วันอังคาร, กรกฎาคม 29, 2568

คนเขมรไม่ต้องการสงครามและการสู้รบ คุณอวยพร เขื่อนแก้ว เขียนจากความทรงจำที่เคยทำงานกับผู้อพยพชาวเขมร

ชาวกัมพูชาอพยพหนีภัยสู้รบ

Ouyporn Khuankaew
6 hours ago
·
คนเขมรไม่ต้องการสงครามและการสู้รบ
ในช่วงปี2527-2530หลังเรียนจบเราไปทำงานสอนภาษาอังกฤษในค่ายผู้อพยพที่เป็นผลมาจากสงครามอินโดจีน ศูนย์นี้ตั้งอยู่อำเภอพนัสนิคมจ.ชลบุรี เป็นค่ายอพยพที่องค์กรนานาชาติหลากหลายเข้าไปสอนทักษะต่างๆเพื่อเตรียมผู้อพยพเหล่านั้นไปประเทศที่สาม ผู้อพยพที่เราสอนเป็นชาวเขมร ชาวม้งและคนลาวที่จะต้องไปตั้งถิ่นฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
เทียบกับคนลาวและคนม้งแล้วเห็นได้ชัดเลยว่าเขมรที่สอนทั้งผู้ใหญ่และเด็กหน้าตาเศร้าหมองและมีอาการป่วยบ่อยมาก ตอนนั้นเรายังไม่มีความรู้เรื่องอาการทรอม่าของผู้ที่ผ่านความทุกข์จากสงคราม มีบทเรียนหนึ่งที่จำได้ไม่เคยลืมคือการสอนให้นักเรียนเรียนคำศัพท์เรื่องครอบครัวผ่านการใช้แท่งไม้หลากสี(rod) นักเรียนจะเอาจำนวนแท่งไม้มาเรียงกันเพื่อบอกชื่อคนในครอบครัวหลังจากนั้นเขาจะผลักไม้บางแท่งล้มลงซึ่งแปลว่าสมาชิกครอบครัวเขาได้ตายไปในช่วงสงคราม เขาจะพูดชื่อสมาชิกด้วยเสียงสั่นเครือ หลายคนร้องไห้ไปด้วย ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เราอาสาไปเยี่ยมและแจกของใช้ให้ค่ายผู้อพยพเขมรแดงซึ่งตั้งอยู่ไกลออกไปมากน่าติดชายแดนเลย ภาพที่ยังจำติดตาคือรั้วหนามหลายชั้นที่มองเข้าไปแล้วเห็นทหารเขมรแดงที่ขาหรือแขนขาขาดเดินมารับของแจก ที่พักของกลุ่มนี้เป็นกระต๊อบไม้ไผ่เล็กเรียงรายกันเป็นแถว
การทำงานกับผู้อพยพจากสงครามเป็นงานที่เปลี่ยนชีวิตเราให้เห็นว่าความทุกข์ของตนเองจากความยากจนและความรุนแรงในครอบครัวกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยลงไปเลย
ในช่วงปี2539เรามีโอกาสไปเขมรเพื่อช่วยอาจารย์จอรช์ เลกี้ทำอบรมเรื่องปฏิบัติการสันติวิธีให้กลุ่มผู้นำชาวบ้านที่มาจากแทบทุกจังหวัดของเขมร สมัยนั้นยังไม่มีเอ็นจีโอเขมรเข้าไปทำงานกับชาวบ้านที่ถูกยึดที่ดินโดยนายทุนจากไทย และสิงคโปร์ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลนายฮุนเซ็น ที่ดินที่ยึดจากชาวบ้านไปแล้วจะมีทหารถือปืนเฝ้าไว้หากชาวบ้านไปขอคืนหรือไปจับปลาหาของในที่ดินตนเองก็จะถูกยิงทันที คนที่มาเรียนส่วนใหญ่มีอายุมาก เขาบอกเราว่าคนหนุ่มสาวอพยพไปหางานทำที่เมืองหลวงเหลือแต่พวกเขาที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องชีวิตตัวเอง อาทิตย์นั้นเราได้เรียนรู้ว่ารัฐบาลฮุนเซ็นนอกจากจะไม่ได้ช่วยพัฒนาประชาชนรากหญ้าให้ฟื้นจากภาวะสงครามแล้ว เขายังตั้งใจตักตวงผลประโยชน์จากการให้สัมปทานแก่ต่างชาติที่ไปลงทุนในเขมร ความร่ำรวยของเขามาจากการกดขี่ข่มเหงประชาชนของตนเอง
หลังจากปีนั้นเราเลยตัดสินใจไปสอนอบรมให้กับเอ็นจีโอเขมรต่อเนื่องกันหลายปี ไปสอนเรื่องปฏิบัติการสันติวิธีที่ร่ำเรียนมาจากอาจารย์จอรช์ เลกี้และเรื่องการปรึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความรุนแรง สิ่งที่จำได้ไม่ลืมคือในทุกหลักสูตรที่สอนผู้เรียนจะมานั่งเรียนล้นห้อง แม้เราจะบอกองค์กรผู้จัดไปว่ากระบวนการของเรารับได้ไม่เกินยี่สิบคน เมื่อเรียนจบแล้วทุกคนจะมายืนรอขอใบประกาศนียบัตรเพื่อจะเอาไปหางานทำ การทำงานของเอ็นจีโอในเขมรสมัยนั้นกลายเป็นงานที่มีรายได้สูงเพราะผู้อำนวยการขององค์กรจะเป็นคนต่างชาติที่ต้องจ้างด้วยเงินเดือนสูง ดังนั้นคนเขมรที่ทำงานองค์กรพัฒนาก็จะได้เงินเดือนสูงตามไปด้วย
การทำงานพัฒนาในเขมรไม่ใช่งานที่ทำได้ง่ายเลยเพราะพวกเขาจะอยู่ในสายตาของรัฐบาลตลอด คราวหนึ่งเจ้าหน้าที่องค์กรขับรถพาเราไปทานข้าวพอรถผ่านบ้านนายฮุนเซ็น เขาทำปากยื่นชี้บอกบ้านนายฮุนเซ็นให้เราทราบ ตอนแรกเราหัวเราะถามว่าทำไมไม่ใช้นิ้วชี้ เขาบอกว่ากลัวคนคุ้มกันนายฮุนเซ็นจะเห็นแล้วชีวิตเขาจะไม่ปลอดภัย ทุกปีที่กลับไปทำงานเขมรเราจะเห็นช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนที่ถ่างมากขึ้นเรื่อยๆ และแต่ละปีบ้านคนรวยจะสร้างรั้วสูงขึ้นเพื่อกันขโมยและจ้างยามยืนอยู่หน้าบ้าน เพื่อนเขมรบอกว่าลูกคนรวยจะมีบอดี้การด์เมื่อต้องออกนอกบ้านเพราะมีการจับลูกคนรวยไปเรียกค่าไถ่ เมื่อเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นชาวเขมรจึงอพยพมาทำงานในไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
นายฮุนเซ็นไม่ได้อำมะหิตเฉพาะแต่กับพรรคฝ่ายค้านที่เขาให้คนตามไล่ล่าและมาฆ่าถึงในกรุงเทพ ภายในประเทศเขาใช้ตำรวจจับกุมชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เอ็นจีโอที่ประท้วงเรื่องที่ดิน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ และแม้กระทั่งงานสร้างสันติภาพและการสมานฉันท์ความเกลียดชังภายในประเทศที่เป็นผลมาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่เขมรแดงทำให้ประชาชนเขมรตายไปกว่าล้านคนนายฮุนเซ็นก็ขัดขวาง
ศูนย์เรามีโอกาสได้ทำงานกับองค์กรชื่อCPR( Cambodia for Peace and Reconciliation) เป็นองค์กรที่โด่งดังจากการทำงานเรื่องสันติภาพกับชุมชนรากหญ้าในจังหวัดพระตะบอง งานที่ขึ้นชื่อขององค์กรนี้คืองานเดินธรรมยาตราเพื่อสันติภาพ ผู้ที่ริเริ่มงานเดินธรรมยาตราคือหลวงพ่อมหาโกษะนันทะ พระสังฆราชที่ได้รับเลือกตั้งโดยชาวเขมร( สมัยนั้นพระสังฆราชในเขมรมีสามรูป อีกสองรูปได้รับเลือกโดยฮุนเซ็น) คุณSevornเป็นคนหลักในการจัดเตรียมการเดินธรรมยาตราที่พาคนเขมรและเพื่อนต่างชาติหลายร้อยคนเดินเป็นแรมเดือนผ่านเข้าไปในดินแดนที่ยึดครองโดยเขมรแดง การเดินธรรมยาตราในช่วงปีแรกๆมีพระสงฆ์ แม่ชีและฆราวาสถูกยังเสียชีวิตเมื่อขบวนเดินเข้าไปในเขตุของเขมรแดง แต่หลวงพ่อและคณะทำงานก็ไม่ย่อท้อและดำเนินงานนั้นเรื่อยมาอีกหลายปี จนเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางในงานสันติภาพระดับโลก เพื่อนชาวอมริกันที่ใกล้ชิดหลวงพ่อเล่าให้ฟังว่างานของหลวงพ่อทำให้นายฮุนเซ็นไม่พอใจและไม่ยอมให้ท่านกลับประเทศหลังจากที่ท่านเดินทางไปสหรัฐจนท่านต้องลี้ภัยและเสียชีวิตที่นั่น เพื่อนบอกด้วยว่าฮุนเซ็นไม่อยากให้มีองค์กรทำงานสมานฉันท์กับเขมรแดงเพราะต้องการใช้ความชั่วร้ายของเขมรในอดีตมาเป็นข้อแก้ตัวเมื่อเขาทำงานพัฒนาประเทศนี้ล้มเหลว
เราถือว่าเป็นบุญมากที่ได้เข้าเฝ้าหลวงพ่อมหาโกษะนันทะถึงสองครั้งในช่วงปี2540และ2546 หลวงพ่อเป็นผู้ที่สูญเสียญาติมิตรและครอบครัวเกือบทั้งหมดในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธ์ เพื่อนในเขมรทุกคนที่เรารู้จักไม่มีใครเลยที่ไม่สูญเสียคนในครอบครัวจากสงครามอำมหิตที่คนเขมรลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง
เมื่อถามสีวอนว่าทำไมเขาถึงทุ่มเทกับการจัดงานธรรมยาตราแม้จะเสี่ยงชีวิต เป็นงานที่หนักมากและไม่มีเงินเดือน เขาบอกว่าทำเพื่อชดใช้บาปของพ่อที่เป็นคนทำงานส่งข้อความบอกตำแหน่งให้นักบินอเมริกันทิ้งระบิดเพื่อฆ่าคนเขมรด้วยกัน เรายังจำภาพได้เมื่อเขาเล่าถึงตอนนี้น้ำตาของเขาทะลักพุ่งออกมา มันไม่ได้ไหลอาบแก้ม มันไหลแบบกระเด็นออกมาจริงๆ
ปี2565 ศูนย์เราร่วมกับไอเนฟ(INEB) จัดงานประชุมสัมนนาและอบรมผู้หญิงที่ทำงานสันติภาพในภูมิภาคนี้เป็นเวลาเจ็ดวัน มีน้องจากเขมรเข้ามาร่วมด้วยสองคนชื่อวิซอลและปันฮา ปันฮาหันมาทำงานเรื่องเกษตรอินทรีย์หลังจากประสบภาวะเครียดสะสมและหมดไฟจากการทำงานเรื่องสันติภาพ ส่วนวีซอลบอกว่างานที่พวกเขากำลังทำและสามารถทำได้ในชุมชนคืองานเก็บเรื่องราวประสบการณ์ผ่านสงครามและงานเยียวยาตนเองของผู้คนรุ่นเก่า เขาหวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นงานเตือนใจให้คนรุ่นใหม่แบบเขาผู้ไม่ได้รับรู้รสชาดของสงครามได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดและการสูญเสียที่ยากจะเยียวยาของบรรพบุรุษตัวเอง
ปีต่อมาปันฮาและวีวอลพาซารมน้องที่เรารู้จักหลายสิบปีก่อนหน้านั้นแต่ไม่ได้พบกันมาเยี่ยมที่ศูนย์ ซารมเป็นผู้หญิงแกร่งอีกคนหนึ่งที่ทำงานสันติภาพในประเทศเขมรยาวนาน เขาเป็นผู้ช่วยคุณสีวอนและได้ขยายงานเดินธรรมยาตราเพื่อสันติภาพออกไปช่วยเหลือผู้อยู่ร่วมกับเอชไอวีและนักโทษในคุก เขาทำงานอบรมเรื่องปฏิบัติการสันติวิธีต่อเนื่องให้กับชุมชนที่เขาทำงานในจังหวัดพระตะบอง เราพาน้องทั้งสามไปพักภาวนาที่สวนสานสันติของเราที่เชียงดาว เขาบอกเราว่าการทำงานสันติภาพในเขมรยังท้าทายเหมือนเดิม เพราะหาเงินทุนยาก คนทำงานเพื่อสังคมหมดไฟและยังถูกคุกคุกคามจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ใครที่เชียร์ว่าอย่าเพิ่งหยุดยิง โอ้อวดโวว่าเรามีอาวุธเหนือกว่าเขมร บอกว่าเราต้องเอาคืนก่อนการเจรจา สะใจกับตัวเลขความสูญเสียของชีวิต ขอให้ตระหนักว่าคนเขมรและอาจจะรวมถึงทหารชั้นผู้น้อยในประเทศนั้นเขาไม่ต้องการสงคราม เขาไม่ต้องการการสู้รบ เพราะเขาเจ็บปวดกับการหักหลังของนายฮุนเซ็นที่สร้างความร่ำรวยบนความทุกข์ของพวกเขา และพวกเขาจำนวนมากยังไม่ได้รับการเยียวยาจากสงครามกลางเมืองที่ทำให้คนเขมรฆ่ากันตายไปกว่าล้านคน
ประชาชนเขมรไม่ใช่ศัตรูของคนไทย พวกเขาเป็นเพื่อนบ้าน พวกเขามาทำงานที่ประเทศไทยและทำให้ระบบเศรษฐกิจของเราอยู่ได้...

https://www.facebook.com/ouyporn.khuankaew/posts/2616341418700858