
Nattharavut Kunishe Muangsuk
7 hours ago
·
ติดตามข้อมูลของ หนึ่งในรุ่นพี่ที่ทำร้าย นตท.ภคพงศ์ ปัจจุบัน เป็พนักงานสอบสวน ยศ ร.ต.ท. สังกัด สภ.เมืองจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน
มีความก้าวหน้าของอาชีพการงานเป็นลำดับ ในขณะที่อีกฝ่าย สิ้นชีวิต ไป เหลือแต่ความทุกข์ที่เกาะกินใจพ่อแม่ทุกๆ วินาที
หยิบ เอกสาร คำพิพากษา ของศาลทหารกลาง มาดู ซึ่งไม่ต่างกับคำตัดสินศาลทหารชั้นสูงสุด เพราะเป็นคำพิพากษายืน
และคำตัดสิน เรื่อง ให้โอกาสจำเลยประพฤติตัวกลับตนเป็นคนดี... ก็อยู่ในคำพิพากษาศาลชั้นกลางแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือ คำพิพากษา เป็นคดีทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่คดีทำให้เสียชีวิต
คดีเมื่อวานนี้ เป็นคำพิพากษาคดี "ความผิดต่อร่างกาย" ที่คำบรรยายฟ้องของอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 12 ในฐานะโจทก์ เป็นเรื่องรุ่นพี่ผู้เป็นจำเลย สั่งลงโทษปรับปรุงวินัย ท่าแคงการู "หัวปักพื้น" จน นตท.ภคพงศ์หมดสติในห้องน้ำ
ในสำนวนระบุเหตุการณ์ 22 - 23 สิงหาคม นตท.ภคพงศ์ต้องรักษาตัว 5-7 วัน อัยการศาลทหาร ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 295 คือฟ้องว่า กระทำโดยประมาท ไม่ได้เจตนา
คดีนี้ จึงไม่ใช่เป็นคดี "กระทำการโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องจากบุคคล-กลุ่มบุคลเดียวกัน จนถึงวันที่ 16-17 ตุลาคม ถึงวาระสุดท้ายของ นตท.ภคพงศ์ ซึ่งต้องฟ้องด้วย ป.อ.มาตรา 291 อัตราโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินสองแสนบาท
และยิ่งผิดปกติ เมื่อเรากลับไปดูจุดเริ่มต้นคดี ที่พ่อแม่ไปฟ้องร้องกับ สน.พญาไท เมื่อเดือน มี.ค. 2562 พนักงานสอบสวน สน.พญาไท สรุปสำนวนคดี สั่งฟ้อง 2 นักเรียนเตรียมทหาร ข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ครูฝึก ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยคดีนี้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของ ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) จังหวัดปราจีนบุรี
แต่ปรากฎว่า เมื่อสำนวนไปอยู่ในมืออัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 12 ชื่อครูฝึกหายไป
"ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้รอการกำหนดโทษนักเรียนเตรียมทหารที่ถูกฟ้อง (ตัดสินว่าผิดตาม ป.อ.มาตรา 390 คือกระทำการโดยประมาททำให้เป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ เป็นลหุโทษ ทั้งที่จำเลยไม่เคยรู้สึกผิด ปฏิเสธมาตลอด) ส่วนคดีแพ่ง ที่ครอบครัวฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากกระทรวงกลาโหม และกองทัพไทย ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนให้ชดใช้ค่าเสียหายบางส่วน ซึ่งครอบครัวปฏิเสธที่จะรับ และยืนยันว่าจะต่อสู้เพื่อหาความจริงต่อไป" (ข้อมูลจากเว็บไซต์คมชัดลึก)
และเมื่อครอบครัวอุทธรณ์ศาลทหารชั้นกลาง ในสำนวนกลับเหลือจำเลยเพียงคนเดียว คือรุ่นพี่ที่เป็นตำรวจปัจจุบัน
ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า อัยการศาลทหารแยกคดีทำให้เสียชีวิต ฟ้องแยกหรือไม่ (ใครมีข้อมูล ช่วยระบุหน่อย) หรือเหตุใด ต้องแยกฟ้อง(?)
นี่คือปัญหาของศาลทหาร เพราะไม่มีรายละเอียดความชัดเจนใดๆ ด้วยระบบทหาร ทำให้พลเรือนที่เข้าไปเกี่ยวข้อง (อย่างเช่นพ่อแม่) มีข้อจำกัดมากมายในการต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรม
มันเหมาะสมแล้วหรือ?
ตัวอย่างชัดเจน คือคำบรรยายฟ้อง เหตุที่พ่อแม่ไม่สามารถตั้งทนายมาช่วยดู หรือเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้ ทำให้ตัวสำนวนมีช่องโหว่ไปตั้งแต่ต้น
ตอนนี้ที่พ่อแม่ยังเฝ้ารอ คือ
คดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้เสียชีวิต (ไม่รู้ว่า อัยการแยกสำนวนฟ้องหรือไม่? เมื่อไหร่?)
คดีอวัยวะหายไป (หมายเรียกแพทย์ 2 ครั้งไม่ปรากฎตัว ก็เงียบหายไป)
คดีแพ่ง การชดใช้ค่าเสียหาย
ปัญหาคือ ความไม่เชื่อถือของสังคม ต่อการพิจารณาของศาลทหารเกิดขึ้นรุนแรง
คำถามคือ ศาลทหารจะยังมีความเหมาะสมที่จะคงอำนาจการพิจารณาคดีไว้กับตัวเองหรือไม่ (ศาลทหาร สามารถใช้ดุลยพินิจเองได้ว่า คดีไหนอยู่ในอำนาจศาลทหารหรือไม่)
ยิ่งเมื่อวานนี้ พี่สาวของ นตท.ภคพงศ์ โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเอกสารลับกระทรวงกลาโหม เป็นบันทึกการสอบปากคำ รุ่นพี่ 2 คน ซึ่งยอมรับว่า ได้ลงมือทำร้าย นตท.ภคพงศ์จริงๆ อ้างว่า นตท.ภคพงศ์มีบุคลิกที่ไม่เหมือนคนอื่น บอกอะไรเข้าใจยาก แพรแถบหาย เจ็บขาแต่ไม่ได้แจ้งเหตุ และใช้บันไดต้องห้ามสำหรับเด็กปี 1 (คืออ้างว่าธำรงวินัย)
แต่เอกสารฉบับนี้ซึ่งมีน้ำหนักสูงมาก ทำให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ขณะนั้น ต้องแถลงยอมรับว่า นตท.ภคพงศ์ ถูกลงโทษทางวินัยโดยรุ่นพี่และครูฝึก แต่กลับไม่อยู่ในสำนวนแต่ต้น อ้างว่า ส่งให้ไม่ทัน ก็ยิ่งเห็นความผิดปกติ
ยิ่งเขียน ยิ่งมีแต่ความน่าสงสัย เยอะแยะไปหมดเลย....
ป.ล.เมื่อวานนี้ ทราบจากผู้สื่อข่าวว่า กว่าจะหาศาลทหาร ภายใน มทบ.12 เจอ ก็ใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง เพราะสภาพศาลเหมือนบ้านพักทหารเก่าๆ ทั่วไปก็ยิ่งน่าเศร้าใจนะ
https://www.facebook.com/photo?fbid=10163608252988582&set=a.336417008581
Pipob Udomittipong
6 hours ago
·
"พนักงานสอบสวน สน.พญาไท สรุปสำนวนคดี สั่งฟ้อง 2 นักเรียนเตรียมทหาร ข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ครูฝึก ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยคดีนี้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของ ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) จังหวัดปราจีนบุรี
แต่ปรากฎว่า เมื่อสำนวนไปอยู่ในมืออัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 12 ชื่อครูฝึกหายไป" ระบบทหารที่ระยำตำบอนมาก
https://www.facebook.com/photo?fbid=10163608252988582&set=a.336417008581