
Pipob Udomittipong
14 hours ago
·
ตอนเย็นวันอังคาร หลังส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์จลาจลใน #เนปาล พลเอก Ashok Raj Sigdel ผบ.ทบ. ปราศรัยกับประชาชน เรียกร้องสันติภาพและความสงบเรียบร้อย แต่ที่คนสนใจคือภาพที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าปฤถวีนารายัน ชาห์ ปฐมกษัตริย์ฮินดู กษัตริย์ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ที่วางรากฐานของเนปาลสมัยใหม่ เพราะอะไร?
เพราะมีคนคิดว่าเป็นการส่งซิกของกองทัพที่ต้องการรื้อฟื้นระบอบราชาธิปไตยในประเทศอีกครั้งหรือไม่ ต้องยอมรับประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ผ่านการปกครองระหว่างระบอบสมบูรณฯ ระบอบ constitutional monarchy และสาธารณรัฐมาตลอดในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นระบอบแรก
บทความ ““ความไม่พอใจต่อการคอร์รัปชันทางการเมืองในสาธารณรัฐใหม่ในเทือกเขาหิมาลัย ทำให้อดีตกษัตริย์กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังใหม่” วิเคราะห์ดีมากว่า กระแสต่อต้านรัฐและนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จในเวลาไม่กี่วัน เป็นผลมาจากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มโปรเจ้าชาตินิยม กลุ่มโปรศาสนาฮินดูที่ต้องการรื้อฟื้นรัฐฮินดูกลับมาอีกครัง และกลุ่มพลังทางสังคมอื่น ๆ
ผู้เขียนบอกว่า “ในวันนี้ เนปาลกำลังเผชิญหน้ากับทางแยกที่คุ้นเคยอีกครั้ง ทางเลือกระหว่างสาธารณรัฐกับระบอบราชาธิปไตย หลังเกือบ 20 ปีที่ผ่านมากับรัฐบาล 13 ชุด และแรงกระแทกทางเศรษฐกิจหลายครั้ง รวมถึงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือนเมษายน 2558 และการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ชาวเนปาลเรียกร้องให้ราชวงศ์กลับมาปกครองประเทศอีก”
เพราะตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.ปีนี้ กลุ่มพลังหลายกลุ่มได้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วเมืองหลวงกาฐมาณฑุ รวมทั้ง (1) สหพันธ์ครูเนปาล ซึ่งเรียกร้องให้ครูนัดหยุดงาน กดดันให้มีการออกกฎหมายใหม่ทันทีเพื่อปฏิรูประบบการศึกษา (2) กลุ่มที่ประท้วงต่อต้านการสั่งปลด ผอ. Napal Electricity Authority เพียงไม่กี่เดือนก่อนเกษียณ เพราะการแทรกแซงทางการเมือง (3) กลุ่มที่ประท้วงการทุจริตกรณีสแกมเมอร์ที่ทำงานผ่านระบบธนาคาร และ (4) กลุ่มสนับสนุนสาธารณรัฐที่โปรรัฐบาล (คอมมิวนิสต์) ที่เรียกร้องเสถียรภาพในประเทศ
ประชากรชาวฮินดูส่วนใหญ่ในเนปาล ยังเรียกร้องให้สถาปนาประเทศเป็น “ฮินดูราษฎระ” หรือ “รัฐฮินดู” อีกครั้ง เพราะเนปาลเคยเป็นราชอาณาจักรฮินดูเพียงแห่งเดียวในโลก ก่อนจะสลัดหลุดจากทั้งแอกของศาสนาฮินดูและราชาธิปไตย กลายเป็น secular state
“แต่ก็เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านด้านการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะไม่มีทั้งการลงประชามติ หรือการให้ประชาชนออกเสียงรับรองอย่างเป็นทางการ”
แต่ผู้เขียนบอกว่า “คนเนปาลมีความปรารถนาที่จะกลับไปเป็นรัฐฮินดู มากกว่าการฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตย ผู้ที่สนับสนุนระบอบราชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นแบบ constitutional monarchy หรือ absolute monarchy ล้วนแล้วแต่สนับสนุนการเป็นรัฐฮินดู แต่คนส่วนใหญ่ที่ยังเงียบ (silent majority) มีแนวโน้มต้องการให้เนเปลกลับไปเป็นสาธารณรัฐฮินดูแบบไม่มีกษัตริย์”
สถานการณ์ในตอนนี้ในกาฐมาณฑุ จึงอยู่ในสภาพที่สับสน ไร้ทิศทางที่ชัดเจน การเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปควรมีขึ้นในปี 2570 ส่วนสมัยประชุมถัดไปของรัฐสภาก็เดือนพฤษภาคมโน่น ในขณะที่โซเชียลอินเดียก็เข้ามาปั่นกระแสเรียกร้องระบอบกษัตริย์
พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรค พรรคเนปาลีคองเกรสที่เป็นพรรคซ้ายกลาง กับพรรค UML (คอมมิวนิสต์) ก็รู้เห็นเป็นใจกัน ปล่อยให้ผู้นำพรรค 3 คน รวมทั้งนายกฯ จากพรรค UML ที่เพิ่งลาออกไป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันครองอำนาจ ไม่มีฝ่ายค้านที่เข้มแข็งเลย สัญญาว่าจะปราบคอร์รัปชัน ไม่ให้มีการลอยนวลพ้นผิด แต่ก็ทำไม่ได้จริง
สภาพที่นักการเมืองฉ้อฉล ฮั้วกันเอง “รัฐบาลเนปาลเป็นเหมือนเกมเก้าอี้ดนตรี นักการเมืองผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาครองอำนาจ” โดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันแต่อย่างใด ทำให้คนคิดถึงระบอบกษัตริย์ กษัตริย์ชญาเนนทระก็ฉวยโอกาสนี้สร้างกระแสให้คนอยากกลับไปหมอบคลานอีกครั้ง
ทั้งฝ่ายโปรเจ้า และโปรฮินดู RPP (Rastriya Prajatantra Party) ก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะร่วมมือกับกษัตริย์ เพื่อสถาปนาราชอาณาจักรฮินดูขึ้นมาอีก โดยใช้ประโยชน์จากความโกรธเกรี้ยวต่อความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยที่ทุจริตและวุ่นวาย กษัตริย์ชญาเนนทระอ้างว่าตัวเองวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า อดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ ขึ้นครองราชย์แทนกษัตริย์พิเรนทระ พี่ชายของเขา หลังจากการสังหารหมู่ในปี 2544 เมื่อมกุฎราชกุมารดิเพนทระ ได้ก่อเหตุสังหารพระราชบิดา กษัตริย์พิเรนทระ และพระราชมารดา สมเด็จพระราชินีไอศวรรยา รวมทั้งสมาชิกราชวงศ์รวม 9 พระองค์ ก่อนจะทำอัตวินิบาตกรรมปลงพระชนม์ชีพพระองค์เองในเวลาต่อมา
ตอนนั้นเนปาลอยู่ในระบอบ constitutional monarchy ที่เป็นผลมาจากการปฏิวัติของประชาชนในปี 2533
แต่การปกครองแบบรวบอำนาจของกษัตริย์ชญาเนนทระ จุดประกายให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในปี 2548 ทำให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มกบฏลัทธิเหมาและฝ่ายประชาธิปไตยจากเจ็ดพรรคการเมือง จนในที่สุดพระองค์ก็ถูกบีบให้ต้องสละราชสมบัติในปี 2549 และระบอบกษัตริย์ฮินดูก็ถูกโค่นล้มในอีกสองปีต่อมา
ถึงจุดนี้คนเนปาลคงต้องเลือกว่าจะกลับไปอยู่ในระบอบกษัตริย์แบบเดิมที่มีการปรับตัว หรือจะเดินหน้าเป็นสาธารณรัฐต่อไป และต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนผ่านของระบอบปกครองที่ไม่ได้มีการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กระบวนการนี้ไม่สมบูรณ์?
เก็บความมาจากบทความนี้ https://newlinesmag.com/.../nepal-debates-a-return-to.../

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10163046333486649&set=a.10150096728651649
·
ตอนเย็นวันอังคาร หลังส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์จลาจลใน #เนปาล พลเอก Ashok Raj Sigdel ผบ.ทบ. ปราศรัยกับประชาชน เรียกร้องสันติภาพและความสงบเรียบร้อย แต่ที่คนสนใจคือภาพที่อยู่ข้างหลังเขา ซึ่งเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าปฤถวีนารายัน ชาห์ ปฐมกษัตริย์ฮินดู กษัตริย์ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ที่วางรากฐานของเนปาลสมัยใหม่ เพราะอะไร?
เพราะมีคนคิดว่าเป็นการส่งซิกของกองทัพที่ต้องการรื้อฟื้นระบอบราชาธิปไตยในประเทศอีกครั้งหรือไม่ ต้องยอมรับประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้ผ่านการปกครองระหว่างระบอบสมบูรณฯ ระบอบ constitutional monarchy และสาธารณรัฐมาตลอดในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นระบอบแรก
บทความ ““ความไม่พอใจต่อการคอร์รัปชันทางการเมืองในสาธารณรัฐใหม่ในเทือกเขาหิมาลัย ทำให้อดีตกษัตริย์กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังใหม่” วิเคราะห์ดีมากว่า กระแสต่อต้านรัฐและนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จในเวลาไม่กี่วัน เป็นผลมาจากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มโปรเจ้าชาตินิยม กลุ่มโปรศาสนาฮินดูที่ต้องการรื้อฟื้นรัฐฮินดูกลับมาอีกครัง และกลุ่มพลังทางสังคมอื่น ๆ
ผู้เขียนบอกว่า “ในวันนี้ เนปาลกำลังเผชิญหน้ากับทางแยกที่คุ้นเคยอีกครั้ง ทางเลือกระหว่างสาธารณรัฐกับระบอบราชาธิปไตย หลังเกือบ 20 ปีที่ผ่านมากับรัฐบาล 13 ชุด และแรงกระแทกทางเศรษฐกิจหลายครั้ง รวมถึงแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือนเมษายน 2558 และการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ชาวเนปาลเรียกร้องให้ราชวงศ์กลับมาปกครองประเทศอีก”
เพราะตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.ปีนี้ กลุ่มพลังหลายกลุ่มได้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วเมืองหลวงกาฐมาณฑุ รวมทั้ง (1) สหพันธ์ครูเนปาล ซึ่งเรียกร้องให้ครูนัดหยุดงาน กดดันให้มีการออกกฎหมายใหม่ทันทีเพื่อปฏิรูประบบการศึกษา (2) กลุ่มที่ประท้วงต่อต้านการสั่งปลด ผอ. Napal Electricity Authority เพียงไม่กี่เดือนก่อนเกษียณ เพราะการแทรกแซงทางการเมือง (3) กลุ่มที่ประท้วงการทุจริตกรณีสแกมเมอร์ที่ทำงานผ่านระบบธนาคาร และ (4) กลุ่มสนับสนุนสาธารณรัฐที่โปรรัฐบาล (คอมมิวนิสต์) ที่เรียกร้องเสถียรภาพในประเทศ
ประชากรชาวฮินดูส่วนใหญ่ในเนปาล ยังเรียกร้องให้สถาปนาประเทศเป็น “ฮินดูราษฎระ” หรือ “รัฐฮินดู” อีกครั้ง เพราะเนปาลเคยเป็นราชอาณาจักรฮินดูเพียงแห่งเดียวในโลก ก่อนจะสลัดหลุดจากทั้งแอกของศาสนาฮินดูและราชาธิปไตย กลายเป็น secular state
“แต่ก็เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านด้านการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะไม่มีทั้งการลงประชามติ หรือการให้ประชาชนออกเสียงรับรองอย่างเป็นทางการ”
แต่ผู้เขียนบอกว่า “คนเนปาลมีความปรารถนาที่จะกลับไปเป็นรัฐฮินดู มากกว่าการฟื้นฟูระบอบราชาธิปไตย ผู้ที่สนับสนุนระบอบราชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นแบบ constitutional monarchy หรือ absolute monarchy ล้วนแล้วแต่สนับสนุนการเป็นรัฐฮินดู แต่คนส่วนใหญ่ที่ยังเงียบ (silent majority) มีแนวโน้มต้องการให้เนเปลกลับไปเป็นสาธารณรัฐฮินดูแบบไม่มีกษัตริย์”
สถานการณ์ในตอนนี้ในกาฐมาณฑุ จึงอยู่ในสภาพที่สับสน ไร้ทิศทางที่ชัดเจน การเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปควรมีขึ้นในปี 2570 ส่วนสมัยประชุมถัดไปของรัฐสภาก็เดือนพฤษภาคมโน่น ในขณะที่โซเชียลอินเดียก็เข้ามาปั่นกระแสเรียกร้องระบอบกษัตริย์
พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรค พรรคเนปาลีคองเกรสที่เป็นพรรคซ้ายกลาง กับพรรค UML (คอมมิวนิสต์) ก็รู้เห็นเป็นใจกัน ปล่อยให้ผู้นำพรรค 3 คน รวมทั้งนายกฯ จากพรรค UML ที่เพิ่งลาออกไป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันครองอำนาจ ไม่มีฝ่ายค้านที่เข้มแข็งเลย สัญญาว่าจะปราบคอร์รัปชัน ไม่ให้มีการลอยนวลพ้นผิด แต่ก็ทำไม่ได้จริง
สภาพที่นักการเมืองฉ้อฉล ฮั้วกันเอง “รัฐบาลเนปาลเป็นเหมือนเกมเก้าอี้ดนตรี นักการเมืองผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาครองอำนาจ” โดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันแต่อย่างใด ทำให้คนคิดถึงระบอบกษัตริย์ กษัตริย์ชญาเนนทระก็ฉวยโอกาสนี้สร้างกระแสให้คนอยากกลับไปหมอบคลานอีกครั้ง
ทั้งฝ่ายโปรเจ้า และโปรฮินดู RPP (Rastriya Prajatantra Party) ก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะร่วมมือกับกษัตริย์ เพื่อสถาปนาราชอาณาจักรฮินดูขึ้นมาอีก โดยใช้ประโยชน์จากความโกรธเกรี้ยวต่อความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยที่ทุจริตและวุ่นวาย กษัตริย์ชญาเนนทระอ้างว่าตัวเองวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า อดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ ขึ้นครองราชย์แทนกษัตริย์พิเรนทระ พี่ชายของเขา หลังจากการสังหารหมู่ในปี 2544 เมื่อมกุฎราชกุมารดิเพนทระ ได้ก่อเหตุสังหารพระราชบิดา กษัตริย์พิเรนทระ และพระราชมารดา สมเด็จพระราชินีไอศวรรยา รวมทั้งสมาชิกราชวงศ์รวม 9 พระองค์ ก่อนจะทำอัตวินิบาตกรรมปลงพระชนม์ชีพพระองค์เองในเวลาต่อมา
ตอนนั้นเนปาลอยู่ในระบอบ constitutional monarchy ที่เป็นผลมาจากการปฏิวัติของประชาชนในปี 2533
แต่การปกครองแบบรวบอำนาจของกษัตริย์ชญาเนนทระ จุดประกายให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในปี 2548 ทำให้เกิดการรวมตัวของกลุ่มกบฏลัทธิเหมาและฝ่ายประชาธิปไตยจากเจ็ดพรรคการเมือง จนในที่สุดพระองค์ก็ถูกบีบให้ต้องสละราชสมบัติในปี 2549 และระบอบกษัตริย์ฮินดูก็ถูกโค่นล้มในอีกสองปีต่อมา
ถึงจุดนี้คนเนปาลคงต้องเลือกว่าจะกลับไปอยู่ในระบอบกษัตริย์แบบเดิมที่มีการปรับตัว หรือจะเดินหน้าเป็นสาธารณรัฐต่อไป และต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนผ่านของระบอบปกครองที่ไม่ได้มีการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กระบวนการนี้ไม่สมบูรณ์?
เก็บความมาจากบทความนี้ https://newlinesmag.com/.../nepal-debates-a-return-to.../

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10163046333486649&set=a.10150096728651649