
Nicha Pittayapongsakorn
18 hours ago
·
/ ทำไมการตัดสิทธิการเรียนของเด็กต่างด้าวในไทยจะเป็นโทษกับประเทศไทยเอง /
เช้านี้เห็นข่าว วุฒิสมาชิกท่านหนึ่งออกมาจี้ให้รัฐบาลตัดงบอุดหนุนเด็กกัมพูชาที่เรียนในโรงเรียนไทย ซึ่งดูจากคอมเมนต์แล้วถูกใจคนที่เกลียดชังกัมพูชามาก แต่จะขออธิบายว่า ถ้านโยบายนี้เกิดขึ้นจริง จะเป็นผลเสียกับคนไทยและประเทศไทยอย่างไร
1. ผิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ลดความชอบธรรมในระดับโลก
แม้ว่าคุณภาพการศึกษาของประเทศเราจะถูกตั้งคำถาม แต่สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยทำได้ดีมาก เป็นความก้าวหน้ามากกว่าบางประเทศ (เช่น อเมริกา) คือการให้สิทธิการศึกษากับเด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ตามที่ไทยเคยลงนามไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
การตัดสิทธิไม่ให้เด็กกัมพูชาเรียนหนังสือ ไม่ได้ช่วยให้เราชนะสงครามได้มากขึ้น แถมยังเสียภาพพจน์ในระดับโลก
--
2. เด็กในวันนี้ คือกำลังแรงงานสำคัญของไทยในวันหน้า
ตอนนี้ ประเทศเราต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ในปี 2567 มีการสำรวจว่ามีแรงงานต่างด้าวไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน เพราะงานหลายอย่าง ค่าจ้างต่ำเกินไป คนไทยไม่อยากทำแล้ว และในอนาคต เราจะยิ่งต้องการมากขึ้นกว่านี้อีก เพราะประเทศไทยมีเด็กเกิดน้อยเกินไป ปีละไม่ถึงครึ่งแสน ไหนจะเป็นสังคมสูงวัย คนแก่คนป่วยต้องการคนดูแล ประเทศต้องการคนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ถ้าให้โอกาสพวกเขาได้เรียนมากขึ้น ประเทศเราก็จะยิ่งมีแรงงานที่มีคุณภาพมากขึ้นในอนาคต
--
3. ไม่มีอะไรรับประกันว่างบที่ลดไปได้ จะไปสร้างให้เกิดประโยชน์กับเด็กไทยเพิ่มขึ้น
คนที่เสนอนโยบายอ้างว่า ถ้าตัดงบนี้ไปได้ จะ save เงินถึง 800 กว่าล้าน และกองเชียร์ในคอมเมนต์ก็ดูจะพอใจว่าเงินก้อนนี้จะไปช่วยเด็กไทยมากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าเงินส่วนนี้จะไปตกที่นักเรียนที่ถือสัญชาติไทยมากขึ้น เพราะการตั้งงบแต่ละโครงการนั้นมันเป็นอิสระต่อกัน โครงการเงินอุดหนุนรายหัวก็โครงการนึง
คนที่มีสิทธิออกนโยบายเพื่อให้เงินไปลงที่เด็กไทยมากขึ้น ก็คือพวกผู้ใหญ่คนไทยที่นั่งกันอยู่ในกรรมการต่างๆ นั่นแหละค่ะ รวมถึงคนที่มาเสนอให้ตัดงบด้วย เขาก็เคยเป็นเลขา กพฐ. มาก่อน ถ้าเขาอยากจะทำอะไรเพิ่มให้เด็กไทย เขาคงทำมานานแล้ว ไม่ใช่เพราะตัดงบก้อนนี้แล้วถึงมีเงินงอกขึ้นมา
ข้อเท็จจริงคือ กระทรวงศึกษาไม่ได้ขาดแคลนงบ แต่งบการศึกษาส่วนใหญ่ 70% มันคือเงินเดือนครูค่ะ ซึ่งครูจะสอนเด็กกัมพูชา หรือสอนเด็กไทย ก็ใช้ครูคนเดียวกัน เงินเดือนเท่าเดิมค่ะ
--
4. เมื่อประตูโรงเรียนปิด ประตูคุกเปิด
ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน เด็กที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษาก็เสี่ยงที่จะสร้างปัญหาสังคมมากกว่า
เราก็เห็นอยู่แล้วกับเด็กไทยที่ไม่ได้ไปโรงเรียน ซึ่งรัฐก็สนับสนุนแล้ว มีโครงการมากมายพากลับมาเรียน (เราไม่สามารถอ้างได้ว่า ถ้าตัดงบเด็กกัมพูชาแล้ว จะทำให้เด็กกลุ่มนี้กลับมาเรียนได้มากขึ้น มันคนละเรื่องกัน กรุณากลับไปอ่านข้อ 3)
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเข้ามาในประเทศเราแล้ว บางคนก็เกิดที่นี่ เราคงอยากให้พวกเขาได้ไปโรงเรียน ไปเรียนหนังสือ มากกว่าออกมาเร่ร่อน ออกมามั่วสุมกันนอกโรงเรียน เป็นอันธพาล ก่ออาชญากรรม สร้างปัญหาให้กับสังคม
--
5. การศึกษาคือ soft power ที่สำคัญที่สุด
คุณเคยเจอลูกหลานของคนต่างด้าวที่ได้เรียนรู้ในระบบการศึกษาไทยตัวจริงๆ มั้ย? เราเคยเจอบางคน เขามีความอยากจะเป็นคนไทย มากกว่าคนที่เกิดมาปุ๊บแล้วได้สัญชาติไทยอย่างเราเลยซะอีก บางคนตั้งใจเรียนมากๆ เพื่อที่จะเรียนต่อป.ตรีแล้วจะได้ทำเรื่องขอสัญชาติ เพื่อจะได้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ ยังไม่นับว่า เด็กบางคนเกิดที่ไทย ที่นี่คือประเทศเดียวที่เขารู้จักมากกว่าประเทศบ้านเกิดพ่อแม่เขาซะอีก
(ถือเป็นเรื่องที่โชคดี (รึเปล่านะ) ที่ ระบบการศึกษาเราก็โคตรจะตั้งใจสร้างอัตลักษณ์ให้เป็นคนไทย พูดภาษาไทย รู้ประวัติศาสตร์ไทย ภูมิใจในชาติไทย แบบเน้นๆ อยู่แล้ว)
หรือต่อให้ เขาเพิ่งย้ายมาเรียน อย่างน้อยเขาก็อยู่ในประเทศเราด้วยความเข้าใจประเทศเรามากขึ้น และถ้าเขาต้องกลับไปประเทศเขา เขาก็สามารถเป็นตัวแทนเพื่อสร้างความเข้าใจ ลดความเกลียดชังบางอย่างได้ เป็นแบรนด์แอมให้เราได้
คือแล้วเราจะพลาดโอกาสนี้ในการสร้าง soft power ทำไม?
---
ที่น่าผิดหวังมากๆ คือวุฒิสมาชิกที่ออกมานำเสนอนโยบายนี้ คือ คุณกมล รอดคล้าย ซึ่งเคยเป็นเลขาธิการ กพฐ. มาก่อน เคยเป็นที่ปรึกษานโยบายการศึกษาของพรรคภูมิใจไทย และน่าจะมีเทวดาประจำตัวที่ดีมาก จนได้มาเป็น สว.
ดูจากประวัติแล้ว (ซึ่งก็เปิด public นะคะ ดิฉันไม่ได้ต้องขุดแต่อย่างใด ไปหาอ่านได้) ท่านก็เคยอยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการต่างๆ มากมายของภาครัฐที่มีหน้าที่ดูแลสิทธิเด็ก ดูแลเด็กเร่ร่อน เด็กเปราะบาง เช่น
- ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและครอบครัว กระทรวงศึกษาธิการ
กรรมาธิการศึกษามาตรการส่งเสริมการจัดการศึกษาเด็กด้อยโอกาส
- ประธานคณะทำงานโรงเรียนวิถีพุทธ
- ประธานเครือข่ายองค์กรเพื่อเด็กเร่ร่อน
- ผลงานเขียน/วิจัย เช่น การลงทุนด้านการศึกษาในเด็ก การจัดการศึกษาและคุ้มครองสิทธิเด็กด้อยโอกาส พระพุทธศาสนากับการพัฒนาเด็ก
- ศึกษาดูงานด้านการบริหารการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และการพัฒนาเด็กด้อยโอกาส ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ โปรตุเกส จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เนปาล ลาว พม่า กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย เยอรมนี ฯลฯ
ท่านมีประสบการณ์ขนาดนี้ มีโอกาสในชีวิตขนาดนี้ และดำรงตำแหน่งสำคัญมากมายขนาดนี้ ทำไมถึงขับเคลื่อนนโยบายด้วยความเกลียดชัง ทำลายภาพพจน์ประเทศไทยในเวทีโลก และตัดโอกาสของเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ล่ะคะ?
ในตอนนี้ที่เราตื่นตัวกับอินฟลูที่หารายได้จากความเกลียดชังบนโซเชียลมีเดีย เราควรจะตื่นตัวกับนักการเมือง คนในสภา ที่พยายามสร้าง popularity จากนโยบายที่มาจากความเกลียดชังด้วยค่ะ
Reference:
ข่าวต้นทาง: https://www.pptvhd36.com/.../%E0%B8%81%E0%B8%B2.../254728...
ประวัติคุณกมล
https://www.kroobannok.com/68315
Credit รูปจาก PPTV
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10172019107775514&set=a.10150159961285514