JOINT PRESS RELEASE ON THE
SPECIAL MEETING HOSTED BY MALAYSIA
TO ADDRESS THE CURRENT SITUATION
BETWEEN CAMBODIA AND THAILAND
The Governments of Malaysia, Cambodia, and Thailand issue this Joint Press Release following the Special Meeting chaired, hosted, and witnessed by Prime Minister Dato’ Seri Anwar Ibrahim in Putrajaya, Malaysia and participated by Cambodia’s Prime Minister Samdech Moha Borvor Thipadei HUN Manet and Thailand’s Acting Prime Minister Phumtham Wechayachai, and co-organised by the United States of America with the active participation of the People’s Republic of China, to promote a peaceful resolution to the ongoing situation.
PM Hun Manet and Acting PM Phumtham Wechayachai have expressed their positions and willingness for immediate ceasefire and return to normalcy.
The United States’ President Donald J. Trump has been in contact with the leaders of both countries urging the leaders to find peaceful solution to the situation.
The Chinese side has kept close contact with Cambodia, Thailand, Malaysia, and relevant countries, to actively promote dialogue, ceasefire, and restoring peace.
The presence and collaboration of all parties underscore a shared commitment to peace, dialogue, and regional stability.
Both Cambodia and Thailand reached a common understanding, as follows:
i. an immediate and unconditional ceasefire, with effect from 24:00 hours (local time) on 28 July 2025. This is a vital first step towards de-escalation and the restoration of peace and security;
ii. to convene informal meeting of regional commanders (Regional Military 1 and 2 on the Thai side and Regional Military 4 and 5 of the Cambodian side) at 07:00 hours on 29 July 2025, and followed by meeting with the Defence Attaches led by the Chair of ASEAN, if both sides agreed; and
iii. to convene a meeting of the General Border Committee (GBC) on 4 August 2025, to be hosted by Cambodia.
As the current Chair of ASEAN, Malaysia stands ready to coordinate an observer team to verify and ensure its implementation. Malaysia will also consult with fellow ASEAN Member States to participate in the observation effort, reflecting a regional commitment to supporting peace on the ground.
Both sides also agreed to resume direct communications between both Prime Ministers, Foreign Ministers, and Defence Ministers.
The Foreign Ministers and Defence Ministers of Malaysia, Cambodia, and Thailand have been instructed to develop a detailed mechanism for the implementation, verification, and reporting of the ceasefire. This mechanism will serve as a foundation for sustained peace and accountability.
The Meeting reaffirms the shared resolve of Malaysia, Cambodia, and Thailand to uphold the principles of international law, peaceful co-existence, and multilateral cooperation in the pursuit of a just and lasting resolution to the situation.
KUALA LUMPUR
28 JULY 2025
.....
Pavin Chachavalpongpun
9 hours ago
·
ดิชั้นขอสรุปแถลงการณ์ร่วมของมาเลเซีย กัมพูชา และไทย ณ ที่นี้ค่ะ
1. แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ออกภายหลังการประชุมพิเศษที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพ โดยมีนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียเป็นประธาน ร่วมกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย การประชุมนี้ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและจีน เพื่อส่งเสริมการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ด้วยสันติวิธี
2. ทั้งฮุน มาเนต และภูมิธรรมได้แสดงจุดยืนและความพร้อมในการหยุดยิงทันทีและการกลับคืนสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุถึงความเข้าใจร่วมกันระหว่างกัมพูชาและไทย ดังนี้:
- การหยุดยิง: มีการตกลงหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 กค 2568 เวลา 24:00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการลดความตึงเครียดและฟื้นฟูสันติภาพ
- การประชุมผู้บัญชาการทหาร: จะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้บัญชาการทหารระดับภูมิภาค ในวันที่ 29 กค 2568 เวลา 07:00 น. และตามด้วยการประชุมกับผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร หากทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ
- การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC): กำหนดให้มีการประชุม GBC ในวันที่ 4 สค 2568 โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
...มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนพร้อมที่จะประสานงานทีมผู้สังเกตการณ์เพื่อตรวจสอบและประกันการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะรื้อฟื้นการสื่อสารโดยตรงระหว่างนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีกลาโหม และได้รับคำสั่งให้พัฒนากลไกที่มีรายละเอียดสำหรับการดำเนินการตรวจสอบและรายงานการหยุดยิง การประชุมยังได้ยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือพหุภาคี
...นัยยะต่อประเทศไทย: จากแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ ไทยได้แสดงเจตจำนงและความพร้อมที่จะหยุดยิงทันที อีกทั้งยังได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันกับกัมพูชาเรื่องการหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 กค 2568 นี่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไทยมีอำนาจและได้ตัดสินใจในการสั่งการให้กองทัพหยุดยิงได้ โดยรักษาการนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารได้ให้คำมั่นสัญญาในระดับนานาชาติแล้ว อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากบริบททางการเมืองภายในของไทยที่ซับซ้อน อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด การดำเนินการตามคำสั่งหยุดยิงและการรักษาความต่อเนื่องของสันติภาพที่ตกลงกันไว้นี้ อาจขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์และดุลอำนาจระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับกองทัพ และความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ในภาพรวม แถลงการณ์ล่าสุดนี้แสดงถึงความก้าวหน้าอย่างเป็นทางการและเจตจำนงของรัฐบาลไทยที่จะหยุดยิง แต่ความยั่งยืนของสันติภาพจะขึ้นอยู่กับการปฏิบัติและพลวัตทางการเมืองภายในประเทศด้วย
...นัยยะต่อกัมพูชา: สำหรับกัมพูชา แถลงการณ์ร่วมนี้เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดความตึงเครียดและอาจนำไปสู่การยุติการสู้รบที่พวกเขาอ้างว่าเป็นการรุกรานจากฝ่ายไทย ในคำกล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 25 กค 2568 เอกอัครราชทูตกัมพูชาได้ประณามการกระทำทางทหารของไทยอย่างรุนแรง โดยระบุว่าเป็น "การรุกรานด้วยอาวุธที่ไม่มีการยั่วยุ" และละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา กัมพูชายืนยันว่าการตอบโต้ของตนเป็นการป้องกันตนเองภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และได้เรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไขแถลงการณ์ร่วมนี้สะท้อนว่าคำเรียกร้องของกัมพูชาในการหยุดยิงได้รับการตอบสนอง นอกจากนี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขข้อพิพาทชายแดนที่ยังค้างคาอยู่ 4 จุด ผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ซึ่งพวกเขาได้แสดงเจตนาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 มิย 2568 โดยประกาศล่วงหน้าว่าจะยอมรับคำตัดสินทั้งหมดของ ICJ การตกลงที่จะรื้อฟื้นการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 4 สค 2568 โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ก็เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการหาทางออกผ่านช่องทางทวิภาคี นัยยะคือ กัมพูชาจะยังคงใช้เวทีระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของตน และพยายามผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างถาวรตามกรอบกฎหมาย
...บทบาทของมาเลเซียในฐานะคนกลาง: มาเลเซีย โดยนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ได้แสดงบทบาทที่สำคัญและเชิงรุกในฐานะคนกลางและประธานอาเซียน การที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ริเริ่มการโทรศัพท์หาฮุน มาเนต และภูมิธรรม เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปะทะชายแดน แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างเร่งด่วนของมาเลเซียในการคลี่คลายวิกฤต การจัดประชุมพิเศษนี้ซึ่งมีทั้งกัมพูชาและไทยเข้าร่วม และได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน ตอกย้ำถึงความสามารถของมาเลเซียในการรวบรวมฝ่ายที่เกี่ยวข้องและอำนวยความสะดวกในการเจรจา บทบาทของมาเลเซียไม่เพียงแต่จำกัดอยู่แค่การเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ยังรวมถึงการเสนอที่จะประสานงานทีมผู้สังเกตการณ์ในพื้นที่เพื่อตรวจสอบการดำเนินการหยุดยิง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม นี่เป็นการเน้นย้ำถึงความพยายามของอาเซียนในการรักษาบทบาทของตนในฐานะ "ผู้แก้ไขปัญหาระดับภูมิภาค" แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในอดีตเกี่ยวกับประสิทธิภาพในวิกฤตอื่นๆ ความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเบื้องต้นนี้จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของมาเลเซียและอาเซียนในการจัดการกับความขัดแย้งภายในภูมิภาค และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของบทบาทคนกลางในการนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียด
...แต่ถ้าคืนนี้ยังไม่หยุดยิง ก็พังทั้งหมดค่ะ รวมถึงมาเลเซียด้วย
.jpg)
https://www.facebook.com/photo?fbid=9724332617668414&set=a.104469196321519