วันศุกร์, กรกฎาคม 04, 2568

นิรโทษกรรมประชาชนเป็นทางออกของความขัดแย้งทางการเมือง ถ้าไม่ "นิรโทษกรรม 112" การเริ่มต้นใหม่ก็จะไม่เกิด ไม่ว่าพรรคไหนเป็นรัฐบาลก็ตาม


.....

Amnesty International Thailand
16 hours ago
·

นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ข้อมูลของศูนย์ทนายฯ ระบุว่า มีประชาชนถูกดำเนินคดีทางการเมือง รวมอย่างน้อย 1,959 คน ใน 1,305 คดี
.
วันนี้ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนจึงขอทวงถามความจริงใจ และความรับผิดชอบจากรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎร ต่อคำมั่นสัญญาในการสร้างความปรองดองทางการเมือง หลังจากที่การพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทั้ง 4 ฉบับ ได้ถูกเลื่อนออกไปนับตั้งแต่การประชุมสภาในสมัยที่ผ่านมา
.
ในตอนนี้ มีประชาชนอย่างน้อย 51 คน ที่ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือกรณีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง โดยในจำนวนนี้:
26 คน เป็นผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับการประกันระหว่างการต่อสู้คดี (รวม 17 คนในคดีมาตรา 112)
24 คน เป็นผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สุดแล้วและกำลังรับโทษ (รวม 13 คนในคดีมาตรา 112)
1 คน เป็นเยาวชนที่ถูกคุมขังในสถานพินิจฯ ตามคำพิพากษาของศาลเยาวชน
โดยรวมแล้ว มีอย่างน้อย 32 คน ที่ถูกคุมขังจากคดีมาตรา 112�
.
นี่คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าหากมีการนิรโทษกรรม โดยไม่รวมคดีมาตรา 112 จะมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ถูกนับรวมเป็นส่วนหนึ่งของการคลี่คลายความขัดแย้ง
.
พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล พรรคการเมืองต่าง ๆ ดำเนินการโดยเร่งด่วนใน 3 ประเด็นต่อไปนี้:
1. ผลักดันญัติติการพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนเข้าสู่วาระสมัยประชุมในกรอบ 120 วัน
ในกรอบเวลา 120 วัน ของสมัยประชุมสภา ฯ ควรเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าอย่างจริงจัง ไม่ใช่การเลื่อนออกไปอย่างไร้กำหนดอีกครั้ง โดยรัฐสภาที่ถูกเลือกตั้งมาโดยประชาชน ต้องรับร่างนิรโทษกรรมประชาชน ที่ร่างโดยประชาชน และถูกเสนอโดยประชาชนให้ผ่านไปถกเถียงในรายละเอียดระหว่างการพิจารณาวาระ 2
.
2. พิจารณา ถกเถียงการรวมคดีอาญามาตรา 112 ในการนิรโทษกรรม เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น ในวาระที่ 2 ของการพิจารณา
คดีอาญามาตรา 112 ถูกใช้กับผู้ที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ วิพากษ์วิจารณ์ หรือเคลื่อนไหวทางการเมือง การละเลยคดีเหล่านี้เท่ากับการปล่อยและเพิกเฉยต่อความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในห้วงเวลา 2563 จนถึงปัจจุบัน จะยิ่งเป็นการทำให้ความขัดแย้งยังคงอยู่ในสังคม และที่สำคัญ เป็นการเพิกเฉยต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของไทยในเวทีโลกในฐานะรัฐสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
.
3. นิรโทษกรรมต้องครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสี ทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้ทิ้งประชาชนคนไหนไว้ข้างหลัง แต่ต้องไม่รวมความผิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ�ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกิดจากการเคลื่อนไหวหลังรัฐประหาร 2549 การแสดงออกช่วงปี 2563–2565 หรือการฝ่าฝืนกฎหมายและคำสั่งของคณะรัฐประหารที่มีขึ้นเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพ
.
ทั้งหมดนี้ควรได้รับการเยียวยาอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ลืมใครไว้ข้างหลัง เพราะหากยังเหลือใครสักคนที่ต้องจ่ายด้วยชีวิตหรืออิสรภาพ นั่นแปลว่า “ประชาชนทั้งประเทศ” ยังไม่ได้สิทธิในเสรีภาพ ความเป็นธรรม และการรับประกันสิทธิในเสรีภาพจากรัฐสภา และรัฐบาลอย่างแท้จริง
.
รัฐบาลสภาต้องไม่ใช้ข้ออ้างใด มาเป็นเหตุผลในการประวิงเวลาอีกต่อไป รัฐบาลและสภาต้องรับร่างนิรโทษกรรมประชาชนของประชาชน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันและรับประกันเสรีภาพในการวางรากฐานโดยแท้จริง

อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็ม: https://drive.google.com/.../179rY0NikWZ1MkN8iDdlSmg.../view

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1150732603759153&set=a.479820490850371



Suchart Sawadsri
15 hours ago
·
ถ้าไม่ "นิรโทษกรรม 112"
การเริ่มต้นใหม่ก็จะไม่เกิด
ไม่ว่าพรรคไหนเป็นรัฐบาลก็ตาม