วันอังคาร, มีนาคม 05, 2562

ย่อยนโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยเปิดนโยบายเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายอีก ๑๙ วันก่อนเลือกตั้ง ด้วยการประกาศว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ได้ภายใน ๖ เดือน หากได้รับเลือกตั้งเข้าไปเป็นรัฐบาล โดยมี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สองในสามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเป็นผู้แถลงเปิดเผย

หลักการแก้ปัญหาดังที่กล่าวจะเป็นไปตามสโลแกนที่ว่า สี่ปีซ่อมและสร้างพร้อมๆ กันไปและ “เราจะไม่แก้หนี้ด้วยหนี้ แต่เราจะแก้หนี้ด้วยรายได้”

ชัชชาติชี้ว่าปัญหาของเศรษฐกิจไทยคือ ติดหล่มต้องใช้รถโฟร์วีลส์ดัน โดย “ล้อแรกจะเน้นขับเคลื่อนการส่งออกและการท่องเที่ยว ล้อที่สองคือการส่งเสริมการลงทุน” ส่วนล้อที่สามเป็นการกระตุ้นการบริโภคจากที่เป็นอยู่ปัจจุบันเหลือเพียง ๔๘ เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เมื่อก่อนรัฐประหารอยู่ที่ ๕๒ เปอร์เซ็นต์

นอกจากนั้นในนโยบายเกี่ยวกับภาษีอากรและประชานิยม ชัชชาติบอกว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะไม่แจกเงิน แต่แจกโอกาสให้ประชาชนนำไปทำมาหากินเองได้ พร้อมทั้งปรับการเก็บภาษีจากบริษัทและธุรกิจข้ามชาติให้เหมาะสม

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์เสนอรายละเอียดของนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายใน ๑๘๐ วันไว้ว่าประกอบด้วยการ “ปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี และสร้างเศรษฐกิจใหม่” โดยเริ่มแรกที่การตรวจโรคอาการป่วยทางเศรษฐกิจของไทย

“ตรวจสอบความเสียหายจากโครงสร้างที่บิดเบี้ยว” ภายใน ๓๐ วัน เหล่านั้นรวมถึงกฎหมายที่ทำให้เกิดความเสียหายต่างๆ เช่น พ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ เรื่องการประมง (ไอยูยู) และกลไกคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นอาทิ

เมื่อตรวจภพสมุฏฐานของโรคแล้วก็จะทำการเยียวยาต่อไปภายใน ๑๐๐ วัน อันได้แก่การปรับหนี้ พักหนี้ ให้เกษตรกร (เป็นเวลา ๓ ปี) และ “ปรับโครงสร้างหนี้เอสเอ็มอี หรือธุรกิจรายย่อยให้เดินได้” ขยายเพดานวงเงินสินเชื่อธุรกิจย่อยจาก ๕ หมื่นเป็น ๑ แสน

ประการสำคัญจะมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ๑๕ เปอร์เซ็นต์แบบค่อยเป็นค่อยไป “เป็นขั้นเป็นตอน เป็นระบบ โดยไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการ” นอกนั้นก็มีการ “สนับสนุนต้นทุนการผลิตให้กับชาวนา โดยให้ข้าว ๕,๐๐๐บาทต่อเกวียน ไม่เกิน ๑๕ เกวียน หรือ ๗๕,๐๐๐ บาทต่อราย”
 
สำหรับการแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรต่างๆ ราคาข้าว ราคาปาล์ม ข้าวโพด ยางพารา คุณหญิงสุดารัตน์ประกาสว่าจะทำให้สำเร็จได้ภายใน ๑๘๐ วันนับแต่พรรคเพื่อไทยเข้าไปเป็นรัฐบาล

หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอน กิโยตินต่อกฎหมายที่ล้าหลังทั้งหลาย ใช้เวลาราว ๖ เดือน เพื่อเปิดช่องให้กำเนิดธุรกิจของคนรุ่นใหม่ได้โดยง่าย เช่นคร้าฟเบียร์และสุรากลั่นชุมชน ที่ต้องหลบอิทธิพลของเจ้าสัวไปทำการผลิตกันตามชายขอบในประเทศเพื่อนบ้าน

หญิงหน่อยยังอ้าง จุดแข็งของพรรคเพื่อไทยว่าจะสามารถเจรจาการค้าเสรีกับต่างประเทศได้ดีกว่ารัฐบาลเผด็จการทหาร เพื่อเปิดรับการลงทุนจากนอก ในขณะที่ “งดเว้นภาษีให้กับสินค้าและบริการที่มีชื่อว่า ไทยทำ” เพื่อส่งออกไปขายแข่งขันกับนานาชาติ

ทั้งนี้บรรดาธุรกิจย่อยและสต๊าร์ทอัพจะได้รับการลดหย่อนผ่อนภาษีให้สามารถยืนอยู่ได้จนกว่าจะเข้มแข็ง โดยจะเก็บภาษีจากเอสเอ็มอีแบบเหมาจ่ายเพียงเปอร์เซ็นต์เดียว หากมียอดขายไม่เกิน ๑.๘ ล้านบาทต่อปี และยกเว้นภาษีธุรกิจออนไลน์เป็นเวลา ๒ ปี

ด้านการท่องเที่ยวหญิงหน่อยประกาศว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ถึง ๕๐ ล้านคน หวังผลรายได้เข้าประเทศถึง ๓ ล้านล้านบาท โดยเฉพาะจะใช้วิธีดึงทัวร์จีนกลับมาด้วยการยกเว้นวีซ่า ที่เชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนได้ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์

ท้ายที่สุดประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยย้ำว่าสิ่งที่ประชาชนเคยได้รับจะไม่หดหายไปในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่กลับจะได้เพิ่มมากกว่าในลักษณะ การเติมรายได้ให้ประชาชน มีรายได้ด้วยตนเอง

“เราไม่คิดแจกเงินอย่างเดียว” เธออ้างถึง สิ่งที่เราคิดต่างกับ ๕ ปีที่ผ่านมาว่าก็คือ “ไม่มีพรรคไหนพูดถึงการสร้างรายได้เลย”

(ขอบคุณข้อมูลจาก มติชนสุดสัปดาห์ https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_175180)