วันเสาร์, กันยายน 13, 2568

ลายเซ็นขยุกขยุยใต้สะดือ “ระเบิดศีลธรรม” วัดใจสาวกทรัมป์


SiamTownUS
5 hours ago
·

บทความ : ลายเซ็นขยุกขยุยใต้สะดือ “ระเบิดศีลธรรม” วัดใจสาวกทรัมป์
โดย: ทีมข่าวสยามทาวน์ยูเอส

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ที่ชาวอเมริกันให้ความสนใจมากคือภาพวาด (และข้อความ) ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เขียนอวยพรวันเกิด 50 ปีให้กับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน ซึ่งวอลล์สตรีทเจอร์นัล เปิดประเด็นเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ตอนวอลล์สตรีทฯ นำเสนอข่าวนี้ใหม่ๆ นั้น ทรัมป์ปฏิเสธพัลวัล บอกว่าวาดรูปไม่เป็น แถมยื่นฟ้องหมิ่นประมาท วอลล์สตรีทฯ, นักข่าว และผู้บริหารอย่าง รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เรียกค่าเสียหายสูงถึง “สิบพันล้านดอลลาร์” ด้วย

ตอนนั้น ทำเนียบขาวท้าเหย็งๆ ว่าหากมีรูปอื้อฉาวจริง ทำไมไม่เอาออกมาโชว์...

คดีหมิ่นประมาทและคำท้าจากทีมงานของทรัมป์ ทำให้วอลล์สตรีท เจอร์นัล นำสำเนาภาพวาดของทรัมป์ ออกเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

:- ที่มาของภาพอื้อฉาวฝีมือทรัมป์

ภาพวาดและข้อความที่บ่งบอกสัมพันธ์แน่นแฟ้นแบบ “ไก่เห็นตีนงู” ระหว่างทรัมป์และเอปสตีนนี้ วอลสตรีทเจอร์นัล บอกว่าถ่ายสำเนามาจากหนังสือรวมคำอวยพรวันเกิด ที่คนดังระดับโลกหลายสิบคน (รวมถึง บิลล์ คลินตัน, โทนี แบลร์ อดีตนายกฯ อังกฤษ ฯลฯ) เขียนให้กับ เอปสตีน ในโอกาสวันเกิด 50 ปีในปี 2003

คำอวยพรเหล่านั้น วอลสตรีทเจอร์นัล บอกว่ามีทั้งคำอวยพรธรรมดา และการอวยพรด้วยข้อความติดเรท แบบที่เรียกว่า sexually suggestive รวมถึงภาพถ่าย ภาพวาด สำเนาเช็ก โดยทั้งหมดถูก กิสเลน แมกซ์เวลล์ ซึ่งเป็น “มือขวา” ของเอปสตีน นำมารวมเล่มเป็น “Birthday book” หนา 238 หน้า ใช้ชื่อบนปกว่า The First Fifty Years (ห้าสิบปีแรก) ซึ่งตามความเข้าใจของทีมข่าวฯ แล้ว น่าจะเป็นหนังสือที่มีเล่มเดียวในโลก

วอลล์สตรีทฯ ได้สำเนาหนังสือเล่มนี้มาจากทีมกฎหมายและผู้ดูแลทรัพย์สินของเอปสตีน ที่เสียชีวิต (จากการฆ่าตัวตายในคุก) เมื่อปี 2019 แต่ไม่เปิดเผยว่าหลักฐานสำคัญนี้ “หลุดรอด” ออกมาได้อย่างไร

:- ทรัมป์เขียนถึงเอปสตีนว่าอย่างไร....

ภาพและข้อความของทรัมป์ในหนังสือเบิร์ดเดย์บุ๊ก ถูกนำมา “ตอกหน้า” ทรัมป์ที่ปฏิเสธความข้องเกี่ยวใดๆ กับเอปสตีนมาโดยตลอด เพราะเนื้อหาบ่งบอกชัดเจนถึงสัมพันธ์แบบ “เรารู้กันอยู่แก่ใจ” ของสองฝ่ายแบบดิ้นไม่หลุด

ข้อความที่มีภาพลายเส้นผู้หญิงเปลือยเป็นกรอบด้านนอกนั้น ทรัมป์เขียนในลักษณะของบทภาพยนตร์ เริ่มจาก วอยซ์โอเวอร์ หรือเสียงบรรยายนำเข้าซีนว่า “ชีวิตจะต้องมีอะไรมากกว่าการมีทุกสิ่งทุกอย่าง” (There must be more to life than having everything)

ต่อด้วยบทสนทนาสมมุติ ระหว่างทรัมป์และเอปสตีน

Donald : Yes, There is, but I won’t tell you what it it
Jeffrey : Nor will I, since I also know what it is.
Donald : We have certain things in common, Jeffrey
Jeffrey : yes, we do, come to think of it.
Donald : Enigma never age, have you noticed that?
Jeffrey : As a mater of fact, it was clear to me the last time I saw you.
Donald : A pal is a wonderful thing. Happy Birthday - and may every day be another wonderful secret

แปลเป็นภาษาไทยได้ประมาณว่า

โดนัลด์: ใช่ มันมี แต่ฉันจะไม่บอกคุณว่ามันคืออะไร
เจฟฟรีย์: ฉันก็ไม่บอกเหมือนกัน เพราะฉันก็รู้ว่ามันคืออะไร
โดนัลด์: เรามีบางอย่างที่เหมือนกันนะ เจฟฟรีย์
เจฟฟรีย์: ใช่ นึกๆ ดูแล้ว เรามีจริงๆ
โดนัลด์: ความลับไม่เคยแก่นะ คุณสังเกตไหม
เจฟฟรีย์: จริงๆ แล้ว ฉันเห็นชัดเจนเลยตอนเจอคุณครั้งสุดท้าย
โดนัลด์: เพื่อน เป็นสิ่งที่วิเศษมาก สุขสันต์วันเกิด - และขอให้ทุกๆ วันเป็นความลับอันแสนวิเศษอีกหนึ่งวัน

ปิดท้ายด้วยลายเซ็นยึกยือของทรัมป์ บริเวณที่เป็น “ใต้สะดือ” ของผู้หญิงที่ทรัมป์วาด…

ทีมข่าวฯ คงไม่สามารถฟันธงได้ว่า “ความลับ” ที่ “เติมเต็ม” ชีวิต ระหว่างทรัมป์กับอาชญากรทางเพศที่คอยจัดหา “เด็กอันเดอร์เอจ” ให้บรรดาเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลต่างๆ นั้นคืออะไร… แต่หากใครที่ตามเรื่องฉาวของประธานาธิบดีคนนี้มาตลอด “ต้องรู้”

:-ของจริง หรือแค่เครื่องมือทำลายทรัมป์

ทันทีที่เรื่องนี้แพร่ออกมา ทีมงานของทรัมป์ นำโดยโฆษกทำเนียบขาว คาโรลีน ลีวิทท์ ได้ออกมาพูดย้ำๆ ว่าทรัมป์ไม่ได้เขียนจดหมายฉบับนี้ และไม่ได้เซ็นชื่อด้วย แถมอ้างว่าผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือของเธอได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นของปลอม

แต่เมื่อถามว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญที่เธอว่า รวมถึงขอดูผลการตรวจวิเคราะห์ เธอกลับไม่มีให้...

กระนั้นก็ตาม ลีวิทท์ ก็ย้ำตลอดว่าข้อความและภาพวาดของทรัมป์ เป็นเพียงเรื่องลวงโลก (hoax) เป็นข่าวปลอม (fake) และเป็นแผนทำร้ายทางการเมืองของฝั่งตรงข้าม โดยยินดีให้มีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาด้านลายมือ (forensic handwriting experts)

ขณะที่หลายฝ่ายบอกว่าไม่ต้องถึงมือผู้เชี่ยวชาญหรอก แค่เอาลายเซ็นยึกยือใต้สะดือมาเทียบกับลายเซ็นของทรัมป์ในช่วงปี 2003 บนเอกสารต่างๆ ซึ่งมีมากมายและเข้าถึงได้ง่าย... ก็จบแล้ว

ความคืบหน้าเท่าที่มี ณ วันเขียนเรื่องนี้ ทีมข่าวฯ พบว่าคณะกรรมาธิการด้านจริยธรรมของคองเกรส (ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นคนของพรรครีพับลิกันด้วย) บอกว่าจะส่งภาพดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ

แต่จะส่งไปตรวจสอบจริงหรือไม่ เมื่อไหร่ และจะมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบต่อสาธารณชนหรือไม่... ยังต้องรอดูต่อไป

:-เรื่องนี้ จะมีผลกระทบกับทรัมป์หรือไม่... อย่างไร

แต่ไม่ว่าเรื่องฉาวของหนังสือ เบิร์ทเดย์บุ๊ก จะจบแบบไหนก็ตาม มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันในการบอกเล่าถึงความสนิทสนมถึงขึ้น “มีความลับร่วมกัน” ระหว่างทรัมป์กับเอปสตีน เสร็จสิ้นแล้ว

ทำให้ข้อครหา ทั้งการรู้เห็นเป็นใจกับพฤติกรรม “ค้าเด็กอันเดอร์เอจ” ของเอปสตีน รวมถึงการเป็น “ลูกค้า” ของเอปสตีน เป็นจริงมากขึ้น

จะว่าไป เรื่องสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับเจ้าพ่อวงการค้าเด็กคนนี้ เป็นเรื่องที่คนทั่วไปรู้กันมาพักใหญ่แล้ว ดังนั้นความน่าสนใจของเรื่องนี้คือว่ามันจะกลายเป็นหลักฐานสำคัญในการเอาผิดกับทรัมป์ได้หรือไม่

เพราะจนถึงตอนนี้ “ความเรืองอำนาจ” ยังคุ้มกันทรัมป์ไม่ให้ถูกฟ้องร้องคดีอาญาเกี่ยวกับเอปสตีน แม้จะมีพยานออกมายืนยันว่าเขามีส่วนร่วมในการล่วงละเมิดทางเพศ หรือค้ามนุษย์กับเอปสตีน แล้วก็ตาม

“แต่หากมีการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นลายมือจริงของทรัมป์ ก็จะใช้ประกอบการสอบสวนได้” ข่าวระบุ โดยบอกว่ามันจะเป็น “หลักฐานเชิงบรรยากาศ” หรือ circumstantial evidence ถือเป็นองค์ประกอบที่จะชี้ความสัมพันธ์ ระหว่างทรัมป์และเอปสตีนให้ชัดเจนขึ้น

แม้ทีมข่าวฯ จะไม่หวังว่าข้อความที่ทรัมป์เขียนอวยพรเอปสตีน จะส่งผลในเชิงกฎหมายใดๆ แต่เชื่อว่ามันจะ “สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง” ทำลายภาพลักษณ์ของทรัมป์รุนแรง (หากมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์ออกมาอย่างเป็นทางการ) โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาวคริสเตียนหัวอนุรักษ์นิยม ฐานเสียงสำคัญที่อาจมองทรัมป์ว่าเป็น “ประธานาธิบดีไม่เหมาะสมทางศีลธรรม”

เมื่อบวกกับประเด็นที่ทรัมป์ ถูกโจมตีอยู่ในเวลานี้ เช่นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน (เช่นกรณีคริปโต) เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องแรงงาน ฯลฯ ก็น่าจะทำให้ทรัมป์ “เสื่อมความนิยม” ได้มากอยู่

ถึง “เบิร์ทเดย์บุ๊ก” จะไม่ใช่ “ระเบิดทางกฎหมาย” แต่ก็เป็น “ระเบิดทางการเมือง” ที่สามารถทำลายความน่าเชื่อถือและศีลธรรมของทรัมป์ให้กระจุยได้ จนที่สุดแล้ว เขาจะเหลือสาวกที่ “รักทรัมป์แบบไม่ลืมหูลืมตา” น้อยลง น้อยลง

การเสียฐานเสียงที่เคยโหวตให้เขาในการเลือกตั้งปี 2024 โดยเฉพาะในรัฐ “สวิงสเตท” และกลุ่มคริสเตียนอนุรักษ์นิยมนั้น ถือว่าเป็นอันตรายอย่างมากกับทรัมป์ เพราะการเลือกตั้งมิดทอมที่จะมาถึงในปลายปีหน้า อาจทำให้เดโมแครตพลิกกลับมามี “เสียงข้างมาก” ในคองเกรสมากกว่าที่มีการประเมินเอาไว้

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทรัมป์ก็จะสูญเสีย “อำนาจเบ็ดเสร็จ” ที่มีในปัจจุบัน ไม่สามารถ “ชี้นิ้วสั่ง” ได้ทุกเรื่องได้ตามอำเภอใจเหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่จะทำให้คองเกรสสามารถตรวจสอบหรือเปิดโปงข้อมูลที่ถูกปิดบังมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถกดดันกระทรวงยุติธรรมให้เร่งทำคดีต่างๆ รวมถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับเอปสตีน ให้เร็วขึ้น

และที่สำคัญ เราน่าจะได้เห็นทรัมป์ถูกยื่นถอดถอน หรือ impeachment อีกเป็นครั้งที่สาม ลบสถิติประธานาธิบดีที่ถูกยื่นถอดถอนมากที่สุด ที่ตัวเองทำเอาไว้ในสมัย “ทรัมป์ 1” อย่างแน่นอน…
 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1238003768358647&set=a.548672480625116