"ตายแล้วอย่าร้องไห้..คนเราก็ต้องตาย..อาลัยเป็นเรื่องธรรมดา"
พระราชดำรัสตอนหนึ่งของ"พระเจ้าอยู่ในในพระบรมโกศ" (เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาฯ พระราชวังดุสิต วันจันทร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๘)
การสูญเสีย"พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ" บุคคลอันเป็นที่รักสูงสุดของปวงชนชาวไทย เป็นธรรมดาที่ต้องอาลัย เศร้าโศกเสียใจ การแสดงออกซึ่งการไว้อาลัย ก็ควรจะอยู่บนหลักของเหตุและผล การยอมรับความจริงว่า นี่คือธรรมดาของชีวิต ชีวิตหนึ่งดับไป ชีวิตที่ยังคงมีลมหายใจอยู่ ก็จะต้องดำเนินต่อไป
ในท่ามกลางความไม่ปกติของความรู้สึกเช่นนี้ จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะจัดงานการไว้อาลัยให้เป็นไปอย่างปกติธรรมดามากที่สุด เพราะทุกชีวิตจักต้องดำรงอยู่ด้วยความหวัง ไม่ใช่ความสิ้นหวัง
อย่าพยายามสร้างกฎเกณฑ์ กติกา หรือสร้างบรรยากาศบีบคั้นให้ประชาชนอยู่ในภาวะแห่งความสิ้นหวัง เพราะความสิ้นหวังของพลเมือง เท่ากับ ความมืดมนของบ้านเมือง
และนี่คือช่วงเวลาสำคัญที่จะเป็นการพิสูจน์วุฒิภาวะทางอารมณ์ของพลเมืองไทยในสายตาของชาวโลก
ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ลืมตามาดูโลกบนแผ่นดินของ"พระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ" ก็ย่อมเสียใจอย่างสุดซึ้งเป็นธรรมดาเช่นเดียวกัน
และบอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ เพราะนี่คือ ธรรมดาของชีวิต
เหมือนกับกระแสพระราชดำรัส ของ พระเจ้าอยู่ในในพระบรมโกศ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2538
ผมจึงขออัญเชิญมาเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ ได้รับทราบแม้จะทรงเล่าจากพระราชสงค์ของพระราชมารดา หรือ สมเด็จย่า แต่หากเราเชื่อว่า แม่ลูก คู่นี้มีอะไรที่เหมือนกัน เลยทำให้เชื่อโดยส่วนตัวว่า คงเป็นพระราชประสงค์ของ"พระเจ้าอยู่ในพระบรมโกศ" ด้วยเช่นกัน
ขอทรงเสด็จสู่สวรรคาลัย
จอม เพชรประดับ
13 ตุลาคม 2559
ที่มา FB
Jom Petchpradab
https://www.facebook.com/jom.petchpradab/videos/10154561009488965/
ooo
รายละเอียด ดูพระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ
ถวายชัยมงคล
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชงดุสิตฯ
วันจันทร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
(ฉบับไม่เป็นทางการ)
http://kanchanapisek.or.th/speeches/1995/1204.th.html
รายละเอียด ดูพระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ
ถวายชัยมงคล
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชงดุสิตฯ
วันจันทร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
(ฉบับไม่เป็นทางการ)
http://kanchanapisek.or.th/speeches/1995/1204.th.html