วันศุกร์, กรกฎาคม 25, 2568

แม้ว่า รมว กต ได้ออกมาแถลงว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อนและยังได้โจมตีสถานที่พลเรือน อาจถือเป็นความพยายามของไทยในการสร้างความได้เปรียบทางการทูต หรือสร้างภาพลักษณ์ว่าไทยยึดมั่นในหลักสันติภาพและปกป้องประชาชนของตน แต่ก็มีความเสี่ยงหลายประการ


Pavin Chachavalpongpun
9 hours ago
·
พระเจ้ายังเข้าข้างไทยอยู่บ้าง ที่ รมว กต เราดันเดินทางไปประชุม UN เรื่อง sustainable development เลยใข้โอกาสนี้ แจ้งยูเอ็นเลยเรื่องการปะทะกับเขมร ดิชั้นขอแทรก ดังนี้
1. ไทยต้องตอกย้ำการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศที่ร้ายแรง: ข้อมูลที่ว่าโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ถูกโจมตีโดยตรงนั้น เป็นหลักฐานที่ชัดเจนของการละเมิดกฎหมายสงคราม (Laws of War) และอนุสัญญาเจนีวา การทำลายสถานที่พลเรือนโดยเจตนา หรือการยิงใส่โดยไม่แยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารและพลเรือนนั้น ถือเป็นอาชญากรรมสงครามที่ร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง หายไทยมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่น่าเชื่อถือมายืนยันข้อกล่าวหานี้ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักและความน่าเชื่อถือให้กับท่าทีของไทย และสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อกัมพูชา ทำให้กัมพูชาตกอยู่ในฐานะที่ต้องชี้แจงอย่างหนักต่อประชาคมโลก
2. ไทยต้องอ้างเรื่องการเสริมความชอบธรรมในการป้องกันตนเองอย่างไม่อาจปฏิเสธได้: การที่รายงานระบุว่า "กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน" นั้นเป็น หัวใจสำคัญที่ยืนยันสิทธิของไทยในการป้องกันตนเอง ตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 ข้อมูลนี้ช่วยให้ไทยสามารถนำเสนอภาพที่ชัดเจนว่า การดำเนินการทางทหารของไทยเป็นการตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตย ชีวิต และทรัพย์สินของพลเรือน จากการรุกรานที่กัมพูชาเป็นผู้ริเริ่ม เช่นกัน การมีรายงานจากสื่อต่างประเทศช่วยเสริมความน่าเชื่อถือให้กับคำกล่าวอ้างของไทย และบั่นทอนข้อโต้แย้งใดๆ ของกัมพูชาที่ว่าไทยเป็นผู้จุดชนวนความขัดแย้ง
3. ไทยต้องสร้างแรงกดดันด้านมนุษยธรรมและการเรียกร้องให้สอบสวน: การโจมตีโรงพยาบาลไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมาย แต่ยังสร้างความกังวลอย่างลึกซึ้งในมิติของมนุษยธรรม ซึ่งจะดึงดูดความสนใจจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรบรรเทาทุกข์ และประเทศต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับหลักมนุษยธรรม รายงานข่าวเช่นนี้จะกระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งหากผลการสอบสวนยืนยันข้อกล่าวหาของไทย ก็จะยิ่งตอกย้ำความผิดของกัมพูชาและอาจนำไปสู่มาตรการระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้นต่อกัมพูชาได้ เช่น การประณาม การกดดันทางการทูต หรือแม้กระทั่งการพิจารณามาตรการลงโทษในภายหลัง
...ดังนั้น ไทยยังมีเครื่องมือสำคัญทางการทูตที่สามารถใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการต่อรอง ชี้แจงจุดยืน และแสวงหาการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเวทีสำคัญอย่างสหประชาชาติ ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีเสียงที่ดังขึ้นและมีน้ำหนักมากขึ้นในการเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่เป็นการละเมิดกฎหมายและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติต่อไป
...พบกันที่รายการจอมขวัญ 6 โมงเย็นค่ะ

Pavin Chachavalpongpun
7 hours ago
·
รมว กต ได้ออกมาแถลงว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อนและยังได้โจมตีสถานที่พลเรือน อาจถือเป็นความพยายามของไทยในการสร้างความได้เปรียบทางการทูต หรือสร้างภาพลักษณ์ว่าไทยยึดมั่นในหลักสันติภาพและปกป้องประชาชนของตน อย่างไรก็ตาม แม้ท่าทีเช่นนี้จะทำให้ไทยดูเป็นฝ่ายที่มี “moral high ground” หรือข้อได้เปรียบเชิงคุณธรรมในสายตาประชาคมโลก แต่ก็มีความเสี่ยงหลายประการที่อาจทำให้สถานการณ์พลิกกลับกลายเป็นผลเสียได้เช่นกัน
…ประเด็นแรกนะคะ หากหลักฐานที่ไทยใช้กล่าวหาว่ากัมพูชายิงก่อนนั้นไม่ชัดเจนหรือไม่น่าเชื่อถือพอ เช่น ขาดภาพถ่ายจากดาวเทียม หรือพยานที่เป็นกลาง ก็อาจถูกประชาคมโลกตั้งคำถาม และลดความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีระหว่างประเทศลงได้ ประการต่อมาคือ ความขัดแย้งนี้อาจถูกตีความว่าเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นปัญหาทางการเมืองในระดับตัวบุคคล ที่มาจากการผิดใจระหว่างทักษิณและฮุนเซน ก็อาจทำให้การต่อรองของเราอ่อนด้อยลงได้
…อีกความเสี่ยงหนึ่งคือ เรามั่นใจได้ไหมว่ากองทัพไทยไม่ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเกินสมควร เช่น โจมตีหมู่บ้านชายแดนหรือพื้นที่พลเรือนของกัมพูชาเช่นกัน ก็อาจถูกประณามว่าใช้ความรุนแรงเกินจำเป็น และทำให้เสียสถานะทางจริยธรรมในทันที แม้จะเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนก็ตาม ขณะเดียวกัน หากกัมพูชาสามารถขอการสนับสนุนทางการทูตจากประเทศอื่นได้รวดเร็วกว่าหรือมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เช่น จีน เวียดนาม หรือชาติสมาชิกอาเซียนบางประเทศ ก็อาจทำให้ไทยเสียเปรียบบนเวทีนานาชาติได้
…นอกจากนี้ ความขัดแย้งที่ยืดเยื้ออาจสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง โดยเฉพาะต่อการลงทุน ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน แม้ว่าไทยจะสามารถแสดงให้โลกเห็นว่าเป็นผู้ถูกรังแก แต่หากสถานการณ์ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงภายในประเทศ ภาพลักษณ์โดยรวมก็อาจเสียหายเช่นกัน อีกทั้งการที่ไทยยื่นเรื่องเข้าสู่ UN แทนอาเซียนเช่นเดียวกับกัมพูชา อาจถูกมองว่าไทยไม่เคารพกลไกภายในภูมิภาค ไทยเป็นประเทศ founding father ของอาเซียนนะ อย่าลืม
…สรุปว่า แม้การชี้ว่า “กัมพูชายิงก่อน” และการนำเรื่องเข้าสู่เวที UN จะสร้างความได้เปรียบในเชิงภาพลักษณ์ในระยะสั้น ต่อไทย แต่หากไม่มีการบริหารจัดการข้อมูล ข้อเท็จจริง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างรอบคอบ ก็มีโอกาสที่ไทยจะเสียเปรียบในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ หรือความสัมพันธ์ในภูมิภาคอาเซียนเอง

https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun