.jpg)
Pipob Udomittipong
14 hours ago
·
งานเขียนใหม่ของ อ. Paul Chambers ที่ถูกเนรเทศออกจากไทยไปแล้วชี้ว่า กองทัพไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ เพื่อเพิ่มอำนาจและความชอบธรรมให้ตนเอง พร้อมกับบ่อนทำลายหลักการ “Civilian control of the military” “การควบคุมของพลเรือนเหนือกองทัพ” โดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างเกิดเหตุการณ์ #ไทยกัมพูชา
การควบคุมพลเรือนของไทย ซึ่งอ่อนแออยู่แล้ว เริ่มลดน้อยลงในเดือนธ.ค. 2567 หลังจากผู้บัญชาการทหารเรือของไทยท้าทายนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ด้วยการปฏิเสธไม่ยอมรับ MOU 2544 ซึ่งรัฐบาลเคยให้ความเห็นชอบ และแม่ทัพเรือระบุว่าเกาะกูดที่เป็นข้อพิพาทนั้นเป็นของไทย
“ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กองทัพไทยได้บ่อนทำลายการควบคุมของพลเรือนอีกครั้ง เมื่อชาวกัมพูชาได้ร้องเพลงชาติบนพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่แทนที่จะปรึกษาหารือกับรัฐบาลเพื่อขอคำชี้แนะ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย กลับออกมาประท้วงอย่างเป็นทางการต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
พลโทบุญสินมีอำนาจอย่างมาก เพราะจบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 เช่นเดียวกับพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับราชวงศ์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างนายพลทั้งสอง
เครือข่ายทหารของพลเอกพนามีความจงรักภักดีต่อราชวงศ์เท่านั้น และเป็นฝ่ายที่นี้มีอำนาจเหนือกองทัพไทย ซึ่งมีความหวาดระแวงในตัวทักษิณและผู้ช่วยของเขา ทหารกลุ่ม “วงศ์เทวัญ” ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารหลายครั้ง จึงเป็นภัยคุกคามเชิงโครงสร้างต่อการควบคุมของพลเรือนเหนือกองทัพ”
28 พ.ค. หลังจากการปะทะที่ช่องบก ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต แพทองธาร ได้เรียกร้องให้ประชาชนสงบสติอารมณ์และลดความตึงเครียดลงทันที แต่ในวันที่ 3 มิถุนายน พลโทบุญสินกลับตัดสินใจต่างจากนายกฯ และบ่อนทำลายการควบคุมของฝ่ายพลเรือน โดยประกาศว่าจะยอมรับเฉพาะแผนที่ชายแดนของกรมแผนที่ทหาร (ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อประเทศไทยมากกว่า) เท่านั้น ไม่ใช่แผนที่ที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ใช้
5 มิ.ย. กองทัพบกไทยได้ท้าทายความพยายามลดความตึงเครียดของรัฐบาล ด้วยการเปิดตัวแคมเปญเผยแพร่วาทกรรมทางทหารในหัวข้อ “ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด” ซึ่งดูเหมือนจะออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนสนับสนุนกองทัพ เพื่อให้กองทัพมีอำนาจควบคุมการกระทำต่อกัมพูชาได้อย่างอิสระมากขึ้น
การควบคุมของฝ่ายพลเรือนถูกทำลายอีกครั้งในวันที่ 7 มิ.ย. เมื่อกองทัพไทยเริ่มจำกัดเวลาเปิดทำการของด่านตรวจชายแดนไทย-กัมพูชาหลายแห่ง ท่ามกลางการเสริมกำลังทหารของกองทัพ แพทองธาร ได้ยืนยันอีกครั้งถึงสันติภาพและความมุ่งมั่นในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา
แต่แล้วก็เกิดกรณีคลิปสนทนาหลุดระหว่างนายกฯ ไทยกับฮุน เซน ซึ่งทหารไทยและฝ่ายขวามองว่าคำพูดของแพทองธารแสดงการทรยศ ก่อนที่คลิปจะถูกเปิดเผย คณะองคมนตรีได้นำของขวัญไปมอบให้แก่ทหารไทยที่ประจำการตามแนวชายแดน และเข้าพบพลเอกบุญสิน เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.เพื่อแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ราชวังสนับสนุนแนวทางที่แข็งกร้าวของทหาร มากกว่าการควบคุมของพลเรือน
โดยภาพรวม ถือว่าตอนนี้กองทัพมีอิสระในการปฏิบัติงานมากขึ้น และยังได้รับการสนับสนุนจากความชอบธรรมของประชาชน เมื่อทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนเมื่อวันที่ 16 ก.ค. พลโทบุญสินขู่ว่าจะตอบโต้ทางทหาร โดยกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากรัฐบาล”
ปี 2568 นับเป็นปีแห่งการยกระดับอำนาจทางทหารของไทย เมื่อเทียบกับอำนาจของพลเรือน ทั้งด้านนโยบายชายแดน นโยบายต่างประเทศ และการป้องกันประเทศ ภายหลังวิกฤตครั้งนี้ กองทัพไทยมีอำนาจและความนิยมเพิ่มสูงขึ้น การมีพันธมิตรในพรรคการเมืองสายอนุรักษ์นิยมและวัง ทำให้กองทัพมีโอกาสมากขึ้นที่จะบ่อนทำลายการควบคุมของพลเรือน
ท้ายที่สุดแล้ว การกำหนดนโยบายของรัฐบาลอาจถูกเพิกเฉย หรือถูกชี้นำโดยเจ้าหน้าที่ทหารมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งย่อมไม่เป็นผลดีต่ออนาคตของรัฐบาลปัจจุบันหรือประชาธิปไตยของไทย
https://fulcrum.sg/thai-cambodian-crisis-has-given-the.../
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162899283801649&set=a.10150096728651649