
ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา
Yesterday
·
เช้านี้ถอดพ้นเพจแล้ว
อินโฟกราฟฟิกเทียบ ”เขมร-BRN“
ขนาด ”คนกันเอง“ ยังรับไม่ได้
บทเรียน...ขยันผิดเรื่อง!
อ่านข่าว
https://www.isranews.org/.../scoop/140838-cambodiabrn.html
.....

Wartani
18 hours ago
·
[ News ]
แม่ทัพภาค 4 สั่งตรวจสอบอินโฟกราฟิก กอ.รมน. หลังเทียบ “เขมร–BRN” ถูกวิจารณ์หนัก: เสี่ยงสร้างความเกลียดชังและสะท้อนวิกฤตการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์
1. ประเด็นหลักของเหตุการณ์
การที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เผยแพร่อินโฟกราฟิกเปรียบเทียบ “เขมร–BRN” ถือเป็นความเคลื่อนไหวด้านการสื่อสารที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในบริบทของความขัดแย้งปาตานี/จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากการเปรียบเทียบลักษณะนี้มีนัยเชิงการเมืองระหว่างประเทศ และยังสื่อสารในลักษณะที่เหมารวมและลดทอนความซับซ้อนของความขัดแย้งในพื้นที่
ประเด็นนี้จึงไม่ใช่เพียงการ “ผิดพลาดเชิงเทคนิค” ของการทำกราฟิก แต่สะท้อนถึง วิกฤตการกำหนดยุทธศาสตร์การสื่อสารของรัฐไทย ที่ยังวนเวียนอยู่กับการโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าการสร้างพื้นที่ความเข้าใจร่วม
2. บริบทที่ทำให้เรื่องนี้อ่อนไหว
• การเมืองระหว่างประเทศ: การดึง “เขมร” มาเปรียบเทียบกับ BRN เท่ากับทำให้ความขัดแย้งภายในปาตานีเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ซึ่งเพิ่งผ่านวิกฤตชายแดนที่เปราะบาง ย่อมส่งผลเสียต่อการทูตโดยไม่จำเป็น
• ทำให้เห็นถึงเเนวคิดเเนวทางที่ กอ.รมน ใช้กระเเสกัมพูชามาโจมตีการเคลื่นไหวในปาตานี ทำให้ยิ่งเพิ่มความขัดเเย้งเข้าไป
3. ผลกระทบที่เกิดขึ้น
1. ความน่าเชื่อถือของรัฐถูกบั่นทอน – ประชาชนมองว่าหน่วยงานความมั่นคงเลือกใช้เครื่องมือสื่อสารแบบ “เกาะกระแส” มากกว่าการนำเสนอข้อเท็จจริงที่สร้างความเข้าใจ
2. เสี่ยงสร้างความเกลียดชัง การเหมารวม NGO หรือประชาชนบางส่วนว่าเป็นเครื่องมือของ BRN จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์รัฐ–ชุมชนแตกหัก
3. ย้อนกลับสู่รัฐเอง การทำสงครามข่าวสาร (Information Warfare) แบบไม่มียุทธศาสตร์ มักสร้าง “ผลลัพธ์เชิงลบ” มากกว่าการสร้างความชอบธรรม
4. คำถามเชิงโครงสร้าง
• เหตุใด กอ.รมน. จึงยังเลือกยุทธศาสตร์การสื่อสารที่ใช้การเปรียบเทียบและการโจมตี มากกว่าการสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความเข้าใจ?
• การสื่อสารเช่นนี้สอดคล้องกับ กรอบการพูดคุยสันติภาพ ที่รัฐไทยประกาศเดินหน้าหรือไม่? หรือกลับเป็นการบ่อนเซาะความน่าเชื่อถือของโต๊ะเจรจาเอง?
• รัฐไทยยังคงติดกับดัก “วาทกรรมศัตรู” แทนที่จะปรับเปลี่ยนเป็น “วาทกรรมการอยู่ร่วมกัน” หรือไม่?
5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
1. การสื่อสารต้องอยู่บนฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่การเปรียบเปรยที่บิดเบือนและสร้างความเข้าใจผิด
2. สร้างกลไกตรวจสอบภายใน ให้หน่วยงานรัฐทุกระดับมีระบบทบทวนเนื้อหาก่อนเผยแพร่ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์
3. เสริมพื้นที่สื่อสารร่วมกับภาคประชาสังคม แทนที่จะทำให้ NGO เป็น “คู่ตรงข้าม” แต่ควรใช้เป็น “สะพาน” เชื่อมรัฐกับประชาชน
4. ปรับโทนการสื่อสารสู่สันติภาพ สอดคล้องกับหลักการ Peace Infrastructure ที่จะสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐกับชุมชน
กรณีอินโฟกราฟิก “เขมร–BRN” คือ อาการสะท้อนวิกฤตเชิงยุทธศาสตร์การสื่อสารของรัฐไทย ที่ยังคงมองปัญหาปาตานีผ่านเลนส์ “ความมั่นคง” มากกว่ามิติทางการเมืองและสังคม การแก้ปัญหาความขัดแย้งไม่อาจอาศัยเพียงการสร้างศัตรูในเชิงวาทกรรม แต่ต้องอาศัยการสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือจากทุกฝ่าย หากรัฐยังคงใช้วิธีการสื่อสารแบบ “เกลียดชัง” ก็เท่ากับยิ่งห่างไกลจากสันติภาพที่แท้จริง
#wartani_news
#PATANI
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1250358870435780&set=a.438874864917522
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1200581045440983&set=a.602152418617185
·
[ News ]
แม่ทัพภาค 4 สั่งตรวจสอบอินโฟกราฟิก กอ.รมน. หลังเทียบ “เขมร–BRN” ถูกวิจารณ์หนัก: เสี่ยงสร้างความเกลียดชังและสะท้อนวิกฤตการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์
1. ประเด็นหลักของเหตุการณ์
การที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เผยแพร่อินโฟกราฟิกเปรียบเทียบ “เขมร–BRN” ถือเป็นความเคลื่อนไหวด้านการสื่อสารที่อ่อนไหวอย่างยิ่งในบริบทของความขัดแย้งปาตานี/จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากการเปรียบเทียบลักษณะนี้มีนัยเชิงการเมืองระหว่างประเทศ และยังสื่อสารในลักษณะที่เหมารวมและลดทอนความซับซ้อนของความขัดแย้งในพื้นที่
ประเด็นนี้จึงไม่ใช่เพียงการ “ผิดพลาดเชิงเทคนิค” ของการทำกราฟิก แต่สะท้อนถึง วิกฤตการกำหนดยุทธศาสตร์การสื่อสารของรัฐไทย ที่ยังวนเวียนอยู่กับการโฆษณาชวนเชื่อมากกว่าการสร้างพื้นที่ความเข้าใจร่วม
2. บริบทที่ทำให้เรื่องนี้อ่อนไหว
• การเมืองระหว่างประเทศ: การดึง “เขมร” มาเปรียบเทียบกับ BRN เท่ากับทำให้ความขัดแย้งภายในปาตานีเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ซึ่งเพิ่งผ่านวิกฤตชายแดนที่เปราะบาง ย่อมส่งผลเสียต่อการทูตโดยไม่จำเป็น
• ทำให้เห็นถึงเเนวคิดเเนวทางที่ กอ.รมน ใช้กระเเสกัมพูชามาโจมตีการเคลื่นไหวในปาตานี ทำให้ยิ่งเพิ่มความขัดเเย้งเข้าไป
3. ผลกระทบที่เกิดขึ้น
1. ความน่าเชื่อถือของรัฐถูกบั่นทอน – ประชาชนมองว่าหน่วยงานความมั่นคงเลือกใช้เครื่องมือสื่อสารแบบ “เกาะกระแส” มากกว่าการนำเสนอข้อเท็จจริงที่สร้างความเข้าใจ
2. เสี่ยงสร้างความเกลียดชัง การเหมารวม NGO หรือประชาชนบางส่วนว่าเป็นเครื่องมือของ BRN จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์รัฐ–ชุมชนแตกหัก
3. ย้อนกลับสู่รัฐเอง การทำสงครามข่าวสาร (Information Warfare) แบบไม่มียุทธศาสตร์ มักสร้าง “ผลลัพธ์เชิงลบ” มากกว่าการสร้างความชอบธรรม
4. คำถามเชิงโครงสร้าง
• เหตุใด กอ.รมน. จึงยังเลือกยุทธศาสตร์การสื่อสารที่ใช้การเปรียบเทียบและการโจมตี มากกว่าการสร้างพื้นที่ปลอดภัยและความเข้าใจ?
• การสื่อสารเช่นนี้สอดคล้องกับ กรอบการพูดคุยสันติภาพ ที่รัฐไทยประกาศเดินหน้าหรือไม่? หรือกลับเป็นการบ่อนเซาะความน่าเชื่อถือของโต๊ะเจรจาเอง?
• รัฐไทยยังคงติดกับดัก “วาทกรรมศัตรู” แทนที่จะปรับเปลี่ยนเป็น “วาทกรรมการอยู่ร่วมกัน” หรือไม่?
5. ข้อเสนอเชิงนโยบาย
1. การสื่อสารต้องอยู่บนฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่การเปรียบเปรยที่บิดเบือนและสร้างความเข้าใจผิด
2. สร้างกลไกตรวจสอบภายใน ให้หน่วยงานรัฐทุกระดับมีระบบทบทวนเนื้อหาก่อนเผยแพร่ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์
3. เสริมพื้นที่สื่อสารร่วมกับภาคประชาสังคม แทนที่จะทำให้ NGO เป็น “คู่ตรงข้าม” แต่ควรใช้เป็น “สะพาน” เชื่อมรัฐกับประชาชน
4. ปรับโทนการสื่อสารสู่สันติภาพ สอดคล้องกับหลักการ Peace Infrastructure ที่จะสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐกับชุมชน
กรณีอินโฟกราฟิก “เขมร–BRN” คือ อาการสะท้อนวิกฤตเชิงยุทธศาสตร์การสื่อสารของรัฐไทย ที่ยังคงมองปัญหาปาตานีผ่านเลนส์ “ความมั่นคง” มากกว่ามิติทางการเมืองและสังคม การแก้ปัญหาความขัดแย้งไม่อาจอาศัยเพียงการสร้างศัตรูในเชิงวาทกรรม แต่ต้องอาศัยการสร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือจากทุกฝ่าย หากรัฐยังคงใช้วิธีการสื่อสารแบบ “เกลียดชัง” ก็เท่ากับยิ่งห่างไกลจากสันติภาพที่แท้จริง
#wartani_news
#PATANI
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1250358870435780&set=a.438874864917522
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1200581045440983&set=a.602152418617185