พอข่าวฝุ่นละอองพิษในอากาศจางลงก็เอาเลย
มีมติกันก่อนจะถึงเลือกตั้งแค่สิบกว่าวันนี่ละ วานนี้ (๕ มีนา) คณะรัฐมนตรี คสช.
อนุมัติ “ผ่อนผันให้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวางและป่ามวกเหล็ก จ.สระบุรี
เพื่อทำเหมืองแร่หิน” ได้
เรื่องนี้ไม่เข้าท่าเข้าทางสองอย่าง ก็คือ
แร่หินที่ให้ทำนี่เป็นหินปูนที่ใช้ผลิตปูนซีเมนต์ต้นตอของฝุ่นพิษ
ซึ่งพบมากที่จังหวัดสระบุรีที่มีอุตสาหกรรมประเภทนี้จำนวนมากอยู่แล้วอย่างหนึ่ง
อีกอย่างพื้นที่ดังกล่าวขึ้นบัญชีป่าสงวนเพราะเป็นลุ่มน้ำชั้น ๑ เอ มีเนื้อที่
๓,๒๒๓ ไร่
โดยเนื้อที่ประทานบัตรทั้งสิ้น ๑๕
แปลงรวมกัน ๓,๓๑๑ ไร่ ครอบคลุมลุ่มน้ำมิดทั้งหมดเลย ซ้ำร้ายอายุประทานบัตรให้ถึงปลายเดือนเมษายน
ปี ๒๕๗๙ เกือบ ๑๘ ปีสูสียุทธศาสตร์ชาติ ซึ่ง อจ.กานดา นาคน้อย
เหน็บว่าคงเร่งมือผลิต “แข่งชิงที่ ๑
ของโลกกะจีน”
ส่วน เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์
หัวหน้าพรรคสามัญชน นักต่อสู้เพื่อสภาพแวดล้อม ’เม้นต์ว่า
“การขอผ่อนผันใช้ลุ่มน้ำ1A เพื่อทำเหมือง ไม่ง่าย
ถ้าไม่เส้นใหญ่พอ งานนี้ต่อให้ ครม. อนุมัติก็ผิด กม. แร่ ม.188, 189 และ 17 วรรค 4 แน่นอน”
เช่นนี้ตีความคอมเม้นต์ของหัวหน้าพรรคสามัญชนได้สองอย่างเหมือนกัน
หนึ่งที่ว่าขอผ่อนผันไม่ง่าย ต้องรู้ว่า ‘ปูนใหญ่’ หรือ SCG เป็นใคร ยิ่งใหญ่กว่าเจ้าสัว บางคนว่า
และสำหรับกรณีผิดกฎหมายแร่ มีหรือ
คสช.จะแคร์ ขนาดกฎหมายที่พวกเขาเขียนเองยัง ‘ลบด้วยเท้า’ บ่อยไป ประการสำคัญ ชื่อเสียงประเทศสำคัญกว่าถ้าได้เป็นแช้มป์ผลิตปูนซีเมนต์เป็นอันดับหนึ่งของโลก
หลังจากที่วนเวียนที่ ๒-๓ มา ๒๐ ปี ดังที่ อจ.กานดาว่า
หากจะเกิดละอองพิษเพิ่มขึ้นให้ประชากรสูดเข้าไปทำลายปอด
ตายผ่อนส่งเพิ่มอีกสักสิบยี่สิบล้านคน คสช.ทนได้ แต่ ศรีสุวรรณ จรรยา ภายใต้หมวกนายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
ทนไม่ได้ ออกแถลงการณ์คัดค้านเช่นกัน
“จะให้ประชาชนแปลความหมายการอนุมัติเรื่องนี้ไว้อย่างไร
ทั้งที่ในอดีตหากจะมีการขอผ่อนผันก็จะอนุญาตให้ไม่เกิน ๑๐ ปีเท่านั้น
แต่ครั้งนี้กลับประเคนให้ถึง ๑๘ ปีอย่างง่ายดาย”
แถลงการณ์จี้ “เวลาชาวบ้านเข้าป่าไปเก็บเห็ด
เก็บผักหวานในพื้นที่ป่าต้องถูกจับขังคุก”
นักตรวจสอบที่ฟ้องดะผู้นี้อ้างตัวบทกฎหมายเหมือนกัน
แต่รวมถึงกฎหมายแม่ด้วยว่า “การใช้อำนาจดังกล่าวส่อจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตรา ๕๓
มาตรา ๕๗ และมาตรา ๖๓ ประกอบ มาตรา ๑๗ วรรคสี่ ของ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.๒๕๕๙”