
ทักษิณพลาดอะไร และเหตุใดอนุทินจึงตอบโจทย์กลุ่มอำนาจเก่ามากกว่า ?
ในทัศนะของ ศ.ดร.ปวิน ส่วนหนึ่งที่ช่วยให้นายอนุทินมาถึงจุดนี้ได้เป็นเพราะเส้นทางการเติบโตทางการเมืองวางแผนมาอย่างดีในฐานะ "ผู้รับใช้สถาบัน" ซึ่งมีหลักฐานประจักษ์ทั้งในชีวิตส่วนตัวของนายอนุทิน ไปจนถึงอุดมการณ์ของพรรค
อีกประการหนึ่ง คือ นักการเมืองผู้นี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการปูพื้นของตัวเองให้อยู่ในกรอบการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง (electoral politics) จนได้กลายเป็นพรรคอันดับ 3 ในรัฐสภา "แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นตัวแทนของกลุ่มอำนาจที่อยู่นอกเหนือระบบ electoral politics ด้วย"
"เพราะฉะนั้นอันนี้มันเป็นส่วนผสมที่ผมคิดว่าเขา [กลุ่มอำนาจเก่า] เขามองหาในหลาย ๆ คน แต่อาจจะไม่ได้ แต่สามารถหาได้จากคุณอนุทิน"
"อีกส่วนหนึ่งยอมรับว่ามันเป็นจังหวะของคุณอนุทิน มันเป็นจังหวะที่เพื่อไทยดันพลาด มันเป็นจังหวะที่พรรคส้มเองก็อยู่ในสภาวะ get stuck (ติดขัด) ทั้งสองพรรคอยู่ในลักษณะ loggerhead (อยู่ในภาวะที่ไม่ลงรอยกันอย่างรุนแรง) มันจึงเปิดช่องให้พรรคภูมิใจไทยมาเล่นบทบาทได้ แล้วเห็นเลยว่าเขาเล่นได้ดีด้วย ที่เราสามารถบอกว่าเขาเล่นได้ดี คือ ทันทีที่เกิดวิกฤตไทย-กัมพูชา และมีโทรศัพท์รั่ว ในห้วงที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล มันรู้ได้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของจุดจบรัฐบาลเพื่อไทย" ศ.ดร.ปวิน กล่าว
ด้าน ดร.เพตรา กล่าวเสริมว่า เมื่อทักษิณกลับมาเมืองไทย เขาก็ยังคงทำตัวเป็นทักษิณที่ไม่ยอมหลบอยู่ในเงาเกมการเมืองของใคร ในหลายครั้งเรามักเห็นการแสดงวิสัยทัศน์นโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่มาจากปากของนายทักษิณก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเขาต้องการแสดงออกอยู่เสมอว่าตนเองกำลังกลับมาเป็นผู้เล่นหลัก ไม่ใช่กลับมาอยู่บ้านเลี้ยงหลานอย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้
แต่เมื่อมองกลับไปที่พรรคภูมิใจไทย การควบคุมการเมืองอยู่ในหลังฉากอย่างเงียบ ๆ กลับเป็นสิ่งที่นายเนวิน ชิดชอบ อีกหนึ่งผู้ทรงอิทธิพลของพรรคภูมิใจไทยทำได้ดีกว่า "ขณะที่ทักษิณนั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้"
ทว่า นักวิชาการชาวอังกฤษผู้นี้กลับเห็นว่า หากวิเคราะห์ถึงความแตกต่างระหว่างนายทักษิณกับนายอนุทิน จะเห็นว่าทั้งคู่แทบไม่ได้แตกต่างกัน นั่นคือเป็นพวกปฏิบัตินิยม (pragmatism) ที่เน้นการปฏิบัติและผลลัพธ์ เพื่อให้ได้มาซึ่ง "การมีอำนาจและรักษาอำนาจ" และเอาเข้าจริงแล้วสถาบันดั้งเดิม (establishment) เองก็ดำเนินตามแนวทางนี้เช่นกัน และหลักนี้เองก็เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ชนชั้นนำรักษาอำนาจทางการเมืองไว้ได้ แม้เผชิญความท้าทายอยู่หลายครั้ง
"คุณรู้ไหมว่าชนชั้นนำเองก็ค่อนข้างปฏิบัตินิยมและมีความยืดหยุ่นในแง่ที่พวกเขาพยายามรับมือ หรือลดความท้าทายของตัวเองให้เหลือน้อยลงที่สุด" เธอกล่าว
"[ชนชั้นนำ] เองก็ยินดีที่จะเจรจาทำข้อตกลง ตราบใดที่ข้อตกลงนั้นเป็นไปตามเป้าหมายของพวกเขา" ดร.เพตรา กล่าว

วันที่ 25 ส.ค. 2568 นายอนุทินลงภาพถ่ายคู่กับนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ก่อนจะลบภาพนี้ไปจากเฟซบุ๊กในเวลาต่อมา โดยในภาพดังกล่าวมี นายชนะ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยรุ่งเรือง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (คนที่สองจากซ้าย) และ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (คนที่สองจากขวา)
อีกสิ่งหนึ่งที่นายอนุทินไม่เคยปิดบัง คือการแสดงว่าตนเองนั้นมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกลุ่มทุนและชนชั้นนำทางเศรษฐกิจไทยอย่างเปิดเผย
ช่วงปลายเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา เขาโพสต์ภาพถ่ายร่วมเฟรมกับนายสารัชถ์ รัตนาวะดี หรือที่คนไทยเรียกว่า "เจ้าสัวกัลฟ์" ก่อนจะลบออกจากเฟซบุ๊กในเวลาต่อมา โดยบอกกับสื่อว่า "ไม่มีอะไร เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก"
ดร.เพตรา มองว่ามีความเป็นไปได้ที่คนอาจมองว่านายอนุทินพยายามส่งสัญญาณทางการเมืองว่าชนชั้นนำทางเศรษฐกิจสนับสนุนให้เขาขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือทั้งตัวอนุทินและตระกูลชิดชอบซึ่งร่วมกันบริหารพรรคภูมิใจไทย ต่างเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายชนชั้นนำทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ศ.ดร.ปวิน มองว่ายังเร็วไปที่จะประเมินว่านายอนุทินจะขึ้นมาเป็นผู้ปกป้องผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนต่าง ๆ ของเหล่าชนชั้นนำทางเศรษฐกิจหรือไม่ แต่ยอมรับว่า "เขามีความสามารถในการประสานผลประโยชน์อย่างแน่นอน"

ภาคประชาสังคมเรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อใช้แทนฉบับปี 2560 ซึ่งพวกเขามองว่าเป็น "มรดของคณะรัฐประหาร"
อนุรักษนิยมจะยอมให้ "อนุทิน" แก้ รธน.60 ตามที่พรรคประชาชนต้องการ ?
ศ.ดร.ปวินให้ความเห็นกับบีบีซีไทยว่า ในเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นหัวใจสำคัญในการคงไว้ซึ่งอำนาจของกลุ่มอำนาจเก่า ดังนั้นเขาจึงไม่มีความมั่นใจเลยว่านายอนุทินจะยอมเปิดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามความมุ่งหมายของพรรคประชาชน ถึงแม้ทั้งสองพรรคมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันไว้ก็ตาม เพื่อแลกกับเสียงโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี
"ถ้ามันเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์แน่นกว่านี้ เราก็คงไม่ doubt (ข้องใจ) ว่ามันอาจจะมีความพยายามจริง ๆ ก็ได้ ถึงแม้มีอุปสรรคข้างหน้า"
นักวิชาการผู้นี้ให้ความเห็นต่อว่าข้อตกลงร่วมระหว่างสองพรรคยังไม่ใช่สิ่งการันตีที่ดีพอ และนายอนุทินยังสามารถหาเหตุผลอีกร้อยแปดพันเก้าเพื่อบอกว่าเหตุใดรัฐบาลใหม่จึงไม่ยังไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ โดยอ้างตัวแปรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขด้านเวลา ไปจนถึงเงื่อนไขด้านกระบวนการทางกฎหมาย
"พรรคประชาชนจะไม่รู้หรือว่าการแก้ไขมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่เพื่อที่จะให้การสนับสนุนของพรรคแก่คุณอนุทินมันมีความชอบธรรม ก็เลยจำเป็นต้องใส่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามา" ศ.ดร.ปวิน กล่าว และย้ำว่าตนเองไม่ได้ด้อยค่าข้อเสนอของพรรคประชาชน และเข้าใจดีว่าทางพรรคฝ่ายค้านต้องการผลักดันประเด็นนี้ แต่ก็ยืนกรานว่าไม่มีทางที่พรรคประชาชนจะไม่ทราบเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ขณะเดียวกัน ดร.เพตรา กล่าวว่า หากไม่นับรวมเงื่อนไขและกฎเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกตั้งไว้สูงมาก อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นตลอดมา คือ บทบาทของพรรคภูมิใจไทยที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินในวุฒิสภาปัจจุบัน ล้วนคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด
"การที่พรรคภูมิใจไทยได้อำนาจ อาจหมายความว่าพวกเขาอาจเป็นผู้ควบคุมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งก็อย่างที่รู้กันว่ามันอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพรรคประชาชน" เธอกล่าวกับบีบีซีไทย
พร้อมกันนี้เธอเสริมว่า สิ่งที่ต้องดูกันต่อไปคือใครจะขึ้นมาเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ เนื้อหาในรัฐธรรมนูญจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทิศทางไหน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะยังคงไว้ในสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับเดิมที่เป็นคุณกับอนุรักษนิยมอยู่หรือเปล่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ นายอนุทินยังมีเวลาคิดหาหนทางได้ว่าจะจัดการอย่างสร้างสรรค์กับมันอย่างไร ทั้งในฐานะผู้รับปากกับพรรคประชาชนและในฐานะเป็น "ผู้ทำดีลหน้าใหม่" กับชนชั้นนำ
ที่มา บีบีซีไทย
ส่วนหนี่งของบทความ
อนุทิน กลายมาเป็นตัวแทนกลุ่มอำนาจเก่าแทน ทักษิณ แล้วหรือไม่
https://www.bbc.com/thai/articles/cly6l27ngp2o