วันเสาร์, พฤศจิกายน 01, 2568

เวอร์จิเนีย จุฟเฟร ผู้ดึงแอนดรูว์ ร่วงจากความเป็นเจ้าชาย ครอบครัวของจุฟเฟรได้กล่าวถึงบุตรสาว ที่จากไปหลังทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อเดือน เม.ย.ของปีนี้ว่า "เธอได้โค่นล้มถอดถอนเจ้าชายอังกฤษ ด้วยความจริงและความกล้าหาญที่เหนือธรรมดาสามัญของเธอ"

https://www.facebook.com/watch/?v=1102935181687900




เจ้าชายแอนดรูว์ถูกถอดฐานันดร "เจ้าฟ้า" และต้องย้ายออกจากพระราชวังวินด์เซอร์

นูร์ นานจี
ผู้สื่อข่าววัฒนธรรม บีบีซี
31 ตุลาคม 2025

เจ้าชายแอนดรูว์หรือดยุคแห่งยอร์ก พระอนุชาในสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สาม และพระราชโอรสองค์รองในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร ถูกถอดถอนฐานันดรศักดิ์ "เจ้าฟ้า" ซึ่งเป็นสกุลยศที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้ต่อไปนี้จะไม่สามารถใช้คำนำหน้าพระนามว่า "เจ้าชาย" ได้อีกต่อไป รวมทั้งต้องย้ายออกจากพระตำหนักในพระราชวังวินด์เซอร์ด้วย

การประกาศถอดฐานันดรศักดิ์ดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่เจ้าชายแอนดรูว์ถูกตรวจสอบอย่างหนัก ในกรณีที่เข้าไปพัวพันกับนายเจฟฟรีย์ เอปสตีน อาชญากรคดีล่วงละเมิดทางเพศ จนเกิดเป็นข่าวอื้อฉาวนานติดต่อกันหลายสัปดาห์

กรณีดังกล่าวส่งผลให้ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮม ออกแถลงการณ์ถอดฐานันดรศักดิ์เจ้าฟ้าของเจ้าชายแอนดรูว์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่านับตั้งแต่นี้ เจ้าชายแอนดรูว์จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อสกุลแบบสามัญชนว่า "แอนดรูว์ เมาท์แบตเทน วินด์เซอร์" (Andrew Mountbatten Windsor)

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าชายแอนดรูว์ได้สละอิสสริยยศของพระราชวงศ์อังกฤษไปแล้วหลายตำแหน่ง รวมถึงพระยศดยุคแห่งยอร์ก ซึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับพระอนุชาขององค์รัชทายาท หรือ "ตัวสำรอง" ของผู้สืบสันตติวงศ์ในลำดับแรกนั่นเอง เนื่องจากเจ้าชายแอนดรูว์ถูกสื่อและสังคมอังกฤษ รุมตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวในชีวิตส่วนตัวอย่างหนัก

เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ เพิ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาในบันทึกความทรงจำของนางสาวเวอร์จิเนีย จุฟเฟร ซึ่งถูกนำออกเผยแพร่หลังจากเธอเสียชีวิตไปแล้ว โดยในบันทึกความทรงจำดังกล่าว มีข้อความที่เน้นย้ำถึงข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศของเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งจุฟเฟรบอกว่าตอนเธอยังเป็นวัยรุ่น เคยถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับเขาในวาระโอกาสต่าง ๆ ถึง 3 ครั้ง แต่เจ้าชายแอนดรูว์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาโดยตลอด

หลังจากได้ทราบข่าวการถอดฐานันดรศักดิ์ ครอบครัวของจุฟเฟรได้กล่าวถึงบุตรสาว ที่จากไปหลังทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อเดือนเม.ย.ของปีนี้ว่า "เธอได้โค่นล้มถอดถอนเจ้าชายอังกฤษ ด้วยความจริงและความกล้าหาญที่เหนือธรรมดาสามัญของเธอเอง"

แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮมระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สาม "มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มกระบวนการถอดถอนฐานันดรศักดิ์, พระยศแห่งราชวงศ์, และเกียรติยศต่าง ๆ ของเจ้าชายแอนดรูว์ อย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"

นอกจากการถอดถอนฐานันดรศักดิ์แล้ว แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮมยังระบุว่า "บัดนี้ได้มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ เพื่อยุติสัญญาเช่าพระตำหนักรอยัลลอดจ์ (Royal Lodge)" ซึ่งหมายความว่าเจ้าชายแอนดรูว์จะต้องย้ายออกจากที่พำนักปัจจุบันในพระราชวังวินด์เซอร์ ไปยังที่พักส่วนตัวแห่งใหม่ในพระตำหนักซานดริงแฮม โดยคาดกันว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สาม จะทรงเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วยเงินส่วนพระองค์

"มาตรการลงโทษเหล่านี้ถือเป็นสิ่งจำเป็น แม้ข้อเท็จจริงจะมีอยู่ว่า เจ้าชายแอนดรูว์ยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหาที่มีต่อตนเอง" แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮมระบุ ทั้งยังบอกว่าสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี ทรงแสดงการสนับสนุนและให้กำลังใจแก่ "เหยื่อของการล่วงละเมิดในทุกกรณีและทุกรูปแบบ"


เจ้าชายแอนดรูว์พำนักที่พระตำหนักรอยัลลอดจ์มาตั้งแต่ปี 2004 ทว่าในตอนนี้ต้องย้ายออกแล้ว

อย่างไรก็ตาม พระธิดาทั้งสองของเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งก็คือเจ้าหญิงเบียทริซและเจ้าหญิงยูเชนี จะยังคงมีฐานันดรศักดิ์เจ้าหญิงอยู่ต่อไป ส่วนเจ้าชายแอนดรูว์ก็ยังคงมีสิทธิในการสืบสันตติวงศ์ โดยถือเป็นรัชทายาทในลำดับที่ 8

ซาราห์ เฟอร์กูสัน อดีตพระชายาของเจ้าชายแอนดรูว์ จะต้องย้ายออกจากพระตำหนักรอยัลลอดจ์ในครั้งนี้ด้วย และจะต้องจัดหาที่พักใหม่ของเธอด้วยตนเอง ก่อนหน้านี้เธอยังคงใช้ชื่อว่า "ซาราห์ ดัชเชสแห่งยอร์ก" มาโดยตลอด แต่ได้เปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลเดิมก่อนสมรส เมื่อเจ้าชายแอนดรูว์สละอิสสริยยศ "ดยุกแห่งยอร์ก" ในเดือนนี้

คาดกันว่าทางสำนักพระราชวังได้หารือกับรัฐบาลสหราชอาณาจักร ก่อนจะออกประกาศถอดถอนฐานันดรศักดิ์ดังกล่าว โดยมีรายงานว่ารัฐบาลเห็นชอบและสนับสนุนการถอดถอนครั้งนี้ โดยรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ลิซา แนนดี ให้สัมภาษณ์ในรายการ Question Time ทางสถานีโทรทัศน์บีบีซีวันว่า การประกาศถอดถอนฐานันดรศักดิ์ในครั้งนี้ "ส่งสารอันทรงพลัง ไปยังเหยื่อของพวกหลอกล่อผู้เยาว์และพวกที่ล่วงละเมิดทางเพศ...นี่คือความก้าวหน้าครั้งใหญ่ และเป็นก้าวสำคัญในการตัดสินพระทัยของพระมหากษัตริย์ ฉันขอบอกไว้แต่แรกเลยว่า ฉันสนับสนุนก้าวสำคัญของพระองค์ในครั้งนี้"


ซาราห์ เฟอร์กูสัน อดีตพระชายาของเจ้าชายแอนดรูว์ จะต้องย้ายออกจากพระตำหนักรอยัลลอดจ์ด้วย

การถอดถอนฐานันดรศักดิ์ของเจ้าชายแอนดรูว์ มีขึ้นหลังจากราชวงศ์อังกฤษต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสาธารณชนมานานหลายสัปดาห์ เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวที่เจ้าชายแอนดรูว์มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง หลังบันทึกความทรงจำของจุฟเฟรที่กล่าวหาว่าเจ้าชายล่วงละเมิดทางเพศเธอ ถูกเปิดเผยออกมาในช่วงต้นเดือนนี้

แม้ที่ผ่านมาเจ้าชายแอนดรูว์จะยืนกรานปฏิเสธอย่างหนักแน่น ว่าไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศจุฟเฟร แต่เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาของอีเมลหลายฉบับ ที่เจ้าชายเขียนเพื่อติดต่อกับเอปสตีนตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งแสดงว่าทั้งสองยังคงคบหากันอยู่ แม้เจ้าชายจะอ้างว่าได้ยุติความสัมพันธ์ฉันมิตรสหายกับเอปสตีนไปแล้ว ตั้งแต่หลายเดือนก่อนหน้านั้น

เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการเช่าที่พำนักในพระราชวังวินด์เซอร์ ยังถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเปิดเผยต่อสาธารณชนในเดือนนี้ด้วย ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เจ้าชายแอนดรูว์เอาเงินจากไหนมาใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ในตอนที่ไม่ได้รับเงินปีจากการเป็นพระราชวงศ์ที่ทรงงานแล้ว

เจ้าชายแอนดรูว์พำนักที่พระตำหนักรอยัลลอดจ์ ซึ่งอยู่ในเขตพระราชวังวินด์เซอร์มาตั้งแต่ปี 2004 โดยเมื่อปีที่แล้วได้เริ่มทำสัญญาเช่าเป็นเวลา 75 ปี กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (Crown Estate) ซึ่งทำหน้าที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ผู้ให้เช่าอาคาร เหมือนกับบริษัทของเอกชนโดยทั่วไป

พระตำหนักรอยัลลอดจ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอสังหาริมทรัพย์ชั้นสอง (Grade II property) ซึ่งหมายถึงอาคารหรือโครงสร้างที่มีความพิเศษทางประวัติศาสตร์หรือสถาปัตยกรรม และจะต้องมีการอนุรักษ์ พระตำหนักนี้ประกอบด้วยอาคาร Chapel Lodge ขนาด 6 ห้องนอน มีทั้งที่พักของคนสวนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บีบีซีได้เปิดเผยรายละเอียดของสัญญาเช่าพระตำหนักดังกล่าว โดยเนื้อหาในสัญญาระบุว่า เจ้าชายแอนดรูว์ต้องจ่ายค่าเช่ารายปีเพียงเล็กน้อยแบบพอเป็นพิธีเท่านั้น หรืออาจไม่ต้องจ่ายเลยในการทำข้อตกลงพิเศษกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ข้อตกลงพิเศษดังกล่าวระบุว่า ให้เจ้าชายแอนดรูว์จ่ายเงินก้อนเพียงครั้งเดียว ซึ่งเงินก้อนนี้รวมค่าปรับปรุงพระตำหนักเอาไว้ด้วย โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่ารายปีเป็นระยะเวลาถึง 75 ปี ตามสัญญาเช่าที่เป็นทางการ

นั่นหมายความว่า เจ้าชายแอนดรูว์ใช้เงินเพียง 8 ล้านปอนด์ จ่ายค่าเช่าพระตำหนักรอยัลลอดจ์ทั้งหมดล่วงหน้า ทั้งที่สัญญาเช่าได้กำหนดให้จ่ายถึงปีละ 260,000 ปอนด์ เป็นระยะเวลา 75 ปี

นอกจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวดังกล่าว ในสัปดาห์นี้สื่ออังกฤษยังเปิดเผยว่า เจ้าชายแอนดรูว์เคยรับรองนายเอปสตีนที่พระตำหนักรอยัลลอดจ์ ตอนที่เขาเป็นแขกมาร่วมงานฉลองวันคล้ายวันประสูติเจ้าหญิงยูเชนี เมื่อปี 2006 ซึ่งเป็นช่วงที่ทางการสหรัฐฯ ได้ออกหมายจับนายเอปสตีนในคดีล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์ไปแล้วถึง 2 เดือน โดยทางเจ้าชายแอนดรูว์ยังไม่ออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนในเรื่องนี้

https://www.bbc.com/thai/articles/cd0478jl22do