
Pipob Udomittipong
9 hours ago
·
#NepalGenZProtest ไม่ใช่การประท้วงต่อต้านการแบนโซเชียลมีเดียอย่างที่สื่อหลักเสนอ แต่เป็นการประท้วงปัญหาการคอร์รัปชัน การว่างงาน ราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้น การปกครองแบบราชวงศ์ (dynastic rule) อัตราการว่างงานของเยาวชน และเป็นปรากฏการณ์ที่เยาวชนเป็นแกนนำนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของผู้นำคล้ายกันในหลายประเทศ
ตั้งแต่การประท้วงปี 2022 ใน #ศรีลังกา จนประธานาธิบดีต้องลาออกและลี้ภัย ตามมาด้วยการประท้วงด้วยนศ.ในปี 2024 ของ #บังกลาเทศ จนนายกฯ ต้องลาออกและลี้ภัยเช่นกัน จนถึงปี 2025 ใน #เนปาล ประท้วงแค่สามวัน นายกฯ ลาออกแล้ว
เหตุผลที่คนเจนซีอายุ 13 ถึง 28 ปี เป็นแกนนำการประท้วงครั้งนี้ เพราะ 20.8% ของคนเนปาลอายุ 15-24 ปี ว่างงาน ตามข้อมูลในปี 2024 ของธนาคารโลก เวลาประท้วง พวกเขาจะโชว์ชุดและตราสัญลักษณ์ว่าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาอย่างภาคภูมิใจ
ในขณะเดียวกัน ลูกหลานคนจนคนชั้นกลางเหล่านี้ และการเคลื่อนไหวออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสไวรัลต่อต้าน "Nepo Babies" ลูกหลานนักการเมืองที่อวดวิถีชีวิตที่มั่งมี ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นเพิ่มมากขึ้นต่อความไม่เท่าเทียมกันระหว่างผู้มีอำนาจและคนเนปาลทั่วไป
เนปาล ประเทศในเทือกเขาหิมาลัยที่มีประชากร 30 ล้านคน ต่อสู้กับความวุ่นวายทางการเมืองมาตลอด การก่อกบฏของกลุ่มลัทธิเหมานานกว่า 10 ปี คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 18,000 ราย ในปี 2551 รัฐสภาลงมติให้ยกเลิกระบอบกษัตริย์ และเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบสาธารณรัฐ และมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ในปี 2558
แต่เนปาลก็มีมีรัฐบาลปกครองประเทศมาแล้วมากกว่า 12 ชุด ตั้งแต่ปี 2551 ขาดเสถียรภาพทางการเมืองอย่างมาก
เศรษฐกิจของเนปาลต้องพึ่งพาอย่างมากกับเงินที่ชาวเนปาลที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศส่งกลับบ้าน remittances เหล่านี้คิดเป็นมากกว่าหนึ่งในสาม (33.1%) ของ GDP ตามข้อมูลของธนาคารโลก และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา
“ชาวเนปาลทุกคนเบื่อหน่ายกับการทุจริต เยาวชนทุกคนกำลังออกนอกประเทศ ดังนั้นเราจึงต้องการปกป้องเยาวชนของเราและทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น” ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์
รบ.ผสมระหว่างพรรคคองเกรสเนปาล และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล ซึ่งปกครองประเทศแบบรวบอำนาจ ควบคุมรัฐ ตุลาการ และสื่อได้อย่างเข้มข้น แทบไม่มีฝ่ายค้าน ดันรับมือกับการประท้วง ด้วยการสั่งบล็อกแพลตฟอร์มโซเชียลทั้ง 26 แพลตฟอร์มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึง Facebook, WhatsApp, Instagram และ WeChat
แถมยังมีการประกาศเคอร์ฟิว ยิ่งเร่งให้คนเจนซีออกมาประท้วงในท้องถนนมากขึ้น มีการบุกเข้าไปในอาคารัฐสภา สุดท้ายนายกฯ ต้องลาออก และยกเลิกการบล็อกโซเชียลทั้งหมด
โซเชียลมีเดียจึงเป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญมากสำหรับเนปาล เพราะประชาชนจำนวนมากทำงานในต่างประเทศ และส่งเงินกลับบ้าน ธุรกิจหลายแห่งก็ใช้แพลตฟอร์มอย่าง WhatsApp ในการดำเนินงานเช่นกัน
เข้าใจว่าตอนนี้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 20 คน บาดเจ็บอีกหลายร้อยคน เพราะเจ้าหน้าที่ได้ใช้กระสุนจริงกับฝูงชน นอกเหนือจากกระสุนยาง และปืนฉีดน้ำ
เป็นการประท้วงที่นำโดยคนเจนซี แบบในเมืองไทยเมื่อปี 2020-2021 แบบในศรีลังกา บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และอื่น ๆ เป็นพลังชองคนเจนซีที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับบนสุด แม้ผลลัพธ์จะต่างกันไปบ้าง
https://www.nytimes.com/.../nepal-protests-gen-z-social...
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10163038628521649&set=a.10150096728651649