ณ ขณะนี้ สถานการณ์ชายแดนในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ในทางการทหารไทยน่าจะเป็นต่อ ดูจากแถลงของศูนย์เฉพาะกิจฯ “ไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด ๑๑ แห่ง” แม้นว่าในวันต่อมาตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายกัมพูชา ๔ จุด
นั่นเป็นสัญญานที่บอกว่าฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมยุติง่ายๆ ข้อตกลงหยุดยิงหรือสัญญาสันติภาพใดๆ ไม่มีความหมาย เชื่อว่าการยั่วยุจะคงมีต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกับต้องการให้มีสงครามขนาดใหญ่ ทั้งที่น่าจะตระหนักว่าเขมรจะได้รับความเสียหายมากกว่า
เหตุการณ์ที่ช่องอานม้าและภูมะเขือเมื่อคืนวันที่ ๒๙ ก.ค. ซึ่งกองทัพภาค ๒ ของไทยแจ้งว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทหารเขมรใช้ปืนเล็กและปืน ค.ยิงเข้ามาในเขตไทย พบกับการยิงโต้ตอบไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน รวมไปถึงการยึดพื้นที่กลับคืนโดยไทย
“ภูมะเขือ ช่องอานม้า ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย แนวเขตแดนช่องบก โดนตวล สัตตาโสม ช่องจอม ช่องสายตะกู บ้านกรวด...พลาญยาว” แม้กระทั่งพระวิหาร นอกจากนั้นทหารไทยได้ทำลายกระเช้าและบันได อันเป็นเส้นทางขึ้นภูมะเขือของเขมร
ครั้นถึงเช้าวันที่ ๓๐ ก.ค.ปรากฏว่าเขมรได้เพิ่มกำลังของตนในพื้นที่ช่องคานม้า ภูมะเขือ ผามออีแดง และปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับเขมรส่งโดรนขึ้นบินสำรวจการวางกำลังของฝ่ายไทยในบริเวณเหล่านั้น มีการปะทะกันด้วยปืนเล็กเป็นส่วนใหญ่
ท่าทีประนีประนอมแต่ปาก ทั้งในระหว่างประชุมคณะมนตรีความมั่นคงและการเจรจาทวิภาคี ซึ่งมีนายอันวาร์ นายกฯ มาเลย์เป็นตัวกลาง และผู้แทนจากสหรัฐและจีนนั่งขนาบสองข้างร่วมประชุม นั้นผลออกมาต่างฝ่ายต่างแถลงไม่ค่อยตรงกันนัก
บีบีซีไทยสรุปความต่างของถ้อยแถลงจากไทยและกัมพูชา ๕ ข้อ แรกเลยทีเดียวต่างฝ่ายต่างอ้างว่าไม่ได้ยิงก่อน ไทยบอกกัมพูชายิงเข้ามา จึง “ดำเนินการตอบโต้โดยได้สัดส่วน” ทางกัมพูชาว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดฉาก ไทยอ้างเองเพื่อบีบให้กัมพูชายอมรับเขตแดน
เรื่องทุ่นระเบิดไทยแถลงว่ากัมพูชาเอาทุ่นระเบิดเก่าที่แอบเก็บไว้มาวางใหม่ ฝ่าฝืนอนุสัญญาอ็อตตาวา แต่เขมรกลับแจ้งว่าทหารไทยเดินลาดตระเวนออกไปนอกเส้นทาง เข้าไปสู่พื้นที่กัมพูชาซึ่งมีกับระเบิดตกค้างมาตั้งแต่สงครามกลางเมือง กว่า ๕๐ ปีมาแล้ว
ส่วนเรื่องใครเปิดฉากยิงก่อน ก็เป็นข้ออ้างของทั้งสองฝ่ายเหมือนๆ กัน มาตั้งแต่แรกแล้ว การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซีย ไทยไม่พูดถึงการหยุดยิงทันทีตามที่นายอันวาร์แถลง และขอเลื่อนกำหนดหยุดยิงออกไป ซึ่งก็น่าจะตีความได้ว่า
ไทยไม่ได้ยอมรับการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยของมาเลเซียอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู อาจจะต้องการเจรจาสองฝ่าย ตัวต่อตัวเท่านั้น ไม่ต้องมีบวก ๓ หรือทำความตกลงต่อหน้าศาลโลก
(https://www.bbc.com/thai/articles/c5yp8dx1x6do?at_bbc_team=editorial, https://www.facebook.com/nationweekend/posts/VzZsEWbH9Z และ www.thaipbs.or.th/news/content/354823)