
"เนทันยาฮู พวกเราจะไม่ไปไหน" เหตุใดผู้คนในกาซาปฏิเสธคำสั่งอพยพของอิสราเอล
ลูซี วิลเลียมสัน
บีบีซีนิวส์
Reporting from ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา
12 กันยายน 2025
ทางการอิสราเอลสั่งให้ประชากรในเมืองกาซาซิตีทั้งหมดอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากกองกำลังของตนเองกำลังเตรียมยึดพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา
การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายตึกสูงและอาคารต่าง ๆ โดยทางกองทัพบอกว่า ในขณะนี้ได้เข้าควบคุมพื้นที่ปฏิบัติการได้แล้ว 40% ของเมือง ขณะที่กองกำลังภาคพื้นดินเตรียมต่อสู้กับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เรียกว่า "ฐานที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้าย" ของกลุ่มฮามาส
ในสัปดาห์นี้ แม้เนทันยาฮูกล่าวว่าผู้คน 1 แสนคนได้ออกจากเมืองกาซาซิตีแล้ว แต่บีบีซีพบว่ายังมีอีกล้านคนที่ยังคงเลือกอยู่ในเมืองนี้ ซึ่งจำนวนมากอาศัยอยู่ในเต็นท์หรือที่พักพิงชั่วคราว โดยพวกเขาส่วนใหญ่บอกว่าจะไม่ออกไปหรือไม่สามารถออกไปจากเมืองนี้ได้
หลังตึกสูงใกล้บ้านของเขาถูกโจมจีในวันนี้ อัมมาร์ ซุคคาร์ เรียกร้องให้ผู้เจรจาของฮามาสมานั่งเจรจาจากในเต็นท์ ไม่ใช่จากห้องติดเครื่องปรับอากาศในกาตาร์ พร้อมกับยืนยันว่าเขาจะยังอยู่ในเมืองกาซาซิตี
"เนทันยาฮู ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม พวกเราจะไม่ไปไหน" เขาบอกกับผู้สื่อข่าวอิสระท้องถิ่นที่ทำงานให้กับบีบีซี
"ไปดีลกับฮามาสซะ ไปฆ่าพวกนั้นนู่น ไม่ใช่มาโทษพวกเรา แม้เราจะถูกฝังกลบอยู่ที่นี่ เราก็จะไม่จากไปไหน ที่นี่คือดินแดนของพวกเรา" เขากล่าว
วาเอล ชาบาน ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับตึกสูงที่ตกเป็นเป้าหมายในวันนี้เช่นกัน บอกว่าพวกเขามีเวลาเพียง 15 นาทีในการอพยพออกจากพื้นที่ก่อนที่การโจมตีจะเริ่มขึ้น
"เมื่อเรากลับมา เต็นท์ แป้งขนมปัง ทุกอย่างหายไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพื่อกดดันให้เราเดินทางลงใต้ แต่เราไม่มีเงินที่จะใช้เพื่อเดินทางไป เราไม่มีแม้แต่เงินที่จะซื้อแป้งสำหรับทำอาหารได้ด้วยซ้ำ แค่ค่าเดินทางลงใต้ก็คิดเป็นเงิน 1,500 เชเกลแล้ว (ราว 14,200 บาท)" เขาบอก
กองทัพอิสราเอลพยายามบอกว่า ในพื้นที่ที่เรียกว่า เขตมนุษยธรรมที่อยู่ทางใต้ของฉนวนกาซา มีที่พักพิง อาหาร และน้ำ รองรับชาวเมืองกาซาซิตีอย่างเหลือเฟือ
ทว่า องค์กรช่วยเหลือต่าง ๆ กลับบอกว่าพื้นที่ที่ชาวกาซาถูกส่งให้ไปอยู่นั้นมีความแออัดอยู่แล้ว รวมถึงขาดแคลนอาหาร และทรัพยากรทางการแพทย์ที่จำเป็น โดยคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross - ICRC) กล่าวว่า ไม่มีที่พื้นที่ใดในกาซาที่สามารถรองรับการเคลื่อนย้ายของผู้คนจำนวนมหาศาลเช่นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว โดยบอกว่าแผนอพยพผู้คนจำนวนมากเป็นสิ่งที่ "ไม่สามารถทำได้" และ "ไม่สามารถเข้าใจได้"
ด้านกองทัพของอิสราเอลกำลังสร้างสถานที่แจกจ่ายความช่วยเหลือใกล้กับเมืองราฟาห์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางใต้ประมาณ 18 กิโลเมตร โดยบอกว่ากำลังจัดหาเต็นท์เพิ่มเติมอีกหลายพันหลัง รวมถึงวางท่อส่งน้ำใหม่จากอียิปต์
บีบีซีเดินทางไปยังส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่กองทัพอิสราเอลฝังตัวอยู่ เพื่อดูสถานที่ก่อสร้างศูนย์แห่งใหม่ และนี่เป็นครั้งแรกที่บีบีซีได้รับอนุญาตให้เขาไปยังพื้นที่ฉนวนกาซา นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2023

ภาพถ่าย ลูซี วิลเลียมสัน ที่ยืนอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือแห่งใหม่ที่กำลังดำเนินการโดยมูลนิธิมนุษยธรรมกาซา (GHF)
การเดินทางแบบฝังตัวไปกับกองทัพอิสราเอลในพื้นที่ดังกล่าว ก็ทำให้อิสราเอลสามารถใช้ดุลพินิจของตัวเองได้ด้วย ส่งผลให้เกิดการควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด จนไม่สามารถเข้าถึงชาวปาเลสไตน์หรือพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพได้ ดังนั้นการที่นักข่าวของบีบีซีจะเข้าไปยังฉนวนกาซาได้จึงต้องอาศัยดุลพินิจของทางอิสราเอลเท่านั้น
ปัจจุบัน อิสราเอลไม่อนุญาตให้องค์กรสื่อ รวมถึงบีบีซี เข้าไปยังพื้นที่กาซาเพื่อรายงานข่าวได้อย่างอิสระ
เมืองราฟาห์เป็นเครื่องเตือนใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งสุดท้ายที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลส่งกองกำลังเข้าโจมตีเมือง เพื่อทำลาย "ฐานที่มั่นสุดท้าย" ของกลุ่มฮามาส
ขณะขับรถไปตามถนนทหารที่เพิ่งปูใหม่เลียบชายแดนกาซาติดกับอียิปต์ ทีมข่าวบีบีซีผ่านซากปรักหักพังของด่านชายแดนราฟาห์เก่า หลังคาของอาคารหลังหนึ่งแตกร้าวและทรุดลงกับพื้น
ถัดออกไปตามถนนที่รู้จักกันในชื่อระเบียงฟิลาเดลฟี (Philadelphi Corridor) กองอิฐและเศษโลหะที่แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เห็นตำแหน่งที่เคยเป็นบ้านเรือนหรืออาคารการเกษตรแต่หลังที่เคยตั้งอยู่
ตัวเมืองราฟาห์เอง ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์ช่วยเหลือแห่งใหม่ แทบจะถูกทำให้ราบเป็นหน้ากลองจนกลายเป็นทะเลทราย ความเงียบสงบและชีวิตชีวาของเมืองถูกลบเลือนไป เหลือเพียงโครงสร้างเล็ก ๆ ที่มีรอยหลุมบ่อโผล่ขึ้นมาจากเศษหินที่กระจัดกระจายเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรบนพื้นทราย

Near the new GHF aid site, rubble lies strewn around the city of Rafah เศษซากปรักหักพังเกลื่อนเมืองราฟาห์ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานที่ช่วยเหลือแห่งใหม่ของมูลนิธิมนุษยธรรมกาซา
ไม่ใช่เรื่องยากหากจะมองเห็นเนินดินและแท่งคอนกรีตที่เพิ่งถูกระเบิดใหม่ ๆ โผล่ขึ้นมาจากภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยเศษหินที่เลยออกไป ใกล้กับเขตเทล เอล-สุลต่าน
เมื่อขับรถไปไม่ไกลจากจุดข้ามแดนหลักเคเรม ชาลอม จะเห็นหัวมุมของเขตคุ้มครองมนุษยธรรมอัล-มาวาซี ซึ่งผู้พลัดถิ่นจำนวนมากกำลังหลบภัยอยู่ โดยมองเห็นได้จากชายฝั่งขึ้นไปเล็กน้อย
"แนวคิดทั้งหมดคือเส้นทางที่ปลอดภัยและรวดเร็ว" พันโทนาดาฟ โชชานี โฆษกกองทัพอิสราเอลกล่าว "ให้ระยะทางสั้นที่สุดสำหรับรถบรรทุกและผู้คนที่กำลังเข้ามาเท่าที่จะเป็นไปได้ เราสามารถรับประกันได้ว่าการปล้มสะดมเป็น 0%"
พวกเขาพาทีมข่าวบีบีซีไปชมทั้งสองพื้นที่ที่อยู่แยกจากกัน แต่ละแห่งกว้างประมาณ 100 เมตร ซึ่งกองกำลังอิสราเอลระบุว่า สามารถขนถ่ายและกระจายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง
ภายในกำแพงรอบนอกแห่งหนึ่ง มีรถบรรทุกของสหรัฐฯ จำนวน 2 คัน จอดอยู่บนพื้นทรายแล้ว
อิสราเอลระบุว่า จุดแจกจ่ายความช่วยเหลือแห่งใหม่จะถูกส่งมอบให้กับมูลนิธิมนุษยธรรมกาซา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิสราเอลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
สำหรับงานด้านการรักษาความปลอดภัย ที่นี่ก็เหมือนกับจุดแจกจ่ายความช่วยเหลืออื่น ๆ ของมูลนิธิฯ ที่ได้รับการดูแลโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยเอกชนของสหรัฐฯ และมีกองกำลังอิสราเอลคอยรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบ
ทว่า สหประชาชาติระบุว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,100 คน ขณะพยายามเข้าถึงความช่วยเหลือจากจุดแจกจ่ายความช่วยเหลือของมูลนิธิฯ นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มปฏิบัติการในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
ด้านพันโทโชชานีกล่าวว่า ได้เรียนรู้บทเรียนมากมายว่าควรจัดตั้งศูนย์แจกจ่ายอย่างไร
"คุณสามารถมองเห็นสันทราย กำแพงคอนกรีต ทำให้มันชัดเจนว่าคุณควรเดินไปที่ไหน และทำให้แน่ใจได้ว่าผู้คนจะไม่เข้าใกล้กองทัพและเข้าไปพัวพันในสถานการณ์อันตราย" เขากล่าว
"สิ่งสำคัญ [อีกประการหนึ่ง] คือระยะห่างระหว่างพวกเขา เพียงแค่เดินไปไม่ไกลก็ถึงที่ที่ผู้คนอยู่ ซึ่งจะช่วยให้สะดวกขึ้น แต่ก็ปลอดภัยขึ้นด้วย"
แต่บางคนในจำนวนนั้นในตอนนี้ถูกสั่งให้ออกจากเมืองกาซาซิตีบอกว่า ที่อื่นคงไม่ปลอดภัยไปกว่านี้อีกแล้ว หลังจากอิสราเอลโจมตีเป้าหมายในศูนย์พักพิง เต็นท์ และพื้นที่คุ้มครองมนุษยธรรมที่กำหนดไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"นี่คือ MO (Mode of Operation หรือ รูปแบบของการปฏิบัติการ) ของฮามาส" พันโทโชชานีกล่าว "พวกมันพยายามจะบอกพวกคุณว่า 'ไม่ต้อง อย่าไป พวกคุณคือโล่ป้องกันของเรา! จงอย่าย้ายไปทางใต้!'"
"ปีที่แล้ว เราได้ปฏิบัติภารกิจที่คล้ายกันนี้ [ในเมืองราฟาห์] และประสบความสำเร็จ" เขากล่าว "พลเรือนสามารถหลบหนีออกจากแนวการยิงได้ มีผู้ก่อการร้ายฮามาสเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก นั่นคือสิ่งที่เราต้องการทำให้สำเร็จในเมืองกาซาซิตี"

พันโทโชชานี กล่าวว่าศูนย์ให้ความช่วยเหลือของมูลนิธิ GHF แห่งใหม่จะตั้งขึ้นอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ขณะที่ทางสหประชาชาติระบุว่า มีคนถูกสังหารมากกว่า 1,100 คน ขณะที่พวกเขาพยายามเข้าไปรับความช่วยเหลือในจุดแจกจ่ายความช่วยเหลือที่ศูนย์ดังกล่าว นับตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
ประชาชนในเมืองราฟาห์ถูกอพยพไปยังเขตอพยพที่จัดตั้งขึ้นตามแนวชายฝั่ง ก่อนจะเกิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในเดือน พ.ค. 2024 ซึ่งกองทัพอิสราเอลระบุว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น "ชั่วคราว" แต่จนถึงตอนนี้พื้นที่ที่พวกเขาจากไป ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพอิสราเอลอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ดี การอพยพออกจากเมืองกาซาซิตี และการต่อสู้กับกลุ่มฮามาสในอุโมงค์ใต้ดิน รวมถึงตามถนนต่าง ๆ จะเป็นภารกิจที่ยากและอันตรายมากขึ้น
นักรบฮามาสกำลังหันไปใช้กลยุทธ์ก่อความไม่สงบและกลวิธีโจมตีแบบกองโจรมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีทหารอิสราเอล 4 นายเสียชีวิตจากการโจมตีบริเวณชานเมืองกาซาซิตี
ในขณะเดียวกัน ผู้นำอิสราเอลกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักภายในประเทศจากครอบครัวตัวประกัน ซึ่งระบุว่าแผนการยึดเมืองดังกล่าวเปรียบเสมือนโทษประหารชีวิตญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่และถูกกักขังไว้ที่นั่น
ทว่า เบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งไม่หวั่นไหวต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศ เคยอวดอ้างถึงความมุ่งมั่นในการเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านนานาชาติ และเดินหน้ารุกคืบที่เมืองราฟาห์มาแล้ว
บัดนี้ เมื่อโอกาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงสิ้นสุดลง และชาวกาซาที่อ่อนล้ากว่าหนึ่งล้านคนอยู่ในแนวหน้า นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลกำลังบอกกับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ตัวเขาว่า มีเพียงการรุกอีกครั้งหนึ่งที่จะขวางกั้นระหว่างเขากับชัยชนะเหนือฮามาส หรืออธิบายง่าย ๆ ว่า แค่การรุกคืบอีกครั้งเขาก็จะชนะกลุ่มฮามาสได้แล้ว
https://www.bbc.com/thai/articles/cvg9pvv20g7o