต่ต้องการคนที่จงรักภักดีจริง ๆ คิดถึงอนาคตของสถาบันฯ จริงๆ มีสติ และมีปัญญา

อาจไม่ใช้แก้ ม. 112 เป็นเงื่อนไขร่วมรัฐบาล

ส่วนเรื่องการจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคใด เลขาธิการพรรคอันดับ 4 ของสภา ขอให้รอดูผลการเลือกตั้ง และเหตุผลในการร่วมรัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกันหมดทุกเรื่อง แต่มีวาระใหญ่ ๆ ที่เห็นร่วมกันได้

ภายหลังการเลือกตั้ง 2562 พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แสดงเจตนารมณ์ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ 7 พรรคการเมือง นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยมีข้อตกลงใหญ่ ๆ ร่วมกัน อาทิ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 และปฏิรูปกองทัพ ก่อนที่ทั้งหมดจะตกที่นั่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 รวบรวมเสียงแข่งและจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

กับเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลของ ก.ก. หลังการเลือกตั้ง 2566 ชัยธวัชบอกว่ายังไม่มีการพูดคุยในพรรค แต่คงหนีไม่พ้นข้อตกลงใหญ่ ๆ เช่นเดิม “อาจไม่ใช่เรื่อง 112 ก็ได้ เพราะเรื่องนี้เราเข้าใจดีว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคไม่ต้องการพูดถึง ไม่ต้องการแตะต้อง แต่เพราะเป็นแบบนั้น ก้าวไกลถึงพูด ถึงเสนอ”

พ่อบ้านประจำพรรคก้าวไกลยังเลี่ยงจะตอบคำถามถึงโอกาสจับมือกับเพื่อไทยอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่รับรู้ในหมู่คอการเมืองว่า พท. กับ ก.ก. มีเพดานต่างกันในกรณีมาตรา 112 โดยชัยธวัชบอกเพียงว่าตอบแทนพรรคอื่นไม่ได้ แต่ละพรรคมีชุดนโยบายแตกต่างกัน และย้ำคำเดิมว่า ไม่จำเป็นต้องเห็นร่วมกันทั้งหมด แต่สามารถมีวาระใหญ่ ๆ ที่เห็นร่วมกันได้

แสดงว่าการแก้ไขมาตรา 112 จะไม่เป็นเงื่อนไขหลักในการเข้าร่วม/ไม่เข้าร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ บีบีซีไทยถาม


คำตอบของแกนนำก้าวไกลคือ การแก้ไขมาตรา 112 เป็นหนึ่งในนโยบายการเมืองของพรรค ซึ่งพรรคที่ต้องการร่วมรัฐบาลกับ ก.ก. ถ้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เราก็สามารถใช้หน้าที่ ส.ส. ผลักดันผ่านสภาได้อยู่แล้ว


ชัยธวัช ตุลาธน แถลงเมื่อ 3 พ.ย. 2564 ยืนยันว่าการเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 จะช่วยลดปัญหาทางการเมืองที่เกิดจากมาตรา 112 ลง และไม่กระทบต่อสถาบันฯ

ท้ายที่สุดเมื่อให้ประเมินความเสี่ยงทางการเมืองเรื่องยุบพรรค หลังสมาชิกพรรคไทยภักดียื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ เลขาธิการพรรค ก.ก. ไม่รู้สึกกังวล เพราะการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเป็นอำนาจของสภาอยู่แล้ว

เขายังย้อนอดีตด้วยว่า มาตรา 112 ที่ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2499 ไม่ใช่ไม่เคยถูกแก้ไข แต่เคยแก้ไขมาแล้วหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ทว่าเป็นการแก้ในลักษณะเพิ่มโทษ จากจำคุกไม่เกิน 7 ปี เป็นจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี

เสียงต้านที่เป็นเอกฉันท์ของนักการเมืองต่างพรรค

เพียงสัปดาห์เดียวหลังก้าวไกลเปิดนโยบายแก้ไขมาตรา 112 เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง มีปฏิกริยาจากนักการเมืองต่างพรรคที่ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกัน ประหนึ่งเป็น “เอกฉันท์” ว่าไม่เห็นด้วย

ยกเว้นพรรคเพื่อไทยที่ยังสงวนท่าที โดย สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค ตอบคำถามผู้สื่อข่าวโดยบอกเพียงว่าเรื่องนี้เป็นจุดยืนของแต่ละพรรค ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ อยู่ที่ประชาชนจะพิจารณาแล้วตัดสินใจเอง แต่สำหรับ พท. ให้ความสำคัญกับเรื่องเร่งด่วนที่สุดคือ เศรษฐกิจปากท้องประชาชน ความมั่นคงทางการเงินการคลังของประเทศ รวมถึงการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เกิดกับสังคมไทย

สำหรับ “แนวต้าน” การแก้ไขมาตรา 112 ให้เหตุผลใกล้เคียงกัน ดังนี้

พรรคภูมิใจไทย : “ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย”

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เล่าย้อนไปถึงอุดมการณ์ข้อแรกในการก่อตั้งพรรค ภท. เพื่อ “ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ” พรรคไม่มีนโยบาย ไม่มีความคิดเรื่องแก้ไขมาตรา 112 และไม่เข้าใจว่าคนที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 เดือดร้อนอะไรกับกฎหมายนี้

“ถ้าเราไม่คิดทำผิดกฎหมาย ทำไมต้องกลัวรับโทษทางกฎหมาย ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้สึกว่ากฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ใช้ชีวิตประจำวัน จะมีก็แต่กลุ่มคนที่คิดจะท้าทาย คิดจะทำผิดกฎหมาย แต่ก็กลัวโทษตามกฎหมาย จึงมาเรียกร้องให้แก้กฎหมาย ให้สิ่งที่ตนจะทำเป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ” อนุทินกล่าว

หัวหน้าพรรคอันดับสองของรัฐบาลแสดงความมั่นใจด้วยว่า การแก้ไขมาตรา 112 “ไม่มีทางได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” และยังพูดแทนสมาชิก ภท. ทุกคนด้วยว่า “เราไม่แก้ไข และจะคัดค้าน ขัดขวางถึงที่สุด รวมทั้งจะไม่ร่วมมือ ร่วมทำงาน กับพรรคการเมือง นักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 ทุกระดับ รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า หรืออีกกี่ครั้งก็ตาม”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ภท. จะไม่จัดตั้งรัฐบาลกับ ก.ก. ใช่หรือไม่ อนุทินตอบว่า “ไม่มีทางอย่างแน่นอน” ไม่ใช่เฉพาะ ก.ก. แต่ ภท. จะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองที่มีนโยบาย มีแนวคิดแก้ไขมาตรา 112 รวมอยู่ด้วย เพราะมีอุดมการณ์ขัดแย้งกันจนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้


นายกฯ เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 ก.ค. 2565

พรรคประชาธิปัตย์ : “ไม่เอาด้วย”

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ระบุว่า ปชป. ไม่เอาด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะไม่มีประเทศไหนที่ไม่มีบทคุ้มครองประมุขของประเทศ

พรรคชาติไทยพัฒนา : “รอให้ดินกลบหน้า ผมไม่ยอมแก้ ม. 112 แน่นอน”

วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ประกาศจุดยืนของ ชทพ. ว่า จะไม่ไปยุ่งอะไรกับมาตรา 112 เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่เห็นคนทั่วไปมีปัญหา อีกทั้งปัจจุบัน ขนาดบุคคลธรรมดายังมีคดีหมิ่นประมาทอยู่ในศาลตั้งหลายร้อยหลายพันคดี

“มาตรา 112 ไม่ใช่มาตราที่หาเรื่องใคร แต่ใช้เพื่อปกป้องสถาบันฯ อันเป็นที่รัก หากมีใครอุตริไปหาเรื่อง เราจะต้องมีอุปกรณ์หรือกฎหมายใดปกป้องสถาบันฯ ได้”

“มาตรา 112 มีมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย ไม่เห็นใครมีปัญหา หัวเด็ดตีนขาดก็ต้องมีมาตรา 112 รอให้ดินกลบหน้า ผมไม่ยอมแก้มาตรา 112 แน่นอน” หัวหน้าพรรค ชทพ. ลั่นวาจา

พรรคพลังประชารัฐ : “ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง”

พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรค ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการแก้ไขมาตรา 112 เนื่องจากเป็นบทบัญญัติในการคุ้มครองประมุขของรัฐ ซึ่ง พปชร. ชัดเจนมาโดยตลอดต่อการเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และพรรคจะยึดมั่นแนวทางนี้ ไม่มีเปลี่ยนแปลง

พรรคพลังท้องถิ่นไท : “จะคัดค้านอย่างแน่นอน”

ชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรค อีกคนที่ออกมาย้ำจุดยืนเรื่องการปกป้องสถาบันฯ พร้อมยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 เพราะสถาบันฯ ไม่ได้ทำอะไรให้ ไม่เข้าใจว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบายเช่นนี้ “หากพรรคก้าวไกลเสนอเรื่องเข้ามาในสภา พรรคพลังท้องถิ่นไทจะคัดค้านอย่างแน่นอน”


แนวร่วม “ราษฎร” เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 นับจากมีแกนนำและประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมทยอยถูกแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์

พรรคเสรีรวมไทย : “ยกเลิกไม่ได้”

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค ให้ความเห็นว่า สร. ยืนยันมาตลอดว่าแนวทางพรรคเป็นแบบกลาง ๆ อย่าง ก.ก. บอกให้ยกเลิกเลย ถามว่าบุคคลธรรมดารัฐธรรมนูญยังปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินเลย ใครมาหมิ่น เราก็ฟ้องได้ แล้วถ้ามาหมิ่นสถาบันฯ จะไม่มีสิทธิทำอะไรเลยหรือ ดังนั้นยกเลิกไม่ได้ ใครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต้องมีโทษเหมือนกัน แต่เห็นว่าควรปรับรายละเอียดเล็กน้อย เช่น ไม่ใช่ใครก็ไปแจ้งความได้ ควรให้ตัวแทนสำนักพระราชวังดำเนินการ หรือลดจำนวนปีในการรับโทษจำคุก

พรรคไทยศรีวิไลย์ : หากไม่มี ม. 112 “อาจเกิดสงครามกลางเมือง”

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรค บอกว่า พรรคไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และย้ำความจำเป็นในการมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐ ไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ เพื่อพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครอง ในขณะที่ประชาชนเองก็มีกฎหมายปกป้องสิทธิในรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน

ส.ส. เพียงคนเดียวของพรรครายนี้เชื่อว่า หากไม่มีมาตรา 112 หรือกฎหมายปกป้องกันคุ้มครองพระมหากษัตริย์ จะเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีชี้นำประชาชนเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองอื่นตามต้องการ และเกิดความสั่นคลอนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระหากษัตริย์เป็นประมุข จนอาจเกิดสงครามคิด การเมืองและสงครามกลางเมืองในอนาคต

พรรคพลังธรรมใหม่ : “เป็นการเปิดช่องทางกฎหมายเพื่อให้คนไทยมีความรู้สึกชังชาติตัวเอง”

มหัศจักร โสดี โฆษกพรรค ตั้งคำถามว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างไรจากมาตรา 112 ซึ่งหลายประเทศในโลกก็มีกฎหมายคุ้มครองประมุขหรือผู้นำประเทศ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “นโยบายของพรรคก้าวไกลเป็นการเปิดช่องทางกฎหมายเพื่อให้คนไทยมีความรู้สึกชังชาติตัวเอง หรือต้องการทำลายสถาบันหลักของชาติหรือไม่” นอกจากนี้ยังขอให้ กกต. ตรวจสอบการหาเสียงที่อาจขัดต่อกฎหมายด้วย
 

ในระหว่างเปิดตัวพรรคไทยภักดีเมื่อ 20 ม.ค. 2564 นพ. วรงค์ เดชกิจวิกรม ประกาศต่อสู้กับ 3 องค์กรการเมือง หนึ่งในนั้นคือพรรคก้าวไกล

พรรคไทยภักดี : “การมีกฎหมายนี้เป็นเรื่องปกติ”

ตัวแทนพรรคเข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เมื่อ 21 ต.ค. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี ก.ก. เสนอนโยบายเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งกฎหมายนี้ระบุว่า พรรคต้องไม่ปฏิบัติการใด ๆ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สุขสันต์ แสงศรี โฆษกพรรค ระบุว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่คุ้มครองประมุขของรัฐและมีใช้อยู่กันทั่วโลก การมีกฎหมายนี้เป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังมีประเด็นที่เสนอให้นำมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายที่อยู่ในหมวดความมั่นคงของรัฐออกไปอยู่ในหมวดที่ยอมความกันได้ ถือเป็นการลดระดับความสำคัญของกฎหมายลง และการเสนอให้สำนักพระราชวังเป็นโจทก์แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดมาตรา 112 เป็นการดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนในอนาคตข้างหน้า

ก้าวไกลเสนอแก้ ม. 112 อย่างไร

สำหรับร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับก้าวไกล (เฉพาะมาตรา 112) ที่ถูกตีตกไป ก่อนที่พรรคจะเดินหน้าผลักดันต่อผ่านนโยบายเลือกตั้ง 2566 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
  • ความผิดต่อพระมหากษัตริย์ แก้ไขโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (จากเดิมต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี)
  • ความผิดต่อพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แก้ไขโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (จากเดิมต้องระวางโทษจำคุก 3-15 ปี)
  • แก้ไขให้เฉพาะสำนักพระราชวังมีอำนาจเป็นผู้กล่าวโทษเท่านั้น (จากเดิมประชาชนทั่วไปสามารถฟ้องคดีได้)
  • เพิ่มเหตุยกเว้นความผิด กรณีติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ
  • เพิ่มเหตุยกเว้นโทษ กรณีพิสูจน์ได้ว่าข้อความนั้นเป็นความจริง แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์เรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ และการพิสูจน์ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค เป็นผู้แถลงนโยบายการเมืองของพรรคก้าวไกล ในหมวดศาลและกระบวนการยุติธรรม เมื่อ 15 ต.ค. หนึ่งในนั้นคือการแก้ไขมาตรา 112